สองพี่น้องชเวพากันเดินออกมาจากโรงพยาบาล และพวกเขาสองคนเอาแต่พูดคุยเรื่องที่ท่านประธานชเวต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคหัวใจ และก็เลขาโดฮยอนก็ออกมายืนคอยและกางร่มรอพวกเขาสองคนอยู่ที่หน้าประตูโรงพยาบาล เพราะฝนที่ตกและท่าทางจะตกหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ และรถตู้ส่วนตัวบริษัทของมินแจก็จอดรอ
" ตายจริง !! " ชเวมินแจหน้าถอดสีจนกระทั้งต้องรีบล้วงเอาโทรศัทพ์จากกระเป๋าเสื้อคลุม
" ฉันลืมจินอู ! ทิ้งไว้ที่กองถ่าย " และชเวมินแจก็หันไปบอกกับเลขามินแทบจะทันที
" ฮัลโลๆ "
" ฮัลโล ๆๆ " ชเวมินแจกดโทรศัพท์ติดต่อคนปลายสายหลายต่อหลายครั้ง และสีหน้ายิ่งกังวลหนักมากขึ้นอยู่เรื่อยๆ
" ฉันไม่ได้ยินเสียงเธอเลย ! "
" สงสัยว่าจินอู ! เธอต้องติดฝนอยู่ที่ไหนสักที !! " แววตาและสีหน้าที่เป็นกังวลของพี่ชายทำพลอยทำให้น้องชายสงสัย
เพราะฉะนั้นในระหว่างที่ชเวมินแจพยายามกดโทรศัพท์ เลขามินก็เลยต้องคอยยื่นมือเข้าไปช่วย
" ถ้ายังไง !"
" ให้ผมช่วยให้คนออกไปตามเธอให้ "
" คุณจินอู !! เธอเป็นผู้หญิงคนสนิทของท่านประธานชเว และก็ท่านรองประธานครับ " และเลขามินที่ยังต้องหันมาอธิบายกับชเวกียุล
" ไม่เป็นไร " ชเวมินแจปฏิเสธ
" อันที่จริง "
" ผมคิดว่าเธอคงไปไหนไม่ได้ไกลจากกองถ่ายหนักหรอก" ชเวมินแจยิ้มๆ แต่ในใจก็อดเป็นห่วงไม่ได้
" อ่อ !! " และเขาเหมือนเพิ่งจะรู้ตัว่า น้องชายของตัวเองคงไม่เข้าใจ
" ฉัน ! มีคน ๆ หนึ่งที่อยากให้นายรู้จัก "
" เอาไว้ ! "
" ฉันจะแนะนำเธอให้นายรู้จัก " ชเวคนพี่ตบไหล่ชเวคนน้องเบาๆ และยังยืนว่าจะแนะนำผู้หญิงคนนี้ให้น้องชายรู้จักแน่ๆ
" แต่ตอนนี้ ฉันคงต้องไปตามหาตัวเธอก่อนนะ "
ชเวมินแจรีบหันไปขอบคุณเลขามินและหันไปบอกลาทุกคน และเขาก็รีบขึ้นรถกลับออกไปจากโรงพยาบาล
แต่ถึงยังไงซะ เลขามินโดฮยอนก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหาทางรองประธาน
" ถ้าหากไม่มีเธอ....." เลขามินที่อดยิ้มออกมาด้วยไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันตัวเองก็พยายามรักษาระยะห่างไม่เข้าไปยืนใกล้ๆ รองประธานมินแจให้มากนัก
" .....พี่ชายของท่านรองประธาน " เลขามินพูดพลางและแอบชำเลืองมองรองประธานไปพลาง
" คงจะลำบาก ! " และพยายามจะอธิบาย
ชเวกียุลที่ได้แต่คิดตามแต่ก็พยายามทำตัวตามสบายเวลาอยู่ต่อหน้าเลขามินโดฮยอน เพราะไม่อยากให้คนที่อยู่ใกล้ชิดรู้สึกอึดอัด
" อย่างนี้เองสินะครับ " เขากำลังพยายามที่จะคล้อยตามเหตุผลของเลขามิน และก็ยังพยายามที่จะคอยมองทุกคนและย้ิม
ละอองฝนที่คอยสาดกระเซ็นบนผิวถนนแคบ ๆ และรั้วกำแพงหินโบราณ ราวกับว่า..สายฝนจะอำพลางสิ่งของบนถนนและทั่วบริเวณนั้นเกือบทั้งหมด
ดวงไฟริมถนนที่ก็พลอยติด ๆ ดับๆ และใบกิงโกะที่ไหลไปตามน้ำฝนบนพื้น ให้ดูเหมือนราวกับว่า..พวกมันกำลังจะจมดิ่งไปในมหาสมุทร และ...ผู้หญิงคนหนึ่งที่แอบนั่งหลบฝนอยู่หน้าประตูพระราชวังเก่าที่ปิดเวลาทำการให้เข้าชม
พัคจินอูที่เอาแต่นั่งกอดเป้สะพายหลังสีดำเอาไว้ให้แน่นมากที่สุดเท่าที่เธอเองจะกอดให้แน่นกว่านี้ได้ เพราะถ้าไม่อยากนั้น " เรื่องราวร้อยแปดพันเก้า " ของตัวเองในโน๊ตบุ้คมีหวังได้อันตธานหายไปแน่ ๆ
" โง่ !! "
" ฉันมันนี่โง่ ๆ ไม่มีที่สิ้นสุดจริง "
เธอที่ได้แต่ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ที่ตอนนี้แบตได้หมดลงจริงๆ สักที ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ชเวกียุลเพิ่งจะโทรมาหาเธอแท้ ๆ
ตอนนี้ความหวังเดียวของเธอ ก็คือ ใครสักคนที่มารับกลับบ้าน
" โอ้ยยยย " แลเธอที่เอาแต่บ่น ๆ
" รู้งี้นะ !! "
" ฉันมาพรุ่งนี้ซะก็ดี " เสียงถอดถอนหายใจปน ๆ กับเสียงบ่นอุบอิบดังอยู่หน้าประตูพระราชวังที่ปิด และผมเผ้าของเธอที่ถูกน้ำฝนกระเซ็นจนเกือบจะเปียกชุ่ม แต่แล้วสายตาของเธอเหมือนชำเลืองมองเห็นอะไรบางสิ่งบางอย่างอยู่ใกล้ๆ ทางซ้าย...
" จริงดิ !!! " แววตาเริ่มมีความหวังของเธอ
สายตาของเธอที่มองไปเห็นต้นกิงโกะต้นผอมแห้งแรงน้อยกว่าใครเพื่อน และต้นกิงโกะที่เธออยากซะเหลือเกิน....
....อยากจะที่จะให้มันผลัดใบแทบ...ทั้งต้น
ต้นกิงโกะสีเหลืองทองเมื่อยามเย็น ตอนนี้มันกำลังถูกสายฝนลิดรอนกิ่ง ก้าน และใบอย่างช้า ๆ ภาพเหล่านั้นมันกำลังให้เธอมีความสุข
พัคจินอูยิ้มกว้างและหันมองต้นกิงโกะคู่นั่นและคิด และยังคงคอยแอบยิ้มให้กับความคิดของตัวเองไปพลางๆ ว่า นานมาแล้วสักหนึ่งพันกับอีกหนึ่งปีเห็นจะได้ หนุ่มสาววัยกระเตาะในชุดผ้าไหมโบราณแสนสวย ชุดผ้าไหมโบราณสีฟ้าๆ และสีเขียวดั่งมรกตต้องแสงแดดยามเย็น ๆ ที่พวกเขาสองคนออกมานัดเจอกันใต้ต้น
" กิงโกะ..คู่นี้ "
บุรุษหนุ่มในชุดสีฟ้าออกครามเข้มที่บ่งบอกถึงฐานะคนชั้นสูงสุด และสตรีสาววัยไม่เกินสิบสี่ที่วิ่งไล่ตามหนุ่มคนรักใต้ต้นกิงโกะจน...กระโปรงสีเขียวดูโปร่งแสงเมื่อต้องแสงแดดยามเย็น
และอีกครั้ง....ที่ หญิงสาววัยไม่เกินยี่สิบสองใส่ชุดกระโปรงสีเดิม ๆ หล่อนได้แต่คอยอกมาชะเง้อคอคอยมอง..หนุ่มคนรักคนเดิมที่หายหน้า
...หญิงสาวที่รอแล้วรอเล่า คนรักที่ไม่มีวี่แววจะหวนกลับบ้านเกิดเมืองนอน และแม้หล่อนที่ยอมสละให้ได้แม้แต่ชีวิต
....อยู่มาวันหนึ่งหล่อนได้ถือเชือกมาหาต้นกิงโกะ
ชั่วอึดใจเดียวในขณะสภาพของหล่อนใกล้ตาย....ภาพสุดท้ายที่เห็นเบื้องหน้าก่อนสิ้นใจ ชายหนุ่มอันเป็นที่รักก็เดินใกล้ๆ ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ในสภาพชุดเกราะอันแข่งแกร่ง แต่ว่า
แต่ทว่า....บุรุษก็เอื้อมมือคว้าชีวิตคนรักของเขาไว้ไม่ทันซะแล้ว "
เธอใช้มือปาดเช็ดบริเวณดวงตาและแก้มสองข้างที่เปียก และเพียงวูบเดียวในขณะที่เธอจะหันหลังให้ต้นกิงโกะ จู่ๆ ก็มีรถยนต์สีดำขับผ่านเธอไปอย่างรวดเร็วจนทำให้น้ำฝนที่พื้นถนนสาดกระเซ็นเข้าหา
หืมมม..
เธอถอดถอนหายใจยาวๆ และกอดปกป้องกระเป๋าเป้ใบนั่นเอาไว้ และก็ไม่ได้โทษโกรธรถยนต์คันนั้นที่ทำน้ำกระเซ็นใส่เธอ
แต่เธอทำแค่เพียงใช้หางตามองตามรถคันนั้นไปก็เท่านั้น และจากสีหน้าปกติ ๆ ของเธอก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว
รถยนต์ซีดานคันสีดำที่ค่อย ๆ ชะลดและจอดบริเวณริมรั้วกำแพงโบราณเก่าๆ และที่ฝั่งตรงข้ามถนนก็มีต้นกิงโก๊ะเรียงราย
คนขับรถขยับกระจกมองหลังและกวาดสายตามองหาผู้หญิงที่ยืนกอดกระเป๋าตัวสั่นๆ จนต้องรีบตัดสินใจเปิดประตูรถลงมา
"นี่ ! เธอ !! "
" มายืนทำอะไรอยู่แถวนี้ !! " เสียงตะโกนของผู้ชายที่คอยวิ่งท่ามกลางสายฝน
"นั่น.... !!! " พัคจินอูรีบหันหลังกลับไปมอง
" ที่ตรงนี้ ! มันอันตรายจะตายไป ไม่รู้หรือยังไง !!! " ชเวกียุลกลับโผล่มาจากรถยนต์คันนั้น มิหนำซ้ำเขายังรีบวิ่งเข้ามายืนอยู่ใกล้ๆ และทำหน้าหงุดหงิดใส่เธอเลยด้วย
" ขึ้นรถ ! " และเขาเอาแต่สั่งให้เธอทำตามที่เขาบอก
" นี่ ! นาย !!! " แต่มันก็ยิ่งสร้างความแปลกใจให้กับเธอ และตัวก็ยิ่งสั่นเพิ่มขึ้นด้วย
" แล้วนายมาทำอะไรตรงนี้ ! "
" ไม่ใช่สิ ! "
" นายมาที่นี้ได้ยังไง !! " เธอหันไปมองทั้งรถทั้งเขา และก็หน้าของเขา แล้วก็เสื้อผ้าชุดสูทราคาแพงของเขาที่เปียก
" ขึ้นรถ !! " แต่ว่าตอนนี้เขาก็เอาแต่ออกคำสั่ง
" ทำไม !! " เพราะฉะนั้นเธอถึงได้มองหน้าเขาไปๆ มาๆ ด้วยความไม่เข้าใจไม่มีที่สิ้นสุด ว่าเพราะอะไรเขาถึงโผล่มา แต่ว่าเขาก็ไม่คิดที่จะฟังเธอ
เขาพยายายามเข้าหาและก็ยังจะคอยลากแขนของเธอให้กลับไปที่รถพร้อมกัน
" นี่นาย ! " เธอร้องด้วยความตกใจ และพยายามจะสะบัดแขนหนีให้หลุดจากเขาให้ได้ก่อน
" นี่นาย ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ! "
" ฉันเดินเองได้ ! ปล่อยฉันนะ !! " เธอพยายามสะบัดให้หลุด แต่ว่ามือของเขาก็ยิ่งจับแขนของเธอแรงขึ้น จนเธอถูกเขากระชากพาไปที่รถคันนั้น
เขาเปิดประตูรถอย่างรีบร้อนและพยายามทีจับเธอนั่ง และพยายาที่จะควานหาเข็มขัดนิรภัยเพื่อที่จีบตรึงเธอไว้กับเบาะ
" ไม่ต้อง !!! " เธอร้องห้าม ในขณะที่ตัวของเขาแทบจะโถมเข้ามาทับตัวเธอได้ !
" ฉันทำเองได้ ! " เธอห้ามอีกทีและรีบเบือนหน้าห่างๆ กัน เพราะตอนนี้หน้าของคนๆ นั้นก็แทบจะหายใจรถปลายจมูกของเธอเข้าอยู่แล้ว
แต่ว่าเขาก็ยอมถอยห่างออกจากเธอมาอย่างง่ายดาย และหันหลังรีบเดินกลับเข้าไปขึ้นรถและขับรถออกจากบริเวณพระราชวังเก่าทันที
พัคจินอูนั่งเงียบๆ อยู่ที่เบาะนั่งข้างคนขับอยู่เงียบๆ และปล่อยให้ผู้ชายห้องฝั่งตรงกันข้ามขับรถพาเธอไป เธอไม่มีแม้แต่คำถามที่อยากจะถามเขา เพราะว่าตอนที่ผู้ชายห้องฝั่งตรงข้ามพยายามพาเธอมาขึ้นรถของเขา...
เพราะฉะนั้น..เธอเลยได้แต่ตัดสินใจนั่งรถต่อไปอย่างนั้นเงียบๆ และถึงแม้มีบางครั้งเธอก็อาจจะชำเลืองหางตามองไปมองที่เขา
" แถวนี้มีคาเฟ่อยู่ใกล้ๆ " เขาพยายามที่จะอธิบาย
" ผมจะส่งคุณที่นั่น " เพราะเขาก็ไม่อยากให้เธอนั่งรถไปจนถึงอพาร์ตเมนท์ของพวกเขาสักเท่าไหร่ในเวลานี้
" ห๊ะ !! " เธอตกใจ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็เปลี่ยนใจ
" อ่อ !! " เพราะฉะนั้นเธอถึงได้พยักหน้าและแอบชำเลืองมองไปที่เขาหลายครั้งต่อหลายครั้ง และเธอเองก็รู้สึกเหมือนผู้ชายฝั่งตรงกันข้ามกำลังทำเหมือนๆ กับเธอ
พอถึงหน้าร้านคาเฟ่แห่งหนึ่ง พัคจินอูรีบเปิดประตูรถลงและผู้ชายห้องฝั่งกันข้ามกับเธอก็ลงมาส่งเธอด้วย
"พอดี...." และเขาก็กำลังทำหน้านึกๆ ว่าจะต้องแก้ออกไปว่ายังไง
" ผมนึกขึ้นได้ว่า ...ผมมีธุระต้องไปทำ " เขาแก้ต่างให้ตัวเองจนได้ และยังพยายามจะหันหลังกลับไปขึ้นรถให้ไวที่สุด
" ขอบคุณ " เธอขอบคุณเบาๆ แต่ก็คงดังพอที่ผู้ชายคนนั้นจะได้ยินมัน และเขาก็ได้ยินมันจริง ๆ
" ถึงยังไงซะ ! " และดูท่าทางของเขาที่ยังไม่ค่อยคุ้นชินกันเท่าไหร่
" เราก็เป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว"
" ใช่ไหม !! " เขาพยายามที่จะยิ้มให้เธอ และก็เธอก็เหมือนจะหันมายิ้มให้เขาด้วย
" ขอบคุณมาก " เธอบอกขอบคุณคนๆ นั้นอีกครั้ง
" ถ้ามีอะไรที่...ฉัน " และเธอก็ยังพยายามคิดที่จะตอบแทนเขาด้วย
" พอจะทำให้คุณได้....หรือว่า " แต่ว่าพอมาถึงคราวนี้เธอกลับมองสบตาของเขาไม่สนิทใจนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามจะฝืน
" ตอบแทน ! ได้ "
" ฉันสัญญาว่า ฉันจะรีบทำให้คุณทันที " เธอขอบคุณเขาอย่างซาบซึ้งใจ และมองเขาหันหลังจากเธอไปช้า ๆ
เธอมองผู้ชายห้องฝั่งตรงกันข้ามขับรถออกไปอย่างช้าๆ มิหนำซ้ำ..สายฝนก็เหมือนกำลังเล่นละครตบตาเธอหรือกะไร
สายฝนที่เคยกระหน่ำเมื่อตอนหัวค่ำหมดไปพร้อมๆ กับคนๆ นั้นที่เพิ่งจากไป เธอพลันหวนคิดถึงตอนที่เขาสัมผัสมือของเธอเมื่อตอนเจอกันตอนครั้งแรกตอนขึ้นลิฟต์ และมาถึงตอนนี้คน ๆ นั้นได้สัมผัสจับมือของเธอเข้าอีกแล้ว
นี่จะบังเอิญ หรือเปล่านะ !
ชเวกียุล ขับรถเคลื่อนออกไปจากร้านคาเฟ่ และตอนนี้เขาก็ได้แต่ชำเลืองมองกระจกหลังแทบจะตลอด
ชเวมินแจกำลังคอยช่วยถือเป้สะพายสีดำที่ยังแห้งสนิทคอยเดินตามพัคจินอูกลับไปที่ห้องอพาร์ทเมนต์ของเธอ
" พี่กำลังคิดว่า " เขาพลางพูดและเดินตามพัคจินอูไปเรื่อยๆ
" พี่คงต้องหาคนขับรถให้เธอจริงๆ จัง ๆ ซะแล้ว " และยังจะบ่นตามเธอไปเรื่อยๆ แต่พัคจินอูก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินจ้ำ ๆ กลับไปที่ห้องของเธอเร็ว ๆ
" ไม่ต้องลำบากพี่หรอกค่ะ" มิหนำซ้ำเธอยังคอยปฏิเสธซ้ำ ๆ
" อีกอย่าง "
" ใช้ว่าโลกใบนี้ "
" จะไม่มีรถเมล์ รถแท็กซี่ให้ใช้บริการสักหน่อย " เธอยิ้มๆ และหยอกเขากลับบ้าง
ว่าแต่ เขาที่ได้แต่พยายามที่จะส่ายหน้าและคอยเดินตาม จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่ประตูห้องของเธอ
" จนป่านนี้ ! "
"พี่ก็ยังไม่เข้าใจเธอเลยสักนิด จินอู !! "เขาบ่นเธออีกครั้ง
" ว่าทำไม ! "
" เธอถึงไม่ยอมหัดขับรถสักที หรือไม่ "
" ก็หาคนขับรถให้สักที "
" เธอรู้หรือเปล่า ว่าพี่เป็นห่วงเธอมากแค่ไหนกัน ! " และเขาแสดงสีหน้ากังวลจริงๆ ให้พัคจินอูเห็น แต่ถึงยังไงเธอก็เอาแต่ปฏิเสธ
" พี่ค่ะ "
" ไม่ใช่ว่า ฉันไม่อยากจะมีรถเป็นของตัวเองสักหน่อย " คราวนี้เธอที่เป็นฝ่ายหันมายืนและสบตากับชเวมินแจอย่างจริงจังบ้าง
และมินแจที่มองตอบ
" แล้วทำไม ! เธอถึงชอบทำให้ตัวเองลำบากอยู่เรื่อย "
" เห้อ.....ยายพัคจินอู "
" เธอนี่มัน ! จริง ๆ เลย "
" เธอต้องทำให้พี่ลำบากแค่ไหน เธอถึงจะพอใจนะห๊ะ " ชเวมินแจบ่นอุบอุบ
" ถ้าวันนี้ฉันติดถ่ายหนัง ถ่ายละคร เธอจะทำยังไง "
ชเวมินแจยืนทำหน้าเซ็งๆ และพยายามจะยกเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาอ้างกับพัคจินอู แต่ว่าเธอก็เหมือนคอยแต่จะปฏิเสธความหวังดีของเขาอยู่เรื่อย
" ฉันก็จะโทรเรียกแท็กซี่ไงค่ะ" เธอแกล้งพูดเล่นด้วย
" เอาเถอะๆ " และชเวมินแจผงกหัว
" ถึงยังไงฉันก็จะหาวิธีอื่น"
" แต่ว่า...." และพยายามกวาดสายตามองไปที่เสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนน้ำฝนและก็สภาพที่ดูไม่จืดของพัคจินอู
" ตอนนี้ "
" เธอรีบกลับเข้าไปอาบน้ำ แล้วก็หายากินกันไว้จะดีกว่า " เขายิ้มๆ และแสดงท่าทีที่เป็นห่วงเป็นใย
"ค่ะ ๆ รู้แล้ว " เธอบอกและกำลังจะหันกลับไปเปิดประตู แต่ทว่าจู่ๆ ประตูห้องตรงกันข้ามก็ดันเปิดออกมาพอดี พวกเธอเธอถึงกับต้องรีบหันควับกลับไปพร้อมกัน
" กียุล !! นี่นาย !!! " ชเวมินแจที่หันกลับไปเจอน้องชายตัวเองที่จู่ๆ ก็โผล่มา
" ไม่น่าเชื่อ !! "
" ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ "
ชเวมินแจสีหน้าระรื่นที่ได้เห็นน้องตัวเองเข้ามาอยู่ที่นี้ เพราะฉะนั้นเขาก็เลยต้องพาสองคนมาทำความรู้จักกัน แต่ว่าสีหน้าคร่าตาของเจ้าของห้องทั้งคู่กลับมีสีหน้าที่เฉย ๆ
" นี่ ! " เพราะฉะนั้นมินแจก็เลยต้องรีบหันมาทำลายบรรยากาศหม่น ๆ แปลก ๆ
" ชเวกียุล น้องชายแท้ ๆ "
" ที่พี่เคยเล่าให้เธอฟังบ่อย ๆ ยังไงละ " มินแจหันไปบอกพัคจินอูและทำท่าทางตื่นเต้นเมื่อหันไปแนะนำอีกฝ่าย
" แล้วก็นี่ "
" พัคจินอู " มินแจยิ้มและหันไปมองพัคจินอูอีกที
"เห้อ.....ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ สินะ " มินแจเอาแต่ดีใจยกใหญ่ และส่วนพวกคนสองคนที่เหลือก็เหมือนจะเฉยๆ
"ฮัด..ชิ้วๆๆ" เสียงจามติดๆ กันส่งเสียงดังไปทั่วทั้งห้องนอน
มิหนำซ้ำกองกระดาษทิชชูเป็นกล่องๆ ก็ยางวางระเกะระกะอยู่บนที่นอนสีขาวจนแทบจะแยกไม่ออกอยู่แล้วว่า อันไหนขยะ อันไหนฟูกที่นอนกันแน่
พัคิจินอูผลุดนอนผลุดนั่งอยู่บนเตียง เพระน้ำมูกที่ไหลแทบจะเจิ่งนองท่วมเตียงเธอให้ได้ และตก็เหมือนจะรู้สึกครั้งเนื้อครั้นตัวอย่างบอกไม่ถูก และพอเอื้อมมือจะไปหยิบกล่องกระดาษทิชชู
ตุบ
เธอถึงกับรีบโยนกล่องเปล่าลงข้างเตียง
ฮึบบ !
เธอที่พยายามผ่อนลมหายใจเข้า ๆ ออก เพื่อที่จะประคองร่างอันแสนอิดโรยที่เคยปะทะกับสายฝนซัดกระเซ็นกระหนำตั้งแต่หัวค่ำๆ จรดค่ำ ๆ เกือบๆ สองชั่วโมงที่เธอต้องทนนั่งกอดเข่าเจ่าจุกอยู่ตรงหน้าประตูพระราชวังเก่า
แต่เธอก็ยังจะอุตส่าห์พยายามที่จะลุกขึ้นจากที่นอน และคอยกวาดสายตาควานหากล่องยาปฐมพยาบาล พอเธอลุกขึ้นจากเตียง แต่ดูเหมือนพิษไข้ทำให้เธอต้องคอยก้าวเท้าลงมาจากเตียงอย่างช้าๆ และก้าวอย่างระมัดระวังและเชื่องช้าจนถึงชั้นตู้เก็บของบริเวณครัว และพยายามควานหากระปุกยาแก้ไข้ และรีบเปิดมันออกมา แต่ข้างในกระปุกกลับว่างเปล่า
ติ๋ง...ต๋อง !!
เสียงกริ๋งประตูห้องที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นกลางดึงถึงต้องหันกลับไปละเดินไปที่ประตู
" ใครค่ะ " เธอได้แต่สงสัยเพราะที่หน้าจอมอร์นิเตอร์กลับไม่มีใครยืนอยู่ที่หน้าห้องของเธอเลยสักคน จนมันทำให้เธอเริ่มแปลกใจและเกิดความกลัวขึ้นมานิด ๆ
แต่ว่าเธอที่กำลังจะผละออกจากประตู
ติ๊ง ต๋อง !!
เสียงกริ๋งที่ดังขึ้นมาอีกครั้งแล้ว และเธอถึงได้รีบหันไปเปิด และผู้ชายห้องตรงข้ามที่สวมชุดนอน !!!
" รับยานี่ไป !! " น้องชายของกียุลกำลังถือถุงยายื่นให้เธอ
"ค่ะ ! "
แต่ว่าเธอที่ยืนทำหน้าตาไม่ถูกกันไปเลยและยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ในเมื่อที่จู่ๆ ผู้ชายห้องตรงข้ามอุตส่าห์เอายามาให้ตอนดึก ๆ ดื่นๆ แบบนี้ด้วย
ชเวกียุลที่พอเห็นเธอทำตัวไม่ถูกและดูท่าทางสงสัยในตัวเขา เพราะฉะนั้นเขาก็เลยเดินเข้าไปและรีบยัดถุงยาใส่มือให้อย่างรีบเร่ง
" นี่นาย!! " พัคจินอูยืนตัวเกร็งแข็งทื่อไปหมด ! และเขาที่ยังคอยเอาแต่จ้องไปที่เธอ
" สภาพตอนที่เธอกลับมาที่นี้ " เขามัวแต่จ้อง
" ดูก็รู้ว่าไม่น่าจะไหว ! " และส่ายหน้าไป ๆมา ๆ ให้
" กินยานี่ และก็รีบนอนซะ " เขาย้ำและกำลังหันหลังกลับ
" อืม ! " จู่ๆ เขาที่นึกขึ้นมาได้ตอนที่ยัดยาใส่มือเธอเมื่อกี้เลยต้องรีบหันกลับไป
" ถ้าจะให้ดี.....หาผ้าชุบน้ำอุ่นๆ คอยประคบที่คอหรือหน้าผากเอาไว้ "
" อาการของคุณก็จะดีขึ้นเอง " เขาอธิบาย
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะเธอก็ยังยืนตัวแข็งๆ อาจจะเพราะรู้สึกไม่คุ้นชิน และรู้สึกแปลกๆ
" ขอบ ! ขอบคุณ ! " เธอคุยกับเขาแบบไม่สบสายตา แต่ก็ยอมรับของมาถือไว้และกำมันไว้จนแน่นที่สุด
เธอพยายามจะยืนมองผู้ชายๆ ห้องตรงข้ามเดินกลับไปที่ห้องของเขา และจนกระทั่งเขาปิดประตูห้องไป
ปัง !
เธอรีบพุ่งไปปิดประตูห้องตัวเองทันทีและรีบพิงมันไว้ เธอทำราวอย่างกับว่าจะมีใครเข้ามาพังประตูห้องตัวเองอย่างไงอย่างงั้น และความคิดที่แวบหนึ่งที่พุ่งขึ้นอยู่ในหัวของเธอทำให้เธอตั้งตัวเอาไม่ติดเลยทีเดียว
" ไม่จริงมั้ง !! " เธออุทาน !
" บ้าไปแล้ว ! "
" สติ !! พัค ! จิน ! อู !! " เธอบ่นพึมพำพอนึกถึงเรื่องของผู้ชายห้องตรงข้าม !!
" สติ !! "
แต่ถึงยังไงซะเธอก็ได้พยายามที่จะสงบสติอารมณ์และพยายามจะไม่นึกถึงตอนที่ผู้ชายห้องตรงข้ามสัมผัสมือเธอขึ้นมาอีก
เธอที่พยายามดึงสติกลับมาเป็นพัคจินอูคนปัจจุบันให้ได้ ! และมิหนำซ้ำเธอก็ยังจะรีบเดินๆ กลับเข้าไปและเทยาพวกนั้นออกมาจากถุงและหยิบกลืนๆ พวกมันลงไปซะ !!
แต่ว่าเขาที่พอปิดประตูห้องและที่ต้องกลับเข้ามายืนพิงประตูห้องของตัวเอง และจนเผลอรอยยิ้มขึ้นมาก็ตอนที่นึกถึงหน้าของพัคจินอูตัวเปียกปอนเบอร์นั้น
บริเวณประตูทางเข้าของตึกรูปทรงเป็นวงกลมที่ทันสมัย และสร้างถนนเป็นวงเวียนรอบล้อมแท่นน้ำผุดทรงสี่เหลี่ยมลดหลั่นกันถึงสามชั้นทำจากหินอ่อนสีธรรมชาติ และอ่างรูปทรงสามเหลี่ยมสีเดียวกันขนาดใหญ่ที่รอบแท่นน้ำผุด และกำลังมีรถคาดิแลคสีดำเคลื่อนเข้ามาบริเวณวงเวียนรอบน้ำผุดและก็ลดกระจกฝั่งผู้โดยสารฝั่งขวาลงเล็กน้อยและมองออกไปที่กลุ่มผู้คนที่ยืนถือป้ายประท้วงอยู่หน้าสำนักงานใหม่และโรงพยายาลของ MD Pharmacy & Hospital Center
ข้อความบนป้ายประท้วงนับสิบ ๆ ป้าย ต่างเขียนข้อความเรียกร้องให้ศูนย์อาหารและศูนย์การค้าภายในโรงพยาบาลแห่งใหม่ของเอ็มดีเปิดโอกาศให้คนในชุมชน มีส่วนร่วมในการเป็นผู้ประมูลสถานที่จัดจำหน่ายสินค้าและอาหารของคนในพื้นที่ และไม่ต้องการให้แบรนด์การตลาดใหญ่ ๆ ผูกขาดสถานที่ที่จะเป็นศูนย์รวมการแพทย์และเภสัชกรรมแห่งใหม่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่นี้
ผู้นำชุมชนและกลุ่มคนในพื้นที่นับหลายสิบคนที่ต่างพากันยืนชูป้ายและตะโกนเรียกร้องของบริษัทยายักษ์ใหญ่ที่เคยให้สัญญากับพวกเขาก่อนที่จะเข้ามาในพื้นที่ให้ยอมทำตามที่เคยรับปากกับพวกตน
" เราต้องการพื้นที่ขายของ ๆ พวกเรา !!! "
" ท่านประธาน MD !! เคยรับปากว่าจะช่วยพวกเรา พวกชาวบ้านได้ค้าขายในตึกใหญ่ ๆ ของพวกเขา "
" แต่พอเอาเข้าจริง !!! "
" พวกเราก็ถูกหลอกจนได้ !!! "
" ประธาน MD ไอ้คนขี้โกหก !!! " เสียงตะโกนโห่ร้องต่อว่าประธานบริษัทเอ็มดีดังขึ้นอย่างต่อเนื่องที่หน้าบริษัท
รถคาดิแลคสีดำที่ค่อยๆ เคลื่อนและขับมาจอดที่หน้าประตูบริษัท และทีมรักษาความปลอดภัยของบริษัทที่รีบออกมาเปิดประตูให้กับคนที่เขาว่ากันว่าจะมาเป็นรองประธานเอ็มดีฟาร์มาซีคนใหม่ที่กำลังมาถึง
ชเวกียุลที่ก้าวลงจากรถและก็เดินตรงเข้าไปหากลุ่มผู้ชุมนุมที่หน้าทางเข้าบริษัทแทบจะทันที เขาโค้งคำนับให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมหน้าบริษัทอย่างอ่อนน้อม และก็รับปากพวกเขาด้วยความจริงใจ
"ขอโทษที่ทำให้ทุกคนรอ ครับ " เขาโค้งเพื่อแสดงความจริงใจ แต่บรรดาพวกที่มาชุมนุมกลับแปลกใจและสงสัยว่า คนๆ นี้ไม่ใช่ประธานของ MD
" ว่าแต่ คุณเป็นใคร " ผู้หญิงวัยน่าจะห้าสิบปลายๆ ที่ยืนอยู่แถวหน้าสุดของการประท้วงได้ออกมาเผชิญหน้า
" เราไม่คุยกับใครทั้งนั้น นอกจากประธานชเวมินจุนเท่านั้น" ผู้หญิงคนเดินทำหน้าตาขึงขังใส่เขา แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ยังพยายามที่จะเข้าหาเพื่อเจรจาอย่างสุภาพ
" ผม เป็นรองประธานคนของ MD " และกำลังแนะนำตัวเอง
" ต่อจากนี้ "
" ผมจะเป็นผู้ดูแลที่นี้ ! ทั้งหมดครับ" เขายังยืนเจรจาอย่างสุภาพ
แต่ดูเหมือนท่าทางพวกของผู้หญิงคนนั้นที่มีทั้งคนรุ่นราวเดียวกันกับเธอทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ทุก ๆ คนก็ต่างไม่ยอมฟังคำอธิบายเลยสักนิด พวกเขาต่างก็พยายามที่จะฝ่าพวกบอร์ดี้การ์ดของรองประธานคนใหม่ของ MD และพยายามที่จเข้ามาทำร้าย
ตุบ !
เส้นบะหมี่ที่ถูกปาเข้าใส่ที่หน้าของรองประธานคนใหม่ของ MD เข้าเต็มเปา ! ผู้ชุมนุมต่างพากันโห่ร้องด้วยความสะใจ
"หยุดเดี๋ยวนี้ !!! " หัวหน้าฮวังอูชิกตะโกนร้องห้ามมาแต่ไกล และเขาก็ยังรีบไปยืนขวางท่านรองประธานของเขาเอาไว้ และเขายังเข้าไปช่วยหยิบเส้นบะหมี่ที่ติดอยู่ตามเส้นผมของชเวกียุล
" พี่สะใภ้ ! บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าก่อเรื่อง " หัวหน้าฮวังยังหันกลับมาหาผู้หญิงคนที่เพิ่งปาก้อนบะหมี่ออกมา
" ผมห้ามพี่แล้ว ! ทำไมถึงไม่ยอมฟังกันบ้าง ปั้ดโถ่!! " หัวหน้าฮวังบ่นพึมพำหัวเสียต่อหน้าพี่สาว แต่พี่สาวของเขากลับเสียงแข็ง
" ฉันก่อเรื่องอะไร " พี่สะใภ้ที่หัวหน้าฮวังเรียกยังคอยแต่จะชี้นิ้วด่าเขาและท่านรองประธานฉอด ๆ
" ก็พวกเขารับปากฉันเอง ว่า! "
" จะให้พวกเราเข้าไปขายของในโรงพยาบาลนั่น "
" ทั้งร้านบะหมี่เอ่ย "
" ร้านเนื้อเอ่ย พวกเขาเป็นคนรับปากแท้ ๆ "
" แล้วไหน ! " ยิ่งพูดพวกเธอก็ยิ่งหงุดหงิดจนไม่อยากจะมองหน้าของหัวหน้าฮวัง แต่อยากจะจ้องหน้าของประธาน MD คนหนุ่ม ๆนี้มากกว่า
" ไหนจะร้านหนังสือของแกอีกละห๊า..... !!! " พี่สะใภ้ของหัวหน้าฮวังพูดเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ และท่าทีที่ขึงขังขึ้นทุกที ๆ
" พอได้แล้วนะ พี่ !! " หัวหน้าฮวังพยายามแก้ไขสถานการณ์ และไม่ได้อยากจะทำให้เรืองนี้เกิดปัญหาที่ไม่ได้ต่อบริษัท
" กลับไปก่อน "
" เรื่องนี้ ! ปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกเขาไปจะดีกว่า "
" ถ้าพี่ยังมาเรียกร้อง ยังมาตะโกนด่าท่านประธานอยู่แบบนี้ "
" ก็มีแต่จะสร้างความเข้าใจผิดกันซะเปล่า "
"กลับไปกันก่อนเถอนะ !! " หัวหน้าฮวังพยายามขอร้องให้พวกของพี่สะใภ้ตัวเองกลับกันออกไปจากที่หน้าสำนักงานใหญ่
เพราะฉะนั้นชเวกียุลที่ยืนฟังอยู่ถึงได้เข้าไปช่วย
" ถ้ายังไง เรื่องนี้ "
" ผมจะรีบเข้าไปเจรจากับบอร์ดผู้บริหารให้อีกครั้ง "
" พวกคุณจะว่ายังไงครับ " เขายังพยายามจะประณีประณอมกันให้มากที่สุด แต่ถึงยังไงหัวหน้าฮวังก็รู้สึกลำบากใจมากกว่าใครเพื่อน
พี่สะใภ้ของหัวหน้าฮวังถึงแม้จะไม่ค่อยเชื่อเจ้าหนุ่มคนนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็พยายามจะเออออให้ไปก่อน
" แน่ใจหรือเปล่าที่พูดออกมานะห๊า.. ! " พวกเธอดูสีหน้าไม่มั่นใจ แต่เพราะรองประธานคนใหม่ของที่นี้ดูมีท่าทีที่มั่นอกมั่นใจ
" อย่ามาดีแต่พูดตรงนี้จะดีกว่า "
" เชอะ !! " พวกเธอหันมาค่อนแคะ และก็อดนึกหมั่นไส้ท่าทางนิ่งๆ ขรึม ๆ ของท่านรองประธานคนๆ นี้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะแกล้งตลบตะแลงต่อหน้าพวกเธอไปทำไม
" พอก่อนเถอะน่า " หัวหน้าฮวังเลยต้องยิ่งเข้าไปห้ามไว้
"ว่าที่....รองประธานบอกว่าจะช่วย "
" ก็ลองเชื่อเขาสักหน่อยเถอะนะ กลับไปเถอะ ๆ " หัวหน้าฮวังพยายามไล่พวกเธอออกจากหน้าบริษัทไปให้ได้
" ไม่เป็นไร" ชเวกียุลที่ทนอยู่เฉยๆ ไม่ได้
" อย่าไปบังคับพวกเธอเลย หัวหน้าฮวัง " เขาก็เลยพยายามจะเกลี่ยกล่อมพวกผู้คนที่มาชุมนุมลองดูอีกครั้ง
" เอาเป็นว่า ..ผมรับปาก " และยังพูดอย่างมั่นอกมั่นใจอีกครั้งในฐานะลูกชายของประธานบริษัทนี้ และเพราะท่าทีที่ดูน่าเชื่อถือ
พี่สะใภ้ของหัวหน้าหวังก็เลยต้องปล่อยให้เลยตามเลย
" ก็ได้ ๆๆ " พี่สะใภ้หันไปคุยกับหัวหน้าฮวัง
" ฮวังอูชิก !!! " และยังจะมือไปแตะๆ ที่หัวไหล่ของเขาด้วย
" ฉันว่า...ช่วงนี้ " พี่สะใภ้ของเขาสอดส่ายตาไปๆ มาๆ ระหว่างน้องชาย กับ รองประธานอะไรนี่
" ไหนๆ แกก็จะเลิกเข้าบ่อนแล้ว ฉันว่า "
" แกก็น่าจะกลับมาฟื้นฟูกิจการร้านหนังสือนั่น ให้มันดีกว่านี้ไม่ได้หรือยังไง " คราวนี้พวกเธอดูท่าทางผิดหวังจริง ๆ
" เห้อ...."
" จะให้พูดจริงๆ อะนะ"
" ร้านหนังสือที่เคยรุ่งเรืองของแก ถ้าแกยังอยากจะเก็บมันไว้ "
" ก็ควรเลิกเล่นการพนันพวกนั้น และหันมาตั้งใจเปิดร้านหนังสือในโรงพยายาลที่นี้จะดีกว่า "
"เชอะ !! " ว่าแต่ว่าคราวนี้พวกเธอยังหันไปมองเหยียดๆ กับรองประธานคนใหม่ของ MD ที่ดูท่าทางเอาเรื่องไม่ใช่เล่น ๆ
" มัวแต่มาเป็นคนงานก่อสร้าง รับเงินเดือนกระจอก ๆ แค่นี้ "
" มันจะไปพอยาไส้ได้จริง ๆ หรือเปล่า เหอะ !! "
" พี่ !!! " หัวหน้าฮวังรีบห้ามไม่ให้พี่สาวพูดเกินกว่าเหตุ
" พอเถอะน่า "
" กลับกันไปก่อนจะได้ไหม ขอร้องละ ! " หัวหน้าฮวังพยายามที่จะห้ามแล้วก็ห้ามอีก เพราะเอาจริง ๆ เขาก็แค่ไม่อยากจะตกงาน