webnovel

#พี่รักหนูนะ 1

#พี่รักหนูนะ

•-^-•

"สวัสดีครับ"

"อ๊ะ! ครับ สวัสดีครับ"

ผมรีบเอ่ยปากทักทายกลับทันทีด้วยรอยยิ้มแห้งๆ หลังจากที่ยืนอยู่ริมกระจกใสของห้องจัดงานมองหาคนที่นัดเอาไว้มานาน สีหน้าคงจะแปลกน่าดูในยามนี้เพราะเกิดอาการทำตัวไม่ค่อยถูก ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำตัวแบบไหนกับการมารวมงานหาคู่เป็นครั้งแรกในชีวิต แถมคนตรงหน้าที่เดินเข้ามาทักทายยังเป็นคนที่นัดเอาไว้ และเป็นชายแท้ที่โคตรจะดูดีอีกด้วย

"ซอโซ่หรือเปล่าครับ?"

"ครับ คุณโฬมใช่มั้ยครับ"

"ใช่ครับ ยินดีที่ได้เจอนะครับ"

"ครับ เช่นกัน"

ผมอยู่ในชุดสูทสีชมพูอ่อน ทรงผมทูบล็อคพยักหน้ารับแล้วยิ้มตอบ แต่เพราะไม่กล้าที่จะสบตากับคนตรงหน้าตรงๆ เลยกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อสำรวจงานแทน ซึ่งทั่วทั้งงานก็มีแต่ผู้ชายทั้งหมด

ก็แหงล่ะ มันงานหาคู่สำหรับชาวเกย์ หรือกลุ่ม Gay pride ที่มีความหมายว่า การสนับสนุนและยอมรับตัวเอง ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ยอมรับตนอย่างเปิดเผยว่าตนนั้นเป็นเกย์ เป็นเพศที่ชอบเพศเดียวกัน

"จริงๆ ผมว่าเรานัดเจอกันข้างนอกก็ได้นะครับ...ไม่เห็นต้องมาในที่ๆ มีแต่เพศสภาพเหมือนผมเยอะแบบเลย"

ผมหันมามองหน้าคนตัวโตที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าตรงหน้าหลังจากแอบลอบมองดูอยู่สักพัก แล้วพูดบอกด้วยสีหน้าเป็นกังวล เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหนผมก็เห็นแต่สายตาโลมเลีย จ้องจะงาบเขามาจากทุกทิศทุกทางเลย

หล่อขนาดนี้ก็ไม่แปลกหรอกที่จะถูกจับตามอง และจ้องจะเขมือบ ผมเองยังแปลกใจไม่หายเลยที่อยู่ๆ ผู้ชายแท้ที่ไม่เคยคบเพศที่สามมาก่อนคนนี้ ทักแชทมาหากันหลังจากที่ผมโพสต์สเตตัสหาคู่เดทลงในเพจหาคู่เกย์เมื่อเดือนก่อน

"ผมไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้นครับ...อีกอย่างผมแค่อยากจะลองเปลี่ยนแนวดู"

"หืม...งั้นผมคงเป็นตัวทดลองแรกสินะครับ"

ผมครางงึมงำในลำคอพึมพำกับตัวเองเสียงหงอย รู้สึกผิดหวังขึ้นมาดื้อๆ เพราะตัวเองนั้นตั้งใจจะมาหาคนรักแบบจริงจัง แล้วก็คาดหวังกับการมาเจอกันในครั้งนี้มาก ที่ผ่านๆ มาก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยคบหรือคุยกับใคร แต่สุดท้ายคนที่เคยคุยเคยคบมันก็ไปกันไม่รอด บ้างก็บอกว่าเราอยู่ไกลกัน บ้างก็ไม่กล้าที่จะเปิดเผย บ้างก็บอกว่าผมไม่ใส่ใจสนใจแต่งานทั้งๆ ที่ผมก็พยายามที่จะปรับตัวเข้าหาสุดความสามารถ ท้ายที่สุดก็กลายเป็นผมที่พยายามปรับตัวเข้าหาคนเหล่านั้นอยู่ฝ่ายเดียว

"แต่จากที่เราได้คุยกันทางแชทมาเป็นเดือนแล้วผมว่า...คุณก็โอเคนะ"

คนตัวสูงพูดขึ้นเสียงทุ้มนุ่มบนใบหน้ามีรอยยิ้มบางอย่างคนเอ็นดูประดับอยู่ แต่ทว่ามันไม่ได้ช่วยทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด คงเป็นเพราะผมคาดหวังมากเกินไปพอได้ยินอะไรที่มันไม่ตรงใจไม่เป็นดั่งที่หวังก็เลยใจเสียไปทันทีแบบกู้คืนไม่ได้

"ไม่ต้องปลอบกันหรอกครับ ผมรับได้แค่รู้สึกผิดหวังนิดหน่อยแค่นั้นเอง"

"ยังพูดจาเถตรงเหมือนเดิมเลยนะครับ"

"หืม? อ่อ...ขอโทษครับผมมันปากพล่อยเอง"

ผมรีบเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนตัวสูงที่อยู่ในชุดสูทสีฟ้าอ่อน เสื้อเชิ้ตด้านในเป็นสีฟ้าแต่อ่อนกว่าเสื้อสูท ผูกเนกไทสีขาวสะอาดกางเกงเข้ากับชุด และรองเท้าขัดมันสีขาวเงาวับ ทรงผมปอมปาดัวร์ที่เซ็ตเปิดหน้าผากเผยให้เห็นโครงหน้าสุดเพอร์เฟ็ค คิ้วดกดำ ตาเฉี่ยวคมเข้ม จมูกโด่งรับกับริมฝีปากหยักหนา แล้วเอ่ยปากขอโทษทันที เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น

มันคงจะเป็นคำพูดที่ไม่รักษาน้ำใจเขาสินะ

"ไม่ใช่แบบนั้นครับ ผมแค่จะหมายถึงผมชอบที่ซอโซ่เป็นคนพูดตรงแบบนี้น่ะ"

"///"

ผมถึงกับชะงักมองหน้าคนตัวสูงนิ่ง ก่อนที่แก้มทั้งสองข้างจะร้อนผ่าวขึ้นมาจนต้องหันหน้าหนีสายตาคมเข้ม แต่อ่อนโยนของเขาไปมองทางอื่น

"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ? ทำไมหน้าแดง?"

"ผม...แค่เขินน่ะ คุณไม่ต้องสนใจก็ได้ครับ"

ผมพูดตอบปัดพลางจะยกมือขึ้นมาปิดหน้าของตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาเห็น ทว่ากลับโดนมือใหญ่ของคนตรงหน้ามาจับตรึงเอาไว้เสียก่อน

"ไม่สนใจไม่ได้หรอกครับ...น่ารักขนาดนี้"

ไอ้บ้าเอ๊ย!

ตอนคุยแชทก็คุยกันธรรมดาแท้ๆ ทำไมต่อหน้าเขารุกเก่งจังอ่ะ ไหนบอกว่าไม่เคยคบผู้ชายไงทำไมทำให้หวั่นไหวเก่งจริง หรือเป็นเพราะผมมันใจง่ายเกินไปกันเนี่ย

"ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าแอบบ่นผมในใจแน่ๆ...ใช่มั้ยครับซอโซ่"

ตายยยยย~~

ผมหลับตาแน่นแล้วสบถในใจคนเดียวรอบสอง เมื่อคนตัวสูงตรงหน้าขยับตัวแล้วก้มหน้าเข้ามาใกล้กัน รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัวอย่างบอกไม่ถูกเพราะไม่บ่อยนักที่จะรู้สึกเขินจนตัวแทบแตกขนาดนี้ ไม่ก็คงเป็นเพราะไม่มีใครเคยทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ได้มากกว่า

"ครับ...ผมแอบบ่นพี่อยู่— อื้อ~"

ผมถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นใบหน้าหล่ออยู่ห่างแค่ปลายจมูกชนกัน ทำให้ผมต้องหลับตาลงอีกครั้งแล้วค่อยๆ เปิดเปลือกตาทีละนิดมามองหน้าเขา

คนอายุเยอะกว่ามองตาผมนิ่งก่อนจะแนบปากมาแตะปากของผมเบาๆ แล้วถอนหน้ากลับไปพูดพึมพำคนเดียว

"น่ารักชะมัด..."

"คุณว่าอะไรนะ?"

"ไม่เรียกว่าพี่แล้วหรอคะ...น้องซอ"

ได้ยินคำถามนั้นก็ทำให้ผมต้องเม้มปากตัวเองแน่นอีกหน หน้าร้อนแล้วร้อนอีกกับสิ่งที่เขาทำแม้จะตกใจที่เขาแตะปากจูบกันแบบไม่ทันให้ตั้งตัว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีที่เขากล้าแสดงออกต่อหน้าคนเยอะๆ โดยที่ผมไม่ต้องเรียกร้อง

"แล้ว...อยากให้น้องเรียกแบบไหนกันเล่า"

ผมถามเสียงเบาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก แอบเขินเอามากๆ ที่ใช้สรรพนามแทนตัวเองตามที่เคยใช้พูดคุยกันในแชท ตอนคุยกันแรกๆ ก็คุณกับผม พอวันต่อไปก็เป็นชื่อตัวเอง แต่หลังจากที่เราเริ่มคุยกันมาได้อาทิตย์นึงเขาดันพูดแทนตัวเองว่าพี่ ผมเลยตอบกับไปเป็นคำว่าน้องตั้งแต่นั้นมา เช่น

'วันนี้ตอนเที่ยงน้องมีประชุมด่วนนะครับ ไม่ได้อยู่คุยด้วย'

เขาก็จะตอบกลับมาประมาณว่า

'ครับ สู้ๆ นะคะคนเก่ง เดี๋ยวเย็นๆ พี่จะโทรไปหา'

อะไรประมาณนี้ ซึ่งบอกตามตรงว่าไม่เคยคุยกับใครแล้วยิ้มได้แบบนี้มาก่อนเลย ต้องยอมรับตามความรู้สึกจริงๆ ว่าผมชอบเขามากๆ มันก็เลยทำให้ผมคาดหวังเอาไว้เยอะอย่างที่บอก

"ก็เรียก...แบบที่เราเคยใช้เรียกกันไงคะ"

"พอเถอะครับ อย่าทำให้ผมคาดหวังนักเลยตกมาจากที่สูงๆ มันเจ็บเจียนตายเลยนะ"

ผมหันหน้าหนีแล้วบอกเสียงหงอยปนเศร้าสร้อย ไม่อยากจะรู้สึกเสียใจจากการคาดหวังอีกแล้ว ถ้าเขาแค่อยากจะลองเปลี่ยนแนวตัวเองเฉยๆ ผมก็จะช่วยเป็นตัวทดลองให้ แต่ได้โปรดอย่าให้ความหวังผมเลย เพราะผมคิดเล่นๆ กับใครไม่เป็นหรอก รักทุกครั้งผมก็ทุ่มสุดตัวมาตลอดแต่สุดท้ายก็ต้องซมซานกลับมารักษาแผลให้ตัวเองอยู่คนเดียว

"อ๊ะ! พี่โฬมปล่อยน้องลงนะ จะพาน้องไปไหน?"

ผมที่กำลังเพ้อพกรำพึงกับตัวเองร้องเสียงหลง เมื่ออยู่ๆ ก็ถูกคนตัวสูงอุ้มขึ้นมาพาดบ่า ทำราวกับว่าผมตัวเบานักหนาพาเดินตรงไปยังประตูทางออกของห้องจัดงาน ท่ามกลางสายตาของเหล่าชาวคณะมากมายที่หันมามองอย่างสนใจ

"พาเด็กขี้ใจน้อยไปลงโทษไงคะ"

"ห๊า? น้องเปล่าใจน้อยนะปล่อยน้องลงเลย"

"ไม่ปล่อยค่ะ"

"ไอ้พี่โฬม!"

"แปะ!"

"โอ๊ย! น้องเจ็บนะ ตีก้นน้องทำไมเนี่ย"

ผมร้องครวญที่โดนคนพี่เอามือฟาดก้นกันดังแปะจนรู้สึกแสบๆ คันๆ ก่อนจะเอี่ยวตัวไปมองด้วยใบหน้ายุ่งติดจะไม่พอใจ แต่ก็เห็นแค่ด้านหลังของเขาเท่านั้น

"ก็หนูพูดไม่เพราะไง"

"ก็น้องบอกให้ปล่อยแล้วพี่ไม่ยอมปล่อยนิ"

"แปะ!"

"อื้อ~ มันเจ็บนะ"

"เถียงเก่งจริงๆ"

"ฮึ่ย!"

ผมขมวดคิ้วทำหน้าบึ้งทันที ยอมหยุดโวยวายแล้วอยู่นิ่งๆ ไม่เอ่ยปากเถียงใดๆ ปล่อยให้เขาได้แบกผมเดินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่คิดจะถามเซ้าซี้อีก แต่คาดไม่ถึงว่าที่ๆ เขาพามามันจะเป็นชั้นบนสุดของโรงแรมที่จัดงานแบบนี้

#พี่รักหนูนะ

TW : https://twitter.com/dao_25?s=09