webnovel

ตอนที่ 163

ตอนที่ 163 มึน

"ยังไม่ยอมพูดอะไร!" หยางปินส่งเสียงเหอะ "เขาคงคิดว่าถ้าเขาไม่พูดอะไรก็คงจะไม่เป็นอะไร!" 

เสิ่นอี้กล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า "พยานบุคคลมีครบถ้วน ไม่ต้องพูดก็เหมือนเป็นความผิดของเขาแล้ว!"  

เย่หนิงอดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า "หาฟางจิ่งและเหลียงปินเจอหรือยังคะ" 

"หาเจอแล้ว!" หยางปินพูดต่อ "ทั้งสองคนนั้นกลัวมากๆ แต่โชคดีที่ปลอดภัย! ให้พูด เซียะยุ่นผิงเขาถูกโจมตีหนักเลยล่ะ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่ถูกเปิดเผยตัวง่ายขนาดนี้ เดิมทีแล้วเขาอยากเลียนแบบคดีฆ่าหั่นศพเมื่อสิบห้าปีก่อน ทำให้พวกเราตำรวจเข้าใจผิดคิดว่าฆาตกรคนเดิมกลับมาก่อคดีใหม่อีกครั้ง ตอนนี้รู้แล้วว่าจุดสำคัญที่ตนเองต้องทำก็ยังไม่รู้ จะโจมตีจริงๆ น่ะเหรอ หึ! ฆ่าคน ทว่ากลับไม่สามารถพลิกคดีของอู๋เหวินคังได้ ตอนนี้เขาคงจะเสียเซลฟ์ไปแล้ว! ดังนั้นผมคาดว่าเขาถึงได้ไม่มีแผนว่าจะเปิดปากพูด!"

"อืม......" เสิ่นอี้ตอบรับ แล้วไม่พูดอะไรอีก 

เมื่อกลับมาถึงหอพัก เสิ่นอี้ยังคงอุ้มเย่หนิงลงมาจากรถในท่าเจ้าหญิง เย่หนิงอึดอัดเล็กน้อย "ฉัน ฉันเดินเองได้ค่ะ"

"คุณเดินเองได้งั้นเหรอ" เสิ่นอี้ไม่ให้โอกาสเธอได้ขัดขืน เขาอุ้มเธอขึ้นไปข้างบนทันที

หลังจากที่กลับมาถึงห้อง เขาถึงวางเธอลง “นั่งดีๆ! ผมจะไปหายามาทาให้"

เขารื้อหีบค้นตู้ เอาขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวออกมาอย่างยากลำบาก และก็ไม่รู้ด้วยว่าข้างในนี้คืออะไร เย่หนิงมองอย่างอยากรู้อยากเห็น "ยาแก้ฟกช้ำเหรอคะ" 

"ไม่ใช่ครับ ยาห้ามเลือดและลดอาการปวด" เสิ่นอี้พูดพลางเปิดขวด กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยออกมา 

หอมจังเลย 

จากความทรงจำของเธอ ยาประเภทห้ามเลือดและลดอาการเจ็บปวดกลิ่นต้องเหม็นไม่ใช่หรอ

เย่หนิงยังคงคิดเพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อย ก็เห็นเสิ่นอี้กำลังใช้สำลีช่วยเช็ดบาดแผลของเธอจนสะอาด เจ็บ จนเธอเผลอส่งเสียงออกมาเล็กน้อย

"อดทนหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้นครับ" เขายังไม่เงยหน้า พูดปลอบขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ผมยาวนั้นตกลงมาโดนที่ขาของเธอ

เย่หนิงมองแล้วรู้สึกคันมือจริงๆ ก็เลยจับผมของเขาเล่น นุ่มจัง สนุก ทั้งยังเย็นมากๆ อีกด้วย 

เธอตั้งใจเล่น จนลืมความเจ็บไปเลย รอจนเสิ่นอี้ทายาให้เธอเสร็จแล้ว เขาถึงได้พูดขึ้นมาว่า "เสร็จแล้วครับ"

เธอมองเสิ่นอี้อย่างตกใจ

เสิ่นอี้ลูบศีรษะของเธอ โดยที่ไม่พูดอะไร 

มือของเขาเองก็เย็น เย็นมากๆ เลยด้วย 

แวบหนึ่ง ในสมองของเย่หนิง ก็เริ่มมีความคิดประหลาดๆ ปรากฏขึ้นมาในหัวอีกครั้ง 

ขณะที่มองเสิ่นอี้หันตัวเอาของไปเก็บ เธอมองเงาหลังของเขาไปพลาง คิดอย่างสงสัยว่าเขาเป็นอะไรกันแน่

"ยังเจ็บอยู่เหรอ" เสิ่นอี้ถามกลับ แล้วนั่งลงข้างๆ เธอ น้ำเสียงที่ถามปกติมากๆ 

เย่หนิงส่ายหน้า 

พอทายาก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว บนบาดแผลรู้สึกเย็น จนไม่รู้สึกเจ็บแล้วจริงๆ 

"ไม่เจ็บก็ดีแล้วครับ" เสิ่นอี้ลูบศีรษะของเธออีกครั้ง แล้วถามว่า "หิวไหม อยากกินอะไรหน่อยไหมครับ?"

เย่หนิงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว " กินค่ะ กิน! อะไรก็ได้ทั้งนั้นเลย!"

เสิ่นอี้ยิ้ม "งั้นรอสักครู่นะครับ!"

เขารีบกลับไปที่ห้องครัว

ขณะที่เย่หนิงกำลังรอ จู่ๆ ก็เคลิ้มหลับไป ตอนที่หลับเหมือนกับว่านอนไปนานมาก ถึงแม้ว่าเธอจะจำไม่ได้ว่าหลับไปตอนไหน ตอนที่ตื่นขึ้นมาก็มานอนอยู่ที่บนเตียงเสียแล้ว ทั้งยังเปลี่ยนเป็นชุดนอนสะอาด พอพลิกตัว ข้างเตียงว่างเปล่าไม่มีคนอยู่ เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที ลุกขึ้นนั่ง แล้วมองไปรอบๆ…...

นี่เป็น...ห้องของเสิ่นอี้งั้นเหรอ 

หลังจากที่เสิ่นอี้ใช้อาหารรสเลิศมาหลอกล่อเธอ เธอก็อยู่กับเสิ่นอี้มาโดยตลอด 

อาหารอร่อย...หิวจัง...หอมชะมัด...กลิ่นหอมอะไรโชยเข้ามากันนะ...…

เย่หนิงดิ้นรนปีนลงมาจากเตียง ทว่ากลับต้องทิ้งศีรษะกลับลงไปอีกครั้ง!

เกิดเรื่องอะไรขึ้น! ทั่วร่างเจ็บปวดรวดร้าว! คล้ายกับว่ากระดูกทั้งหมดจะพังทลาย!

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! 

ทำไมเจ็บไปทั่วทั้งตัวเลยล่ะ! 

เจ็บจะตายอยู่แล้ว! 

เย่หนิงนอนคว่ำลงบนเตียง ไม่อยากขยับตัวเลยสักนิด แต่อดไม่ได้ เพราะนี่มันหอมมากจริงๆ!

อยากไปกินแล้วล่ะ! 

เย่หนิงทึ้งหมอน ระบายอารมณ์ ตอนที่เสิ่นอี้เข้ามา เขาเห็นเธอกำลังทึ้งหมอนเล่นพอดี จึงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

"ตื่นแล้วเหรอครับ"

"ฮือๆ...เจ็บจังเลย เกิดอะไรขึ้น! " เย่หนิงกระโจนเข้าหาเป้าหมาย แล้วครวญครางอยู่ในอ้อมแขนของเขา

เสิ่นอี้ลูบหัวเล็กๆ นั้น แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า "เด็กดี พักสักนิดก็ไม่เป็นไรแล้ว! หลังจากที่ผมทำอาหาเสร็จแล้วจะมาเรียกคุณอีกครั้งนะครับ!"

"หิวจังเลย..." เย่หนิงยังคงครวญครางต่อไป 

"ผมรู้ ผมรู้ เดี๋ยวก็ดีขึ้น! นอนพักอีกสักนิดนะครับ" เสิ่นอี้จุมพิตหน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา แล้วพูดขึ้นว่า "เดี๋ยวผมจะเข้ามาช่วยนวดให้คุณ ดีไหม"

"ดีค่ะ" เย่หนิงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง มองเสิ่นอี้ เขาฉีกยิ้มบางๆ แต่กลับไม่รู้ว่าน่ามอง จนเธอไม่อาจละสายตาไปได้เลย

เสิ่นอี้หุบยิ้ม แล้วลูบที่แก้มของเธออีกครั้ง "นอนเถอะครับ"

นอนไม่หลับ 

มันนอนจนรู้สึกเหนื่อยแล้ว

ตอนนี้กี่โมงแล้วล่ะ

เย่หนิงควานหาโทรศัพท์อยู่นานแล้วจึงหยิบขึ้นมาดู ทว่ากลับต้องตกใจ! สิบเอ็ดโมงสี่สิบนาทีแล้ว!

เที่ยงแล้วนี่นา! 

ทำไมเธอหลับไปนานขนาดนี้เลยล่ะ! 

มินาถึงได้เมื่อยตัวนัก หลับมานานขนาดนี้นี่นา!

ให้พูด เมื่อคืนวานเหมือนกับว่าฝันอะไรที่แปลกมากๆ เลย

ฝันงั้นเหรอ 

เย่หนิงสั่นกลัว ขณะนั้นตื่นขึ้นมาเต็มตาโดยทันที!

เมื่อคืนวาน เธอฝันไปใช่ไหม 

คิดเช่นนี้แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ล่ะเรื่องปรากฏขึ้นมาในสมองของเธออีกครั้ง

ก่อนที่จะรับโทรศัพท์ของเซียะยุ่นผิง เขาบอกว่าเสิ่นอี้โทรให้เขามารับเธอ ทำให้เธอต้องรีบลงไป

หลังจากที่ขึ้นไปบนรถของเซียะยุ่นผิง ไม่ทันได้พูดอะไรก็หมดสติไป หลังจากตื่นขึ้น ก็พบว่าตนเองนอนอยู่ในสุสานเสียแล้ว 

สุสานที่มีชื่อของเมืองตงไห่

แล้วหลังจากนั้น หลังจากนั้น ในสุสานก็พบผีดิบตนแล้วตนเล่า พวกมันล้วนวิ่งกวดไล่ตามเธอ ตอนที่เธอคิดว่าผีดิบจะกระโจนเข้าหาตัวเธอ จู่ๆ เสิ่นอี้ก็ปรากฏตัว 

ราบกับว่าเทพตกมาจากสวรรค์ ทันใดนั้นก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอ องอาจกล้าหาญและไร้เทียมทามมากๆ กวาดล้างทุกสารทิศ ผีดิบทั้งหมดถูกทำลายจนเป็นจุล 

เสิ่นอี้เหรอ 

เย่หนิงใจลอยเล็กน้อย

คุณชายคนนั้นที่สวมชุดสีขาวอย่างสง่าผ่าเผย ทั้งโครงหน้าและอุปนิสัยที่สุขุมลุ้มลึก นั่นคือ...คือเสิ่นอี้เหรอ 

ขณะที่สับสนงุนงงก็เหมือนพบเจอกับคนคนนั้นในฝัน

และอีกอย่าง เสิ่นอี้ก็ไม่มีทางเป็นแบบนั้น เขาสวมเสื้อผ้าเหมือนคนโบราณ ทั้งร่างกายยังไม่มีอุณหภูมิเลยสักนิด......

ร่างกายเย็นเฉียบ 

ชัดๆ ก็คือ......

ก็คืออะไรล่ะ 

นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ 

เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น 

เป็นแค่ความฝันจริงๆ งั้นเหรอ 

ถ้าฝัน ทำไมความทรงจำถึงได้ลึกซึ้งขนาดนั้น!

เย่หนิงลุกขึ้นจากเตียง ตรวจสอบบาดแผลบนร่างกายของตัวเอง

บาดแผลบนตัวยังมีอยู่! 

ที่ฝ่ามือ ที่แขน ที่เข่า!

นี่เป็นร่องรอยทั้งหมดที่ล้มเมื่อคืน!

มิน่าพอเธอเพิ่งลุกขึ้น ถึงรู้สึกว่าทั่วทั้งร่างปวดร้าว 

แต่บาดแผลนี้ ถ้าเป็นของจริง งั้นก็ยืนยันได้ใช่ไหมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทั้งหมดเป็นความจริง

เรื่องเหล่านี้ ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจริง ไม่ได้กำลังฝันใช่ไหม

เย่หนิงสับสน