webnovel

ตอนที่ 208

ตอนที่ 208 ทรยศ

เสิ่นอี้ส่ายหน้า "ฉันไม่ใช่! ก่อนที่พ่อของฉันจะเข้าไปในวังกับท่านอ๋อง ก็เตรียมการให้พวกเราหนีไปแล้ว แต่สุดท้ายฮ่องเต้ก็ไล่ตามฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ดังนั้นพวกเราหลายคนจึงต้องหลบหนีอย่างยากลำบาก"

จวงหมิงหานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงถามว่า "ฮ่องเต้อะไร...ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย"

เสิ่นอี้กล่าวเสียงเรียบว่า "อำนาจสูงกลบนาย*[footnoteRef:1]! เรื่องเช่นนี้ จะมีฮ่องเต้ที่ไหนอดทนไหว! ตอนที่เขายังเป็นองค์รัชทายาทก็คิดอยากกำจัดท่านอ๋องคนนั้นอยู่แล้ว รอจนเขาขึ้นครองราชย์ ในที่สุดอำนาจในการควบคุมชีวิตบนโลกก็อยู่ในเงื้อมมือของเขา เขายังจะทนต่อไปไหมล่ะ" [1: อำนาจสูงกลบนาย แปลว่า ขุนนางที่มีอำนาจ มีความสามารถมาก แต่ก็ไม่รู้จักเก็บงำประกาย ไม่รู้จักประมาณตน จนทำให้เจ้าแผ่นดินเกิดความระแวง]

จวงหมิงหานขมวดคิ้ว "ถ้าเป็นอย่างนี้เขาก็ไม่เห็นต้องไล่ตามฆ่าเลยนี่นา! ฆ่าแค่ท่านอ๋องคนนั้นยังไม่พอ ขนาดคนที่อยู่ข้างกายเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยงั้นเหรอ"

"ใช่!" เสิ่นอี้ถอนหายใจเบาๆ "เขาไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน ไม่ปล่อยเลยสักคนเดียว ฆ่าคนแล้วคนเล่า ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับท่านอ๋องคนนั้นเขาก็ไม่ปล่อยไปสักนิดเดียว"

"โหดเหี้ยมชะมัดยาก"

"โหดเหี้ยมเหรอ" เสิ่นอี้ยิ้มเย้ยหยัน "พวกนายไม่เคยผ่านประสบการณ์ในยุคนั้น ก็เลยไม่รู้หรอกว่ามันโหดเหี้ยมขนาดไหน! ฮ่องเต้สั่งออกไป คนหลายพันหลายหมื่นล้มตาย! ท่านอ๋องคนนั่นสู้รบมาหลายปี มีบารมีสูงทั้งขุนนางและประชาชน ฮ่องเต้ไม่ฆ่าพวกเขา ไม่มีทางสงบใจได้! ฮ่องเต้ฆ่าผู้คนเหล่านั้นจนหมดสิ้น เขานอนหลับก็หลับไม่สนิท"

จวงหมิงหานยิ้มเย็น "ฆ่าคนมากขนาดนี้ คงนอนหลับได้แล้วมั้ง"

เงียบสักพัก เสิ่นอี้จึงพูดว่า "เพราะเขากลัวว่าคนอื่นจะแย่งตำแหน่งฮ่องเต้ของเขา เอาแต่คิดเช่นนี้แล้วจะปล่อยวางได้หรือไงล่ะ"

"งั้นราชาผีดิบตนนั้นล่ะ" จวงหมิงหานถาม "ผีดิบตนนั้น จากนั้นเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงกลายเป็นราชาผีดิบได้ล่ะ"

ครู่หนึ่ง เสิ่นอี้จึงค่อยๆ พูดอย่างช้าๆ ว่า "เขาถูกฮ่องเต้วางยาพิษในเหล้า หลังจากที่ตายก็ถูกฝังอยู่ในที่รกร้างโสโครก ปิดผนึกสุสาน ด้านบนยังลงอักขระเพื่อให้ท่านอ๋องท่านนี้ถูกกักขังอยู่ภายในสุสานไม่ได้ผุดได้เกิด"

จวงหมิงหานเองก็สงสัยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงถามหยั่งเชิงว่า "ปีนั้นลูกน้องของท่านอ๋อง ส่วนใหญ่...ต่างก็เปลี่ยนเป็นผีดิบ"

"ใช่ หลังจากที่ตายวิญญาณไม่ได้รับความสงบก็เลยเปลี่ยนเป็นผีดิบ" เสิ่นอี้ยิ้ม "ฮ่องเต้คนนั้น ไม่อยากให้พวกเราไปเกิด พวกเราก็เลยต้องมีชีวิตแบบนี้!"

"ถ้าเป็นอย่างนี้ ฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจ!" จวงหมิงหานสูบบุหรี่เฮือกสุดท้าย แล้วจึงดับบุหรี่ ถามว่า "นายก็เป็นคนที่อยู่ข้างกายท่านอ๋องสินะ ถ้าอย่างนั้นทำไมนายถึงช่วยพวกเราล่ะ ไม่มีเหตุผลเลย นายควรช่วยท่านอ๋องคนนั้นถึงจะถูก หรือว่านายไม่อยากปล่อยเขาออกมา"

เสิ่นอี้มองสวนดอกไม้ข้างหน้าที่อยู่ไม่ไกลอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นนานพอสมควรจึงพูดว่า "ความจริงครั้งแรกหลังจากที่ปล่อยเขาออกมา พวกเราหลายคนต่างเสียใจ เสียใจและไม่น่าปล่อยเขาออกมา!"

"อืม" จวงหมิงหานแสดงท่าทีไม่เข้าใจ

"เขาไม่ปล่อยวางทั้งความโกรธแค้นและความเกลียดชัง" เสิ่นอี้พูดอย่างจนปัญญา "เวลามันผ่านมาตั้งพันกว่าปีแล้ว แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ายุคสมัยเปลี่ยนไปกี่ยุคต่อกี่ยุค ฮ่องเต่ไม่รู้ว่าตายไปกว่าสิบคนแล้ว ความโกรธเคืองของเขากลับยังหยุดอยู่ที่ช่วงเวลานั้น ยังคิดอยากแย่งชิงตำแหน่งฮ่องเต้กลับคืนมา และทำให้โลกเป็นของเขา"

"พวกเราหลายคนมีอายุมาพันกว่าปี ผ่านประสบการณ์มากมาย แล้วก็ไปมาหลายแห่ง ความโกรธแค้นภายในจิตใจล้วนแต่ปล่อยวางกันหมดแล้ว เริ่มแรกฉันไปหาเขา ไปช่วยเขา ทำตามความต้องการของพ่อของฉัน แน่นอนอีกอย่างก็เพราะปีนั้นการฆ่าที่แสนโหดเหี้ยมของฮ่องเต้คนนั้น ทำให้เกิดความโกรธอยู่ภายในใจของพวกเรา ตอนนั้นคิดอยากหาเขา ช่วยให้ท่านอ๋องกลายเป็นฮ่องเต้ กลับคิดไม่ถึงว่ากว่าพวกเราจะหาเจอ ก็ปาไปพันกว่าปีแล้ว"

จวงหมิงหานครุ่นคิด แล้วถามอีกครั้งว่า "นายอยู่ไหม"

"อะไร"

"สงครามครั้งใหญ่เมื่อปีนั้น สงครามของนักล่าผีดิบและผีดิบ นายอยู่ด้วยไหม"

"ไม่อยู่" เสิ่นอี้ส่ายหน้า "พวกเราเคยโน้มน้าวเขา แต่เขาไม่ฟัง พวกเราเองก็จนปัญญา เพราะความจริงแล้วเขาเก่งกาจมาก พวกเราต่างก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดังนั้นเลยไม่มีความสามารถพอที่จะห้ามเขา และทำได้แค่เลือกจากมา"

"มิน่าล่ะ" ทันใดนั้นจวงหมิงหานก็ตระหนักขึ้นมาได้ "ผมได้ยินมาว่า เบื้องหลังที่พวกเรานักล่าผีดิบได้รับชัยชนะ สามารถปิดผนึกผีดิบได้ ทั้งหมดเป็นเพราะเกิดความแตกแยกกันภายในกลุ่มผีดิบ ได้ยินมาว่ามีคนทรยศราชาผีดิบ อยากตั้งตนเป็นราชาผีดิบเสียเอง..."

"ไม่มีเรื่องอย่างนั้นหรอก” เสิ่นอี้กล่าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง "พวกเราไม่มีคนอยากเป็นราชาผีดิบอะไรนั่นหรอก ยิ่งกว่านั้นไม่มีคนอยากชิงเอาโลกใบนี้มาครอบครองเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้พอฉันพูดเรื่องพวกนี้ บางทีอาจจะคิดว่าฉันกำลังหลอกลวง แต่ถ้านายมีชีวิตอยู่มาหลายปี เจอเรื่องมากมาย โดยปกติแค่มองก็จะเข้าใจแล้ว สำหรับของเหล่านี้ พวกเราก็มองออกมาตั้งนานแล้ว แต่ท่านอ๋องไม่เหมือนกัน..."

"เขาหลับใหลอยู่ในสุสานไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน หลับมาพันกว่าปี ความแค้นเคืองนั้นถูกสะสมมานานขนาดนี้ ความแค้นในจิตใจจึงมีอยู่มาก และอีกอยากความคิดและจิตใต้สำนึกของเขาล้วนยังติดอยู่ในช่วงเวลานั้น หยุดอยู่ในช่วงเวลาที่ฮ่องเต้ใช้ยาพิษปลิดชีวิตของเขา จะให้เขาปล่อยมันไปได้อย่างไร จะยอมได้อย่างไรกัน"

"พูดก็ใช่!" จวงหมิงหานถอนทอนใจ "เป็นใครพบเจอกับเรื่องอย่างนี้ เกรงว่าคงจะทนไม่ไหวเช่นกัน! ตนเองจงรักภักดีต่อประเทศชาติ สูญเสียหยาดเหงื่อ กระทั่งสุดท้ายกลับถูกฮ่องเต้สงสัยและเข้าใจผิด กลืนกินความไม่เป็นธรรมจนตาย นี่ยังไม่พอ หลังจากที่ตายฮ่องเต้ยังไม่ยอมปล่อยเขา ยังปฏิบัติกับเขาอย่างโหดร้าย ขังเขาเอาไว้ในสุสาน หลับอยู่ในนั้นตั้งพันกว่าปี เขาจะไม่แค้นก็แปลกแล้ว"

"ใช่" เสิ่นอี้ส่ายหน้า "ดังนั้น หลังจากที่เขาออกมา ก็คิดอยากจะแก้แค้น อยากยึดครองโลกใบนี้มาเป็นของเขา อยากทำความฝันที่จะเป็นฮ่องเต้ของเขา แต่โลกใบนี้ก็ไม่ได้โลกเหมือนในอดีตแล้ว ผ่านมาตั้งหลายปีขนาดนี้ วางก็ไม่ยอมวาง ทั้งที่ควรวางมันลงได้แล้ว แต่ท่านอ๋องกลับวางไม่ลงสักที โน้มน้าวไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราพูดเท่าไหร่เขาก็ไม่ฟัง พูดมากไปกลับยิ่งทำให้เขาสงสัยและไม่พอใจอีกด้วย ทำไงได้ล่ะ"

เสิ่นอี้พูดถึงตรงนี้ ก็ยิ้มเย้ยหยันอีกครั้ง "ดังนั้นหลังจากนั้น พวกเราถึงเสียใจเป็นอย่างมาก เสียใจที่ปล่อยเขาออกมา!"

จวงหมิงหานพูด "แต่ตอนนี้ยังมีคนอยากปล่อยเขาออกมา นายบอกว่าในองค์กรนั้น บางทีอาจมีคนข้างกายของท่านอ๋อง"

“ฉันแค่เดาเท่านั้น" เสิ่นอี้พูด

จวงหมิงหานครุ่นคิดแล้วถามอีกครั้งว่า "พวกนายเป็นสี่ขุนศึก นอกจากนาย ยังมีใครอยู่ข้างกายท่านอ๋องบ้าง"

"ไม่มีแล้ว" เสิ่นอี้ส่ายหน้า "ฉันเองก็คิดไม่ออกแล้วว่าเป็นใคร สองคนนั้น บุตรชายของขุนศึกทั้งสองคนนั้นที่ท่านอ๋องเป็นคนเลี้ยงดูฟูมฟัก ท่ามกลางความชุลมุนถูกฆ่าตายไปแล้ว ฉันเห็นกับตาว่าร่างของพวกเขาถูกเผาเป็นจุล ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถมีชีวิตกลับมาได้อีก ส่วนอีกคนหนึ่ง...เขาแยกออกมาพร้อมกับฉัน เขาเกลียดการต่อสู้ยิ่งกว่าฉันเสียอีก จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะยุ่งเกี่ยวเรื่องพวกนี้"

จวงหมิงหานกลอกตา ทันใดนั้นก็หัวเราะหึหึ แล้วถามว่า "เสิ่นอี้ มีอีกเรื่องที่ฉันอยากรู้เป็นพิเศษ..."