webnovel

ตอนที่ 062

ตอนที่ 62 จุดประสงค์เดียวกัน

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง หยางปินที่ได้รับโทรศัพท์จากพวกเขาก็มาถึงหอพักของเสิ่นอี้แล้ว

เวลานี้ ท้องฟ้าก็ได้เริ่มที่จะสว่างขึ้นแล้ว

เสิ่นอี้ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เขาเปิดผ้าม่านออก รัศมีของแสงแดดผ่านลอดเข้ามาทางหน้าต่าง กระทบลงบนพรมลายถักมือผืนนั้น

โต๊ะสำรับน้ำชาที่อยู่ด้านข้างมีแก้วน้ำโปร่งแสงวางอยู่ ด้านในนั้นมีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว

หยางปินกดกริ่งที่หน้าประตูของทางเข้าหอเบา ๆ แล้วเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างเสิ่นอี้ เขาลดเสียงพูดขึ้นว่า “นายท่าน......”

“หาเจอแล้วหรือยัง” เสิ่นอี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ยังเลยครับท่าน...” หยางปินก้มหน้าลง ในใจรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา ราวกับกลัวว่าจะถูกเสิ่นอี้ตำหนิเข้าอย่างไรอย่างนั้น

เสิ่นอี้พ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่ค่อยที่จะพอใจนัก “นี่มันเจตนาจะก่อปัญหาให้พวกเราเพิ่มชัด ๆ”

“นายท่าน” หยางปินเริ่มที่จะกังวลขึ้นมาเล็กน้อย “เราจะจัดการเจ้าเฝิงเยี่ยนฮวายนั่นอย่างไรดีครับ เขาเป็นนักล่านะครับ”

เสิ่นอี้แสยะยิ้มออกมา ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด “ความสามารถของเขาก็เท่านั้นแหละ เขาจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ พวกสี่ตระกูลใหญ่นั่นก็เป็นอย่างนี้ นอกจากเฝิงเยี่ยนฮวายกับเจิ้งชวนแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครไปได้ไกลสักคน สักพักพวกเขาก็จะต้องตกต่ำลงเข้าสักวัน”

“ถ้าอย่างนั้น......” หยางปินลังเล “พวกเราก็ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้วใช่ไหมครับท่าน”

“ไม่ต้องไปสนใจเขา เจ้าเฝิงเยี่ยนฮวายนั่น ถึงปล่อยไปอย่างไรก็ยังเป็นประโยชน์ต่อเราอยู่”

แต่อย่างไรหยางปินก็ยังคงรู้สึกกังวลไม่หายอยู่ดี “แต่ว่านายท่านครับ เจ้าเฝิงเยี่ยนฮวายนั่นไม่ได้ใสซื่อเหมือนกับเย่หนิงนะครับ แล้วเขาเองก็มีประสบการณ์ไล่ฆ่าผีดิบมาหลายปีแล้วด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานทำให้เขาเริ่มที่เคลือบแคลงใจบ้างแล้วนะครับ”

“แล้วมันยังไงล่ะ ถึงเขาจะรู้เข้าจริง ๆ แล้วเขาจะทำอะไรพวกเราได้ ?” เสิ่นอี้พูดพลางเดินออกมาต้อนรับแสงตะวัน เขายกมือขึ้นบังแดด ใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องนั้น มือคู่งามดั่งหยกขาวเหมือนกับจะโปร่งแสงออกมา

หยางปินก้มหน้าลงพูดขึ้นว่า “ผู้น้อยแค่กลัวว่าเขาจะทำลายเรื่องสำคัญของเรานะครับท่าน”

“ฉันรู้กำลังของตัวเองดี นักล่าผีดิบแค่ไม่กี่คนไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจพวกเขาหรอก สิ่งที่เร่งด่วนในตอนนี้ก็คือคดีที่หมู่บ้านว่างยาชุนนั่น ทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ กลัวว่าเป้าหมายของพวกนั้นจะไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว แต่สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจเลยก็คือ พวกมันจัดเรียงผีดิบออกมามากมายขนาดนี้ เพราะพวกมันคิดจะทำอะไรกันแน่ ?”

หยางปินรู้สึกตกใจไม่น้อยเลย “นายท่าน ในโลงศพพวกนั้น......”

“ใช่แล้ว มันคือผีดิบ ทั้งหมดนั่นเป็นผีดิบ แต่ยังถูกขังอยู่ในโลงศพ ไม่ขยับเขยื้อนอะไร พวกนายก็แค่ไม่สังเกตเห็นเท่านั้นเอง เพียงแค่หากเปิดโลงออกมา พวกผีดิบจะต้องกระโจนออกมาอย่างแน่นอน”

หยางปินรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก “ทะ...ที่นั่นผู้น้อยเห็นมาแล้ว... ที่จริงแล้วมันไม่ใช่แหล่งเพาะเลี้ยงผีดิบที่เหมาะสมที่สุด ผีดิบพวกนั้น......”

เสิ่นอี้ขัดคำพูดของหยางปินขึ้น แล้วพูดออกมาอย่างเรียบ ๆ “มันไม่ใช่ผีดิบจริง ๆ ฉันดูออกน่า กลิ่นของมันไม่เหมือนกัน ให้เรียกว่าศพเดินดินยังจะเหมาะเสียกว่า พวกเขาถูกมันจับมาเป็น ๆ แล้วทำให้กลายเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เพราะตายไปแล้วถึงกลายร่างไป”

“น่าจะเป็นเช่นนั้นครับ” หยางปินสะดุ้ง

เสิ่นอี้ดึงผ้าม่านกลับมา พร้อมทั้งเดินไปกลางห้องรับแขกอย่างช้า ๆ มองไปยังแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะ เมื่อเวลาผ่านไปนานสักพักก็พูดขึ้นว่า “ส่วนเรื่องของนักศึกษาพวกนั้นก็กลัวว่าก็คงไม่ต่างกันนัก”

หยางปินเริ่มที่จะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว “หรือจะพูดได้อีกอย่างก็คือหลังจากศพเดินดินที่อยู่ในโลงศพถูกปลดปล่อยออกมา อาจจะเหมือนกับนักศึกษาพวกนั้น เกิดบ้าคลั่งแล้วทำร้ายผู้คน”

“ใช่แล้ว พวกมันต้องการเลือด ขอแค่เพียงมีเลือดที่เพียงพอถึงจะรักษาสภาพชีวิตของพวกมันไว้ได้”

หยางปินตกตะลึง “สิ่งที่อยู่นอนอยู่โลงศพ ก็แค่ศพเดินดินที่พวกมันอยากจะเก็บเอาไว้สินะครับ”

“ใช่แล้ว ศพพวกนั้นก็แค่สิ่งที่พวกมันอยากจะเก็บเอาไว้ ส่วนโลงศพที่ว่างเปล่า เกรงว่าน่าจะเป็นผลงานทดลองที่ล้มเหลว และถูกพวกมันทำลายทิ้งไปแล้วบางส่วน บางส่วนก็ยังไม่ถูกทำลาย และแน่นอน ฉันคิดว่าการทดลองของมันยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้นศพเดินดินพวกนี้เลยถูกเก็บเอาไว้ในถ้ำเพื่อติดตามดูอาการ ปัญหาสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือเฝิงเยี่ยนฮวายคนนั้น ไม่รู้ว่าเขาเป็นพวกเดียวกับมันหรือเปล่า”

เมื่อได้ยินเสิ่นอี้พูดเช่นนี้ หยางปินก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่ครับนายท่าน เจ้าเฝิงเยี่ยนฮวายนั่นน่าสงสัยจริง ๆ เขาไปถึงที่นั่นอย่างพอเหมาะพอเจาะได้อย่างไรกัน แล้วก็... ผีดิบตนนั้น น่าจะอยู่ในถ้ำมาตลอด เห็นได้ชัดเลยว่ามีคนอื่นทิ้งผีดิบไว้เพื่อคุ้มกันที่นั่น เมื่อมองผลงานทดลองที่อยู่ในนั้นแล้ว ผีดิบร้อยกว่าปีนั่น คนทั่วไปไม่สามารถที่จะต่อกรกับมันได้แน่ ที่พวกมันทิ้งผีดิบไว้อย่างสบายเช่นนี้ พวกมันคงมั่นใจว่าจะไม่มีใครจัดการกับผีดิบได้ ไม่แน่เฝิงเยี่ยนฮวายอาจเป็นคนที่พวกมันให้มาจับตาผีดิบตนนี้เป็นพิเศษก็ได้นะครับ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” เสิ่นอี้นั่งลงแล้วพูดขึ้นอย่างช้า ๆ “ถ้ามีผีดิบร้อยปีอยู่ที่นั่น พวกมันคงไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะมีคนพบถ้ำนั้นเข้า ถึงจะเจอแล้ว แล้วมันยังไงกันล่ะ ? ถ้าหากไม่ถูกผีดิบฆ่าตายก็คงรอดไปได้อย่างหวุดหวิด เป้าหมายของเฝิงเยี่ยนฮวายนั้นก็อาจจะเป็นการมาควบคุมผีดิบตนนี้ก็เป็นได้ ดังนั้นตอนที่เขาปรากฏตัวออกมา มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ แต่เป็นเพราะคนพวกนั้นดันมาพอดี”

“ผลงานทดลองอยู่ที่นั่นมาตลอด พวกเขาคงจะหาเวลามาตรวจดูเป็นระยะ ๆ ก็คงไม่แปลกอะไรนัก ก่อนที่พวกมันจะมาเฝิงเยี่ยนฮวายก็คงขึ้นมาควบคุมผีดิบตนั้นก่อน หลังจากแน่ใจแล้วว่าปลอดภัยก็คงส่งสัญญาณบอกให้พวกมันขึ้นมาได้ แต่ผลปรากฏว่าคราวนี้เฝิงเยี่ยนฮวายไม่ได้มีการส่งสัญญาณไป พวกมันจึงไม่มั่นใจ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็เลยไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า หรือไม่แน่เฝิงเยี่ยนฮวายอาจจะใช้วิธีพิเศษบางอย่างแจ้งเตือนพวกมันไปแล้วก็ได้”

เมื่อหยางปินคิดไปมา เขาก็ถามขึ้นว่า “นายท่านครับ ถ้าอย่างนั้นพวกเราควรจะทำอย่างไรดีล่ะครับ เราจะปล่อยเฝิงเยี่ยนฮวายไป จากนั้นค่อยหาคนเฝ้าติดตามเขาอย่างลับ ๆ ดีไหมครับนายท่าน ?”

เสิ่นอี้ส่ายหน้า “เขามีฝีมือขนาดนั้น คนธรรมดาจะติดตามเขาได้ง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอไง”

เช่นนั้นหยางปินจึงรีบพูดขึ้นอย่างทันที “ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผมไปสิครับ เขาไม่มีทางรู้ตัวแน่ ๆ”

“ไม่ได้หรอก” เสิ่นอี้ยังคงไม่ยอมตอบตกลง “อย่าลืมสถานะของนายในตอนนี้สิ ! เรื่องแบบนี้ไม่เหมาะที่จะให้นายทำหรอก อีกทั้งในกรมตำรวจยังมีเรื่องสำคัญที่สุดต้องการให้นายทำอยู่ เอาแบบนี้ล่ะกัน ฉันจะส่งซีเหมินไป มีเขาคอยจับตามองอยู่ เฝิงเยี่ยนฮวายคงหนีไปไหนไม่ได้แน่”

เสิ่นอี้พูดแล้วแสยะยิ้มขึ้น “ฉันอยากจะลองดูว่า ใครกันที่ใจกล้าทำเรื่องฝืนธรรมชาติขนาดนั้นได้”

หยางปินไม่เข้าใจเลย “คนพวกนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ครับ”

เสิ่นอี้แสยะยิ้มออกมาอีกครั้ง “ดูท่าแล้วจุดประสงค์ของพวกมันคงไม่ธรรมดานัก คาดว่าคงเป็นสิ่งที่ท่านจักรพรรดิในปีนั้นคิดเหมือนกันนั่นแหละ สิ่งนี้ เมื่อสองพันปีก่อน หนึ่งพันปีก่อน หรือห้าร้อยปีก่อนนั้นต่างไม่สามารถทำออกมาได้ แต่พวกมันกลับไม่ยอมแพ้ คงมีสักคนที่ไม่ยอมแพ้ อยากจะทำสิ่งนีออกมาให้สำเร็จ และทุกครั้งที่มีคนคิดจะทำสิ่งนี้ จะต้องมีคนบริสุทธิ์สักกี่คนกันที่ต้องตายไปเพราะเหตุผลนี้ คิดจะฝืนกฎธรรมชาติอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทางเสียหรอก เหล่ามนุษย์ผู้แสนโง่เขลาคงไม่มีทางที่จะเข้าใจ คิดแต่จะพึ่งพลังของตัวเองเพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตาฟ้าดิน คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นหรืออย่างไรกัน ?”

หยางปินถอนหายใจออกมา “สุดท้ายก็เพื่อจุดประสงค์นี้อีกแล้วใช่ไหมครับนายท่าน แต่ถ้า...”

เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องพูดเช่นไรดี

เรื่องนี้ เขาต่างก็เห็นมาเยอะแล้ว แล้วผลสุดท้ายเป็นอย่างไรล่ะ

เสิ่นอี้มองดูเวลา “นายกลับไปก่อนเถอะ ถ้าจวงหมิงหานมีความคืบหน้าอะไร ฉันจะบอกนายแล้วกัน”

หยางปินมองไปยังประตูที่ปิดอยู่อย่างแน่นหนาด้วยความลังเล “นายท่าน สิ่งที่พวกเราต้องการ อยู่ที่บ้านตระกูลเย่ใช่ไหมครับ ?”

เสิ่นอี้พยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้น.....” เหมือนหยางปินยังอยากจะพูดอะไรออกมาอีก แต่เสิ่นอี้กลับยกมือห้ามเขาไว้ “เรื่องนี้ฉันจัดการเองได้ นายไม่ต้องยุ่งหรอก หน้าที่ของนายในตอนนี้คือต้องค้นหาเผ่าของหมอนั่นให้เจอ เข้าใจหรือยัง ?”

“ครับ นายท่าน !”