webnovel

ตามเก็บลูก (2/2)

ธามเดินไปตามโถงหน้าลิฟต์ ปลายรองเท้าหนังมันขลับกระทบกับพื้นหินสังเคราะห์อย่างไร้เสียง ร่างสูงของเจ้าของตึกไปถึงด้านหลังของโต๊ะต้อนรับโดยไร้ผู้พบเห็น กระทั่งยามหนุ่มที่ควรเฝ้าคนเข้าออกตลอดเวลาก็ฟุบหน้าลงเคาน์เตอร์หลับสนิท

เสียงกระแอมดังขึ้นสามครั้ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสะดุ้งโหยงมองซ้ายขวาก่อนลุกพรวดขึ้นหลังตรงแหน็วทันที ทำความเคารพเจ้านายผู้แอบมายืนค้ำกดดันอยู่ข้างหลัง

"รบกวนขอดูรายชื่อคนเข้าออกตึกหน่อยครับ" ธามมีเรื่องสำคัญกว่าจะมาวุ่นวายกับการละเลยงาน ต่อให้เหลือบเห็นหนังสือการ์ตูนที่ถูกซ่อนอย่างลวก ๆ ไว้ใต้แผ่นรายชื่อ visitor ก็ไม่อยากว่าอะไร

ข้อมูลพนักงานทั้งรายชื่อ แผนก เวลาแตะบัตรเข้าและออกจากตึกถูกแสดงขึ้นในจอคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่เป็นชื่อที่เขารู้จักดีอยู่แล้ว ชื่อที่เขาไม่คุ้นนักก็ไม่ใช่กวิน หรืออาจเป็นชื่อเล่น?

จะพารานอยด์เกินไปหรือเปล่าถ้าเขาขอดูกล้องวงจรปิดเพราะแค่เจอพนักงานที่ไม่รู้จัก ในเอกสารสัญญาก็ไม่มีอะไรเสียหาย คำพูดของกวินมีเหตุผล เข้าเค้าเด็กฝึกงานที่ถูกวานมาทุกอย่าง แต่ความวิตกยังรบกวนชายหนุ่มอยู่ในใจ เขาหยิบแผ่นรายชื่อ visitor บนบอร์ดพลาสติกมาดูต่อโดยทำเป็นไม่ได้ยินเสียงไออักอ่วนจากเจ้าของหนังสือการ์ตูน

นาวี กวินกาศ

—ชื่อที่เขารู้สึกสนใจมากที่สุด ช่องถัดจากชื่อเป็นเบอร์โทรศัพท์ ถูกเขียนด้วยลายมืออ่อนช้อยอ่านง่ายแบบที่เห็นแล้วนึกถึงลายมือแม่ ถ้าตอนเด็กไม่เคยแข่งคัดไทยมาก็คงอายุไม่ต่ำกว่า 50

"มีปัญหารึเปล่าครับนาย"

ธามส่ายศีรษะ ยิ้มยืนยันว่ายามหนุ่มผู้ล่อกแล่กกังวลจะไม่เดือดร้อนเร็ว ๆ นี้ "ไม่ครับ ผมลืมชื่อน้องฝึกงานเลยมาเช็กนิดหน่อย"

คู่สนทนาดูโล่งอกทันที คือพอจะเป็นชื่อเสียงของธามอยู่แล้วว่าเจ้านายคนนี้ใส่ใจลูกน้องทุกคน กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ เช่นอยากรู้จักทุกคนในบริษัทให้ได้ ชื่อแซ่ หน้าตา ที่อยู่ พื้นฐานครอบครัวไปจนถึงประวัติอาชญากรรม อาจมองได้ตั้งแต่แคร์พนักงานไปจนถึงขั้นระแวงเกินเหตุ

ไม่มีอะไรหรอก…

ธามมีเหตุผล แต่ 'พวกนั้น' ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะส่งคนมาตามเฝ้าเขาทุกฝีก้าว

ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณพนักงานรักษาความปลอดภัย เมินเฉยความกังวลของตัวเองแล้วเดินลงไปลานจอดรถที่แทบวางเปล่า พื้นที่โล่งกว้างที่เคยมีรถจอดเต็ม วุ่นวายแน่นขนัด พอมันไม่มีใครแล้วก็ดูวังเวง

เสียงไร้ที่มาดังขึ้นในหัว ธามหยุดกึกกะทันหัน ใจเต้นรัวเร็วตามธรรมชาติเมื่อสัมผัสถึงสิ่งอันตราย

'เจออะไรน่าสนใจเข้าล่ะจ๊ะ?'

___

หลังแด๊ดโทรมาบอกให้เบาใจว่าทางนั้นเรียบร้อยดีแล้ว ลูกปลอดภัย ป๊าถึงมีเวลาพาหลินแวะซื้อเสื้อผ้าไซซ์เด็กเผื่อตัวเองและน้อง (เห็นสภาพลูกที่เดินบนคัทชูหลวมโพรก ต้องเอายางมัดผมมัดกระโปรงแล้วจะเป็นลม) พาหม่อนไปเลือกนมผง ขวดนม ผ้าอ้อม คาร์ซีท เป้อุ้มเด็ก แล้วก็ของจำเป็นสำหรับทารกที่ห้างใกล้เคียง จากนั้นเอาของไปเก็บที่คอนโดลูกคนโตก่อน ถึงค่อยนั่งแท็กซี่ไปหาลูกคนกลาง

ตวันเช่าห้องอยู่กับเพื่อน พวกเขาไม่มีคีย์การ์ดของที่นี่เลยต้องยืนอยู่หน้าประตูขึ้นลิฟต์ กดคุยกับแด๊ดผ่านอินเตอร์คอมให้ปลดล็อกประตู ระบบแบบนี้ก็ดี ได้คุยกับคนที่อยู่ในห้องนั้น ๆ โดยตรงแถมไม่ต้องลงมารับ

"แด๊ด ป๊ามาแล้ว เปิดประตูให้หน่อย"

"รอเดี๋ยว"

เสียงกดอนุญาตฟังดูปกติ แต่มันรวมกับเสียงอู้อี้ดังสุดชีวิตเหมือนคนจะขาดใจขอความช่วยเหลือปนมาด้วย ก่อนกลายเป็นซ่า ๆ คงที่เมื่อสายขาดไป ทิ้งให้ป๊ารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลยสักนิด

"หลินอุ้มน้องรออยู่ข้างล่างก่อนได้ไหม เดี๋ยวป๊าขึ้นไปดูแป๊บนึง"

"อ้าว ข้างบนมีอะไรอะ"

"ยังไม่รู้เหมือนกัน"

หลินแบกน้องไปนั่งเก้าอี้โซฟาที่ใกล้ที่สุด นั่งเล่นโทรศัพท์รอตามคำขออย่างว่าง่าย

"ตรงนี้ลับตาคนเกินไปไหม"

เด็กหญิงมองผู้เป็นพ่อด้วยความสงสัยปนเซ็ง แต่ก็ยอมมุ่งหน้าไปนั่งเก้าอี้บาร์อีกฝั่งที่ลึกลับน้อยกว่าที่เก่า

"ไม่ร้อนเหรอหลิน ตรงนี้แดดส่องนะ"

"ป๊า! อีกนิดนึงหนูจะขึ้นไปหาแด๊ดเองแล้วนะ" เธอกลอกตาให้กับความเครียดเกินเหตุของผู้ปกครอง

ป๊ามองซ้ายขวาหาที่นั่งรอตรงล็อบบี้ที่ไม่ร้อนเกินไป ไม่ลับตาคน ต้องเห็นถนนใหญ่ ต้องอยู่ในสายตายาม แดดไม่ส่องและมีแสงสว่างพอ เขาพึ่งรู้ตัวว่าออกจะเคร่งเครียดเกินเหตุตอนที่วนเวียนพาหลินย้ายที่มาแล้วอย่างน้อยสองรอบ

"หนูดูแลตัวเองได้น่า"

"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ" ก่อนกดลิฟต์ผู้เป็นพ่อไม่ลืมกำชับลูกอย่างเป็นห่วง "ใครมาชวนไปไหนอย่าตามไปเชียวนะ ต่อให้เอาไอติมมาล่อก็ห้ามตามไป"

"หนูสามสิบกว่าแล้วป๊า!"

ทริปขึ้นไปชั้นยี่สิบของคอนโดไฮไรส์เป็นไปอย่างรวดเร็ว สามีออกมาเปิดประตูให้ สีหน้าของเขาเย็นยะเยือกกว่าปกติ ซึ่งวัดจากนิสัยของคนที่มองหาความสุขได้จากทุกสิ่งแล้ว…รวมกับความตกใจก่อนหน้าเมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอายุลดลง สีหน้าเยือกเย็นถือว่าเกินความผิดปกติไปมาก

สิ่งแรกที่ปรากฏสู่สายตาคือคนหนุ่มคนหนึ่งถูกมัดติดกับเก้าอี้อยู่กลางห้อง

เดี๋ยวนะ?

คำว่าเรียบร้อยของสามี = มัดเพื่อนลูกปิดปากไว้กับเก้าอี้ สายตาหวาดผวาหน้าซีดมองมาทางผู้มาใหม่อย่างขอความช่วยเหลือ ผู้ลงมือลับมีดรออยู่ในครัว ตวันนอนกอดหมอนอิงตรงโซฟา บนโต๊ะมีทั้งน้ำส้มน้ำเปล่าและแผงยาปริศนา สีหน้าดูมึน ๆ ง่วง ๆ จะหลับอยู่ตลอด

"…"

คำสบถเดียวที่นึกออกคือความเงียบ

___

[แถม: ไฟลุกโชกโชน]

แด๊ดกดเรียกคนด้านบนด้วยความร้อนใจ นี่มันผ่านมากี่ชั่วโมงแล้ว ถ้าตวันกลายเป็นทารกด้วยเหมือนหม่อนมามัวชักช้าอยู่ตรงนี้ไม่เสี่ยงไปรึ หรือเขาควรใช้กำลังทุบประตูกระจกแล้ววิ่งขึ้นบันไดหนีไฟ วางมวยกับยาม ทุบประตูหนีไฟอีกทีเพื่อไปงัดเข้าห้องลูก แล้วไปจบที่สถานีตำรวจ

ความคิดเสี่ยงตายของพ่อผู้ร้อนรนหยุดลงเมื่อมีคนรับ

"ใครเหรอครับ?"

ไม่ใช่เสียงตวัน—รูมเมทของลูกสินะ

แล้วเขาล่ะจะเป็นอะไรดี?

"ลูกพี่ลูกน้องตวันน่ะ ลุงฉัตรฝากเอากล้วยอบจากที่บ้านมาให้" แด๊ดเอ่ยสิ่งแรกที่แล่นเข้ามาในหัว แม้ในมือจะไม่มีอะไรนอกจากกุญแจรถก็ตาม ถ้ารูมเมทถามต่อเขาจะบอกว่าของอยู่ในรถก็แล้วกัน

"วันนี้ตวันไม่อยู่ห้องหรอกครับ ดึก ๆ นู่นเลยกว่าจะกลับมา เอาไว้ก่อนได้ไหม"

"งั้นเอ็งรับแทนได้ไหม"

"เอ่อ ตอนนี้ไม่ค่อยสะดวก"

"แค่ส่งของประเดี๋ยวเดียว ไหน ๆ ก็อุตส่าห์ถ่อมาถึงที่นี่แล้ว" และใกล้จะเอาหัวโขกกระจกแตกเพื่อบุกเข้าไปทุกทีแล้ว ไม่ว่าความเป็นจริงคงไปจบที่โรงพยาบาลมากกว่าหรือไม่ก็ตาม

ในที่สุดเสียงปลดล็อกดังขึ้น แด๊ดได้ผลักประตูกระจกอันน่าชิงชังออก ยืนใจร้อนรออีกสักนาทีก่อนจ้ำอ้าวไปตามโถงทางเดิน ความรู้สึกผิดปกติแรกคือเพื่อนลูกดูลับ ๆ ล่อ ๆ ใช้ร่างสูงของตัวเองบังภายในไว้ด้วยสีหน้าอยากไล่แขกออกไปเร็วที่สุด

"ไหนของฝากล่ะครับ?"

แด๊ดถือวิสาสะก้าวเข้าไปเลยแล้วกวาดสายตามองหาไปทั่วคอนโด ห้องดูเพล็กซ์สองชั้น ห้องนั่งเล่นว่าง ห้องครัวว่าง ห้องน้ำไม่มีตวันอยู่ ตอนกำลังจะเปิดตู้เสื้อผ้าในห้องแต่งตัวเจ้าของถึงพึ่งหายช็อกแล้วเข้ามาขวาง

อีกฝ่ายหน้าเริ่มตึง ท่าทางเอาเรื่องพอกัน

"เดี๋ยวสิ คุณเป็นใคร"

"ตวันอยู่ไหน"

"คุณมีปัญหาอะไรกับตวันวะ"

แด๊ดโดนกระชากคอเสื้อเดี๋ยวนั้น พอดีกับที่เสียงเล็ก ๆ อันคุ้นเคยดังผ่านตู้ไม้อัดออกมา ตามด้วยเสียงทุบปึงปัง

"เปิดด! เปิดประตูนะ-ฮึก" ในที่สุดเด็กชายค้นพบว่าต้องเลื่อนประตูถึงจะเปิด แล้วร่างในเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งก็โผล่หัวออกมาจากกองเสื้อผ้า เอ่ยถามเจ้าของห้องเสียงใสซื่อติดจะสั่นเล็กน้อยคล้ายมึนเมา "โรมขังหนูทำมายย"

"อะ-เอ่ออ ไม่ใช่อย่างที่นายคิด"

เมื่อโรมเดินถอยหลังหนีไปสามก้าว แด๊ดย่างสามขุมเข้าไปสามก้าว ข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นสักนิดหลุดออกจากปากชายหนุ่มก่อนที่เขาจะโดนส่งเข้าซังเตข้อหาพรากผู้เยาว์

"แบบ—ลูกเพื่อนบ้านเขาฝากเลี้ยงน่ะ แหะ ๆ"

…หรือไม่ก็โดนหมัดของลูกพี่ลูกน้องบวกเข้าเต็มกำลัง

_____