หลังจากแยกกันกับพลูโต ซัทก็เดินเข้ามาในห้องอาหารของสนามยิงปืน ที่โต๊ะตัวหนึ่ง มีผู้ชายรายหนึ่งกำลังนั่งจ้องมองมายังเขา ชายคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกับซัทมาก เมื่อซัทหันไปสบตากับเขา ซัทจึงเดินตรงเข้าไปทางนั้นทันที
"ไงนึกว่าจะไม่มาแล้ว"
ชายคนนั้นเอ่ยทักซัทที่เดินมาจนถึงโต๊ะ
"ทีแรกก็คิดไว้แบบนั้นแหละ"
ซัทพูดพร้อมกับดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง
"พูดแบบนี้แสดงว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปสินะ"
"ก็ใช่อยู่หรอก แต่แค่เปลี่ยนผู้จัดการเฉย ๆ น่ะ"
"เปลี่ยนอีกแล้วเหรอ คนที่เท่าไหร่แล้วล่ะ"
"ใครจะไปนั่งนับพวกนั้น"
"แสดงว่าผู้จัดการคนใหม่ไม่ใช่พวกนั้นงั้นสิ"
"ไม่รู้หรอก แต่ไล่กลับไปแล้ว คงถ่วงเวลาได้สักพัก"
"แล้วนอกจากผู้จัดการ มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือคืบหน้าบ้างไหม"
คำตอบที่คู่สนทนาของซัทได้รับคือความเงียบ
"เวลาจะหมดแล้วนะเพื่อน สิ้นปีนี้พ่อฉันก็จะเกษียณแล้ว ซึ่งไอ้คนที่ขึ้นมาแทนอาจจะเป็นพวกมันก็ได้"
ชายคนนั้นพูดด้วยความหงุดหงิด ใส่อารมณ์มาเต็มที่
"ฉันรู้เว้ย ฉันรู้ แต่ถ้ามันง่ายขนาดนั้น พวกมันคงโดนขุดรากถอนโคนไปนานแล้ว"
ซัทเองก็พูดแบบใส่อารมณ์ไม่แพ้กัน
"ฉันว่านายควรบอกเรื่องนี้ให้พี่สาวนาย..."
"ฉันบอกไปกี่ครั้งแล้วว่าไม่ได้ จะให้ฉันบอกยังไงในเมื่อไม่มีหลักฐาน"
ซัทพูดแทรกขึ้นมา ก่อนจะนิ่งเงียบไปเพื่อพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง ก่อนจะพูดต่อ
"ฟังนะตาณ ถ้าไม่มีหลักฐาน ต่อให้คนทั้งโลกมาบอกว่าเขาชั่วขนาดไหน ก็ไม่มีใครเชื่อหรอก เราต้องการหลักฐานเข้าใจไหม"
ซัทพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
"ฉันรู้ว่าเราต้องการ แต่นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่รึไง ว่าจะหามาให้ฉัน แต่นายก็ยังหาไม่ได้สักที มันกี่ปีมาแล้วเพื่อน เวลามันไม่หยุดรอนายหรอกนะ"
ตาณพูดด้วยน้ำเสียงเดียวกันกับซัทในช่วงแรก ก่อนที่จะเริ่มใส่อารมณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ ไปจนจบประโยค
หลังจากนั้นบรรยากาศก็เงียบงันและตึงเครียด ทั้งสองไม่ได้โต้เถียงอะไรกันอีกพักใหญ่ จนกระทั่ง ซัทลุกขึ้นยืน แล้วพูดขึ้นว่า
"ดวลปืนกันไหม"
"ก็เอาสิ"
หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินออกจากห้องอาหาร ไปยังสนามยิงปืน
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงบ่าย 3 โมงกว่า ๆ เกือบ ๆ จะ 4 โมง พลูโตก็ขับรถกลับมาถึงสนามยิงปืนอีกครั้ง เขารีบลงจากรถ แล้วเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ต้อนรับ ก่อนจะยื่นบัตรสมาชิกให้พนักงานดู ก่อนจะถามว่า
"ไม่ทราบว่า พอจะรู้ไหมครับว่าคุณซัทอยู่ไหน"
"ไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะ แต่ถ้าเป็นโซนประจำของคุณซัท ก็คงเป็นโซนระยะ 25 เมตร ไม่ก็ 50 เมตรนั่นแหละค่ะ"
"ขอบคุณครับ แล้วสองโซนนั้นอยู่ตรงไหนเหรอครับ"
"เข้าประตูทางด้านหลังนี้ไป แล้วเดินตรงไปเรื่อย ๆ เลยค่ะ โซนแรก โซน 10 เมตร จะมีห้องอาหารด้วย โซนถัดไปคือ 25 เมตร และ 50 ตามลำดับค่ะ"
"ขอบคุณมาก ๆ ครับ"
พูดจบพลูโตก็เดินเข้าประตูทางด้านหลังไป เขาหันมองซ้ายทีขวาที คนที่กำลังยิงปืนอยู่ไม่มี แต่พอมองเข้าไปในห้องอาหารก็เห็นว่า ซัทกำลังนั่งคุยกับใครสักคนหนึ่งอยู่ เขาจึงเดินเข้าไปในห้องอาหาร แล้วไปหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ โต๊ะ ซึ่งในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาเข้าหูด้านขวาของเขา
"ทำเวลาได้ดีเลยนี่ นึกว่าจะมาช้ากว่านี้เสียอีก"
มันเป็นเสียงของซัท พลูโตจำได้แม่น แต่คนที่อยู่ข้างหน้าเขาไม่ได้ขยับปากเลยสักนิด เขาจึงหันตามเสียงไป ก่อนจะพบว่า ที่ตรงนั้นมีซัทอยู่อีกคน
พลูโตจึงหันไปหันมาหันมาหันไป ด้วยความตกใจและสงสัย จนแน่ใจว่า คนที่เขาเห็นในทีแรก ไม่ใช่ซัท ถึงจะคล้ายกันมาก แต่เมื่อสังเกตดูดี ๆ ก็มีความต่างกันอยู่บ้างทางหน้าตา แน่นอนว่า ถ้าเขาสังเกตเสื้อผ้าก่อน เขาคงจำคนไม่ผิดหรอก แต่ที่สำคัญคือทำไมคนคนนี้ ถึงได้เหมือนซัทขนาดนั้นนะ หรือว่าจะเป็นฝาแฝดกัน
"คุยกับใครอยู่วะซัท"
ตาณถามซัทด้วยความสงสัย
"ก็นี่ไง ผู้จัดการคนใหม่ของฉัน ชื่อนายจืด"
ซัทพูด พร้อมกับผายมือซ้ายไปทางพลูโตที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โต๊ะ
"สวัสดีครับ ชื่อพลูโตครับ"
ชายคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามซัทดูตกใจเล็กน้อย ที่จู่ ๆ ก็มีคนโผล่มาทางขวามือของตัวเอง
"นายจืด ทำความรู้จักไว้ นี่เพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนของฉันเอง แถมยังเป็น สตันท์ดับเบิล ของฉันด้วย"
"อ๋อ มิน่าล่ะ ผมก็ว่าอยู่ ทำไมดูคล้ายกันแปลก ๆ นึกว่าเป็นฝาแฝดกันซะอีก"
"มีคนเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นไอ้ซัทอยู่บ่อย ๆ เหมือนกันครับ แล้วก็ผมชื่อตาณนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับผู้จัดการ"
"เอาล่ะเลิกพิธีรีตองกันได้แล้ว ว่าไงไอ้ตาณดวลกันอีกสักรอบไหมก่อนกลับ"
"ก็เอาสิ เท่าไหร่ดีล่ะ"
"7 ลูกก็พอ 50 เมตร"
"ตกลง"
ปัง ๆ ๆ เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว นั่นคือสิ่งที่พลูโตคิด แต่ความจริงแล้ว เสียงมันเบากว่านั้นเยอะ เพราะเขาใส่ที่ครอบหูไว้นั่นเอง
จากนั้นตาณกับซัท ก็กดรอกให้เป้ายิงเลื่อนมาหาพวกเขา ซึ่งพลูโตมองแค่ผ่าน ๆ ก็รู้ได้ในทันทีเลยว่า ซัทแพ้ยับ
เป้าของตาณ กระจุกกันอยู่ตรงกลางเสียเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ของซัทนั้นมีบางลูก ตกขอบเป้าไปด้วยซ้ำ
นึกว่าจะแน่ เห็นใจกล้าไปท้าเขาตาลุงเอ๊ย พลูโตเย้ยหยันซัทอยู่ในใจ
"เฮ้ย ๆ ไอ้จืด เก็บอาการหน่อย ตาวิเศษเห็นนะ"
ซัทพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ในขณะที่ตาณอมยิ้ม
"ไม่น่าเชื่อนะว่าผู้จัดการก็เป็นคนในวงการบันเทิง"
"เออ ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่ที่ไม่น่าเชื่อกว่าคืออะไรรู้ไหมจืด คือไอ้หมอนี่ มันเป็นตำรวจไง ยศใหญ่ซะด้วยนะ แต่ดันหาแอบไปเล่นเป็นตัวประกอบเฉย แล้วเล่นเป็นตำรวจด้วยนะ"
"จริงเหรอครับ คุณตาณเป็นตำรวจหรือครับ"
"ครับเป็นตำรวจจริง ๆ แต่ก็เป็นตำรวจธรรมดา ๆ ที่ต้องการหารายได้พิเศษ เลยแอบไปรับงานเป็นตัวประกอบ ก็แค่นั้นเอง อย่าไปเชื่อไอ้ซัทมันมาก มันพยายามจะเบี่ยงเบนประเด็นที่ว่า มันยิงปืนแพ้ผมราบคาบต่างหากล่ะ"
พลูโตพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของตาณ
"เออ ๆ คนชนะจะพูดไงก็ได้แหละ ไปกันเหอะจืด กลับบ้านดีกว่า"
พูดจบซัทก็เดินหนีห่างออกจากตาณไปก่อน
"ไว้เจอกันใหม่นะครับ คุณ...ตำรวจ"
พลูโตพูดติดตลก ก่อนจะรีบเดินตามซัทไป
"ไอ้ซัทอย่าลืมที่คุยกันไว้ล่ะ ทำเวลาด้วย"
ตำรวจตาณตะโกนไล่หลังซัทไป ในขณะที่ซัทไม่ได้หยุด หรือหันมาตอบอะไร ทำแค่ยกมือขวาขึ้นมา แล้วก้าวเดินต่อไป
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ระหว่างทางขับกลับบ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันน่าอึดอัดเหมือนตอนขามา พลูโตจึงเริ่มบทสนทนา
"เอ่อ คุณซัทครับ คืนนี้ผมขออนุญาตนอนบ้านคุณซัทได้ใช่ไหมครับ"
"เออได้ ตามสบายเลย จริง ๆ ฉันก็อยากให้นายทำแบบนั้นอยู่แล้ว พรุ่งนี้เราต้องไปกันแต่เช้างั้นใช่ไหม"
"ครับผมเช็กตั๋วเครื่องบินแล้ว ทางทีมงานฝั่งโน้นเขาจะมารอรับเราที่สนามบินราว ๆ 6 โมงเช้า พอเราไปถึงเขาก็จะพาเราเข้าห้างเลย เพื่อไปนัดแนะ และเตรียมตัว เพราะงานจะเริ่ม ตั้งแต่ตอนห้างเปิดเลย"
"ทำงานไวดีนี่คุณผู้จัดการ ใช้ได้ ๆ"
"เอ่อ เปล่าครับ ประธานเตรียมทุกอย่างไว้ให้ในกระเป๋าแล้ว"
"ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ สุดท้ายพวกที่มาเป็นผู้จัดการให้ฉัน ก็มีคนอื่นคอยจัดการทุกอย่างให้อีกที เป็นแบบนี้ตลอดนั่นแหละ แถมยังชอบวิ่งแจ้นไปฟ้องพี่ฉันด้วย ว่าวัน ๆ ฉันไปทำอะไรที่ไหนอย่างไรบ้าง นั่นแหละหน้าที่ของผู้จัดการของฉันอย่างนาย เป็นดั่งกล้องวงจรปิดตามติดชีวิตฉัน นายเองก็เป็นเหมือนกันใช่ไหมล่ะ"
"เปล่านะครับ ผมยังไม่ได้รายงานอะไรใครเลย"
"เหรอ"
ซัททำเสียงยียวน
"ผมพูดจริง ๆ นะครับ ไม่เชื่อก็ลองจ้องหน้าผมดูสิ แล้วบอกทีว่าผมพูดความจริงอยู่ หรือว่าผมโกหก คุณบอกเองนี่ว่าผมอ่านง่ายมากเลย ไม่ใช่เหรอ"
ได้ยินแบบนั้นซัทนั่งก็หลังตรงหรี่ตาลง แล้วจ้องหน้าจ้องตาของพลูโต ผ่านกระจกมองหลังอย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนที่เขาจะเอนหลังกลับไปพิงเบาะตามเดิม
"นายไม่ได้โกหก"
"ผมบอก..."
"หรือไม่ก็โกหกเก่งขึ้นแล้ว"
ซัทรีบพูดแทรกขึ้นมาอย่างจงใจ
หลังจากนั้นบรรยากาศก็กลับมาอึดอัดอีกครั้ง ดูเหมือนว่าการชวนคุยของพลูโต เพื่อทำลายความอึดอัดลง จะส่งผลตรงกันข้ามไปเสียแล้ว ท่าทางซัทจะหงุดหงิดมากกว่าที่เขาคิด มันเป็นเพราะแพ้ในการแข่งยิงปืนนั่นรึเปล่า?
พลูโตพยายามคิดหาวิธีทำลายความเงียบนี้ลงไปให้ได้ อยู่ภายในหัว แล้วเขาก็คิดบางอย่างออก
"แค่แพ้การดวลปืนกับคนที่เก่งกว่า ทำคุณอารมณ์บูดได้ขนาดนั้นเลยเหรอครับ"
"ว่าไงนะไอ้จืด!"
จากน้ำเสียงตอนนี้ ดูเหมือนว่าซัทจะโกรธเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวหนึ่งแล้ว
"ไม่เอาน่า ผมรู้นะว่าคุณได้ยินเต็มสองหู"
พลูโตพยายามยั่วยุต่อไป
"เออ ได้ยิน แต่ไม่คิดว่าแกจะกล้า เลยจะขอฟังอีกรอบ แบบช้า ๆ ชัด ๆ ไง"
"งั้นจัดไปครับ คืองี้ คุณเป็นถึงจอมมารแห่งวงการบันเทิง คุณก็รู้ใช่ไหมครับว่าตัวเองมีฉายานี้"
พลูโตหยุดพูดเพื่อสังเกตท่าทีของซัท ซึ่งเขาโกรธอยู่ แต่ยังทำเป็นเข้ม พลูโตจึงยั่วต่อ
"ผมก็เลยอดคิดไม่ได้ว่า คุณเป็นจอมมารจริงเหรอ คือแบบจอมมารจะมาหัวเสียกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้เนี่ยนะ ถ้าเป็นงั้นก็คงไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง จอมมารแห่งวงการบันเทิงเนี่ย ผมคิดแบบนี้นะ"
"อย่างแกจะไปรู้อะไรวะจืด"
"รู้สิครับ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ขอพูดตรง ๆ เลยแล้วกัน คุณเนี่ยทั้งกวนประสาท ทั้งงี่เง่า เอาแต่ใจ แลดูสมกับเป็นจอมมารอยู่หรอก แต่ผมก็รู้เหมือนกันว่าจอมมารนั้น เป็นคนที่จริงจัง และตั้งใจมากกว่าที่ใคร ๆ คิด"
พลูโตหยุดพูดอีกรอบเพื่อสังเกตอาการ ซึ่งแม้โดยรวมซัทจะยังดูโกรธอยู่ แต่เมื่อดูที่แววตาแล้ว เขามีท่าทีที่ผ่อนคลายลง เมื่อเห็นแบบนั้นพลูโตจึงเริ่มพูดต่อ
"อย่างวันนี้ พอได้กินอาหารที่คุณทำ แม้จะเป็นแค่ข้าวผัดอเมริกันธรรมดา ๆ ก็ตาม แต่คุณก็ทำมันออกมาได้ดีมาก ๆ ซึ่งพอมาบวกกับเรื่องที่คุณเคยรับบทเป็นเชฟแล้ว ทุกอย่างมันก็ชัดเจน ว่าคุณลงทุนไปเรียนทำอาหาร และไม่ใช่การเรียนเพื่อให้รู้เฉย ๆ คุณถลำลึกไปมากกว่านั้น บางทีคุณอาจจะฝึกทำอาหารทุกวัน ทุกวันเลยก็ได้ ผมได้ยินนะ ตอนที่คุณเถียงกับประธาน ว่าคุณไม่อยากรับงานตอนใกล้ ๆ เปิดกล้อง ไหนจะการที่คุณมาฝึกยิงปืนในวันนี้อีก ทั้งหมดก็เพื่อการแสดง เพราะงั้นผมจึงคิดว่าตอนนี้คุณกำลังแสดงอยู่"
"นายคิดงั้นเหรอจืด นายไม่คิดว่านี่อาจจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของฉันก็ได้นะ"
"ก็มีบ้างครับ เรื่องที่ผมมั่นใจว่า ออกมาจากใจของคุณจริง ๆ ไม่ใช่การแสดง ก็คือเรื่องที่ ผู้จัดการคนก่อน ๆ เป็นพวกขี้ฟ้อง เพราะงั้นผมสัญญากับคุณตอนนี้เลย ถ้าคุณไม่ได้ทำอะไรเสี่ยง ๆ ไม่เป็นอันตรายต่อตัวเอง หรือคนอื่น ๆ ผมไม่ฟ้องหรอกครับ อย่างการไปยิงปืนกันวันนี้ก็ด้วย คือแบบ ในตารางงานวันนี้ใส่มาว่าเป็นวันหยุดด้วย วันหยุดของคุณก็คือวันหยุดของผม ผมไม่โทรไปหาหัวหน้า เพื่อของานมาทำเพิ่มในวันหยุดหรอกครับ เอาเวลาไปทำอะไรตามใจดีกว่า คุณไม่คิดงั้นเหรอครับ"
"ก็คิดอยู่นะ...คิดว่านายจะพูดจริงรึเปล่า"
"ถ้าอยากรู้ก็ต้องลองพิสูจน์ดูแล้วล่ะครับ"
"ย่อมได้จืด ย่อมได้ วันหยุดต้องทำอะไรตามใจงั้นใช่ไหม งั้นมีที่หนึ่งที่ฉันอยากจะไป พาฉันไปที"
พูดจบซัทก็แทรกตัวมาด้านหน้า แล้วกดกำหนดปลายทางใน GPS ใหม่
"ก็ค่อนข้างไกลอยู่นะผมว่า"
"แล้วไงล่ะ จะไม่ไปเหรอ ถ้าไม่ไปฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก แค่ฉันจะมองว่านายเป็นคนกลับกลอกก็แค่นั้น"
"ผมพาไปได้อยู่แล้ว แต่เพราะมันไกล เลยจะต้องไปให้ไวกว่าเดิมนิดหน่อย"
"ก็จัดไปสิ ฉันขาดเข็มขัดแน่นหนาปลอดภัยสบายใจได้"
"งั้นก็เป็นอันตกลง"
พูดจบพลูโตก็เหยียบคันเร่งจนสุดแรง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันที่ 2 เมษาเวลา 6 โมงเช้านิด ๆ ณ ช่องทางออกจุดหนึ่ง ของสนามบินทุ่งศรีภูมิ มีกลุ่มคนที่เรียกว่า วงแหวนดาวเสาร์ มารวมตัวกันรอใครบางคนอยู่ และใครคนนั้นก็คือจอมมารแห่งวงการบันเทิงนั่นเอง
ซัทเดินออกมาตัวเปล่า พร้อมกับโบกมือทักทายแฟน ๆ ตามปรกติ โดยมีบอดี้การ์ดล้อมรอบตัวเขา และมีพลูโตเดินตามมาติด ๆ
เจ้าหน้าที่พาทั้งคู่ไปขึ้นรถที่เตรียมไว้ โดยพลูโตนั่งข้างคนขับ และซัทนั่งอยู่เบาะหลัง
"ไว้เจอกันนะ"
ซัทลดกระจกลงมาเล็กน้อยแล้วตะโกนพูดคุยกับแฟน ๆ ก่อนที่รถจะค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปข้างหน้า
"ขอโทษด้วยนะครับคุณซัท เราไม่คิดว่าเช้าขนาดนี้ ยังมีแฟนคลับของคุณมารอกันขนาดนั้น"
คนขับรถพูดขึ้นมา
"ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ คิดถูกแล้วล่ะที่ให้มาแต่เช้า เพราะถ้าเป็นเวลาอื่น มนุษย์แฟนคลับจะมากันเยอะกว่านี้อีก"
"ว่าแต่..."
ทันทีที่พลูโตพูดขึ้นมา คนขับรถก็สะดุ้งโหยงขึ้นมาทันที ทำเอาพลูโตเสียสมาธิไปด้วยเลย
"ว่าแต่ทำไมกลุ่มแฟนคลับ ถึงมีชื่อว่า วงแหวนดาวเสาร์ ล่ะพี่ซัท ใครเป็นคนตั้งพี่เหรอ"
พลูโตพูดต่อ
"เปล่าเขาตั้งกันของเขาเอง มันมาจากชื่อเล่นนั่นแหละ ชื่อ ซัท มาจาก Saturn ดาวเสาร์ เขาก็เลยตั้งชื่อกลุ่มแฟนคลับว่า วงแหวนดาวเสาร์ อย่างที่เห็นนั่นแหละ"
"โอ้ บังเอิญจังเลยนะครับ ที่ชื่อพวกเรามาจากชื่อดวงดาวเหมือนกัน"
"ไม่ เราไม่เหมือนกัน ฉันยังอยู่ในระบบสุริยะ ส่วนนายน่ะ โดนขับออกไปแล้ว เสียใจด้วยนะ"
ตาลุงนี่ กลับเข้าสู่โหมดกวนประสาทอีกแล้วสินะ พลูโตคิด
หลังจากนั้นไม่นานนักคนขับก็พาทั้งคู่มาส่งประตูด้านหลังของห้าง แน่นอนว่ามีมนุษย์แฟนคลับมาดักรออยู่บ้าง แต่เจ้าหน้าที่ก็คอยช่วยกันยันไว้ได้
ทันทีที่รถจอด ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาเปิดประตูเบาะหลังทางฝั่งขวา เพื่อให้บุคคลสำคัญอย่างซัทได้ลงมาอย่างสะดวกที่สุด
"สวัสดีค่ะคุณซัท ฉันชื่อเมย์นะคะ เป็นผู้ดูแลงานในวันนี้ ถ้าขาดเหลืออะไร เรียกใช้ได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ"
ซัทพยักหน้ารับคำ แล้วเดินลงมาจากรถ
ทันทีที่ซัทเดินลงมาจากรถเรียบร้อย เมย์ก็ปิดประตูรถให้ ก่อนที่รถจะค่อย ๆ เคลื่อนออกไป
"ว่าแต่คุณซัทคะ คุณผู้จัดการไม่ได้มาด้วยเหรอคะ"
"ก็นั่งรถมาด้วยกันนี่แหละครับ นั่นไง"
ซัทพูดพร้อมหันหลังกลับมามองก็ไม่เห็นใคร ทั้งรถทั้งพลูโต เขาจึงหันมองซ้ายมองขวา ก่อนจะพบว่า รถที่ขับออกไปเมื่อครู่ จอดอยู่ไม่ไกล เดินไปสิบก้าวก็ถึง แล้วเขาก็เห็นพลูโตลงมาจากรถ ก่อนที่รถจะขับออกไป
"นั่นไงครับ"
ซัทชี้ไปทางพลูโตที่กำลังซอยเท้าเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
"สวัสดีครับ พลูโตครับ"
เมื่อเดินมาถึงตัวซัท พลูโตก็กล่าวทักทายเมย์ เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะพูดจาทักทายกลับ
พวกเขายืนคุยกันอยู่ตรงนั้นสักพัก ก่อนที่จะมีทีมงานมาพาตัวซัทไป ส่วนพลูโตก็ต้องตามเมย์ไป
เมย์พาพลูโตขึ้นไปยังออฟฟิศชั้นบน ๆ ของห้าง แล้วจัดแจงกำหนดการใช้เขาฟัง
"10 โมงห้างเปิด ให้เหล่าแฟนคลับเข้ามา 11 โมงจะมีการฉายโฆษณา เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่คุณซัทเป็นพรีเซนเตอร์ และเปิดตัวโฆษณาอีกตัวของคุณชีค เมื่อฉายจบก็จะให้ทั้งคู่ขึ้นเวทีพร้อมกัน"
"มีคุณชีคด้วยเหรอครับผมนึกว่ามีพี่ซัทคนเดียว"
"ค่ะใช่ค่ะ งานนี้นอกจากจะเป็นการ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว ยังเป็นการเปิดตัวคุณชีคในฐานะพรีเซนเตอร์คนใหม่อีกด้วย แต่ทั้งสองคนก็มีต้นสังกัดเดียวกันนี่คะ ทางบริษัทไม่ได้แจ้งเหรอ"
"ไม่...แน่ใจเหมือนกันครับ พอดีผมพึ่งมาเป็นผู้จัดการได้วันเดียวเอง"
หลังจากนั้นเมย์ก็แจงแจกกำหนดงานให้พลูโตฟัง อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเสร็จสิ้น แล้วเธอก็เดินพาพลูโตไปยังห้องเตรียมตัวของซัท ก่อนจะทิ้งเขาไว้หน้าห้อง
พลูโตกำลังจะเคาะประตูห้องพักของซัท แต่ประตูดันเปิดออกก่อนที่เขาจะเคาะอย่างรวดเร็ว
"งั้นผมไปก่อนนะพี่"
พูดจบชายหันหน้าไปทางด้านหลังแล้วพูด ในขณะที่เท้าก้าวเดินออกมาจากห้อง ทำให้เขาชนเข้ากับพลูโตที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี ทำให้พลูโตร่วงลงไปกองกับพื้น พร้อมมีเสียงเบา ๆ เหมือนอะไรสักอย่างตก
"ขอโทษครับ ผมไม่ทันมองจริง ๆ ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ"
ชายคนนั้นพูด ในขณะที่พลูโต กำลังใช้แขนดันตัวเองลุกขึ้นยืน
"โอ๊ย!"
พลูโตอุทานออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บและตกใจ เพราะมือของเขาดันไปทับบางอย่างแข็ง ๆ เข้า เขาจึงดึงมือขึ้น แล้วหันไปมอง ก็เห็นเป็นเข็มกลัดอันเล็ก ๆ รูปปลาดาว
"นั่นมันของผมเองครับ สงสัยจะหลุดไปเมื่อกี้"
ได้ยินแบบนั้น พลูโตจึงหยิบเข็มกลัดอันนั้นขึ้นมาแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะส่งมันคืนให้เจ้าของ
"ขอบคุณครับ ขอโทษเรื่องเมื่อกี้ด้วยนะครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ"
ชายคนนั้นกล่าว ก่อนจะรับของไว้ ก่อนจะเดินจากไป
หลังชายคนนั้นเดินผ่านไปสักพัก พลูโตก็เดินเข้าไปในห้อง ล็อกประตูให้เรียบร้อย แล้วเดินตรงไปหาซัท ที่นั่งอยู่หน้ากระจก จากนั้นก็อ่านกำหนดการทั้งหมดให้ซัทฟัง แล้วยื่นบทสัมภาษณ์ให้เขาเช็กอีกรอบ
"ไม่มีปัญหาอะไร ฝากนายไปบอกคุณเมย์ด้วย"
หลังอ่านบทสัมภาษณ์เสร็จ ซัทก็ส่งมันกลับไปให้พลูโต
"หลังจากนั้นนายอยากจะไปไหนก็ไป"
พลูโตไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน เลยถามกลับไปว่า
"เมื่อกี้ว่าไงนะครับพี่ซัท"
"คุณ!"
ซัทมีการขึ้นเสียงเล็กน้อย ก่อนจะกดเสียงลงมา
"คุณซัท ไม่ใช่พี่ซัท"
เป็นอะไรของเขาอีกวะเนี่ยตาลุงนี่พลูโตคิด แต่พูดว่า
"งั้นถ้าผมไม่อยากจะไปไหน ผมก็อยู่นี่ได้ใช่ไหมครับ"
พลูโตพูดยียวน
"ไม่ได้ เพราะฉันไล่นายออก"
ได้ยินแบบนั้นพลูโตก็เดือดปุด ๆ ขึ้นมาเลย เขากำลังจะพูดบางอย่างออกไป แต่ว่าไม่ทัน
"หยุดเลย ถ้านายอยากจะช่วยฉันก็ออกไปซะ มีบัตรเครดิตของบริษัทอยู่แล้วนี่ ซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วกลับบ้านไป นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่นายจะพอทำให้ฉันได้ ออกไปฉันต้องทำสมาธิ"
ได้ยินแบบนั้นพลูโตกำหมัดทั้งสองข้างเอาไว้อย่างแน่นหนา แต่ว่าเขาไม่ได้ทำอะไร หรือพูดอะไรต่อ เขาตัดสินใจเดินออกจากห้องนั้นมา แล้วปิดประตูดังปัง
"เป็นอะไรของเขาวะ เมื่อคืนนี้ยังดี ๆ อยู่เลย"
พลูโตคิดทบทวนวกไปวนมาในหัว เพื่อหาคำตอบของเหตุการณ์นี้ แต่ก็ไม่เจอ อย่างเดียวที่เขาคิดได้ตอนนี้ก็คือ ผู้ชายคนที่ออกจากห้องไปเมื่อกี้นี้หน้าตาคุ้น ๆ จัง
.......โปรดติดตามซีนต่อไป.......