ดาวเหนือจำได้ว่าตัวเองกำลังรอเพื่อนๆ ในร้านแมคโดนัลแห่งหนึ่งที่เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ บนโต๊ะควรมีชุดอาหารเช้าวางอยู่ตรงหน้า ภายในร้านเมื่อได้ลองกวาดตามองไปรอบหนึ่ง โต๊ะอื่นๆ ก็พอมีลูกค้าคนอื่นให้เห็นอยู่บ้าง เหตุผลก็คงเป็นเพราะยังเช้าอยู่มาก ร้านเพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่มันก็ไม่ควร…
เงียบเหมือนอยู่ในป่าช้าแบบนี้ไหม!
จริงอยู่ที่เวลาในตอนนี้ค่อนข้างเช้าถึงขั้นห้างสรรพสินค้ายังไม่เปิดให้บริการ ร้านอาหารหรือร้านกาแฟจึงแทบกลายเป็นสถานที่ฆ่าเวลายอดนิยมสำหรับวัยรุ่นคิดหาที่สถิต ระหว่างรอเพื่อนๆ มารวมตัวกันให้ครบ บรรยากาศภายในร้านค่อนข้างให้ความรู้สึกเงียบเหงาไปบ้าง มันก็ไม่ถือเป็นเรื่องปกติตรงไหน
ทว่าสถานการณ์ที่ดาวเหนือเผชิญอยู่ สมองต่อให้พยายามคิดหาเหตุและผลมาอธิบายสักกี่ร้อยกี่พันข้อ เขาก็ยังยืนยันคำเดิม ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญมันแปลกพิลึกขั้นสุด อะไรคือนั่งไถมือถือไปพลาง กินชุดอาหารเช้าไปพลาง รู้ตัวอีกทีก็มาโผล่อยู่ที่อื่นเสียแล้ว นอกจากนี้โต๊ะอื่นๆ ไม่ว่าจะกวาดตามองเป็นสิบยี่สิบรอบ เขาก็พบเพียงความว่างเปล่า
เหตุการณ์แปลกประหลาดที่ดาวเหนือมีโชคได้มาเป็นพยานรู้เห็นโดยไม่ทันตั้งตัว เล่นทำเอาเขาสติหลุดถึงขั้นนั่งตัวแข็งอยู่บนเก้าอี้แข็งนานหลายนาที ภาพทิวทัศน์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม นั่นคือลูกค้าและพนักงานหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย อาหารเช้าของเขาเองก็หายไปด้วยเช่นกัน
นี่เขาเจอเรื่องบ้าอะไรอยู่กันแน่เนี่ย!
ถ้าดาวเหนือยังมีโทรศัพท์มือถืออยู่ สิ่งแรกที่เขาคิดจะทำก็คงเป็นการโพสต์ถามความเห็นจากเพื่อนๆ ชาวเน็ตอย่างแน่นอน น่าเสียดายที่ต่อให้เขาอยากจะร้องขอคำตอบจากคนอื่นมากแค่ไหน ของที่แทบเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายมนุษย์ทุกวันนี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว
ในสถานการณ์แปลกประหลาดเหมือนหลุดเข้ามาอยู่อีกมิติหนึ่ง ตนเป็นที่เพิ่งแห่งตน ดาวเหนือสูดอากาศหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อตั้งสติ แล้วเริ่มสอดส่องสายตาสำรวจของที่อยู่ตรงหน้าก่อนเป็นอันดับแรก เดิมมันควรเป็นชุดอาหารเช้าแสนอร่อยที่เขาเพิ่งกินไปได้ครึ่งเดียว ส่วนในตอนนี้ได้มีกระดาษแผ่นหนึ่งที่น่าจะเป็นตั๋วเข้าชมงานอะไรบางอย่าง ร่มยาวแบบใสเหมือนกับของญี่ปุ่น เสื้อกันฝนสีฟ้า และกล้องถ่ายรูปดิจิตอลสีดำเทา
ความสนใจของดาวเหนือจดจ่ออยู่กับสิ่งของบนโต๊ะได้ไม่นาน เสียงสายฝนที่อยู่ๆ ก็ตกลงมาได้ดึงดูดความสนใจเขาไปเสียหมด ตาตวัดมองไปทางบานกระจกขนาดใหญ่ที่สามารถมองทะลุดูทิวทัศน์ด้านนอกได้ พบว่าสิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นตึกสูงใหญ่ภายในตัวเมือง แต่เป็น...
สถานที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่ง!
กำแพงปูด้วยวอลล์เปเปอร์สีอ่อนช่วยทำให้ภาพถ่ายใส่กรอบสีดำดูเด่นสะดุดตาตั้งอยู่กลางสายฝนสีเงิน พื้นมีน้ำใสกระจ่างสูงประมาณหัวเข่าผู้ใหญ่ พอลองก้มหน้าลงต่ำ มองทะลุผ่านผิวน้ำก็จะเห็นพื้นหินอ่อนถูกขัดจนขึ้นเงา สะท้อนภาพวาดบนกำแพงและท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆฝนอย่างเลือนราง
ดาวเหนือรั้งสายตากลับมามองสภาพแวดล้อมภายในร้านที่ตัวเองนั่งอยู่อีกที พบว่าสถานที่แห่งนี้ดูจากการตกแต่งน่าจะเป็นร้านกาแฟชื่อดังแห่งหนึ่ง บนโต๊ะที่ดูสวยงามบางโต๊ะยังมีกาแฟติดโลโก้สีเขียวบนแก้วพลาสติกให้เห็นอยู่เลยด้วยซ้ำ
ในตอนนี้ดาวเหนือเริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าตัวเองควรนึกสงสัยเรื่องไหนก่อน ระหว่าง 'เขามาอยู่ที่ร้านกาแฟได้อย่างไร' กับ 'เขาหลุดเข้ามาอยู่ในมิติลับเหรอ' แต่พอนึกถามตัวเองในใจไปรอบหนึ่ง ดาวเหนือรู้สึกว่าสองคำถามนี้ก็ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่นัก เขาจึงเลิกคิดในเรื่องที่ไม่รู้คำตอบ ก้มหน้าลงมองโต๊ะที่มีของต่างๆ วางอยู่อีกรอบแทน
ในครั้งนี้ดาวเหนือสังเกตเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งซ่อนอยู่ใต้กล้องถ่ายรูป เขาหยิบมันขึ้นมาและคลี่เปิดอ่านแบบผ่านตา พอจับใจความได้ว่าเป็นวิธีการใช้กล้องถ่ายรูปป้องกันตัวจาก 'พวกมัน' ที่ไม่ได้บอกว่ามีหน้าต่างเป็นเช่นไร คำอธิบายที่กล่าวถึงก็บอกแค่ว่า 'เจอเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้ได้ในทันที' และข้ามไปเอ่ยถึง 'หิ่งห้อย' ต่อเลย
เนื้อหาในกระดาษที่ยิ่งได้อ่านก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเป็นไอเดียความคิดของนักเขียนคนหนึ่งลืมทิ้งไว้ในร้านกาแฟ ดาวเหนือเลือกพับกระดาษแผ่นนั้นกลับเป็นสี่เหลี่ยม และเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไว้ก่อน มือก็เอื้อมไปคว้าเอาตั๋วเข้างานที่ไม่ได้ให้ความสนใจแต่แรกมายกขึ้นสูงอยู่ในระดับสายตา
"เป็นบัตรเข้าชมนิทรรศการภาพถ่ายหรือเปล่านะ" ดาวเหนือพึมพำแผ่วเบาพลางพินิจตั๋วทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าในมือ ด้านหน้าเป็นภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยประกายแสงดาวตกดูงามตา ชื่อนิทรรศการพิมพ์ด้วยอักษรสีขาวจัดอาร์ตให้ดูสวยสะดุดตา วันที่จัดงานเป็นวันนี้เวลาคือช่วงสี่โมงเย็น พอลองพลิกไปดูด้านหลังก็ไม่พบอะไรเป็นพิเศษแล้ว
จริงอยู่ที่ดาวเหนือไม่ค่อยเจียดเงินซื้อตั๋วเข้าชมงานศิลปะพวกนี้มาก่อน นั่นเป็นเพราะเขาไม่ค่อยมีความสนใจด้านนี้เท่าไหร่
ถ้าให้เลือกระหว่างเสียเงินดูหนังกับภาพศิลปะ เขาคงเลือกเข้าไปนั่งดูภาพยนตร์ดีๆ สักเรื่องนานนับชั่วโมงแบบไม่ต้องคิดเลย แต่ต่อให้ไม่เคยเห็นตั๋วของจริงมาก่อน เขาค่อนข้างมั่นใจว่าบนตั๋วเข้าชมงาน มันก็ควรมีข้อมูลอื่นๆ ปรากฏให้เห็นมากกว่าตั๋วที่ตัวเองถืออยู่ในมือแน่นอน
สงสัยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
สภาพเขาในตอนนี้ยังสามารถประคองสติ คิดวิเคราะห์สิ่งของรอบตัวและสภาพแวดล้อมได้อย่างเยือกเย็นก็ดีเท่าไหร่แล้ว เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างข้อมูลบนตั๋วเข้าชมงานควรมีอะไรบ้าง มันไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่ควรเร่งหาคำตอบให้พบเดี๋ยวนั้นเลยเสียหน่อย
สิ่งที่เขาควรทำให้มากสุดในตอนนี้ก็คือพาตัวเองกลับสู่สถานที่ปกติโดยไวที่สุดต่างหาก ขืนนั่งพิจารณาของบนโต๊ะแต่ละชิ้นแบบเหงาๆ ในร้านกาแฟที่ดูสวยแต่บรรยากาศกดดันนานกว่านี้อีกหนึ่งนาที สติของเขาก็อาจถูกบรรยากาศบดขยี้เละไม่เหลือชิ้นดีก็เป็นได้
เขาควรขยับตัวทำอะไรสักอย่างได้แล้ว
ดาวเหนือบอกกับตัวเองในใจพลางลุกขึ้นยืน พบว่ามีต่างหูนาฬิกาทรายสีเงินหล่นตกบนพื้นพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง เขารีบเก็บของสองชิ้นนั้นมาถือไว้ในมือ เปิดอ่านกระดาษแผ่นน้อยด้วยความสงสัย ตากวาดอ่านไปแค่ประโยคเดียวถึงกับเบิกกว้าง ปากหลุดอุทานเสียงดัง
"อะไรวะเนี่ย!"
ตอนแรกก็แค่เผชิญกับบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในมิติลึกลับ ถัดมาก็เป็นข้อความแปลกๆ ที่เหมือนเป็นไอเดียของนักเขียนมากกว่าคำเตือน ปิดท้ายด้วยต่างหูนาฬิกาทราย ที่เขียนบนกระดาษแผ่นน้อยไว้ตัวใหญ่ๆ ว่า 'นี่คือตัวแทนชีวิตของคุณ' โผล่ออกมาอีก
หากพบของสิ่งนี้พร้อมข้อความประหลาดในสถานการณ์ปกติ ดาวเหนือมั่นใจว่าตัวเองคงมองเรื่องเหล่านี้เป็นการแกล้งกันเล่นระหว่างกลุ่มเพื่อนไปนานแล้ว แต่เมื่อได้เผชิญกับสภาพแวดล้อมผิดแปลกไปจากปกติ เขาไม่อาจมองข้ามคำเตือนบนกระดาษแผ่นน้อยนี้ไปได้เลย
[จงเก็บรักษาของสิ่งนี้ไว้ให้ดี]
นั่นเป็นข้อความแรกที่เขียนอยู่บนแผ่นกระดาษ พอดาวเหนือได้ลองอ่านข้อความที่เหลือบนกระดาษแผ่นน้อยต่อจนจบ สมองเขาก็ได้ความรู้เกี่ยวกับนาฬิกาทรายมาประดับเพิ่มอีกหลายเรื่อง เช่น ต่างหูนาฬิกาทรายคือ 'พาสปอร์ต' และทรายคือ 'อายุวีซ่า' ที่ต้องคอยหามาเติม ห้ามให้ทรายไหลลงไปด้านล่างหมด ห้ามทำตัวนาฬิกาทรายแตก ไม่อย่างนั้นชีวิตของผู้เป็นเจ้าของก็จะดับสิ้น
สรุปแล้วต่างหูนาฬิกาทรายหรือพาสปอร์ต มันก็เปรียบเสมือนเป็นหัวใจดวงที่สองของผู้เป็นเจ้าของนั่นแหละ ห้ามปล่อยให้ของชิ้นนี้ได้รับความเสียหายเด็ดขาด แต่จะเป็นจริงหรือว่าเป็นเท็จ ในสถานการณ์แปลกประหลาดที่แทบไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร สิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตก็อย่าได้คิดไปลองดีมันเลย
ดาวเหนือก็เลือกที่จะเชื่อคำเตือนบนกระดาษปริศนาแผ่นนี้ไปก่อน เขาสวมต่างหูนาฬิกาทรายติดกับติ่งหูข้างซ้ายที่แค่วางทาบ ไม่ทันได้ลงมือทำอะไรไปมากกว่านั้น ต่างหูที่ดูไม่ออกในตอนแรกว่าเป็นแบบเจาะหรือว่าหนีบ อยู่ๆ สิ่งนั้นก็ยึดติดกับร่างกายเขาได้อย่างมหัศจรรย์
"มีอะไรอีกก็มาเลย"
โบราณว่าไว้ว่า 'เห็นผีอย่าทัก' ไม่อย่างนั้นสิ่งลี้ลับอาจจะโผล่มาทักทายเราจริง แล้วในกรณีของเขาที่เข้าข่ายอาจจะมีอะไรสักอย่างโผล่มาสร้างความประหลาดใจให้ได้ทุกเมื่อ ดาวเหนือก็ไม่ควรปากเสียไปเอ่ยท้าทายสิ่งที่ตามองไม่เห็น เกิดมีเรื่องแปลกๆ หรือตัวอันตรายโผล่มาจ๊ะเอ๋กันจริง เขาได้ซวยแน่
ครั้นนึกถึงคำเตือนของคนโบราณ ดาวเหนือเหลือบตามองไปรอบตัวด้วยความหวาดระแวง หัวใจเต้นตึกตักแทบหลุดออกจากอก แต่พอได้เห็นภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาไม่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น บรรยากาศในร้านกาแฟยังคงให้ความรู้สึกคล้ายโลกทั้งใบถูกมนุษย์ต่างดวงตัวม่วงดีดนิ้วทีเดียว ผู้คนเกินกว่าครึ่งโลกสลายกลายเป็นฝุ่นในชั่วพริบตาเดียว
อาการหวาดผวาภายในใจค่อยๆ สลายไปแล้วถูกแทนด้วยความเยือกเย็นเช่นเดิม ตาหลุบลงต่ำมองข้าวของบนโต๊ะที่เขายังไม่ได้แตะต้องได้เพียงแค่ไม่กี่นาที สมองดันนึกไปถึง 'พวกมัน' ที่ตัวเองได้อ่านเจอในกระดาษใต้กล้องถ่ายรูปเข้าเสียก่อน
ความรู้สึกที่ว่า 'ควรมีอะไรป้องกันตัวจากพวกมัน' ผุดขึ้นกลางใจ ร่างกายก็เคลื่อนไหวไปก่อนที่สมองจะทันได้สั่งการ กล้องตัวน้อยที่แผ่บรรยากาศลึกลับอย่างบอกไม่ถูกก็ได้มาอยู่ในมือเขาแค่เสี้ยววินาทีเดียว สิ่งที่เคยเป็นของแข็งและสามารถใช้มือสัมผัสได้ อยู่ๆ มันก็กลายเป็นลำแสงสีฟ้าและพุ่งตรงเข้าใส่ต่างหูนาฬิกาทรายเพียงอึดใจเดียว
เหตุการณ์แปลกประหลาดชวนมึนงงสับสนเพิ่งผ่านพ้นไปในหนึ่งวินาทีแรก อีกหนึ่งวินาทีถัดมาก็ได้มีเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นกับเขาอีกแล้ว!
คราวนี้มาในรูปแบบเหมือนมีใครสักคนหวังดี อยากให้เขาทำความเข้าใจกับสถานการณ์ของตัวเองโดยไวที่สุด กระดาษขนาดต่างๆ อัดแน่นไปด้วยตัวอักษรภาษาไทยสวยงามจึงไม่มีปรากฏให้เห็นอีกแล้ว แต่เอาข้อมูลต่างๆ ที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนพากันอัดใส่สมองโดยตรง เขาถึงได้รู้ว่าพาสปอร์ตไม่เพียงแต่จะเป็นชีวิตของผู้ครอบครอง ของสิ่งนี้ยังสามารถทำหน้าที่คล้ายกับ 'ช่องเก็บของ' ในเกมได้อีกด้วย แล้วเหตุการณ์ประหลาดๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน มันก็เป็นการแสดงตัวอย่างให้เจ้าของได้เข้าใจวิธีการใช้งานนั่นเอง
ในโลกของเกมออนไลน์ก็มีการแสดงตัวอย่างให้ผู้เล่นใหม่ได้เข้าใจระบบการใช้งานเบื้องต้นอยู่เหมือนกัน ดาวเหนือถึงได้ไม่รู้สึกตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกแล้ว เขาพยายามทำใจเปิดรับสถานการณ์ที่ให้ความรู้สึกคล้ายหลุดเข้ามาในเกมออนไลน์
สมองนึกทบทวนข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้รับถึงวิธีเก็บและเรียกใช้ของจนเข้าใจแล้ว ดาวเหนือแบมือออกพลางกำหนดจิตเปิดใช้งานช่องเก็บของหรือ 'อัลบั้ม' พบว่าช่องสี่เหลี่ยมใสๆ เรียงต่อกันเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
ในช่องแรกสุดปรากฏภาพถ่ายโพลารอยด์เป็นรูปกล้องถ่ายรูป ตรงพื้นที่สีขาวๆ ใต้รูปมีรายละเอียดกล้องถ่ายรูปเขียนไว้คร่าวๆ ให้รู้ว่าสามารถใช้มันต่อสู้กับพวกมันได้ นอกนั้นก็เป็นข้อมูลที่เขาอ่านผ่านตาแค่บรรทัดแรก ก็ลงความเห็นว่า 'ไม่สำคัญ' ทันที แล้วไม่ได้ให้ความสนใจความเป็นมาของกล้องถ่ายรูปอีก เขากำมือเพื่อปิดอัลบั้มพลางคว้าเอาเสื้อกันฝนกับร่มที่วางบนโต๊ะขึ้นมาถือไว้ จากนั้นก็ลองเริ่มเดินสำรวจไปรอบๆ ร้านกาแฟขนาดเล็ก
"มีใครอยู่ไหมครับ!"
ดวงตาต่อให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีมนุษย์คนอื่นหลบซ่อนตัวอยู่ก็ตาม ดาวเหนือก็ไม่คิดละทิ้งความคิดว่าฝ่ายนั้นมีความสามารถในการซ่อนตัวเก่งเป็นที่หนึ่ง อาศัยตามองสำรวจแบบผ่านๆ เพียงแค่รอบสองรอบ ความเป็นไปได้ที่เขามองข้ามมีสูงมาก ดาวเหนือถึงได้ลองตะโกนถามแล้วเงี่ยหูฟังรอเสียงตอบรับอยู่ครู่หนึ่ง
เขาก็ยังได้ยินแค่เสียงสายฝน
ความเป็นไปได้ที่จะมีมนุษย์คนอื่นหลบซ่อนตัวในร้านกาแฟ ดาวเหนือคงต้องตัดทิ้งไปก่อนชั่วคราว ตอนนี้เขาควรลองสำรวจสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ปรากฏอยู่ในร้านกาแฟดูก่อน หากเขาตั้งใจสำรวจดูให้ดี โอกาสพบข้อมูลอื่นที่เป็นประโยชน์ก็มีสูงมาก ดาวเหนือถึงได้ลองเดินสำรวจดูทุกโต๊ะ
สิ่งของที่วางทิ้งไว้ส่วนใหญ่จะเป็นกาแฟกับขนมอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยที่แสดงให้เห็นว่าเคยมีมนุษย์คนใดเคยแตะต้องของพวกนี้มาก่อน ราวกับเป็นของประกอบฉากที่ช่วยบอกให้รู้ว่า 'ที่นี่คือร้านกาแฟ' เท่านั้นเอง ดาวเหนือถึงได้ไม่สนใจพวกของประกอบฉากอีก เขาหันมาสนใจสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องพกติดตัวกันอย่างโทรศัพท์มือถือแทน
บนโต๊ะกลมอยู่ห่างจากเขาไปประมาณหนึ่งถึงสองเมตร พบว่ามีโทรศัพท์ราคาแพงเครื่องหนึ่งวางข้างแก้วกาแฟในตำแหน่งที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน พอเขาลองกดเปิดหน้าจอมือถือขึ้นดูแบบไม่คาดหวัง เพราะคนส่วนใหญ่น่าจะทำการล็อกหน้าจอไว้เพื่อความปลอดภัย
สิ่งแรกที่เขาควรเจอคือปัญหาการใส่รหัสเพื่อปลดล็อกการใช้งาน คาดไม่ถึงว่าเมื่อเขาได้ลองกดปุ่มด้านข้างของโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้ว ภาพแรกที่ปรากฏสู่คลองสายตาก็คือโปสเตอร์ 'นิทรรศการแมงกะพรุนดวงดาว' กล่าวถึงเวลาเปิดงานคือช่วงสี่โมงเย็น
ครั้นได้เห็นภาพโปสเตอร์ตกแต่งให้ดูคล้ายกับท้องฟ้ายามค่ำคืนและแมงกะพรุนตัวน้อยใหญ่แหวกว่ายอยู่ในอากาศ ดาวเหนือฉุกคิดไปถึงตั๋วนิทรรศการภาพถ่ายที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ขึ้นมาทันที เขาย้อนกลับไปที่นั่งของตัวเองแล้วกวาดตามองหาตั๋วแค่ไม่กี่วินาที
พบว่าตั๋วนิทรรศการได้หายไปแล้ว!
ตอนดาวเหนือเก็บของบนโต๊ะเข้าตัว เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำการแตะต้องตั๋วนิทรรศการใบนั้นเลย ในอัลบั้มที่เขาเพิ่งค้นพบเข้าด้วยความบังเอิญ นอกจากกล้องถ่ายรูปที่เขาสามารถใช้ป้องกันตัวได้แล้ว ของสิ่งอื่นก็ไม่ได้ถูกเก็บรักษาเอาไว้ในรูปแบบภาพโพลารอยด์อีกเลย
"หรือจะตกอยู่ใต้โต๊ะ"
ภายในใจดาวเหนือจู่ๆ ก็รู้สึกว่าควรรีบหาตั๋วนิทรรศการใบนั้นให้พบโดยไวที่สุด เขาถึงได้เลือกยุติการสำรวจร้านกาแฟไปก่อน สายตาสอดส่องไปรอบๆ นานหลายที ไม่ว่าจะเป็นบนโต๊ะที่กวาดตามองไปเป็นสิบรอบ ใต้โต๊ะที่ลองมุดเข้าหาไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง หรือจะเป็นบนเก้าอี้ที่ลองเอามือไปลูบๆ คลำๆ ดูจนแทบจดจำโครงสร้างของมันได้ขึ้นใจ
เขาก็ยังหาไม่พบ!
ปกติดาวเหนือก็เป็นคนประเภทหาของอะไรไม่ค่อยจะเจออยู่แล้ว พอตกอยู่ในสถานการณ์แปลกประหลาด เขาก็ยิ่งสับสนว่าตัวเองหาตั๋วใบนั้นไม่พบเอง หรือว่ามีใครบางคนจงใจนำตั๋วใบนั้นออกจากฉาก เนื่องจากของสิ่งนั้นได้ทำหน้าที่ของมันลุล่วงแล้ว
ดาวเหนือยืนนิ่ง ในใจรู้สึกสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้ไม่นาน สายตาเหลือบไปเห็นนาฬิกาในร้านกาแฟเข้าเสียก่อน ตอนแรกเขาก็คิดมองผ่านไปเลย พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเห็นสิ่งเกี่ยวข้องกับเวลามาถึงสองครั้งแล้ว เขาถึงได้หยุดสายตาที่นาฬิกา มองเวลาที่เข็มสั้นกับเข็มยาวชี้บอกเวลาสิบโมงเช้า
"เป็นไปไม่ได้!"
ช่วงเวลาตอนที่เขามาถึงร้านก็ประมาณสิบโมงกว่าแล้ว นี่ยังไม่รวมเวลาที่เขาไปสั่งชุดอาหารเช้าและนั่งกินอีกประมาณสองถึงสามนาทีอีก เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเวลาควรเป็นสิบโมงกว่า เข็มสั้นกับเข็มยาวไม่มีทางพากันชี้บอกเวลาสิบโมงตรงเหมือนอย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้าเด็ดขาด
"หรือนาฬิกาจะตาย..."
ในเมื่อสมองรับรู้ได้ว่าเวลาที่เห็นในร้านกาแฟไม่ถูกต้อง วิธีตรวจสอบก็แสนง่ายดาย เอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาตรวจสอบเวลาปัจจุบันก็ได้แล้ว น่าเสียดายที่ของสิ่งนั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นเดียวกับตั๋วนิทรรศการ ส่วนโทรศัพท์มือถือที่เขาค้นพบในร้านอาหาร เวลาที่ปรากฏอยู่บนจอก็เป็นสิบโมงตรงเช่นเดียวกับนาฬิกาติดผนัง เล่นทำเอาดาวเหนือเริ่มนึกสับสนเรื่องเวลาขึ้นมาเสียแล้ว
[อีกสิบนาทีร้านกาแฟฤดูฝนจะปิดให้บริการแล้ว นักท่องเที่ยวท่านใดที่ยังไม่ได้สวมเสื้อกันฝน กรุณารีบเตรียมตัวให้พร้อมก่อนหมดเวลา]
ความเงียบพลันถูกทำลายด้วยเสียงประกาศตามสายที่ไม่อาจระบุได้ว่าเป็นชายหรือว่าหญิง ดาวเหนือสะดุ้งตัวโหยงพลางหันซ้ายหันขวา มองไปรอบตัวก็พบว่าที่แห่งนี้ยังคงมีแค่เขายืนอยู่ตามลำพัง สภาพแวดล้อมภายในร้านก็ยังคงให้บรรยากาศอบอุ่น กาแฟแบบเย็นหรือแบบร้อนๆ แผ่ไอขาวเบาบาง ขนมเค้กที่มีรูปลักษณ์สวยงามบนจานก็ยังส่งกลิ่นหอมหวานยั่วน้ำลาย
[เหลือเวลาอีกเก้าวินาที โปรดรีบเตรียมตัว]
ในสายตาเขาตอนนี้ต่อให้เห็นร้านกาแฟดูมีบรรยากาศอบอุ่น เหมาะเข้ามานั่งจิบกาแฟสักแก้วเพื่อฆ่าเวลามากแค่ไหน เสียงตามเสียงที่ค่อยๆ นับถอยหลังก็คอยกดดันเขาให้รีบตัดสินใจทำอะไรสักอย่างโดยไวที่สุด ดาวเหนือเลือกสวมเสื้อกันฝนตามคำเตือนก่อนเป็นอันดับแรก
[เหลือเวลาอีกแปดวินาที]
ดาวเหนือตัดสินใจใช้เวลาแปดวินาทีที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เดินวนสำรวจภายในร้านกาแฟดูอีกสักรอบสองรอบ คาดหวังว่าตัวเองอาจจะพบเบาะแสที่ช่วยทำให้เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันเพิ่มได้บ้าง น่าเศร้าที่โชคชะตากลั่นแกล้ง เขาก็ไม่พบอะไรเลย ร้านกาแฟได้เวลาปิดให้บริการ สายฝนที่ตกอยู่แต่ข้างนอกก็ตกข้างในด้วย!