ความรู้สึกน่าขนลุกขนพองเกิดขึ้นอย่างทันที ทั้งร่างกาย แขนขาขยับไม่ได้ดั่งใจนึก ความรู้สึกเสียวเย็นที่สันหลังเป็นสัญชาตญาณทำให้รู้สึกถึงความอันตราย ฉันที่พยายามประคับประคองสติหายใจเข้า-ออกอย่างช้าๆ เพื่อที่จะไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติ
...แย่แน่! แบบนี้แย่แน่! หมอนั่นไปทำอะไรที่ไหนอยู่นะ? รีบกลับมาสักที!...
ชายหนึ่งคนในนั้นเดินเข้ามานั่งที่กองไฟร่วมกับทางเซเลน่า พร้อมกับยิ้มมาอย่างเป็นมิตร "ถ้าไม่เป็นการรบกวนพวกกระผมขอนั่งพักด้วยนะครับ อากาศตอนกลางคืนค่อนข้างหนาว ว่าไหม? ทั้งที่ตอนกลางวันออกจะร้อนแท้ ๆ เนอะ! แต่จะว่าไป...พวกเราเคยเจอหน้ากันมาก่อนใช่ไหมครับ?"
" ..." เซเลน่าไม่ได้พูดตอบโต้กลับไป เพียงแต่ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเดียว...
"ก็ตอนนั้นไงที่เจอกันในโรงเตี๊ยมน่ะ จริงสิ! ตอนนั้นคุณดูเหมือนจะเป็นลมเดินโซซัดโซเซจากอาการเหนื่อยล้าด้วยสินะครับ แต่ว่า...คนที่มาด้วยเขาหายไปไหนกัน?" สีหน้าของชายคนนั้นเริ่มเปลี่ยนไป พร้อมกับมีจิตสังหารพุ่งตรงมาที่เซเลน่า
เซเลน่าที่รับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็นพุ่งตรงมา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามนิ่งเงียบอย่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้...
"...."
"ไม่ใช่ว่าคุณ...ฆ่าเขาไปแล้วหรือครับ? ไม่สิ! คงจะใช้เขาเป็นอาหารให้กับสิ่งที่คุณเลี้ยงอยู่แล้วใช่ไหม?" เขาเปลี่ยนโทนเสียงให้ทุ้มต่ำลงและมองด้วยสายตาขวางจ้องเอาชีวิตมาที่เซเลน่า
แรงกดดันนั้นทำเอาเซเลน่าพูดออกมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว "มะ...มะ...ไม่เห็น...จะเข้าใจ...เลย"
"ผมล้อเล่น!" เขากลับมาใช้เสียงที่ดูเป็นมิตรอีกครั้ง "ผู้หญิงที่ร่างกายอ้อนแอ้นอย่างคุณจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปชนะกับชายร่างยักษ์แบบนั้นได้กันล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า!! จริงไหมพวกเรา?"
"ฮ่าฮ่าฮ่า!!!"
เขาและคนที่ติดตามต่างก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ แล้วทันใดนั้นเขาก็หยุดอย่างกะทันหันพร้อมกับหยิบอาวุธที่อยู่ด้านหลังออกมามันมีรูปร่างคล้ายกับกริช ทั้งตัวดาบมีสีเงินดูสวยงาม ตัวดาบคดโค้งไป-มา ปักลงพื้นต่อหน้าต่อตาของเซเลน่า
"ยกเว้นแต่...ถ้าคุณไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาทั่วๆ ไปอะนะ"
เซเลน่าแสดงอาการผวาทันทีที่เห็นดาบเล่มนั้น ตัวเริ่มสั่นหนักขึ้นกว่าเดิม ลมหายใจเองก็หอบถี่ ๆ เสียงหัวใจเต้นตุบ ๆ รัว ๆ ไม่เป็นจังหวะ แต่เธอก็พยายามทำใจดีสู้เสือไม่วิ่งหนีไป ค่อยๆ รวบรวมสติของตัวเองให้คงอยู่ไม่กระโตกกระตาก.
"ตะ...ต้องการอะไร? ขะ...ขอ...พูดไว้ก่อนทางนี้ ไม่มีของมีค่า...อะไรอยู่หรอกนะ"
"เปล่าครับ! เปล่าเลย! พวกเราไม่ได้ต้องการของแบบนั้น เพียงแค่...ช่วยตอบคำถามพวกผมสักข้อ จะได้ไหมครับ?" เขาพูดพร้อมรอยยิ้มที่ซ่อนความโหดร้ายเอาไว้
"ฉะ...ฉันจะตอบ...เท่าที่รู้ แต่...หลังจากนี้ ...ช่วยออกไป...จากที่ตรงนี้ด้วย...เข้าใจไหม?" เซเลน่าพยายามต่อรองกับพวกสเลเยอร์
"ก็ได้ครับ! กระผมชื่อแฮงค์จะยอมทำตามคำขอนั้น และจะออกจากที่นี่อย่างทันที หลังจากที่คุณให้ความร่วมมือ"
เซเลน่าหันไปทางคนอีกสองที่อยู่ข้างตัวของชายที่เรียกตนเองว่า "แฮงค์" ก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า "ละ...แล้ว สะ...สองคนนั้น...ล่ะ?"
"อ๋อ! พวกเขาเป็นผู้ช่วยผม ชื่อคอร์ต้าส่วนอีกคนชื่อทูล่า ถ้าผมไม่ได้สั่งพวกเขาทั้งสองจะไม่ลงมือเด็ดขาด! ฉะนั้นแล้ววางใจได้! ถ้าอย่างนั้น..." แล้วแฮงค์ก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งกางขึ้นต่อหน้าของทางเซเลน่า ก่อนที่จะถามเธอไปว่า... "คุณเคยเห็นสิ่งนี้ไหมครับ?"
บนกระดาษแผ่นเป็นภาพของแผ่นศิลาแผ่นหนึ่ง ที่ดูเหมือนว่าจะมีขนาดเก่าแก่มาก บนศิลามีตัวอักษรสลักอยู่เต็มทั้งแผ่น แต่ถึงอย่างนั้นทางเซเลน่าก็ยังดูไม่ออกอยู่ดีว่าตัวอักษรพวกนั้นมันคืออะไร? มันหมายความว่าอะไร?
"มะ...ไม่เลย....ฉัน...ไม่เคย... หะ...เห็น" เธอส่ายหน้าอย่างทันทีที่เห็นภาพนั้น
"อย่างนั้นหรอครับ น่าเสียดายจริงๆ" สีหน้าของแฮงค์แสดงความเสียดายออกมา และเขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับผู้ช่วยทั้งสองคน แล้วกำลังจะก้าวเดินจากไปจากกองไฟ แต่ในขณะนั้นเองที่ทางแฮงค์ได้พูดขึ้นมาอย่างยิ้มแย้มด้วยน้ำเสียงที่ดีใจว่า...
"เพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วยให้ความร่วมมือ ผมเลย ...มีของขวัญมาให้ด้วยล่ะ!" แล้วเขาก็โยนถุงผ้าใบหนึ่งมาให้ทางเซเลน่า
ทางเซเลน่าไม่ได้ตั้งตัวเลยทำให้รับพลาด ถุงผ้าตกลงพื้นดังตุบ!...ในจังหวะนั้นเองที่ปากถุงก็ได้เปิดออก เผยให้เห็นหัวของคนที่บรรจุอยู่ในนั้น
"...กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!"
เซเลน่าลุกขึ้นอย่างพรวดพลาด ตกใจเผลอกรีดร้องออกไปเสียงดังลั่น สิ่งที่อยู่ในนั้นมันคือหัวของเจ้าของโรงเตี๊ยมที่พวกเธอได้ไปพักเมืองแพริออท ซึ่งในจังหวะนั้นเองที่ทางแฮงค์ได้สั่งให้ผู้ช่วยที่ชื่อคอร์ต้าเข้าทำการกดตัวของเซเลน่าไว้ โดยการเข้าข้างหลังอย่างรวดเร็วพร้อมกับกดศีรษะของเธอลงกับพื้นอย่างแรงจนแทบสลบ...
"นะ...ไหนบอกว่า..."
"ก็จริงผมบอกว่าจะออกจากที่นี่ หลังจากที่คุณให้ความร่วมมือกับผมแต่โดยดี"
"ละ...แล้ว..ไหน...!"
"ตัวคุณนะเป็นพวกนอกรีตใช่ไหมครับ? ผมรู้ตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรกที่โรงแรมแล้ว!"
"พะ...พูดเรื่อง...อะไร อ๊ากกกกกก!!!" ในขณะที่เซเลน่ากำลังตอบกลับไปดูเหมือนว่าทางคอร์ต้าจะกดหัวของเธอแรงขึ้นด้วยเช่นกัน จนทางแฮงค์ต้องเตือนไปว่า...
"ช่วยเบาๆ มือหน่อยสิ! เราจะเป็นต้องใช้หล่อนเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันกับทางโบสถ์นะ!"
"แต่ว่านะลูกพี่ ทำไมเราไม่รีบทำให้มันจบๆไปเลยไม่ดีกว่าหรอ? ยังไงตอนนี้ที่แน่ๆพวกมันก็คงยังไม่สังเกตถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงหรอก..."
"เรื่องนั้นนายไม่ต้องห่วง เพราะอย่างไงพวกมันก็ไม่มีทางรู้ตัว ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายของมัน ข้ามั่นใจได้ดีเลย...!"
"เข้าใจแล้วครับ!" คอร์ต้าเลียริมฝีปากของตัวเองให้ความรู้สึกโรคจิต
แล้วแฮงค์ก็หันกลับมาคุยกับทางเซเลน่าที่ถูกจับกดกับพื้นด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มและเป็นมิตรแบบเดิม
"ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มเรื่องของเรากันดีกว่า ที่ผมรู้ได้ก็เพราะว่าในตอนครั้งแรกที่เข้าไปในโรงเตี๊ยมครั้งแรกนั่น ...มันมีเพียงแค่คุณกับเจ้าของเท่านั้นที่มีอาการแสดงออกมาอย่างชัดเจน อาวุธที่ผมได้รับมามันมีความสามารถในการแยกแยะระหว่างคนธรรมดากับพวกนอกรีตอยู่ แต่ก็ได้แค่แยกแยะเท่านั้นแหละ..." ในขณะที่เซเลน่าก็กำลังหาวิธีในการหลบหนีทางนั้นเองก็ยังคงพูดพล่ามไปเรื่อย เหมือนไม่ได้กังวลอะไร
"แต่ที่ตัวผมกังวลนั้นคือชายที่อาศัยอยู่กับคุณ ถ้าเขาเป็นพวกนอกรีตจริงๆ ถ้างั้นทำไมตัวเขานั้นถึงไม่มีอาการใดๆ อออกมา...
....ช่างเถอะ! ตัวผมนั้นไม่สามารถใช้อาวุธชิ้นนี้ในการสังหารคุณได้ เพราะไม่ค่อยอยากจะให้เลอะเลือดพวกนอกรีตสักเท่าไหร่ เดี๋ยว...ความศักดิ์สิทธิ์ที่สั่งสมมามันจะหายไปเสียเปล่า เฮ้ย! ทูล่าเอาดาบเล่มอื่นมา!" เขาหันหลังกลับไปสั่งทางผู้ช่วยอีกคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง
"ครับ!" ทูล่าวิ่งมาพร้อมกับยื่นดาบให้กับทางแฮงค์
"ใจจริงผมค่อนข้างถูกใจคุณด้วยซ้ำ แต่ว่าไม่อยากจะเสี่ยงไม่มากกว่านี้แล้ว ไม่ต้องห่วง...ผมจะตัดให้มันออกมาอย่างบรรจงและสวยที่สุดเลย"
ในจังหวะที่กำลังจะโดนตัดหัวนั้น...เซเลน่าใช้แรงเฮือก! สุดท้ายทำการปาเศษดินทรายใส่ทางแฮงค์
"แม่งเอ๊ย!!!" เศษฝุ่นผงเข้าตาจนทำให้เขาสูญเสียวิสัยทัศน์ในการมองเห็นชั่วคราว และในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจอยู่นั้นเอง เธอรีบใช้โอกาสนั้นคว้าแท่งไม้ที่กำลังติดไฟจี้ไปที่ใบหน้าของทางคอร์ต้า
"อ๊ากกกกกกกก! อี...นี่!"
เซเลน่ารีบใช้โอกาสนั้นวิ่งหลบหนีเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว ในใจตอนนี้เธอคิดได้เพียงแค่อย่างเดียว หาแมม่อนให้เจอพร้อมกับหนีพวกสเลเยอร์ให้ไกลที่สุด ซึ่งทางที่เธอวิ่งไปนั้นก็เป็นทางเดียวกับที่แมม่อนได้เดินเข้าไปหาอาหารก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน เธอวิ่งโดยที่ไม่คิดชีวิตถึงแม้ว่าจะอยู่ในสภาพที่เท้าของตนเองเปลือยเปล่า วิ่งผ่านเข้าลึกลงไปเรื่อยๆจนกระทั่ง เท้าของเธอเหมือนจะมีอะไรบางอย่างรัดที่ข้อเท้า
"ออกสักทีสิ!" เธอเองก็พยายามที่จะแกะมันออกแต่ว่ามือของเธอกลับได้รับบาดแผลเกิดเลือดไหลออกมาเสียเอง
ใยจังหวะนั้นไม่นานนักตัวของเซเลน่าก็เริ่มถูกแรงอันมหาศาลดึงตัวเธอกลับไป ด้วยแรงดึงนั้นทำให้ตัวเธอนั้นถูกลากไปกับพื้นดินราวกับเป็นหมูหมา ทำให้ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผลและเสื้อผ้าขาดลุ่ย
จากนั้นเซเลน่าก็มาถึงจุดที่ทางสเลเยอร์อยู่กันสามคนก่อนหน้านี้ในสภาพที่เธอถูกแขวนให้ห้อยหัวลงพาดอยู่กับต้นไม้
"สวัสดี...ไม่ได้เจอกันชั่วครู่เดียวดูสภาพโทรมไปเยอะเลยนะครับ" เสียงพูดทักทายของแฮงค์พูดกับเซเลน่าอย่างเป็นมิตร
ในตอนนั้นเองเซเลน่าก็ได้รู้ว่าสิ่งที่รัดข้อขาของเธอและดึงตัวเธอกลับมานั่นคือกริชที่ยืดยาวราวกับเชือกนั่นเอง...
"ตกใจหรือเปล่าครับ? นี่แหละเป็นอาวุธเฉพาะของผม นอกจากจะหาตัวคนนอกรีตได้แล้ว ยังสามารถใช้สู้ได้ทั้งระยะใกล้และไกลอีก ผมนี่ช่างไร้เทียมทานจริงๆ ว่าไหม!" แฮงค์เดินเข้าไปใกล้ทางเซเลน่า เขาสังเกตเห็นทั่วทั้งตัวของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลถลอก เขาเห็นว่าตรงข้างขาที่ถูกรัดเอาไว้นั้นก็เริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาเปื้อนอาวุธ เขาพยายามสงบสติอารมณ์ ก่อนจะพูดอย่างยิ้มแย้มไปอีกว่า...
"เฮ้อ~! ให้ตายสิ! อาวุธผมเลอะเลือดคุณหมดเลยแต่ก็ช่างเถอะ! ผมจะไม่โทษคุณที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ ผมให้อภัยทั้งหมดเลยเพราะว่าผมใจดีอย่างไงล่ะ! แต่ว่า...ทางเขานั้นไม่รู้จะว่ายังไง?" แล้วแฮงค์เดินหลีกออกไป...
ทันใดนั้นคอร์ต้าก็เข้ามาด้วยท่าทางที่โกรธจัด เขากระหน่ำต่อยที่ท้องของเซเลน่านับครั้งไม่ถ้วน "อีเวรนี่! แกกล้า...! ทำแบบนี้กับฉันได้นะ....!" เขากระหน่ำหมัดไปเรื่อยๆจนทางเซเลน่านั้นกระอักเลือดออกมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่หยุดที่จะสาวหมัดอยู่ดี "อย่าคิดว่าฉันจะหยุดอยู่แค่นี้นะ! ฉันจะชัดไปเรื่อยจนกว่าแกจะตายเลย!"
ทางเซเลน่าที่ได้รับบาดเจ็บจนแม้แต่แรงจะต่อต้านก็แทบจะไม่มี สติเองก็เริ่มค่อยๆเลือนรางออกไปทีละนิด...ทีละนิด...แล้วเธอนั้นก็ได้หมดสติลงไป......
...
...
...นึกถึงสมัยที่เป็นเด็ก ในคืนที่นอนฝันร้ายจนร้องไห้ ท่านแม่มักจะให้ฉันนอนหนุนตักและอ่านหนังสือให้ฟังจนกว่าจะหลับ ในระหว่างนั้นท่านก็จะลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยนไปพลางๆ มันช่างมีความสุขเหลือเกิน สัมผัสอันอบอุ่นที่ได้รับผ่านมือท่านแม่ ความรู้สึกที่ได้หนุนตัก ช่างน่าคิดถึงเหลือเกิน... อยากสักครั้ง...อยากจะทำแบบนั้น อีกสักครั้งจัง....
...
...
เซเลน่าลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเธอเองนั้นได้นอนห่มผ้าใกล้ๆ กับกองไฟเสียแล้ว เธอพยุงร่างกายลุกขึ้นแล้วค่อยมองไปรอบๆอย่างช้าๆ ก็เห็นว่าแมม่อนกำลังย่างปลาอยู่ข้างเธอแล้ว...
"ร่างกายเป็นยังไงบ้าง?" แมม่อนถามทางเซเลน่าด้วยความเป็นห่วง
"เอ๊ะ....! ไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย! ได้ยังไงกัน?" เซเลน่าลูบๆคลำทั่วทั้งตัวไม่พบร่องรอยบาดแผลแม้นิดเดียวหลงเหลืออยู่เลย "เสื้อผ้า! ทำไมล่ะ!?" เธอพยายามตรวจสอบเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ แต่ว่าก็ไม่พบร่องรอยอะไรเหลืออยู่เลย "นายทำอะไรลงไป?"
"ข้าแค่เข้ามาช่วยท่านมันก็แค่นั้น!" แล้วแมม่อนก็ยื่นปลาที่ย่างสุกแล้วมากับทางเซเลน่า "ท่านกำลังหิวไม่ใช่หรอ? เชิญทานได้อย่างเต็มที่เลย"
"เดี๋ยวสิ! มันมีเรื่องอื่น...." ในขณะนั้นเองเสียงท้องร้องของเซเลน่าก็ดังขึ้นขัดจังหวะก่อนที่เธอจะพูดอะไรต่อ
***โครก~~~!!!***
ด้วยความเขินอายเธอจึงรับปลาย่างมากินอย่างทันที "...ขอบใจ"
"ไม่เป็นไร! ตอนกินก็ระวังก้างด้วย..."
"อย่ามาทำกับฉันเหมือนเป็นเด็กสิ!" ทันทีที่เธอได้กินปลาเข้าไป... "จืด...เนื้อสาก แถมหลังจากที่กลืนก็มีแต่กลิ่นคาว ไม่ได้ปรุงรส นายก็แค่เอาปลาผ่านไฟเฉยๆเอง นี่มันเรียกว่าอาหารได้หรอ?"
"น่าเสียดายที่ข้าทำให้ได้ก็มีแค่นี้ คราวหน้าที่เข้าเมืองได้ข้าจะคำนึงถึงอาหารที่จะทำให้ท่านเป็นอย่างแรกเลย"
"หวังว่าคราวต่อไปจะกินได้นะ?" ถึงแม้ว่าเธอจะบ่นอย่างนั้นออกมาแต่ก็กินมันจนหมดอยู่ดี...
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ เซเลน่าก็ถามกับทางแมม่อนว่า "นี่ๆนายทำอะไรกับคนพวกนั้นอย่างนั้นหรอ?"
"...แล้วท่านคิดว่าข้าควรทำอะไรกับคนแบบนั้นกันล่ะ?"
พอทางเซเลน่าเห็นท่าทีของแมม่อนเธอเองก็รู้ได้อย่างทันทีว่าคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ เธอเลยพยายามเบี่ยงไปถามเรื่องอื่นแทน "ว่าแต่ทำไม...นายถึงมาช่วยฉันช้าจังล่ะ? เกือบจะตายแล้วรู้ไหม?"
"ข้าประมาทไปหน่อย ไม่ทันได้สังเกตว่าทางนั้นมีอาวุธที่สามารถขัดการรับรู้ของทางฝั่งนี้ได้ ต้องขออภัยด้วยอย่างยิ่ง..."
"อ๋อ! อาวุธชิ้นนั้นน่ะหรอ? ตอนแรกฉันก็นึกว่านายจะทิ้งฉันไปแล้วเสียอีก ที่แท้ก็แบบนี้เองสินะ!" สีหน้าของเซเลน่าแสดงออกอย่างโล่งใจ
"ข้าไม่มีทางทิ้งท่านหรอก! ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทาง! ข้าขอพูดให้ท่านสบายใจตรงนี้เลยนะ!" แมม่อนพูดกลับมาด้วยนำเสียงที่จริงจัง จนทางเซเลน่าแสดงท่าทีเขินอายออกมาเล็กน้อย แถมแมม่อนก็ยังพูดต่ออีกว่า... "ก็เพราะว่า...ถ้าท่านตาย ข้าก็จะตายด้วยอย่างไงล่ะ?"
"ห๊ะ!"
"ก็ตามอย่างที่บอกเลย ถ้าเกิดข้าปล่อยให้ท่านตายตัวข้านั้นก็จะตายด้วย" แมม่อนพูดย้ำครั้งที่สอง
"ทำไมล่ะ!"
"ท่านยังจำตอนที่สเลเยอร์ไล่ล่าท่านได้อยู่ไหม? ตอนนั้นพวกมันได้พูดอะไรแปลกๆมาหรือเปล่า?"
"แปลกๆอย่างนั้นหรอ? ...จริงสิเห็นบอกรู้เรื่องที่ฉันเป็นพวกนอกรีต อีกทั้งยังถามว่าเคยเห็น...อะไรนะ? แผ่นหินแปลกๆ"
"ไม่จำเป็นต้องนึกมันก็ได้ พวกสเลเยอร์เรียกคนอย่างพวกท่านว่าพวกนอกรีต คือพวกที่ทำสัญญากับปีศาจเพื่อให้ความปรารถนาให้เป็นจริง ซึ่งการที่พวกเขาถูกส่งมาที่นี่และมาเจอพวกเราก็น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า... เพราะเป้าหมายที่แท้จริงที่พวกเขามายังที่นี่นั้นคือชายที่เป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมนั่นต่างหาก..."
"อย่างนี้เองหรอ? แต่...จะว่าไปทำไมพวกเขาต้อง...ตัดหัวด้วยล่ะ?"
"การกำจัดปีศาจนั้นมีอยู่สองวิธี วิธีที่หนึ่งคือการกำจัดที่ตัวปีศาจโดยตรง ด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างจากเศษเสี้ยวของหอกลองกินุส ...ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือในกรณีที่มีผู้ทำสัญญา ซึ่งการฆ่าผู้ที่ทำสัญญา น่าจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ส่วนการที่ทำไมจะต้องตัดหัวด้วยนั้น น่าจะเกี่ยวกับทางศาสนจักร หลังจากที่นำหัวที่ตัดไปยืนยันแล้วว่าคนคนนั้นคือคนนอกรีต ทางศาสนจักรก็จะเริ่มประกาศถึงการหายสาบสูญของคนผู้นั้นอย่างทันที"
"ถ้าทำแบบนั้นแล้วผู้คนจะเชื่อหรอ?"
"ท่านรู้ไหม? ว่าตอนนี้ทางศาสนจักรมีอำนาจมากมายแค่ไหน แค่ลบตัวตนคนแค่หนึ่งคนหายออกไปจากโลก ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด..."
"แล้วพวกเขาจะกลัวอะไร? ในเมื่อเผ่าปีศาจนั้นก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทุกคนซะหน่อย ทำไม? ถึงต้องกลัวกันขนาดนั้นด้วย!?"
"มันก็เป็นปกติที่พวกเขาจะกลัวในสิ่งที่ไม่รู้จัก เหมือนอย่างที่ท่านกลัวข้าในตอนนั้นยังไงล่ะ!"
"เรื่องนั้นก็ตอนนั้น! ในตอนนี้ฉันไม่กลัวนายแล้ว และก็จะไม่มีทางกลัวเด็ดขาด!" เซเลน่าลุกขึ้นยืดอกมั่นใจเป็นอย่างมาก...
"ถ้าอย่างนั้น..." แมม่อนลุกขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปที่คอของเธอ พร้อมกับขู่ว่า "แล้วถ้าเกิดข้าจะทะลวงคอของท่าน ถึงอย่างนั้นท่านก็จะยังพูดคำนั้นอยู่ไหมนะ?"
ถึงแม้ว่าแมม่อนจะพูดขู่มาอย่างนั้นก็ตาม เซเลน่าก็ยังยืนยันคำเดิม "ไม่กลัว! และฉันยัง..." แล้วเธอก็กัดไปที่นิ้วของแมม่อนเหมือนกับสุนัข พร้อมกับมีเสียงขู่แง่งๆออกมาด้วย...
"คราวที่แล้วซนเหมือนลิง คราวนี้ดุเหมือนสุนัข ตกลงท่านเป็นเจ้าหญิงได้อย่างไงเนี่ย? ข้าชักเริ่มสับสนแล้ว"
เซเลน่าปล่อยฟันออกจากนิ้วของแมม่อนอย่างทันทีที่ได้ยินที่เขาพูด "นี่คือบทลงโทษที่นายพยายามจะขู่ฉัน จำใส่สมองไว้ด้วยว่าฉันเป็นเจ้านาย"
"ครับ...ครับ... ข้าผิดไปแล้วที่ไปท้าทายท่าน" แมม่อนพูดจาแบบขอไปที "เอาล่ะ! พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางกันแต่เช้า ท่านเองก็รีบไปพักผ่อนได้แล้ว เดี๋ยวทางนี้จะเป็นคนเฝ้ายามแทนเอง... เชิญท่านอนหลับให้สบายเถอะ"
"ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เกรงใจกันล่ะนะ..."เซเลน่าเดินตรงยังที่นอนก่อนหน้านี้ เอนตัวลงพร้อมกับดึงผ้าคลุมทั้งตัว แล้วเธอก่อนที่จะนอนก็ได้เอ่ยกับทางแมม่อนไปว่า... "ราตรีสวัสดิ์...แล้วก็... ขอบคุณนะที่เข้ามาช่วย"
"ด้วยความยินดี..."
....แล้วไม่กี่วินาทีต่อมาเซเลน่าก็ได้หลับไป เหลือแค่เพียงแมม่อนเท่านั้นที่ยังนั่งเฝ้ายามอยู่คนเดียว...
เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้...
คอร์ต้าที่กำลังชัดเซเลน่าด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความโกรธที่ทำลายใบหน้าของเขา และถึงแม้ว่าเธอจะสลบไปแล้ว เขาก็ยังไม่หยุด จนทางแฮงค์ได้เอ่ยขึ้นมาว่า...
"เฮ้ย! พอได้แล้วมั้ง? ถ้าเดี๋ยวใบหน้าเสียหายก็ยืนยันกับทางนั้นไม่ได้กันพอดี"
"นังเวรนี่...! บังอาจกล้ามาทำลาย...! ใบหน้าของฉันเสียได้...! เป็นแค่ไอ้พวกนอกรีตแท้ๆ...!" น้ำเสียงของคอร์ต้านั้นเต็มไปด้วยความแค้น พูดไปพร้อมกับอัดเซเลน่าไปด้วย แล้วเขาก็หันกลับไปทางแฮงค์ก่อนจะพูดขอร้องว่า... "ลูกพี่! ผมขอจัดการนังเวรนี่แทนได้ไหม?"
"นี่มันเหยื่อของฉันนะ! ...แต่ถ้านายอยากจะทำก็เอาเลย" แล้วแฮงค์ก็โยนดาบไปให้ทางคอร์ต้า
"ขอบคุณครับลูกพี่" คอร์ต้าทำการเดินไปรอบเพื่อหามุมที่ถนัดๆอยู่สักพัก
"รีบหน่อยก็ดีนะ!" ทูล่าพูดขึ้น
"หนวกหูเว้ย! ของแบบนี้มันต้องใช้อารมณ์ศิลปินเป็นส่วนร่วมสิ! เหมือนกับผลงานศิลปะอย่างไงล่ะ?" เขาเดินไปรอบๆอีกครั้ง ตอนนั้นเองที่เขาก็ได้สังเกตเห็นว่าตราสัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่บนฝ่ามือของเซเลน่า และมันก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ มันสะกดสายตาของเขาไปชั่วขณะหนึ่ง จนกระทั่ง...
"มัวทำอะไรอยู่? รีบลงมือได้แล้ว!" แฮงค์พูดตะคอกขึ้นมา
"อา... ครับ! " แล้วคอร์ต้าก็ง้างดาบขึ้นและกำลังจะฟันลงที่คอของเซเลน่า...แต่ว่า
...ในจังหวะนั้นพวกเขาทั้งสามก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่หนักอึ้ง แรงกดดันโพยพุ่งออกมาจากข้างหลังที่คอร์ต้ายืนอยู่ แฮงค์ตะโกนออกเสียงดังเตือนคอร์ต้าถึงสิ่งที่อยู่ด้านหลัง...
"ระวัง! ข้างหลังนาย!"
ทันทีเมื่อคอร์ต้าหันไปก็ได้พบกับร่างสีดำ ใหญ่โตราวกับยักษ์ ใบหน้าถูกปกปิดด้วยหน้ากากรูปร่างประหลาดตา ยืนจ้องมาทางเขาอยู่ ทั้งที่แค่สิ่งนั้นยืนอยู่เฉยๆแท้แต่กลับมีแรงกดดันอันมหาศาลโพยพุ่งออกมาจากร่างๆนั้น
ทางคอร์ต้ารีบฟันสวนไปที่ร่างสีดำอย่างทันทีด้วยความตกใจ ทันใดนั้น...เพียงแค่ชั่วพริบตาแขนของเขาก็ได้ขาดลงอย่างทันที ไม่มีใครมองเห็นว่าสิ่งนั้นเคลื่อนไหวหรือทำอะไรลงไป
"อ๊ากกกกกกกกกกกกก!!!" คอร์ต้าร้องออกมาด้วยเจ็บปวด
"ทูร่าฝากคุ้มกันหมอนั่นด้วย!" แฮงค์เป็นคนเดียวที่สามารถตั้งสติได้แล้วสั่งการทางทูร่าอย่างทันที
"ครับ!" ทูร่ารีบทำการโจมตีด้วยเวทมนตร์สวนกลับไป "...บอลเพลิง!" เขาระดมยิงบอลเพลิงนับหลายนัดไปที่แมม่อน เพื่อถ่วงเวลาให้คอร์ต้ารีบหนีออกมา...
"ช่วยได้มากเลย...แฮ่กก! แฮ่กก!" อาการของทางคอร์ต้านั้นไม่สู้ดีนักเพราะว่าเสียเลือดไปมาก
ทูร่าที่เห็นดังนั้นเลยเข้าช่วย เขาร่ายเวทมนตร์ฟื้นฟูบนบาดแผลของคอร์ต้าอย่างทันที "ถึงแม้จะรักษาให้หายไม่ได้อย่างทันที แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ช่วยฟื้นฟูบาดแผลไม่ให้เลือดไหลได้"
"ขอบใจ...แค่นี้ก็เหลือเฝือแล้ว..."
ซึ่งในจังหวะเดียวกันนั้นเองทางแฮงค์นั้นก็พยายามจะดึงอาวุธกลับไปพร้อมกับเซเลน่าเพื่อใช้เธอให้เป็นข้อได้เปรียบในการต่อสู้ แต่ในขณะที่ดึงอาวุธกลับไปนั้น ทางแมม่อนก็จับไว้ได้ทัน และใช้สันมือฟาดลงอย่างแรงจนมันแตกเป็นเสี่ยงๆ
"ไม่ตลกนะเว้ย!" แฮงค์พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างกังวล "ไม่คิดว่า... ทางนั้นจะเป็นปีศาจเสียเอง ตอนแรกก็เห็นว่าไม่มีอาการอะไรออกมาก็เลยนึกว่าจะเป็นแค่พวกสาวกเฉยๆ เสียอีก แต่ดูจากสภาพของอาวุธฉันในตอนนี้ก็รู้ได้เลยว่า ทำไมถึงไม่มีอาการ..."
"ลูกพี่! เป็นอย่างไงบ้างครับ?" คอร์ต้าพูดขึ้นถามกับทางแฮงค์
"พวกนาย! ยังไหวกันหรือเปล่า?"
ทูร่ากับคอร์ต้าต่างพากันพยักหน้าตอบกลับมา...
"ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย...!อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของทางนี้พังแล้ว! ช่วยถ่วงเวลาจนกว่ามันจะฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิมได้ไหม? แต่ถ้าช่วยจัดการมันจนไม่สามารถสู้ได้เลยจะดีมาก..."
"รับทราบ!" ทั้งสองพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
...ถึงแม้ว่าตอนแรกจะตกใจที่คาดไม่ถึงว่า ชายคนนี้จะเป็นปีศาจที่สามารถทำลายอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ แต่นั่นก็น่าจะเนื่องจากที่ว่าดาบเล่มนี้นั้นจะอ่อนแอขึ้นเมื่อยืดออกไปด้วยแหละ! ครั้งต่อทันทีที่ดาบนี้ฟื้นคืนกลับมาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แกไม่มีทางชนะพวกเราทั้งสามได้แน่...
พอแฮงค์คิดได้ดังนั้นเลยหยิบมีดขว้างที่เก็บไว้รอบๆตัว เว้นระยะห่างดูสถานการณ์ภายนอกด้วยความระมัดระวัง อีกทั้งเขายังสามารถสั่งการพวกที่เหลือได้อย่างแม่นยำ
วินาทีที่เปิดฉากเริ่มต่อสู้...ทางทูร่าทำการยิงเวทมนตร์ใส่ทางแมม่อน "หอกเพลิง!" เกลียวไฟหมุนพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่
แมม่อนที่เห็นโอกาสนั้นรีบวิ่งพุ่งเข้าจัดการทางทูร่าอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกขัดจังหวะโดยแฮงค์ที่ปามีดเข้า ทำให้ทางทูร่ารอดไปได้
"เว้นระยะห่าง! แล้วโจมตีต่อไปเรื่อยๆ...!" แฮงค์พูดสั่งการทางทูร่า
"รับทราบ!" แล้วหลังจากนั้นทูร่าก็ระดมยิงเวทมนตร์ต่อมาเรื่อยๆ "กระสุนไฟ! กระสุนลม! เคียววายุ!" แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมอย่างทุกทีบนร่างกายของแมม่อนนั้นไม่มีแม้แต่บาดแผลเกิดขึ้นเลย
ส่วนคอร์ต้าก็รีบวิ่งกลับไปเอาดาบที่อยู่กับแขนที่ขาดมาได้ และพุ่งเข้าโจมตีตามอย่างทันที เขาฟาดดาบลงที่กลางลำตัวของแมม่อนอย่างแรง
"ตายซะ!" เกิดแรงกระแทกมหาศาลเข้าที่ท้องอย่างแรงจนทำให้กระเด็นออกไปเล็กน้อย "แม่งเอ๊ย! ตัวบ้าอะไร! หนังเหนียวชิบหาย!"
"ไม่ใช่ว่านายยังไม่ใส่แรงเต็มที่หรอกหรอ?"
"ก็อยากจะพูดอย่างนั้นอยู่...แต่เท่าที่ฉันคิดแล้วต่อให้มีสองมือ ผลลัพธ์ก็คงเหมือนเดิมอยู่ดี..."
"โกหกน่า! ขนาดนายใส่แรงลงไปเต็มที่แล้วแท้ๆ นี่นะ!"
"สงสัยคงมีแค่ทางเดียวเท่านั้นแหละที่จะจัดการมันได้" คอร์ต้ามองไปที่ด้านหลังของแมม่อนเห็นว่ามีเซเลน่านอนสลบอยู่ เพื่อที่จะจัดการกับปีศาจที่แข็งแกร่งกว่า เขาจึงเล็งเล่นงานไปที่เซเลน่า "ทูร่า..ถ่วงเวลาให้ที!"
"เข้าใจแล้ว!" ทูร่าทำการร่ายเวทมนตร์เพื่อทำการถ่วงเวลาแมม่อนให้ได้มากที่สุด "ม่านเพลิง!" ไฟล้อมรอบตัวของแมม่อนจนให้มองไม่เห็นวิสัยทัศน์จากภายนอก "ตอนนี้แหละ! ลงมือเลย!" แล้วเขาส่งสัญญาณให้กับทางคอร์ต้าอย่างทันที
จากนั้นทางของคอร์ต้าก็รวบรวมแรงทั้งหมดไปที่เท้าทั้งสอง กำดาบในมือจนแน่น แล้วหลังจากนั้นเขาก็พุ่งตัวอย่างรวดเร็วเข้าโจมตีทางเซเลน่า "จบกันแค่นี้แหละ!"
...ถึงแม้จะเป็นปีศาจที่แข็งแกร่งสักเท่าไหน แต่ถ้าหากผู้ทำสัญญาตายพวกมันก็จะสูญสลายหายไปอยู่ดี ตอนแรกก็นึกว่าจะต้องลำบากมากกว่านี้แล้วเสียอีก แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว คงไม่เป็นไรแล้วมั้ง?...
ทั้งที่แฮงค์คิดแบบนั้น แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย...
ในวินาทีที่คอร์ต้าพุ่งเข้าไปโจมตีที่เซเลน่านั้น เขาก็หยุดลงอย่างกะทันหันเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างมารั้งที่ขาเขาไว้ เมื่อหันกลับไปดูก็พบว่ามันมีโซ่เส้นหนึ่งโผล่ขึ้นจากใต้ดินสีดำ ดูเก่าโทรมๆ แถมยังมีสนิมขึ้น เข้ารัดขาไว้อย่างแน่นหนา... "อะไรวะเนี่ย!?"
ทุกคนต่างตกใจพูดไม่ออก ทางแฮงค์ที่ตั้งสติได้ก่อนจึงรีบสั่งให้ทางทูร่าใช้เวทมนตร์ตัดโซ่เส้นนั้นทิ้ง "ทูร่า! รีบใช้เวทมนตร์ตัดโซ่นั้นทิ้งเร็ว!"
"เคียววายุ!" คมดาบลมพุ่งเข้าไปที่ทางโซ่เส้นนั้นอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ดูเหมือนจะไร้ผล เขาจึงพยายามลองใหม่อีกครั้ง "เคียววายุ! เคียววายุ! เคียววายุ!!!" ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็เหมือนเดิม ซึ่งทางของคอร์ต้าเองก็ไม่อยู่เฉยรีบใช้ดาบกระหน่ำฟันลงที่โซ่นั่นเช่นกันแต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใด บนโซนั้นก็ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลย
ทันใดนั้นก็มีมือโผล่ออกมาจากม่านไฟของทูร่า มือขนาดใหญ่เข้าจับที่ศีรษะของคอร์ต้าและยกลอยขึ้นเหนือพื้น
"ปล่อยนะเว้ย!" ทางคอร์ต้านั้นพยายามขัดขืนอย่างสุดชีวิตทั้งถีบ เตะ และใช้ดาบฟาดลงที่แขนของแมม่อน แต่ทันทีที่ดาบฟันลงมันก็ได้แตกเป็นเสี่ยงๆ
หลังจากนั้นทางแมม่อนก็เริ่มออกแรงบีบที่หัวของทางคอร์ต้า จนทางนั้นเริ่มร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บปวด "อ๊ากกกกกกกกกกก!!!"
ทางแฮงค์เองก็ไม่รอช้ารีบปามีดไปอย่างทันที มีดทุกเล่มนั้นถูกปัดกระเด็นออกร่างกายของแมม่อน เหมือนว่ารอบๆตัวของแมม่อนนั้นจะมีสิ่งที่เป็นกำแพงที่มองไม่เห็น จากนั้นไม่นาน...แมม่อนก็เริ่มออกแรงบีบศีรษะของคอร์ต้า...
"อ๊ากกกกกกกกกก!!"
"รีบใช้เวทมนตร์ช่วยหมอนั่นเร็ว!" แฮงค์สั่งการไปทางทูร่าที่ยืนตื่นตระหนกอยู่
"ตะ...แต่ว่ามันจะโดนหมอนั่นด้วยนะครับ!"
"ถ้าไม่รีบทำตอนนี้ทั้งหมอนั่นและพวกเราได้ตายแน่!"
มือของทูร่าสั่น เขาวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด และที่มือก็เริ่มมีเหงื่อไหลซึมออกมา ในจังหวะนั้นทางคอร์ต้าก็ได้ตะโกนเรียกสติทางทูร่าว่า...
"ลงมือ..เลย! ไม่ต้อง....ห่วงฉัน! อ๊ากกกกกกกกก!!!"
"เข้าใจแล้ว! ถ้าตายก็อย่ามาหลอกกันนะ?"
ทันใดนั้นก็เริ่มมีลมหมุนรอบๆตัวของแมม่อนเกิดขึ้น หลังจากนั้นไม่นานพวกลมเหล่านั้นก็เริ่มกลายเป็นไฟ "...เสาเพลิงวายุ! ไหม้เป็นตอตะโกไปซะ!"
ทูร่าเขาใช้เวทมนตร์ไฟกับลมผสานกันเกิดเป็นเสาไฟขนาดใหญ่หมุนรอบๆเข้าโจมตีตัวศัตรูที่อยู่ด้านในให้ไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน
ขณะที่ทางทูร่าและแฮงค์กำลังสบายใจที่สามารถตัดกำลังปีศาจได้...เพราะการที่โดนเวทมนตร์ไปตั้งขนาดนั้น บางทีอาจจัดการได้ง่ายขึ้น
แต่ว่า...ในตอนนั้นเอง ก็มีอะไรบางอย่างพุ่งตรงออกมาจากเวทมนตร์ของทูร่า สิ่งกลมๆพุ่งตรงออกมาหล่นกระทบดังตุบ! กลิ้งมาหยุดอยู่ที่ตรงหน้าของทูร่าที่กำลังสบายใจ.... สิ่งนั้นคือหัวพรรคพวกที่คุ้นเคยของพวกเขา คอร์ต้า...