ห้องพักของหลงอี้หลิง
หลังจากที่ประตูห้องพักของหลงอี้หลิงถูกปิดเข้าไปอีกครั้ง เขายังยืนครุ่นคิดไตร่ตรองและพิจารณาอย่างเคร่งเครียดและคิดหนักในคำแนะนำของท่านหมอเกี่ยวกับวิธีการถอนพิษให้กับฟ่งหลันหลั่น เพราะวิธีการของขั้นตอนในการถอนพิษนี้มันค่อนข้างที่จะอ่อนไหวต่อความรู้สึกของสตรีน้อยยิ่งนัก
สายตาคมปลาบจ้องมองดวงหน้างามอย่างกังวลใจ ตอนนี้ริมฝีปากบางของสตรีน้อยกลายเป็นสีม่วงคล้ำอย่างชัดเจน
"ข้าจะต้องช่วยเจ้าด้วยวิธีนี้จริง ๆ กระนั้นหรือ" แม่ทัพหนุ่มกล่าวขึ้นลอย ๆ ด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด จากนั้นเขาก็ขึ้นไปนั่งบนเตียงและพยุงตัวนางให้ลุกขึ้นนั่งเช่นกัน โดยที่แผ่นหลังบางของร่างอรชรอิงแอบพิงอยู่แผ่นหน้าอกสามศอกหน้ากว้างอันแข็งแรงของเขา
ในขณะนั้นเองฟ่งหลันหลั่นรู้สึกตัวได้สติกลับมาเล็กน้อย แม้จะไม่ชัดเจนมากนักแต่สายตาที่พร่ามัวคู่นี้ก็พอจะมองเห็นภาพบรรยากาศตรงเบื้องหน้าที่ปรากฏต่อสายตาของตน และรับรู้ว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนภายในห้องพักของใครคนหนึ่ง
นางก็รู้สึกได้ว่าแผ่นหลังบางของตนกำลังสัมผัสอยู่บนแผ่นหน้าอกกว้างของบุรุษ อ้อมแขนเขาโอบกอดนางไว้แน่น
แม้สติจะไม่ค่อยสมบูรณ์ แต่กลิ่นกายของบุรุษผู้นี้นางจำได้ดีว่าเป็นของคนที่นางคุ้นเคยดี
"ทะ ท่านกำลังคิดจะทำอะไร"
สตรีน้อยฝืนใจกล่าวถามขึ้นอย่างเหนื่อยหอบ และพยายามดึงตัวเองให้หลุดออกจากวงแขนของอีกฝ่ายอย่างยากลำบาก
เขาดึงนางเข้ามาสวมกอดไว้แน่นอีกครั้งและอธิบายให้อีกฝ่ายได้เข้าใจสถานการณ์
"อย่าดิ้นสิ! ตอนนี้ร่างกายของเจ้าถูกพิษร้ายแรง หากไม่รีบทำการถอนพิษ เจ้าอาจจะต้องตายได้"
"ข้าถูกพิษอีกแล้วหรือ ?"
หลังจากที่ฟ่งหลันหลั่นได้ฟังแม่ทัพหนุ่มกล่าวเช่นนั้น นางก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร เพราะมันคงจะเป็นวิธีเดียวกันกับที่นางได้เคยช่วยเขาไว้เมื่อคราวก่อน แต่หากครั้งนี้นางรู้สึกกังวลใจแปลก ๆ กับสัมผัสของเขาที่มอบให้ นางจึงรีบกล่าวปฏิเสธเสียงแข็งด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
"ไม่ได้! ข้าไม่อนุญาตให้ท่านถอนพิษด้วยวิธีนั้น"
ฟ่งหลันหลั่นพยายามรวบรวมสติและเรี่ยวแรงในการพูดครั้งนี้มาก แม้ว่าลมหายใจเข้าออกจะติดขัดและแผ่วเบามาก แต่นางไม่อาจจะยินยอมให้เขาทำเยี่ยงนั้น
"แต่ถ้าข้าไม่ช่วยเจ้าด้วยวิธีนั้น เจ้าอาจจะตายได้ในอีกไม่กี่เพลา ไม่ว่าเจ้าจะห้ามยังไง ก็ไม่เป็นผลหรอก เพราะข้าตัดสินใจแล้ว"
หลงอี้หลิงเองก็ยืนกรานหนักแน่นที่จะใช้วิธีตามที่ท่านหมอแนะนำ ยิ่งตอนนี้สีหน้าของนางดูไม่ดีเอาเสียเลย เม็ดเหงื่อขนาดใหญ่จำนวนมากมายผุดขึ้นมาบนดวงหน้างามราวกับดอกเห็ด
ฟ่งหลันหลั่นพยายามฝืนแรงอันน้อยนิด เอี้ยวตัวหันกลับมาประชันหน้ากับแม่ทัพหนุ่ม เพราะไม่ว่ายังไงนางก็ไม่ยินยอมให้เขาทำเยี่ยงนั้นเด็ดขาด
แม่ทัพหนุ่มยังคงช่วยประคองตัวนางไว้ไม่ให้ทิ้งตัวฟุบลงไปยังเตียงนอน
"ข้านั้นรู้ดีกว่าใคร วิธีที่ท่านกำลังจะทำ มันไม่สามารถถอนพิษที่อยู่ภายในร่างกายของข้าได้ ทางเดียวที่จะถอนพิษได้ คือต้องใช้ยาถอนพิษจากคนที่สร้างพิษนี้เท่านั้น"
อั๊ก! ขณะที่กำลังพูดนางก็ได้กระอักเลือดพุ่งออกมาจำนวนมาก
ฮืดฮาด ฮืดฮาด
เสียงหายใจเหนื่อยหอบของสตรีน้อย แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ในตอนนี้ว่า ร่างกายภายในของนางเริ่มเข้าขั้นวิกฤติแล้ว
หลงอี้หลิงเห็นเช่นนั้น เขาก็วิตกกังวลหนักยิ่งขึ้น ความตึงเครียดซัดถาโถมเข้าหาตัวเขาราวพายุที่กำลังบ้าคลั่ง
"เจ้าเป็นคนสำคัญของคนสกุลหลงของพวกเรา ข้าไม่อาจจะปล่อยให้เจ้าเป็นอันตรายได้"
หลงอี้หลิงกล่าวย้ำกับสตรีน้อยตรงหน้าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาจริงจัง
แทนที่ฟ่งหลันหลั่นจะรู้สึกดีใจกับคำกล่าวนั้นของแม่ทัพหนุ่ม แต่นางกลับรู้สึกเจ็บปวดแปลบขึ้นมาในใจแวบหนึ่ง
'หึ! คนสำคัญของสกุลหลงงั้นหรือ หากแต่คงไม่ใช่คนสำคัญของท่านสินะ' สตรีน้อยแอบคิดน้อยเนื้อต่ำใจข้างในใจลึก ๆ
สองมือน้อยของฟ่งหลันหลั่นฝืนแรงยกขึ้นมาจับท่อนแขนอันแข็งแกร่งทั้งสองข้างของแม่ทัพหนุ่มไว้หมับ
นางจ้องหน้าสบตาเขา ดวงตากลมโตฉายแววจริงจังเด็ดเดี่ยว พร้อมกับออกแรงที่สองมือน้อยไปที่ปลายนิ้วมือทั้งสิบของตัวเองและบีบท่อนแขนของอีกฝ่าย
เสียงหายใจกระเส่าราวคนใกล้หมดแรงเสียให้ได้
"ข้าไม่อนุญาต! หากท่านยังขืนยืนกรานเช่นนั้น ชีวิตนี้ทั้งชีวิตข้าจะไม่มีวันอภัยให้ท่านอย่างเด็ดขาด"
หลงอี้หลิงรู้สึกได้ถึงแรงบีบที่แขนทั้งสองข้างของเขา บุรุษรูปงามจึงจ้องตาอย่างกังวลและห่วงใย
หลังจากสตรีน้อยได้รวบรวมแรงทั้งหมดที่มี ฝืนแรงพูดกับแม่ทัพหนุ่มจนจบประโยค นางก็ได้กระอักเลือดออกมาและพุ่งใส่อาภรณ์ของเขาจนเปื้อนเปรอะ และก็หมดสติไปอีกครั้ง
ร่างบางอรชรทิ้งตัวลงไปทางด้านหน้า ดวงหน้างามแนบฟุบแอบอิงแผ่นอกหนาของแม่ทัพหนุ่มด้วยความหมดแรง
ชั่วเสี้ยวนาทีสุดท้ายก่อนที่นางจะหมดสติ หลงอี้หลิงสัมผัสได้ถึงแววตาที่ฉายแววเด็ดเดี่ยวและรักในเกียรติศักดิ์ศรีของตัวเองอย่างท่วมท้นที่อีกฝ่ายหวงแหนและพยายามรักษาไว้ สิ่งนั้นมันทำให้เขารู้สึกลำบากใจยิ่งนัก
แม่ทัพหนุ่มสวมกอดเรือนร่างบางอรชรซึ่งหมดสติอยู่ในอ้อมแขนเขาไว้แน่น ในหัวก็ครุ่นคิดไตร่ตรองอย่างหนัก เวลาผ่านไปครึ่งหนึ่งจิบน้ำชา เขาก้มหน้าลงต่ำมองดูดวงหน้างาม ความรู้สึกวุ่นวายใจที่มีในตอนนี้เขาไม่สามารถหาคำใดมาอธิบายให้กับตัวเองได้
ปลายนิ้วหยาบกร้านวางลงไปบนเปลือกตาบางของอีกอีกฝ่าย เขาค่อย ๆ ลูบไล้สัมผัสอย่างทะนุถนอมและอ่อนโยน ก่อนจะกรีดปลายนิ้วไล่สัมผัสลงไปยังพวงแก้มขาวซีด จนไปถึงริมฝีปากบางสีม่วงคล้ำ
"หลันเอ๋อร์น้อยของข้า หากไม่ช่วยเจ้าด้วยวิธีนั้นตามที่ท่านหมอแนะนำมา แล้วข้าจะช่วยเจ้าถอนพิษได้เยี่ยงไรกัน"
เขาเปรยขึ้นเบา ๆ กับสตรีน้อยที่กำลังสลบอยู่อ้อมแขน นาทีต่อมา เขาก็ค่อย ๆ ก้มหน้าลงเข้าประชิดดวงหน้างาม จนตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองอยู่ห่างกันแค่ปลายลมหายใจ ริมฝีปากหนาเกือบจะแตะสัมผัสลงบนริมฝีปากบางอยู่รอมร่อ
เขาค้างอยู่ในท่านั้นครู่ใหญ่ ดวงตาสีนิลฉายแววคิดหนักอย่างวิตกกังวล
ทันใดนั้นเองฟ่งหลันหลั่นก็ได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นางพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ข้าไม่ยินยอม"
จู่ ๆ หลงอี้หลิงก็หยุดชะงักในทันใด พร้อมกับถอนตัวออกอย่างรวดเร็วและสะบัดหน้าไปทางด้านข้างอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้อย่างตัดใจ
สองมือที่กำลังประคองร่างอรชรอยู่กำหมัดแน่น
"ข้าจะลบหลู่และทำลายเกียรติศักดิ์ศรีที่นางหวงแหนหนักหนาไม่ได้ หากทำเช่นนั้น ถึงนางจะกลับมามีชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง นางก็คงจะทรมานใจไปตลอดชีวิต"
ณ วินาทีนี้ มันช่างเป็นการตัดสินใจที่ลำบากยากยิ่งของหลงอี้หลิงเสียเหลือเกิน
เมื่อพิจารณาคิดใคร่ควรไตร่ตรองอย่างถ้วนถี่ดีแล้ว ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้
หลงอี้หลิงค่อย ๆ ประคองสตรีน้อยให้พยายามลุกนั่งอีกครั้ง โดยให้ นางหันหน้าเข้าหาตัวเขา แม้ว่าอีกฝ่ายจะแทบไม่ได้สติและทรงตัวได้ไม่ดีเท่าที่ควรก็ตาม
นาทีต่อมา หลงอี้หลิงก็ได้รวบรวมลมปราณของเขาให้มาอยู่ที่จุดจุดเดียว จากนั้นก็ขับพลังปราณทั้งหมดออกมาทางฝ่ามือทั้งสองข้าง และยกขึ้นไปแตะที่แผ่นอกบางของฟ่งหลันหลั่นพร้อมกับเริ่มถ่ายเทพลังลมปราณของตนให้กับนางอย่างไม่รีรอ
หากไม่ทำตามวิธีการที่ท่านหมอแนะนำแล้ว เห็นทีก็คงจะมีวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นที่เขาคิดออก
ทว่าวิธีการนี้มันก็อาจทำให้เขาเองมีโอกาสได้รับพิษนั้นไปด้วยเช่นกัน เพราะในยามที่กระแสของพลังปราณหวนตีกลับเข้าสู่ร่างกายเขา พิษร้ายอาจจะแทรกซึมติดมาด้วย
แต่แม่ทัพหนุ่มไม่มีเวลาให้สนใจในเรื่องเหล่านั้น เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ คือการช่วยขับพิษออกจากร่างกายของฟ่งหลันหลั่นให้ได้ ก่อนที่ร่างกายภายในของนางจะต้านไม่ไหว และอาจจะส่งผลถึงขั้นเสียชีวิตได้
เวลาผ่านไปนานเท่าไรก็หารู้ไม่ เข่อลั่วยืนยังคงเฝ้ายามอยู่หน้าห้องพักของแม่ทัพหนุ่มอย่างใจจดใจจ่อ ด้วยความกังวลและเป็นห่วงคนทั้งสองที่อยู่ด้านใน และเขายังต้องพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ไม่ให้มีพิรุธอะไรเผยออกมาเด็ดขาด เพราะถ้าคนของสกุลหลงเห็นเขา เรื่องทั้งหมดก็จะไปเข้าหูของนายหญิงใหญ่ของสกุลหลงทันที และมันคงจะไม่ใช่สิ่งที่นายน้อยของเขาต้องการ
ภายในด้านในห้องพักของหลงอี้หลิง เขายังคงถ่ายเทพลังปราณของเขาให้กับฟ่งหลันหลั่น ตอนนี้เรือนร่างท่อนบนของทั้งสองนั้นไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิดเอาไว้
ไอหมอกสีขาวขุ่นที่เต็มไปด้วยไอเย็นยะเยือกกำลังห่อหุ้มและปกคลุมพวกเขา ราวกับว่าอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
ทั้ง ๆ ที่อากาศน่าจะเย็นมาก แต่ทว่าเม็ดเหงื่อมากมายกลับผุดขึ้นมาบนดวงหน้า ลำคอและตามร่างกายของทั้งสองคน
หลายชั่วยามผ่านไป หลงอี้หลิงยังคงไม่สามารถขับพิษร้ายออกจากร่างกายของฟ่งหลันหลั่นได้
วินาทีนี้เขาคงต้องตัดสินใจแล้วว่าจะทำตามความต้องการของนาง หรือจะเลือกทำตามใจตนเอง
แผนหลังบางของฟ่งหลันหลั่นกำลังพิงแอบอิงอยู่บนหน้าอกของหลงอี้หลิง
แม่ทัพหนุ่มก้มหน้าต่ำมองดวงหน้างาม ที่ตอนนี้เปียกชุ่มได้ด้วยเม็ดเหงื่อ และริมฝีปากบางยังคงม่วงคล้ำอยู่เช่นเดิม
ปลายนิ้วหยาบกร้านค่อย ๆ วางสัมผัสอย่างอ่อนโยนลงบนพวงแก้มงามของอีกฝ่าย และไปหยุดอยู่ที่ริมฝีปากบางม่วงคล้ำ
"ขอโทษด้วย ข้าคงไม่อาจที่จะทำตามความต้องการของเจ้าได้อีกต่อไป หลังจากวันนี้ไป ข้าจะรับผิดชอบและชดเชยทุกอย่างที่เจ้าสูญเสียไปในครั้งนี้ ด้วยชีวิตของข้าเอง"
เมื่อกล่าวจบแม่ทัพหนุ่มก็สะบัดมือของเขาไปทางด้านข้างหนึ่งครั้ง แสงสีส้มจากเปลวเทียนภายในห้องได้ดับวูบลงทันที พร้อมกับชายผ้าม่านที่ผูกอยู่รอบเตียงนอนก็ได้ทิ้งตัวลงมาทั้งสี่ด้านอย่างพร้อมเพรียงกัน
เงาเรือนร่างของบุรุษได้โน้มตัวลงหาสตรีและเริ่มมีการเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ
.....
เซียงไค 盛開