webnovel

ตอนที่ 249

ตอนที่ 249 มีหลักฐานอะไร 

"น่าเสียดาย บุตรสาวของพระมเหสีรองคนนั้นไม่ยอมรับชะตากรรมลูกเดียว มักชอบเอาตนเองไปเปรียบกับพี่สาว เธอมักรู้สึกอยู่เสมอว่าตนเองก็เป็นลูกสาวของท่านอ๋องเช่นกัน ทำไมถึงต้องเอาไปเปรียบกับพี่สาวของเธอด้วย แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยคิดว่าเธอแย่กว่าพี่สาวของตนเอง ถ้าพูดจริงๆ ว่าอะไรที่แย่กว่าพี่สาวของเธอ นั่นก็คือชาติกำเนิดของเธอไม่ดีเท่ากับพี่สาว คิดเช่นนี้แล้วเธอก็ยิ่งไม่ยอม! เธอรู้สึกว่าพี่สาวของเธอก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอเลย ทั้งหมดนั้นก็แค่มีชาติกำเนิดดีกว่าเธอเท่านั้น" 

ฉินเฉาฮุ้ยฉีกยิ้ม "มีเหตุผล! พูดต่อสิ" 

เย่หนิงวางแก้วน้ำลง "บุตรสาวของพระมเหสีรองคนนั้นยิ่งต้นกำเนิดต่ำก็ยิ่งเปรียบเทียบกับพี่สาวของเธอ ไม่ว่าอะไรก็ยิ่งอยากแข่งขันกับพี่สาวของเธอ เปรียบเทียบกับพี่สาวของเธอ! พูดให้พูด ถึงแม้ว่าท่านอ๋องจะไม่มีบุตรชาย แต่ขุนศึกทั้งสี่ที่อยู่ข้างกายของเขาล้วนมีบุตรชาย และบุตรชายของพวกเขาเองก็เก่งกาจมากๆ เก่งยิ่งกว่ารุ่นพ่อตน! ท่านอ๋องเองก็ชอบและรักพวกเขาเป็นอย่างมาก เลยอยากเลือกลูกเขยให้ตนเอง!"

"บรรดาสี่ขุนศึกนี้ล้วนเก่งกาจมาก แต่ที่เก่งกาจมากที่สุดคงเป็นบุตรชายของขุนพลเสิ่น ท่านอ๋องให้ความสำคัญกับเขามาก และก็ชอบเขาเป็นพิเศษ จึงเตรียมให้หัวแก้วหัวแหวนของตนเองแต่งงานกับเขา บุตรชายของขุนพลเสิ่นโดดเด่นกว่าคนอื่นเช่นนี้ เจ้าตัวจะไม่ชอบได้อย่างไร ไม่เพียงแต่เจ้าตัวที่ชอบ น้องสาวของเธอก็ชอบเช่นกัน และอีกอย่างเดิมทีเจ้าตัวไม่รู้เลยว่าน้องสาวของเธออยากแย่งคู่หมั้นของเธอมาโดยตลอด"

"การแต่งงานนี้เพียงแต่ว่าท่านอ๋องได้กำหนดเอาไว้แล้ว ถึงบุตรสาวของพระมเหสีรองอยากจะแย่งก็คงแย่งไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นทั้งสองต่างก็มีใจให้แก่กัน เธอจะทำอะไรได้ไหมล่ะ ดังนั้นบุตรสาวของพระมเหสีรองถึงได้เกลียดพี่สาวคนนั้นของเธอมากๆ คิดว่าพี่สาวของเธอนั้นแย่งทุกอย่างไปจากเธอ เธอจึงอยากฆ่าพี่สาวคนนั้นของเธอตลอดเวลา เธอรู้สึกว่าแค่พี่สาวของเธอตาย บุตรชายของขุนพลแซ่เสิ่น ต้องเป็นของเธอแน่นอน เพราะท่านอ๋องมีบุตรสาวแค่สองคน พอตายไปหนึ่งคนก็จะเหลือบุตรสาวคนนี้ จึงจะเป็นเธอที่มาแทนพี่สาว แต่งงานกับบุตรชายของขุนพลแซ่เสิ่นแทน"

ก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่เย่หนิงพูดเป็นจริงหรือไม่ เขาจงใจหรือไม่ได้ตั้งใจมองไปทางมู่หรงซี

มู่หรงซีพูดเสียงเย็นว่า "เฉาฮุ้ย คุณคงไม่เชื่อเรื่องเหลวไหวของเธอหรอกนะ" 

ไม่รอให้ฉินเฉาฮุ้ยตอบ เย่หนิงฉีกยิ้มพูดขึ้นว่า "แค่เรื่องเล่าเท่านั้น พี่มู่หรง พี่จะเครียดอะไรนักหนา"

"แค่เรื่องเล่าเท่านั้นเหรอ" มู่หรงซียิ้มเย็นแล้วพูดว่า "คุณว่าฉันปัญญาอ่อนหรือไง คุณพูดออกจะชัดเจนขนาดนี้ คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าบุตรสาวของพระมเหสีรองที่คุณพูดถึงนั้นไม่ใช่ฉัน"

เย่หนิงกะพริบตา "อ่อ เรื่องที่ฉันเล่า ฉันเองก็หมดหนทางจริงๆ!"

"คุณพูดต่อสิ!" มู่หรงซียังแสดงท่าทีไม่สนใจออกมา "ฉันเองก็อยากลองฟังว่าคุณยังจะปั้นเรื่องอะไรมาพูดอีกบ้าง! ไม่ต้องบอก คุณอาจจะบอกว่าฉันมีความผิด! คุณบอกว่าคุณอยากพูด ฉันก็จะให้คุณพูดให้พอ!"

ฉินเฉาฮุ้ยฉีกยิ้ม พูดว่า "ผมก็คิดว่าเรื่องนี้ มีเหตุผลมาก คุณหมอเย่ คุณเล่าต่อเถอะ! หลังจาก หลังจากนั้นเป็นยังไง"

"หลังจากนั้น...ฉันบอกกับพวกคุณได้เลยว่าบุตรสาวของพระมเหสีรองคนนั้น ความจริงแล้วเป็นผู้หญิงที่เก่งกาจมาก! มีแผนมากมาย ทั้งยังเป็นคนที่มีความอดทนมากๆ ถึงแม้ว่าเธออยากจะฆ่าพี่สาวของเธอมาโดยตลอด ทว่าก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาสที่เหมาะสม แน่นอนเธอจึงไม่ได้ลงมือ! เธอแค่รอ รอมาเกือบหนึ่งพันปี...รอช่วงเวลาสงครามมาโดยตลอด...จนกระทั่งหาโอกาสยืมดาบฆ่าคน แล้วฆ่าพี่สาวของเธอ..."

"พูดจาเหลวไหล!" มู่หรงซีลุกขึ้นยืนพรวดขึ้นมา แล้วชี้หน้าด่าเย่หนิง "เธอป้ายความผิดให้คนอื่นจริงๆ ด้วย! คาดไม่ถึงเลยว่าเธอจะพูดว่าฉันเป็นคนฆ่าพี่สาวของฉัน คุณมีอะไรมายืนยันว่าการตายของพี่สาวของฉันเกี่ยวข้องกับฉัน ทำไมคุณไม่พูดล่ะว่าตระกูลเย่ของพวกคุณเป็นคนฆ่าพี่สาวของฉัน คุณไม่กล้ายอมรับใช่ไหมล่ะ คุณไม่กล้าเผชิญหน้าใช่ไหมล่ะ เพราะคุณกลัว! คุณกลัวว่าจะเป็นความจริง! ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริงของเรื่องนี้! คุณกลัวจะรู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงที่เสิ่นอี้เข้าใกล้คุณ คุณกลัวจะรู้ความจริง ดังนั้นถึงได้พูดจาเหลวไหลอย่างนี้! เอาเรื่องการตายของพี่สาวฉัน โยนความผิดมาให้ฉัน!" 

มู่หรงซียิ้มเย็น "เย่หนิง ความจริงแล้วคุณกลัวใช่ไหม พี่สาวของฉันตายด้วยเงื้อมมือของพวกคุณตระกูลเย่! เช่นนั้นคุณก็เลยไม่กล้ายอมรับความจริงข้อนี้ คุณก็ยอมที่จะพูดจามั่วซั่ว พูดจาส่งเดช พูดเรื่องนี้ที่ขนาดคุณเองยังไม่เชื่อ ฮ่าๆ คุณคิดจริงๆ เหรอ น่าสนใจดีนะที่คุณหลอกตัวเองอย่างนี้ คุณคิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะเปลี่ยนความจริงได้งั้นเหรอ จะเปลี่ยนเรื่องพี่สาวของฉันถูกพวกคุณตระกูลเย่ฆ่าตายได้งั้นเหรอ คุณคิดว่าเช่นนี้แล้วเสิ่นอี้จะเปลี่ยนเจตจำนงของเขาได้งั้นเหรอ"

"เย่หนิง คุณอย่าไร้เดียงสานักเลย! บนโลกนี้เขาเป็นคนที่เย็นชาและไร้ความรู้สึกที่สุด! จิตใจแข็งกระด้างและไม่มีหัวใจ! คุณคิดว่าคุณทำเช่นนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร คุณคิดว่าคุณกับเขาอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือน เขาจะรักคุณได้จริงๆ งั้นเหรอ"

เย่หนิงตัดบทคำพูดของมู่หรงซี แล้วพูดเสียงเรียบว่า "นี่ไม่ใช่ฉันคิดนะ แต่เป็นคุณคิดต่างหาก ไม่อย่างนั้นคุณจะลักพาตัวฉันมาทำไม คุณไม่ได้คิดว่าเสิ่นอี้ชอบ สนใจฉันถึงได้ลักพาตัวฉันมางั้นเหรอ ฮ่าๆ......" 

ฉินเฉาฮุ้ยหุบยิ้ม "คุณหมอเย่ คิดไม่ถึงคุณไม่ใช่แค่ชันสูตรศพได้เก่งกาจเท่านั้น! ขนาดชันสูตรความคิดคน คุณยังเก่งกาจขนาดนั้นด้วย!"

"ยังจะมาพูดอีก!" เย่หนิงพูดอย่างไม่ถ่อมตัวเลยสักนิดเดียวว่า "เรื่องนี้ ส่วนที่สำคัญที่สุดยังพูดไม่จบ แต่เหมือนกับว่ามีบางคนเริ่มหมดอารมณ์ไม่อยากฟังเสียแล้ว!"

"คุณพูดมาเถอะ!" มู่หรงซียิ้มเย็น "พูดมาเลย! คุณคิดว่าฉันกลัวคุณงั้นเหรอ"

เย่หนิงพูดอย่างช้าๆ ว่า "ฉันไม่ได้พูดว่าคุณฆ่าพี่สาวของคุณสักหน่อย คุณตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าเสียความมั่นใจอะไรไปหรอกนะ"

"ฉันรับไม่ได้ที่คุณพูดจาเหลวไหล! เห็นชัดๆ ว่าคุณกำลังป้ายความผิดมาให้ฉัน!" 

"ฉันไม่ได้พูดจาเหลวไหล เอาอะไรมากล่าวหาฉัน"

ฉินเฉาฮุ้ยมองทั้งสองคนนี้เงียบๆ หญิงสาวทะเลาะกัน หลังจากนั้นพูดว่า "คุณหมอเย่ คุณเล่าต่อสิ ไม่ได้ว่ายังมีที่สำคัญที่สุดงั้นเหรอ เล่าให้ผมฟังต่อสิ"

เย่หนิงกระแอมเล็กน้อย ดื่มน้ำผลไม้อย่างไม่เร่งรีบ "ความจริงถ้าให้ฉันพูด ลูกสาวของพระมเหสีรองคนนั้นต้องฉลาดมากๆ อย่างแน่นอน มีความอดทนมาก เพียงแต่น่าเสียดาย ความรักทำให้คนตาบอด! คิดไม่ถึงว่าเธอจะไร้เดียงสาจริงๆ คิดว่าพอฆ่าพี่สาวของเธอได้แล้วก็จะสามารถแทนที่ได้ ดังนั้นพอมีโอกาส ถือโอกาสรีบลงมือหรือให้พูดก็คือเธอยืมมือของนักล่าผีดิบ ฆ่าพี่สาวของเธอ"

มู่หรงซียิ้มเย็น "เรื่องพวกนี้ที่คุณพูด มีหลักฐานไหมล่ะ" 

ใบหน้าประหลาดใจของเย่หนิงมองไปที่มู่หรงซี แล้วพูดว่า "หลักฐานอะไร ฉันก็แค่เล่าเรื่องเท่านั้น เรื่องเล่าต้องมีหลักฐานอะไรด้วยล่ะ"

ฉินเฉาฮุ้ยอดยิ้มไม่ได้ พูดขึ้นว่า "น่าน่า คุณเองก็อย่ามาขัดคุณหมอเย่พูดสิ"