webnovel

ตอนที่ 209

ตอนที่ 209 มูลเหตุ

พอเห็นจวงหมิงหานยิ้มอย่างเล่ห์นัยอย่างนี้ เสิ่นอี้อยากตั้นหน้าเขาสักครั้งจริงๆ ทำให้แว่นตาของเขาแตกไปเลย

"นายอยากถามอะไร" ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร พอเห็นสีหน้ากวนๆ ของจวงหมินหานเช่นนี้ เสิ่นอี้มักรู้สึกว่าสิ่งที่เขาอยากถามต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

"ฉันอยากถามว่า ความสัมพันธ์ของนายกับเสี่ยวหนิงพัฒนากันไปถึงไหนแล้ว...อาอาอา" จวงหมิงหานยังถามไม่ทันจบ ลำคอก็ถูกบีบเสียแล้ว ไม่ได้บีบจนตาย เพราะเสิ่นอี้ยังคงเกรงใจอยู่

เสิ่นอี้ส่งเสียงเหอะ แล้วคลายมือ จ้องจวงหมิงหานเขม็ง สื่อความหมายเหมือนกับจะบอกว่า ขืนนายพูดเหลวไหลอีก ฉันบีบคอนายตายแน่

จวงหมิงหานไออยู่หลายครั้ง สติจึงค่อยๆ กลับมา "แค่กๆ......ล้อเล่นเท่านั้นเอง อย่าโกรธสิวะ ท่านอาวุโสมีอายุนานับปี อย่าโกรธจนโรคความดันสูงกำเริบสิขอรับ"

เสิ่นอี้พูดอย่างอารมณ์เสียว่า "นายเคยได้ยินว่าผีดิบเป็นโรคความดันสูงไหมครับ"

จวงหมิงหานพยายามคิด “ไม่มี บนโลกใบนี้ไม่มีอย่างแน่นอน! อีกอย่างนายก็เป็นถึงผู้อาวุโส......"

ปากปิดลงเมื่อเอ่ยคำว่าผู้อาวุโส เสิ่นอี้โกรธจนแทบอยากจะโยนจวงหมิงหานกลับเข้าไปข้างใน

ผลลัพธ์กลับเป็นเจ้าหมอนี้ไม่กลัวตาย ยังถามต่อว่า "เสิ่นอี้ ที่ครั้งนี้นายมาที่เมืองตงไห่ คงไม่ได้มาเพื่อคดีง่ายๆ พวกนี้หรอกนะ"

เสิ่นอี้พูดอย่างอารมณ์เสีย "เรื่องของผนึกทุกคนต่างก็รู้กันหมดแล้ว แล้วอีกอย่างผนึกชิ้นนี้ก็อยู่เมืองตงไห่ สถานที่ก็เจาะจงว่าอยู่ที่ไหน คนมากมายก็รู้แล้ว ว่าผนึกชิ้นนี้ทุกๆ สิบปีต้องซ่อมแซมหนึ่งครั้ง ต้องเพิ่มพลังของผนึก และปีนี้ก็ตรงกับวันสุริยุปราคาพอดี แต่ตอนนี้ผนึกอ่อนแรง ฉันก็เลยไม่มีทางเชื่อว่าพวกเขาจะไม่ลงมือทำอะไรเลย"

“นายพูดว่าพวกเขา...คือผีดิบตนอื่นงั้นเหรอ" จวงหมิงหานถามเสิ่นอี้

"ถูกต้อง!" เสิ่นอี้พยักหน้า "ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง ไม่อยากปล่อยคนคนนั้นออกมา แต่ข้างกายของท่านอ๋อง ยังคงมีจงรักภักดีอยู่หลายคน พวกเขาต่องไม่มีทางละทิ้งและทรยศท่านอ๋องอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรก็ตาม ก็อยากคิดหาวิธีช่วยท่านอ๋องออกมา"

จวงหมิงหานถามอีกครั้ง "เป็นเพราะเรื่องนี้ นายถึงมาที่เมืองตงไห่งั้นเหรอ"

“เป็นเพราะเรื่องนี้! ยังมีอีกเรื่อง ก็คือเรื่องการวิจัยขององค์การนั้น! เพียงแต่ฉันคิดไม่ถึงว่าสองเรื่องนี้จะเกี่ยวพันกัน” เสิ่นอี้เงียบอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดอีกครั้งว่า “ถ้าจะให้พูด เกรงว่าบริษัทย่อยของเทียนเหิงกรุ๊ปที่ให้บรรดาคุณชายนั่งบัญชาการก็คงวางแผนไม่นานมานี้ แต่คาดไม่ถึงว่าฉันจะไปรู้เข้า!”

พูดถึงตรงนี้ เสิ่นอี้รู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย "ถ้าคิดความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างสองสิ่งนี้ออกตั้งแต่แรก พวกเราก็คงได้ตรวจสอบเทียนเหิงกรุ๊ปไปตั้งนานแล้ว แล้วก็คงไม่ต้องเสียเวลามากขนาดนั้นหรอก"

จวงหมิงหานพยักหน้า แล้วพูดว่า "ใช่ ใครจะไปคิดถึงกันเล่า! แต่เสิ่นอี้ ถ้าเป็นไปตามที่นายพูด ปีนั้นสี่ขุนศึกที่อยู่ข้างกายท่านอ๋องล้วนตายกันไปหมดแล้ว หลังจากนั้นสี่ขุนศึกที่พวกนายต่างพูดถึง ความจริงแล้วก็คือทายาทรุ่นหลังของเหล่าขุนศึกใช่ไหม แต่ท่ามกลางพวกคุณสี่คน หนึ่งในนั้นสองคนก็ตายไปแล้ว ส่วนนายกับอีกคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนสนิทกันก็ไม่อยากปล่อยให้ราชาผีดิบออกมา ดังนั้นเรื่องนี้ก็เลยไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับพวกนาย งั้นตอนนี้ที่เทียนเหิงกรุ๊ป คนที่ช่วยวางแผนให้พวกเขาคือใครกันล่ะ"

"ใช่! ฉันเองก็คิดไม่ออกว่าเป็นใคร" นี่ก็เป็นหนึ่งในคำถามที่ทำให้เสิ่นอี้สับสนเป็นอย่างมาก

จวงหมิงหานพยายามคิด ทันใดนั้นก็ถามขึ้นมาว่า "เสิ่นอี้ ถ้าให้ฉันพูด...นายพลทั้งสี่ก่อนหน้านี้ ตายไปแล้วจริงๆ งั้นเหรอ"

เสิ่นอี้มองจวงหมิงหานแวบหนึ่ง จวงหมิงหานกล่าวเสียงทุ้มว่า "บางทีพวกเขาอาจไม่ตาย หลังจากนั้น ผ่านมาตั้งหลายปีก็เปลี่ยนเป็นผีดิบ แล้วกลับมาหานายของพวกเขา...โอ้ย น่ากลัวโว้ย!"

เสิ่นอี้ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือว่าจะหัวเราะดี "อย่าพูดเหลวไหล! นั่นไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว! ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่มีทางเป็นสี่ขุนศึกนั้นได้! เพราะพวกเขา...ตอนพวกเขาตาย" เสิ่นอี้เงียบอยู่ราวครึ่งนาที แล้วจึงพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า "ตอนที่พวกเขาตาย ขนาดตายศพยังไม่สมบูรณ์! ไม่มีทางทีจะมีชีวิตต่อไปได้หรอก!"

"อืม......" จวงหมิงหานรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย "ไม่ใช่เหรอ...ดูแล้วฉันคงคิดมากเกินไป...งั้น งั้น...ถ้าไม่ใช่พวกเขา แล้วก็ไม่ใช่พวกนาย...ปีนั้นผีดิบที่อยู่ข้างกายราชาผีดิบ ยังมีใครที่มีฝีมือเก่งกาจอีกไหม"

"คงจะไม่มีแล้ว!" เสิ่นอี้ส่ายหน้า "ทำยังไงฉันก็คิดไม่ออกเลยด้วย!"

"ไม่มีก็ดี!" จวงหมิงหานดูผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด "ยังไงก็มีนายอยู่ ผีดิบปกติไม่มีชีวิตกันหรอก ตราบเท่าทีนายไม่แก่......"

"อะไร นายบอกว่าใครไม่แก่ไม่ตายกัน บอกมาว่าเป็นใคร เชื่อไหมว่าฉันบีบคอนายตายได้! ไม่ถูกสิ! เชื่อไหมว่าฉันเองก็ทำให้นายเปลี่ยนเป็นผีดิบได้......"

จวงหมิงหานประหลาดใจ "เปลี่ยนได้จริงๆ งั้นเหรอ"

"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ" เสิ่นอี้ฉีกยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม "วันไหนอารมณ์ดีจะหาโอกาส แล้วก็เปลี่ยนนายให้เป็นผีดิบซะ"

"ได้ ได้!" ระดับความตื่นเต้นของจวงหมิงหานมีไม่น้อยว่าเย่หนิงเลยสักนิดเดียว "เช่นนี้ฉันก็จะไม่แก่ไม่ตายน่ะสิ!"

เสิ่นอี้......

ความจริงแล้วเขาไม่เข้าใจ คนสมัยนี้นั้นเป็นอะไรกัน!

ขนาดนักล่าผีดิบ คาดไม่ถึงว่ายังมีความคิดอยากเปลี่ยนเป็นผีดิบ!

พอคิดดูแล้วก็รู้สึกผิดหวังกับโลกใบนี้จริงๆ

"นายนะนาย!" เสิ่นอี้มองจวงหมิงหานเหยียดๆ "ฉันจะรอให้นายมีชีวิตแก่ เจ็ดถึงแปดสิบปี แล้วจะกลับมาหานายอีกครี้ง ดูสิว่านายตอนนั้น จะตลกออกไหม"

จวงหมิงหาน...

เสิ่นอี้ฉีกยิ้ม "กลัวไหม"

"เหอะ เกลียดนายชะมัด!" จวงหมิงหานคิดถึงภาพตรงนั้น รู้สึกได้ว่าเหมือนจะมีน้ำตาไหลอาบเต็มหน้า "ไม่ยุติธรรม ทำไมผีดิบไม่แก่ไม่ได้หรือไง!"

"เพราะของอะไรพวกเราก็ไม่ต้องกิน" เสิ่นอี้ยิ้มแล้วพูดว่า "นายจะลองดูก็ได้นะ"

"อืม ไม่ต้องกินอะไรเลยงั้นหรอ" จวงหมิงหานหน้าดำคล่ำเคร้ง " งั้นก็ไม่ต้องตายนะสิ"

"คงจะ...หลังจากนั้น ก็ไม่ต้องแก่..." ใบหน้าของเสิ่นอี้สงบนิ่ง "ขอให้โชคดี พอเปลี่ยนเป็นผีดิบ หลังจากนั้นก็จะมีชีวิตไม่สิ้นสุด"

จวงหมิงหานครุ่นคิด แล้วพูดว่า "โชดดีงั้นหรอ งั้นก็เปลี่ยนให้เป็นผีดิบสิ ถ้าโชคไม่ดีล่ะ"

เสิ่นอี้พยายามฝืนยิ้ม "ยังจะให้พูดอีก ปกติก็จะกลายเป็นก้อนเนื่อเน่าๆ ไงล่ะ”

"นี่!" จวงหมิงหานสะดุ้งตกใจ "เสิ่นอี้ ฉันเตือนนายเลยนะ อย่าคิดเปลี่ยนฉันเป็นผีดิบ ฉันไม่กลัวนายหรอกนะ! บอกเลยนะ ฉันเป็นนักล่าผีดิบ อย่ามาขู่ให้ยาก!”

เสิ่นอี้ฉีกยิ้มอย่างขมขื่นมาก "นี่ไม่ใช่สิ่งที่นายอยากถามหรือไง"

"เหอะ!" จวงหมิงหานสะบัดมือมือ "ดูท่าตอนนี้พวกเราจะพูดกันหมดแล้ว งั้นปล่อยนายไปก่อนแล้วกัน!"

ความจริง...หาเรื่องไม่ได้ถึงจะถูก

เสิ่นอี้เองก็ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย ก็เลยถามว่า "พวกนายมีแผนจะทำอะไรต่อไป"

"ยังไม่มีชั่วคราว นายล่ะ" จวงหมิงหานถามเสิ่นอี้ "นายไม่มีแผนอะไรเลยสักนิดเหรอ”