ภายในห้องรับแขกแห่งบ้านวรวัฒนประเสริฐ บุคคลที่นั่งอยู่ภายในต่างเงียบงันจนกระทั่งสาวใช้วางแก้วน้ำและออกไปจากห้อง แขกผู้มาเยือนเป็นผู้เอ่ยเป็นคนแรก
"ผมขอโทษคุณอาทั้งสองด้วยสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้ว ครั้งนั้นผมยอมรับผิด ผมไม่พร้อมจริงๆ หากคุณอาทั้งสองจะโกรธเคืองผมก็ยอมรับครับ"
ประมุขของบ้านที่นั่งนิ่งอยู่นานถอนหายใจ จ้องมองหน้าชายอ่อนวัยกว่าแล้วเอ่ย
"เอาเถอะ อาทั้งสองยกโทษให้เพชร ที่จริงอาเองก็มีส่วนผิดที่ไม่ยอมให้โอกาสทั้งเพชรและมิ้นต์ได้ตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง ต่อไปอากับพ่อของเพชรคงไม่บังคับให้ทั้งสองคนต้องแต่งงานกันอีก"
เหล็กเพชรยกมือไหว้ขอบคุณไมตรีและติดรกาแล้วหันไปมองอดีตคู่หมั้นซึ่งนั่งนิ่งอยู่ด้านข้างผู้เป็นแม่ เอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"ผมขอโทษนะครับคุณมิ้นต์ที่หนีงานหมั้นครั้งนั้น ผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่างเพื่อให้คุณให้อภัยผม ขอแค่คุณมิ้นต์บอกผมมาแค่นั้น"
มินตราซึ่งนั่งนิ่งมานานหันหน้าเพ่งมองชายหนุ่ม แววตาที่มองเขานิ่งค้าง แฝงไว้ด้วยความน่ากลัวไม่น้อย
"คุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ฉันไม่ต้องการ สิ่งเดียวที่ฉันต้องการก็คือไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก... หมดเรื่องแล้วใช่ไหมคะ ฉันขอตัว"
"แต่ผม..."
พูดไม่ทันจบ หญิงสาวลุกยืนขึ้นจากโซฟาโดยไม่รองฟังใครทักท้วง เหล็กเพชรหันตาม เตรียมลุกตามไปแต่ถูกเสียงหญิงสูงวัยกว่าเอ่ยขึ้น
"อย่าเพิ่งตามไปเลยนะคุณเพชร คุณต้องเข้าใจว่าสิ่งที่คุณทำมันทำให้มิ้นต์ฝังใจ สำหรับอาและคุณไมตรีรับคำขอโทษจากคุณ แต่สำหรับมิ้นต์ คงต้องให้เวลา"
เหล็กเพชรมองตามมินตราจนลับสายตาแล้วก้มหน้าลงมองฝ่ามือทั้งสองบนตักก่อนค่อยๆ เงยหน้าจ้องบุคคลทั้งสอง แววตามุ่งมั่น
"นอกจากเรื่องที่ผมจะมาขอโทษคุณอาทั้งสองและคุณมิ้นต์แล้ว ผมยังมีอีกเรื่องที่อยากจะขออนุญาตแม้ว่าอาจจะลำบากใจคุณอาทั้งสองก็ตาม"
ไมตรีและติรกาหันมองหน้ากันแล้วหันมองหน้าบุตรชายพรต ไมตรีเป็นฝ่ายเอ่ยถามฝ่ายตรงข้าม
"มีอะไรอีกล่ะ"
เหล็กเพชรสีหน้าจริงจังพร้อมเอ่ยด้วยความมุ่งมั่นในสิ่งที่เขาตั้งใจหลังจากได้ตริตรองมาตลอดทั้งคืนเรียบร้อยแล้ว
"ผมอยากขอโอกาสทำความรู้จักกับคุณมิ้นต์ให้มากกว่านี้ และผมก็พร้อมจะให้เวลาคุณมิ้นต์ได้พิสูจน์ความตั้งใจครั้งนี้ของผมเหมือนกัน และผมจะยอมให้คุณอาและพ่อผมจับคลุมถุงชนครับ"
---------------------------------------------------
มินตราเดินออกมายังสนามหน้าบ้านมุ่งหน้ามาใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งมีชิงช้าไม้ตัวโปรดห้อยอยู่ หญิงสาวเดินเข้าไปจับเชือกที่ห้องแผ่นไม้ทั้งสองข้างพร้อมทรุดตัวนั่งลง นั่งครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นภายในห้องรับแขก
เธอไม่เข้าใจว่าคนใจร้ายคนนั้นจะพยายามกลับเข้ามาในชีวิตเธออีกเพื่ออะไรทั้งที่สิ่งที่เขาเคยทำไว้ยังคงเป็นรอยแผลลึกฝังในจิตใจอยู่ไม่น้อย มินตราได้แต่บอกตัวเองว่าเป็นโชคดีของตัวเองที่ไม่ต้องพบต้องเจอกันอีก แต่นับตั้งแต่ได้พบกันเมื่อคืนราวกับได้พบปิศาจ ยิ่งเขากลับมาวันนี้ยิ่งตอกย้ำให้เธอคิดถึงวันที่ถูกทิ้งกลางงานหมั้น ต้องทนแบกรับคำสบประมาท คำนินทาจากคนรอบข้างจนเธอใช้เป็นแรงผลักดันในการเปลี่ยนแปลงตัวเองจนลบคำสบประมาททุกอย่างจนหมดสิ้น
"มาอยู่ที่ที่เอง ผมเดินตามหาคุณเสียทั่ว"
เสียงจากบุคคลที่เธอพยายามหนีแว่วเข้ามากระทบหู และดูเหมือนว่าจะอยู่ในระยะประชิดตัวเสียด้วย มินตราหันไปตามต้นเสียงจึงเห็นว่าเขายืนยิ้มอยู่ไม่ห่างจากตัวเธอนัก หญิงสาวรีบดีดตัวยืนขึ้นจากชิงช้า มองฝ่ายตรงข้ามแววตาขุ่นเคือง
"คุณตามฉันมาอีกทำไม เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน"
"คุณใจเย็นฟังผมก่อนสิ... ผมขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมา ผมรู้ว่าผมทำผิด และผมก็พร้อมจะชดใช้ให้คุณแล้วนะคุณมิ้นต์ ให้โอกาสผมเถอะ ผมก็บอกกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณไปแล้วว่าผมจะรับผิดชอบทุกอย่างที่ทำกับคุณ"
"คุณคุยอะไรกับคุณพ่อคุณแม่ฉัน"
เหล็กเพชรขยับเดินมาใกล้หญิงสาวมากขึ้น เป็นเหตุให้มินตราขยับถอยหลังหนี เขาขยับหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาวมากขึ้น
"ผมบอกคุณพ่อคุณแม่คุณว่าผมขอโอกาสทำความรู้จักกับคุณให้มากขึ้น และถ้าคุณกับผมศึกษากันแล้วเห็นพ้องต้องกัน ก็จะยอมให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายทำตามที่เคยตกลงกันไว้... คุณพ่อคุณแม่คุณไม่ได้เห็นด้วยหรอก แต่ท่านก็ไม่ปิดโอกาส ท่านให้ผมพยายามด้วยตัวเอง"
คำพูดที่ออกจากปากชายหนุ่มทำให้มินตรานิ่งค้างราวถูกสาป ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยออกมา
"คุณไปพูดกับพ่อแม่ฉันแบบนั้นได้ไง ลืมไปแล้วเหรอว่าคุณเคยรังเกียจฉันขนาดไหน ฉันยังจำทุกข้อความที่คุณทิ้งไว้ในวันแต่งงานได้เป็นอย่างดี คุณบอกว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณชอบแม้แต่นิดโดยเฉพาะแว่นป้าๆ ที่ฉันใส่ และคุณบอกว่าจะไม่มีวันแต่งงานกับฉันเด็ดขาด... ทำไมเหรอ แค่ฉันเปลี่ยนไปไม่เหมือนคู่หมั้นคนเก่าของคุณก็เกิดสนใจฉันขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ... ฉันไม่ตกลง และจะไม่มีวันยอมให้เกิดการคลุมถุงชนบ้าๆ นั่นขึ้นมาอีก คุณเองก็ควรจะทำตามที่คุณเคยบอกไว้ตอนนั้นเหมือนกัน"
"ผมคงไม่มีทางทำแบบที่คุณพูดนะมินตรา ผมยอมรับว่าที่ผมกลับมาขอโอกาสเพราะผมสนใจคุณทันทีที่เห็นคุณในงานเมื่อคืน ผมก็เหมือนผู้ชายหลายคนที่สนใจผู้หญิงโดยเริ่มจากรูปร่างหน้าตาก่อน แต่นั่นก็ทำให้ผมอยากศึกษาคุณให้มากขึ้น ให้เราสองคนได้มีโอกาสศึกษานิสัยใจคอกัน ส่วนเรื่องที่จะเกิดในอนาคตข้างหน้าก็อยากให้เป็นสิ่งที่เราสองคนตัดสินใจเองไม่ว่าจะตรงกับสิ่งที่ครอบครัวของเราสัญญากันไว้หรือไม่ก็ตาม"
มินตราแสยะยิ้มขึ้น พยักหน้าให้กับฝ่ายตรงข้าม พยายามกลั้นน้ำตาที่รื้นขอบตาไม่ให้ไหลออกมาอาบแก้ม
"คุณพูดได้ตรงดีนะคุณเหล็กเพชร ไม่เหมือนคนขี้ขลาดวันนั้นที่ทิ้งทุกอย่างไว้โดยไม่สนใจเรื่องที่จะเกิดตามมาภายหลังหรือได้ทำร้ายจิตใจใครไว้บ้าง แต่ฉันก็ยืนยันว่าไม่มีวันที่ฉันจะกลับไปเกี่ยวข้องกับคุณอีก เลิกเพ้อเจ้อเพ้อฝันว่าฉันจะยอมทำตามที่คุณต้องการได้แล้ว"
เหล็กเพชรพยายามจะขยับเข้ามาใกล้หญิงสาวมากขึ้นแต่มีชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามาขวางระหว่างเหล็กเพชรกับมินตราเสียก่อน ชายคนนั้นสบสายตาเหล็กเพชร ถามเสียงกร้าว
"คุณกลับไปเถอะ คุณมิ้นต์ไม่อยากเกี่ยวข้องกับคุณอีก"
ไม่ทันที่เหล็กเพชรจะได้อธิบายอะไร เสียงหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังชายที่เข้ามาขวางเอ่ยขึ้นเสียก่อน
"พี่วุธคะ ช่วยพามิ้นต์ไปจากที่นี่ทีเถอะ"
วรวุธหันมาพยักหน้าตอบรับมินตราแล้วรีบพาเธอออกไปทันที เหล็กเพชรมองตามทั้งสองจนกระทั่งรถยนต์ที่ทั้งคู่นั่งแล่นออกไปจากบ้าน รู้สึกคุ้นหน้าชายหนุ่มคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก แต่คงไม่ได้คำตอบว่าเป็นใครและเกี่ยวข้องกับมินตราได้อย่างไร เหล็กเพชรเอ่ยกับตัวเองแผ่วเบา
"เขาเป็นใครผมไม่รู้หรอก แต่ผมไม่ยอมปล่อยคุณไปให้ใครหรอกมินตรา เมื่อคนอย่างผมคิดจะสู้แล้วต้องสู้ให้ถึงที่สุด ผมจะทำให้คุณหันกลับมามองผมอีกครั้ง"
---------------------------------------------------
"ผู้ชายคนนั้นใช่คุณเหล็กเพชรไหมครับ"
วรวุธเอ่ยถามหญิงสาวซี่งนั่งเงียบมาตลอดทาง มินตราหันมามองคนขับรถแล้วหันไปมองเบื้องหน้ารถยนต์ตามเดิม
"ใช่ค่ะ เขาคือคนที่ทิ้งงานหมั้นวันนั้น"
"แล้วเขาจะมาที่บ้านเราอีกทำไมครับในเมื่อเขาไม่ควรจะก้าวเข้ามาในบ้านนี้อีกนับตั้งแต่เรื่องที่เขาทำไว้เมื่อห้าปีที่แล้ว"
มินตรานิ่ง ก่อนตัดสินใจเอ่ยออกมา
"เขามาขอโทษ และมาขอโอกาสอีกครั้ง ถ้าครั้งนี้มิ้นต์เต็มใจเขาก็พร้อมที่จะให้ผู้ใหญ่ทำตามคำสัญญา"
สิ่งที่ออกมาจากปากมินตราทำให้วรวุธหันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง ไม่อยากเชื่อว่าอยู่ดีๆ เขาก็มีคู่แข่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
"ผมฟังไม่ผิดใช่ไหมครับ คนที่ทำร้ายคุณมิ้นต์ไว้ขนาดนั้นจะกลับมาขอโอกาสคบกับคุณมิ้นต์ เขาไม่มีสำนึกเลยสักนิดเหรอครับ"
"มิ้นต์ก็คิดแบบนั้น แต่มิ้นต์ไม่มีทางเชื่อใจหรือกลับไปคบกับเขาอีกเด็ดขาด ประวัติศาสตร์จะไม่มีทางเกิดซ้ำแน่นอน"
วรวุธแอบโล่งอกเมื่อได้ฟังหญิงสาวเอ่ยหนักแน่น แต่อีกใจก็แอบกังวลว่าเหล็กเพชรจะไม่ยอมออกไปง่ายๆ หากเป็นเช่นนั้นวรวุธคงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้เหล็กเพชรไปให้พ้นทางเส้นทางรักของเขากับมินตราให้ได้ไม่ว่าวิธีใดก็ตาม
---------------------------------------------------
"กลับมาแล้วเหรอ ว่าไงไอ้ลูกเวร อยู่ดีๆ ก็ไปบ้านเขาไม่บอกไม่กล่าว โดนเขาตอกหน้ามาอย่างจังเลยล่ะสิ"
พรตเอ่ยทักบุตรชายทันทีที่เปิดประตูบ้านเข้ามา เหล็กเพชรเห็นว่าผู้เป็นพ่อยืนจังก้าอยู่ในห้องนั่งเล่นจึงเดินเข้าไปหาทันที
"คุณอาไมตรีกับคุณอาติรกายังพอเข้าใจและให้อภัย แต่คุณมิ้นต์ดูท่าทางจะยังไม่ให้อภัยผมง่ายๆ เธอไม่ยอมฟังผมท่าเดียว พอจะอธิบายก็มีผู้ชายอีกคนมาพาออกไป ไม่รู้ว่าเป็นใคร" เขาขยับเข้าไปใกล้บิดา เอ่ยถามสิ่งที่สงสัย "พ่อพอจะรู้ไหมว่าผู้ชายขาวๆ ตัวสูงพอๆ กับผม ท่าทางสนิทกับคุณมิ้นต์อยู่ไม่น้อยเลย"
พรตนิ่งคิดตามสิ่งที่บุตรชายถาม สักพักจึงหันมองเหล็กเพชรเมื่อนึกออกว่าเป็นใคร
"พอจะนึกออกแล้วล่ะ คงเป็นวรวุธ ลูกชายของคนรับใช้ในบ้านไมตรีแน่ๆ ไมตรีกับคุณติรับอุปการะเหมือนเป็นลูกชายคนหนึ่ง ส่งเสียให้เรียนหนังสือ เลี้ยงให้เหมือนเป็นพี่ชายของหนูมิ้นต์ ก็คงทำให้สนิทกับหนูมิ้นต์เหมือนเป็นพี่ชายน้องสาวนั่นแหละ"
"แต่ที่ผมเห็นผมรู้สึกว่าวรวุธไม่ได้คิดแค่เป็นพี่ชายเท่านั้นสิ ผมรู้สึกเหมือนผู้ชายที่หวงผู้หญิงที่รัก ไม่น่าจะคิดแค่เป็นน้องสาวนะ"
"นั่นก็ไม่ทราบ แต่ก็คงไม่แปลกที่วรวุธจะแอบรักหนูมิ้นต์ ความผูกพันตั้งแต่เล็กก็คงจะทำให้ตกหลุมรักหนูมิ้นต์ได้ไม่ยาก ก็หนูมิ้นต์ทั้งสวยทั้งเก่งขนาดนั้น คงจะมีแต่คนโง่หรือไม่ก็คนตาบอดเท่านั้นที่ไม่เห็นคุณค่า"
ประโยคสุดท้ายหันไปมองผู้เป็นพ่อด้วยรู้ว่ากำลังถูกเหน็บแนม แต่เขาก็พยายามปล่อยผ่านมันไปด้วยมีเรื่องที่สนใจมากกว่า
"ถ้าพ่อบอกคุณอาเลี้ยงเขาให้เป็นแค่พี่ชาย เขาก็ควรได้สิทธิ์เป็นแค่พี่ชายเท่านั้น ก็คงไม่ผิดถ้าผมจะกลับไปหาคุณมิ้นต์อีกครั้ง"
คุณพรตเกินเข้าไปจับแขนบุตรชายที่ยืนสีหน้ามุ่งมั่น พยายามมองว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาจากใจจริงหรือไม่
"แกบอกพ่อซิเจ้าเพชร นี่แกพูดแค่ต้องการเอาชนะหรือแกตั้งใจจะกลับไปขอโอกาสกับหนูมิ้นต์จริงๆ"
"ผมพูดจากใจจริง ในเมื่อตอนนี้คุณมิ้นต์เองก็ไม่มีใคร ผมก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไปแย่งใครมา ผมมีโอกาสที่จะทำให้เขากลับมามองผม ใช่ไหมพ่อ"
พรตถอนหายใจ เชื่อว่าการตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากใจของเขาจริงๆ
"ถ้าแกไม่ได้ทำเพื่อเอาชนะพ่อก็สบายใจ แต่แกก็ต้องพยายามด้วยตัวเอง เพราะพ่อคงไม่มีหน้าไปออกตัวช่วยแกได้"
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากบุตรชายพรต เมื่อนึกถึงหนทางเข้าหามินตราขึ้นได้
"ไม่เป็นไรครับพ่อ ผมว่ายังพอมีคนที่อาจช่วยผมได้"
---------------------------------------------------
ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมหญิงสาวในชุดทำงานสีครีมเดินออกมาจากภายในลิฟต์โดยที่มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือแนบหูสนทนากับปลายสาย
"ฉันรู้แล้วจ้ะคุณรตีที่คุณชลธีจะติดต่อฉันเรื่องทำโฆษณาให้บริษัทเขา แกบอกฉันหมดตั้งแต่เมื่อวานแล้วจ้ะ แต่สิ่งที่ฉันไม่รู้ก็คือแกไปสนิทสนมกับเขาตอนไหนไม่ทราบในเมื่อวันงานแกก็กลับพร้อมกับฉัน"
ปลายสายส่งเสียงหัวเราะคิกคักแล้วตอบคำถามของมินตรา
"ก็หลังจากที่ฉันไปส่งแกที่บ้านเรียบร้อยแล้วไง คุณชลธีก็โทรศัพท์เข้ามาหาฉันในคืนนั้นเลย ฉันเองก็เป็นคนมีมารยาทดีก็ต้องคุยกับเขาเสียหน่อย พอคุยกันไปมาเมื่อวานเขาก็บอกว่ากำลังจะเปิดตัวสินค้า กำลังหาบริษัทมาช่วยทำโฆษณาให้ ฉันก็เห็นว่าบริษัทแกทำมาตั้งหลายงานแล้วและงานก็ดีเสียด้วยก็เลยแนะนำไป แค่นั้นเองจ้ะ"
หากรตีได้มองเห็นสีหน้าของมินตราตอนนี้คงเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยกมืออีกข้างขึ้นกุมขมับด้วยนึกไม่ถึงกับความรวดเร็วของเพื่อนรัก มินตราพยักหน้าทักทางการไหว้ทำความเคารพจากเหล่าพนักงานแล้วใช้มือผลักบานประตูห้องทำงานออกก่อนแทรกร่างเดินเข้าไปภายในทั้งที่ยังสนทนากับปลายสาย
"ฉันละเชื่อแกเลยนะรตี ไม่คิดว่าเพื่อนฉันจะรวดเร็วปานนี้ทีผู้ชายที่เขามาจีบกี่คนเธอก็เล่นตัวไม่สนใจ แล้วทำไมรายนี้รวดเร็วเหลือเกิน"
"ฉันก็ยังไม่ได้ตัดสินใจคบกับเขาเสียหน่อยแค่ลองคุยๆ กันไปดูก่อน นี่มิ้นต์ เจอคนที่ใช่และตรงสเปกขนาดนี้จะรอช้าอยู่ทำไม วัยของเราก็เลขสามแล้วนะ ไม่ต้องมัวนั่งเหนียมอายอยู่หรอก ใส่เกียร์เดินหน้าลุยไปเลยจ้ะเพื่อน"
"จ้ะ ขอให้คนนี้เป็นคนที่ใช่เสียทีก็แล้วกัน ส่วนฉันจะขออยู่เป็นโสดไปแบบนี้แหละ สบายใจดี ไม่มีต้องมีใครมากวนใจ"
"เสียของน่า แกก็มีคนที่สนใจแกอยู่แต่แกไม่สนใจเอง ทั้งพี่วุธที่ตัวติดกับแกตลอด แล้วไหนจะคู่หมั้นเก่าแกอีกคน"
"แกหยุดพูดมั่วซั่วเลยนะรตี พี่วุธก็เป็นพี่ชาย ส่วนอีกคนอย่าไปพูดถึงเลย อย่างที่ฉันเคยบอกแกกับลีไปว่าเขาเคยทำอะไรกับฉันไว้บ้าง ฉะนั้นอย่านับเขาเข้ามารวมไว้ในชีวิตฉัน"
"จ้ะ อย่าซีเรียสน่า ฉันก็แค่แซวเล่นแค่นั้น ไปทำงานเถอะจ้ะ แล้วต้อนรับคุณชลธีให้ดีด้วยนะ ถือว่าเพื่อนขอร้อง แล้วจะเลี้ยงซูเฟล่ของโปรดแกเป็นการตอบแทนนะจ๊ะ"
"ย่ะ เห็นแก่ซูเฟล่หรอกนะ ไม่ได้เห็นแก่แก ฉันจะต้อนรับคุณชลธีให้ดีที่สุดเลยนะจ๊ะ แค่นี้แหละฉันจะทำงานแล้ว"
พูดจบ มินตรากดตัดสายพร้อมวางกระเป๋าถือที่ห้อยไว้ตรงแขนลงบนโต๊ะ สักพักเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานดังขึ้น มินตราเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้แล้วยกหูโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นแนบหู
"มินตราพูดค่ะ"
"คุณมินตราคะ คุณชลธีมารอพบค่ะ"
"จ้ะ หวานพาคุณชลธีไปที่ห้องรับรองของเราได้เลยนะ ฉันขอตัวสักครู่เดี๋ยวจะตามไป หวานเตรียมข้อมูลสำหรับนำเสนอลูกค้าให้ด้วยนะจ๊ะ"
"ได้ค่ะคุณมิ้นต์"
มินตราวางโทรศัพท์ลงที่เดิม กดตรวจสอบงานจากคอมพิวเตอร์ไม่นานจึงลุกจากเก้าอี้เพื่อไปพบแขกที่ รตีแนะนำมาให้ เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องเธอเคาะประตูเข้าไปพร้อมรอยยิ้ม ภายในห้องปรากฏชายสองคนนั่งอยู่ ฝ่ายที่นั่งหันหน้าให้เธอคือชลธี ส่วนอีกฝ่ายนั่งหันหลังให้โดยไม่หันหน้ากลับมามองเธอ
"สวัสดีค่ะคุณชลธี ดิฉันมินตราค่ะ ขอโทษนะคะที่ต้องให้รอ"
ฝ่ายที่หันหน้ามาทางเธอลุกขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
"สวัสดีครับคุณมินตรา ไม่เป็นไรครับ ผมก็นัดด่วนเองต้องขอขอบคุณด้วยซ้ำที่สละเวลาให้ ส่วนอีกคนเป็นหุ้นส่วนผมเอง"
ไม่ทันที่ชลธีกล่าวจบ ฝ่ายที่นั่งหันหลังให้หมุนตัวหันมามองหญิงสาวพร้อมรอยยิ้ม แต่กลับทำให้มินตราหน้าซีดเผือด
"นี่คือเหล็กเพชร ชยาวัต จะมาช่วยผมในงานนี้ด้วยอีกคนครับ"