webnovel

ตอนที่ 251

ตอนที่ 251 เร็วเกินไป

ฉินเฉาฮุ้ยเงียบเสียง ไม่ทันได้พูดอะไร เพราะพวกเขาได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยดังเสียก่อน

มีคนบุกรุกเข้ามา! 

สีหน้าของฉินเฉาฮุ้ยเปลี่ยนไปกะทันหัน รีบโทรศัพท์ถาม "เกิดอะไรขึ้น" 

"ฉินเฉา มีคนบุกรุกเข้ามา!"

ฉินเฉาฮุ้ยมองเย่หนิงแวบหนึ่ง ใบหน้าไร้เดียงสาปรากฏบนใบหน้าของเย่หนิง 

มู่หรงซีถามว่า "เกิดอะไรขึ้น" 

"มีคนบุกรุกเข้ามา! คนที่กล้าบุกรุกเข้ามาสถาบันวิจัยของเทียนเหิงกรุ๊ปมีไม่มาก" ฉินเฉาฮุ้ยมองเย่หนิงอีกครั้ง แล้วพูดว่า "ผมจะออกไปดู"

หัวใจของเย่หนิงเต้นรัวเร็ว! 

มีคนบุกเข้ามางั้นเหรอ? 

เวลานี้ใครกันที่บุกเข้ามา หรือว่า...หรือว่าเสิ่นอี้บุกเข้ามาช่วยเธอ 

มู่หรงซีคล้ายกับว่ามองความคิดของเย่หนิงออก ฉีกยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า "คุณคิดว่า เสิ่นอี้มาช่วยคุณ" 

เย่หนิงมองมู่หรงซีด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดว่า "นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณอยากได้งั้นเหรอ ที่คุณจับฉันมาที่นี่ไม่ใช่ว่าอยากใช้ประโยชน์จากฉันมาข่มขู่เสิ่นอี้หรือไง ไม่อย่างงั้นแล้วจะมีประโยชน์อะไร!” 

มู่หรงซียิ้มเย็น "คุณมั่นใจเกินไปหรือเปล่า ใช้คุณมาข่มขู่เสิ่นอี้ คนแบบเสิ่นอี้จะยอมให้ใครมาข่มขู่หรือไง ทำไมคุณถึงไม่พูดล่ะว่าฉันใช้คุณมาข่มขู่เฝิ่งเยี่ยนฮวายและพวกนักล่าผีดิบคนอื่นๆ"

"พวกเขางั้นเหรอ" เย่หนิงไม่ยิ้มออกมาเลยสักนิด "ถ้าฉันได้ยินมาไม่ผิด พี่มู่หรง จากระดับของพวกเขาไม่สามารถเป็นภัยคุกคามต่อพวกคุณได้หรอก คุณใช้ฉันมาข่มขู่พวกเขา เล่นตลกอะไรอยู่? คุณจะไม่สามารถจัดการพวกเขาได้เลยงั้นเหรอ ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ เรื่องช่วยราชาผีดิบ ฉันว่านะคุณเลิกคิดไปเถอะ ขนาดรับมือกับเฝิ่งเยี่ยนฮวายและคนพวกนั้นคุณยังรับมือไม่ได้ คิดจะทำลายผนึกอะไรนั่นอีก ฉันว่าคุณกลับบ้านไปอาบน้ำนอนเถอะ"

มู่หรงซีมองเย่หนิงด้วยสีหน้าเย็นชา ยิ้มเย็นแล้วพูดว่า "คุณคิดว่าเสิ่นอี้มาช่วยคุณ เป็นเพราะสนใจคุณเหรอ หรือเพียงแค่ตอนนี้คุณยังมีประโยชน์สำหรับเขาเท่านั้น" 

"มีประโยชน์งั้นเหรอ?" เย่หนิงแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ "ฉันมีประโยชน์อะไร? ฉันไม่เข้าใจ ฉันที่เป็นอย่างนี้จะมีประโยชน์อะไรได้อีก ฉันน่าจะมีประโยชน์สำหรับคุณมากกว่า ไม่อย่างงั้นคุณคงฆ่าฉันไปตั้งนานแล้ว"

มู่หรงซียิ้มเย็น "คุณคิดจริงๆ เหรอว่าฉันจะไม่ฆ่าคุณ" 

"รู้อยู่แล้วว่าต้องทำ! คุณอยากฆ่าฉันจะตาย! ก็เหมือนกับที่คุณฆ่าพี่สาวของคุณตั้งแต่ทีแรกนั่นแหละ ขนาดพี่สาวแท้ๆ ยังฆ่าได้ลง มีใครที่ไม่กล้าฆ่าอีกล่ะ" 

มู่หรงซีกดร่างของเย่หนิงลงไป แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง "เย่หนิง ตอนนี้คุณยังยิ้มได้ แต่หลังจากที่รู้ว่าถูกผู้ชายคนนั้นหลอกและใช้ประโยชน์แล้ว คุณยังจะยิ้มออกมาได้ไหม"

เย่หนิงยังคงยิ้มออกมา "พี่มู่หรง เรื่องพูดยุยง คุณเก่งกาจว่าฉันมากเลยนะคะ!" 

"พูดยุยงงั้นเหรอ" มู่หรงซีไม่เห็นด้วย "ฉันพูดยุยงตอนไหน สิ่งที่ฉันพูดล้วนเป็นความจริงทั้งหมด! คุณรู้ว่าเสิ่นอี้และพี่สาวของฉันชอบพอกันมาก และอีกอย่างพวกเขาอยู่ด้วยกันตั้งหนึ่งพันปีกว่า แต่พี่สาวของฉัน สุดท้ายกลับถูกพวกคุณตระกูลเย่ลงมือสังหาร คุณคงคิดออกว่าเสิ่นอี้จะมีความเกลียดชังพวกคุณตระกูลเย่มากขนาดไหน"

ใบหน้าของเย่หนิงสงสัย "เสิ่นอี้ชอบพอกับพี่สาวคุณมากงั้นเหรอ" 

“คุณเลิกแกล้งโง่ได้แล้ว!" มู่หรงซีกัดฟันพูด 

"ฉันไม่ได้แกล้งโง่! ฉันแค่ไม่เข้าใจ ถ้าเสิ่นอี้ชอบพอกับพี่สาวของคุณมากถึงขนาดนั้นจริง ทำไมพวกเขาถึงไม่แต่งงานกัน เมื่อหนึ่งพันปีก่อนเป็นคู่หมั้น หลังจากนั้นหนึ่งพันปีถัดมายังเป็นคู่หมั้นอีกงั้นเหรอ ถ้ารู้สึกชอบพอกันจริงๆ ก็คงจะแต่งงานกัน เป็นสามีภรรยากันไปตั้งนานแล้ว ยังจะเป็นคู่หมั้นอีกงั้นเหรอ" เย่หนิงรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกมากจริงๆ 

มู่หรงซียิ้มเย็น "คุณเถียงข้างๆ คูๆ ไปก็ไม่มีประโยชน์"

"ฉันเถียงค้างๆ คูๆ อะไร! นี่เป็นเรื่องปกติสามัญมากๆ เลยนะ! ถ้าหมั้นหมายกันมาก่อนหน้า หมั้นหมายตั้งพันกว่าปี ทำไมถึงยังไม่แต่งงานกันอีกล่ะ ประสาทหรือไง นี่เรียกว่าชอบพอกันงั้นเหรอ" เย่หนิงรู้สึกว่าคำพูดนี้ของมู่หรงซีไม่เป็นความจริงเอาเสียเลย ยิ่งพูดก็ยิ่งมีพิรุธมากขึ้นไปอีก

สีหน้าของมู่หรงซีดูย่ำแย่มาก "คุณเอาแต่เถียงค้างๆ คูๆ เอาแต่หลอกตนเอง มันหมายความว่าอะไร ได้! ถ้าคุณเชื่อใจเสิ่นอี้ขนาดนั้น งั้นคุณก็รอเขาที่นี่ก็แล้วกัน ฉันเองก็อยากเห็นว่าเขาจะมาช่วยคุณหรือเปล่า!"

มู่หรงซีพูดประโยคนี้ยังไม่ทันจบ ประตูก็เปิดออก เป็นเสิ่นอี้จริงๆ 

เย่หนิงสะดุ้งตกใจ พูดตามจริง ขนาดเธอเองก็คิดไม่ถึงว่าเสิ่นอี้จะมาจริงๆ ทั้งยังมาเร็วขนาดนี้อีกด้วย 

มู่หรงซีเองก็ตกใจเช่นกัน ไม่พูดพร่ำทำเพลง หันหลังแล้วก็กระโดดออกจากหน้าต่าง เสิ่นอี้ไม่ได้ตามไป เขารีบสาวเท้าเดินมาข้างกายเย่หนิงอย่างรวดเร็ว จับมือของเธอ กวาดตาสำรวจมองเธอ แล้วรีบถามอย่างรวดเร็วว่า "เสี่ยวหนิง คุณไม่เป็นอะไรแล้ว ได้รับบาดเจ็บไหม"  

"ไม่ค่ะ" เย่หนิงส่ายหน้า ภายในใจกลับปวดจี้ดขึ้นมา น้ำตาร่วงหล่นลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่ 

เสิ่นอี้ตกตะลึง รีบคว้าเย่หนิงเข้ามาในอ้อมกอด แล้วพูดปลอบใจว่า "ไม่เป็นไรแล้วครับ ไม่เป็นไรแล้ว อย่ากลัว อย่าร้องไห้! ผมอยู่ที่นี่แล้วครับ!"

เย่หนิงหยิกเขาอย่างแรง ทั้งที่จริงอยากกัดเขาเสียหลายครั้ง แต่เธอกลับทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงร้องไห้เท่านั้น 

"ไม่เป็นอะไรแล้วครับ เสี่ยวหนิง อย่าร้องไห้ไปเลย" เสิ่นอี้พูดปลอบใจครั้งแล้วครั้งเล่า "อย่าร้องครับ ไม่เป็นอะไรแล้ว"

"โทษคุณเลย" เย่หนิงร้องไห้ฮือๆ

"ได้ครับ ได้ โทษผมเลย เป็นผมที่ไม่ดีเอง เป็นผมที่ไม่ดี!" เสิ่นอี้เองก็รู้สึกสำนึกในความผิด คืนนี้เขาตามหาเย่หนิงจนใกล้จะเป็นบ้าเต็มทีแล้ว! 

เมื่อคืนหลังจากที่เย่หนิงวิ่งออกจากออฟฟิศ เขารู้สึกเสียใจอยู่บ้าง คิดอยากจะวิ่งตามออกไปอธิบายกับเย่หนิงให้ชัดเจน แต่พอเห็นท่าทางโมโหของเย่หนิงเช่นนี้ สุดท้ายเขาจึงไม่ได้ตามไป เพราะยิ่งพูดไปเย่หนิงก็จะยิ่งโกรธมากขึ้น

ตอนกลางคืนจึงคิดจะทำอาหารอร่อยๆ ให้เธอกินเสียหน่อย แล้วอธิบายให้เธอฟังอีกครั้ง

ภายในใจของเสิ่นอี้คิดเช่นนี้ ก็เลยไม่ได้ใส่ใจนัก แต่เขากลับคิดไม่ถึง เมื่อคืนพอกลับมาที่หอพัก ก็ไม่เจอเย่หนิงเสียแล้ว 

ภายในห้อง มีกลิ่นแปลกๆ ฟุ้งตลบอบอวล เป็นกลิ่นแปลกที่เขารู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง

เขาเห็นกล่องไม้เปิดอยู่ ของที่อยู่ข้างในล้วนถูกเอาไปหมด ขนาดกระบี่ไม้ท้อก็ยังถูกเอาไปด้วย หรือว่าเย่หนิงจะไปหาเฝิ่งเยี่ยนฮวายและคนอื่นๆ 

นอกจากนั้น เขาก็คิดความเป็นไปได้อะไรไม่ได้อีก เย่หนิงต้องโกรธเขาอย่างแน่นอน เธอเอาของไปแล้ววิ่งไปหาเฝิงเยี่ยนฮวายและคนอื่นๆ 

รอหลังจากที่เธอหายโกรธ เดี๋ยวเธอก็กลับมาเอง

พอเห็นเขากระสับกระส่ายเช่นนี้ ซีเหมินถึงก็อดล้อขึ้นมาไม่ได้ "ฉันว่านะ ถ้านายไม่สบายใจขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ไปรับเธอเสียเลยล่ะ" 

"ฉันไม่สบายใจตรงไหน! เธออยู่กับคนของตระกูลนักล่าอีกสามคน มีอะไรที่ฉันจะไม่สบายใจได้"

ถึงเสิ่นอี้จะพูดเช่นนี้ ทว่าเขารู้สึกไม่สบายใจจริงๆ ลึกๆ รู้สึกไม่ค่อยดี รู้สึกเหมือนมีอะไรเกิดขึ้น

"งั้นนายก็โทรไปถามดูสิ" ซีเหมินถิงรู้สึกสนุกเมื่อเห็นคนอื่นกำลังเดือดร้อน "นายไม่ได้สนิทกับจวงหมิงหานคนนั้นมากๆ เหรอ" 

เสิ่นอี้ลังเลเล็กน้อย ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจโทรไปถามจวงหมิงหาน

จวงหมิงหานรับโทรศัพท์ของเสิ่นอี้แล้วถามอย่างแปลกใจว่า "นายพูดว่าอะไรนะ เย่หนิงเหรอ! ไม่เห็นเธอเลย เธอมาเมื่อไหร่!"