webnovel

ตอนที่ 164

ตอนที่ 164 จริงเหรอ

ทำไมถึงเป็นความจริงได้ล่ะ 

เรื่องเหลวไหลแบบนี้ แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่มีวิธีที่จะทำให้ตนเองเชื่อได้ 

แต่นี่เป็นความจริงเหรอ

ถ้าไม่จริง บาดแผลนี้ มันมาจากไหนกันล่ะ 

แต่ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริง งั้นเสิ่นอี้

เกิดอะไรขึ้นกับเสิ่นอี้กันแน่ เรื่องที่เกิดเมื่อคืน คือเรื่องอะไรกันแน่

ชายหนุ่มที่สวมชุดโบราณคนนั้น ก็คือเสิ่นอี้งั้นเหรอ 

ทำไมเสิ่นอี้ถึงเปลี่ยนเป็นคนคนนั้นได้ล่ะ 

ไม่มีทาง 

ไม่มีทางเป็นจริงอย่างเด็ดขาด 

เย่หนิงส่ายหัวอย่างแรง จนรู้สึกวิงเวียนศีรษะ ทั่งทั้งร่างไร้เรี่ยวแรง จนต้องกลับไปนอนบนเตียงอย่างอ่อนเพลีย

ปวดหัวชะมัดเลย! 

นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ คนที่รู้ช่วยบอกกับเธอหน่อยได้ไหม

"เสี่ยวหนิง เสร็จแล้ว ลุกขึ้นมากินได้แล้วครับ!"

เสิ่นอี้ผลักประตูเปิดอีกครั้ง แล้วเดินเข้ามา ทั้งยังถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมากๆ ว่า " ดีขึ้นแล้วใช่ไหม บาดแผลยังเจ็บอยู่ไหมครับ"

เย่หนิงที่อยู่ในผ้าห่ม ค่อยๆ โผล่ใบหน้าเล็กออกมามองเสิ่นอี้

"ทำไมเหรอครับ" เสิ่นอี้ถามอย่างแปลกใจ แล้วลูบศีรษะของเธอ ฉีกยิ้มพลางถามขึ้นมาว่า "มองผมทำไมเหรอครับ" 

เย่หนิงก็เลยถามขึ้นมาว่า "ฉันบาดเจ็บได้ยังไงค่ะ" 

"เอิ่ม" ครั้งนี้เสิ่นอี้กลับเป็นคนที่ตกใจ "เสี่ยวหนิง คุณจำไม่ได้เหรอ"

เธอส่ายหน้าอย่างสับสน เธอจำได้ แต่เรื่องเหลวไหลพวกนั้นทำไมถึงเป็นจริงได้ล่ะ 

เสิ่นอี้ลูบหน้าผากของเธอ แล้วกระซิบถามว่า "คงไม่ได้เลอะเลือนไปแล้วจริงๆ หรอกนะ" 

เลอะเลือน เย่หนิงคิดว่าตนเองเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ นั่นแหละ ! 

เธอถามอีกครั้ง "เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่" 

สีหน้าของเสิ่นอี้แปลกใจเล็กน้อย เขามองเธอ ทันใดนั้นก็ถามขึ้นมาว่า "เสี่ยวหนิง เรื่องเมื่อคืนคุณจำได้มากขนาดไหน จำไม่ได้สักนิดเลยเหรอ"

"ฉันจำได้ แต่มันเหมือน มันเหมือนกับว่าฝันไป" เย่หนิงลูบศีรษะของตนเอง กล่าวอย่างกลัดกลุ้มว่า "เสิ่นอี้มันเป็นฝันที่แปลกมาก เมื่อคืน เป็นฝันที่แปลกมากๆ เลย" 

เสิ่นอี้ถอนหายใจ กล่าวเสียงเบาว่า "เสี่ยวหนิง เมื่อคืนคุณไม่ได้ฝันครับ"

ดวงตาของเย่หนิงเบิกโต

เสิ่นอี้พูดย้ำอีกครั้งว่า "เสี่ยวหนิง คุณไม่ได้ฝันครับ!" 

"ไม่ถูก ไม่ถูก!" ตีให้ตายเย่หนิงก็ไม่มีทางเชื่อ เธอส่ายหน้าสุดชีวิต "ฉันก็แค่กำลังฝันไป!" 

เสิ่นอี้เพียงแค่พูดขึ้นว่า "เสี่ยวหนิง คุณได้รับบาดเจ็บใช่ไหม บนตัวของคุณมีแผลใช่ไหม ถ้าเป็นความฝัน ทำไมถึงได้รับบาดเจ็บจริงๆ ล่ะครับ" 

เย่หนิงเลิกดื้อรั้น เสมองเสิ่นอี้ พลางพูดตะกุกตะกักว่า "เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่" 

รู้สึกสับสนเล็กน้อย 

“คุณจำได้ขนาดไหน" เสิ่นอี้ถามอย่างแปลกใจ แล้วลูบหน้าผากของเย่หนิงอีกครั้ง อุณหภูมินี้ปกติมากๆ ไม่เหมือนกับความทรงจำเดิม

"ฉันจำได้เหมือนกับว่าหลังจากที่วิ่งในสุสานแล้ว หลังจากนั้นแล้ว......" เย่หนิงกะพริบตามองเสิ่นอี้ เธอพูดอย่างระมัดระวังว่า "หลังจากนั้นมีคนที่แปลกมากๆ วิ่งมาช่วยฉัน"

"คนที่แปลกมากๆ งั้นเหรอ" เสิ่นอี้ชี้ตัวเอง "คุณบอกว่าคนที่แปลกมากๆ งั้นเหรอ"

เย่หนิงค่อยๆ โผล่ออกมาจากในผ้าห่ม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่า "ก็..ก็คนคนนั้นหน้าตาเหมือนคุณเลย!"

เสิ่นอี้ถอนหายใจอย่างจนปัญญา และดึงตัวเย่หนิงออกมาจากผ้าห่ม "คนคนนั้นก็คือผม ใช่ไหม"

"จะเป็นไปได้ยังไง!" เย่หนิงคิดอยากหลบเข้าไปในผ้าห่มเป็นอย่างมาก แต่แผนการกลับล้มเหลว เพราะเสิ่นอี้จับตัวเธอไม่ปล่อย "ยังไม่ตื่นอีกเหรอ"

เย่หนิงละความพยายาม มองเสิ่นอี้แล้วพูดถามตะกุกตะกักว่า "คนเมื่อคืนนั้นจะเป็นคุณได้ยังไง"

"ทำไมจะเป็นไปไม่ได้" เสิ่นอี้มองเย่หนิงยิ้มๆ 

"เพราะ เพราะคนเมื่อคืนนั้น" เย่หนิงไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี เธอเอื้อมมือไปดึงผมของเขาอย่างอดไม่ได้

"ทำอะไรครับ!" เสิ่นอี้เจ็บ " เบาๆ หน่อยสิ คุณอยากจะดึงผมของผมให้หมดเลยหรือไง"

เย่หนิงพูดตะกุกตะกัก "เมื่อคืนผมของคุณไม่ได้เป็นแบบนี้! ทำไมถึงไม่ยาวล่ะ" 

เสิ่นอี้หมดหนทาง "พอแล้วครับ รีบลุกขึ้นมาได้แล้ว นอนตั้งนานคุณไม่หิวหรือไง" 

หิวสิ! 

หิวตั้งนานแล้วด้วย ถ้าไม่ได้คิดถึงเรื่องยุ่งๆ เมื่อคืน เธอก็คงจะหิวจนสลบไปตั้งนานแล้ว 

เสิ่นอี้ลูบเส้นผมของเธอ แล้วกล่าวเสียงเบาว่า "คุณลุกขึ้นมากินข้าวก่อน กินอิ่มแล้วผมจะค่อยๆ อธิบายให้คุณฟัง" 

ได้! เย่หนิงไม่สามารถต้านทานได้เลย ไม่สามารถต้านทานการรุกรานที่อ่อนโยนนี้ แล้วก็ไม่สามารถต้านทานต่ออาหารอร่อยที่ล่อตาล่อใจได้แล้ว

เดิมทีรู้สึกหนักใจมาก ผลลัพธ์กลายเป็นว่าพอเห็นอาหารอร่อยตั้งอยู่บนโต๊ะใหญ่ เย่หนิงก็แทบจะพุ่งตรงเข้าไป กินอย่างมีความสุข ทำให้ลืมเรื่องนี้ไปเสียหมด

อาหารสามารถทำให้หลงลืมได้เสียหมด เสิ่นอี้นี่น่าเลื่อมใสมากๆ เลย 

เย่หนิงยังกินไม่อิ่ม ทว่าเหมือนกับจะจำขึ้นมาได้ว่าตะเกียบของเสิ่นอี้ไม่ได้ขยับเลย แล้วเขาก็นั่งเงียบๆ อยู่ข้างเธออย่างนั้น ถ้วยน้ำซุปที่ยกมายังวางอยู่ตรงนั้น

เย่หนิงรู้สึกสงสัยมาก "เสิ่นอี้ ไม่กินเหรอ"

"ผมกินหรือไม่กินก็ได้" เสิ่นอี้ยิ้มแล้วถามว่า "ว่าไงครับ กินอิ่มหรือยัง" 

"อืม" เย่หนิงลูบท้องน้อยๆ ของตนเอง แล้วตอบอย่างพอใจว่า "กินอิ่มแล้ว!"

ถึงจะกินอิ่มแล้ว แต่เธอยังกินต่อได้อีก!

กินต่อเหรอ!

แต่อิ่มแล้วจริงๆ นะ!

เสิ่นอี้ลุกขึ้น ค่อยๆ เก็บของอย่างช้าๆ เย่หนิงเริ่มกังวลเล็กน้อย มองมือที่ได้รับบาดเจ็บของตนเอง แล้วก็มองเสิ่นอี้อีกครั้ง

เรื่องเมื่อคืน เป็นความจริงทั้งหมดเลยเหรอ 

"ดื่มน้ำผลไม้หรือว่าจะดื่มน้ำชา" พอเสิ่นอี้เก็บของเสร็จ กลับมาแล้วก็ถามขึ้น

"อะไรก็ได้ค่ะ" เย่หนิงยังคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เดิมทีแล้วไม่มีกระจิตกระใจฟังคำพูดของเสิ่นอี้เลย

เสิ่นอี้ล้างชุดชาอย่างช้าๆ นั่งลงแล้วเริ่มต้มชา เย่หนิงไม่ถาม เขาก็ไม่พูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หรือว่าการสืบสวนคดีนี้ ล้วนไม่พูดอะไรเลย 

เย่หนิงไม่ใช่ไม่อยากถาม แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มถามยังไงดี 

เรื่องเมื่อคืน 

เธอคิดกลับไปกลับมา ในสมองปรากฏเงาร่างของคนชุดขาวผู้นั้น

คนชุดขาว

สติของเย่หนิงกลับมาอย่างรวดเร็ว จู่ๆ ก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ สักพักหนึ่งจึงถามว่า "เมื่อหนึ่งเดือนก่อนมีอยู่ครั้งหนึ่ง เหมือนกับว่าตอนที่ผ่านสุสานครั้งนั้น ได้เจอกับคนคนหนึ่งเข้า"

เสิ่นอี้ยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร 

คนคนนั้นเย่หนิงไม่เคยจำผิด คนคนนั้น ก็คือคนที่เจอเมื่อคืนวาน เหมือนกันมากๆ

เย่หนิงกลืนน้ำลาย "คนคนนั้น คือคุณใช่ไหม" 

เสิ่นอี้ฉีกยิ้ม แล้วก็ไม่ปิดบังอะไรอีก พยักหน้าแล้วพูดว่า "ใช่ครับ เป็นผมเอง!"

" อะไรนะ!" เย่หนิงสะดุ้งสุดตัว "เกิดอะไรขึ้น"

"เรื่องนี้ ค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย"

"รีบบอกฉันมาเลยนะ!" เย่หนิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ท่าทางเช่นนี้เหมือนกับว่าอยากกระโดดกัดเสิ่นอี้ใจจะขาด

"ที่สุสานนั้น ความจริงพวกเราเองตามมาตั้งนานแล้ว! ก่อนหน้านี้หลายปีพบว่ามีคนบางคนใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมสร้างผีดิบ ขนาดพวกเราตามถึงขนาดนั้น แต่ก็หาเบาะแสอะไรไม่ได้เลย หลังจากได้ยินคดีที่หมู่บ้านว่างยาชุนแล้วก็เลยสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับสุสานหรือเปล่า เลยเจาะจงหาไปก่อน ไปเพื่อให้แน่ใจว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่"

"คุณหยุดพูดไปเลยนะ!" วินาทีนั้นเย่หนิงอยากฆ่าเสิ่นอี้ใจจะขาด "ใครถามคุณกันเล่า!"