คุณหนูโกยข้าวคำสุดท้ายจากชามเข้าปากแล้ววางชามลงกับโต๊ะพร้อมกับเคี้ยวอาหารไปพลาง ๆ เมื่อกลืนคำสุดท้ายลงคอก็เรอออกมาเสียงดังลั่น "เอร่ออออออออ…"
ใบหน้าของจินอู๋และจินหมิงซีดขาวลงโดยพลัน
"ตายแล้วคุณหนู!…คุณหนูจะแสดงกริยาเช่นนั้นออกมาไม่ได้นะเจ้าคะ มันดูไม่งามเจ้าค่ะ!!"
ท่านป้าจินรีบตะลีตะลานเข้ามาอย่างตกอกตกใจยิ่ง "คุณหนูเจ้าขา…ทานอาหารเสร็จแล้วไม่ควรส่งเสียงเรอออกมานะเจ้าคะ"
ดวงตากลมโตจ้องใบหน้าเหี่ยวย่นใสแป๋ว "ห้ามเรอ?…ทำไมล่ะ"
"มันจะดูไม่งามไม่สมกับฐานะคุณหนูของท่านเจ้าค่ะ อีกอย่างปกติท่านก็มีกริยาเรียบร้อยอ่อนหวานยิ่งกว่าคุณหนูในจวนนี้หรือจวนไหนเสียอีก…"
เมื่ออาหารอร่อยตกถึงท้องความกังวลและหดหู่ใจก็หายไปในพริบตา "ไม่รู้แล้ว ๆ ตอนนั้นไม่ใช่ตอนนี้เอาเป็นว่าอาหารมื้อนี้อร่อยมาก ขอบคุณป้ามากเลยค่ะ เดี๋ยวหนูจะช่วยเก็บ…"
อาหมิงและจินอู๋รีบพุ่งเข้ามาหยุดมือของคุณหนูทันที "ไม่ได้นะเจ้าคะ นี่เป็นหน้าที่ของข้า ข้าจะนำไปเองเจ้าค่ะ"
อาหมิงใช้มือเก็บชามอาหารด้วยความเร็วสูงจนมองแทบไม่ทันแล้ววิ่งพรวดออกจากห้องไปทันที
"ว้า…อะไรกันเนี่ย…"
ท้องอิ่มสมองก็ผ่อนคลาย ครานี้นางคงต้องยอมรับเสียแล้วว่าตนเองมาโผล่อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ดุเหมือนว่าจะอยู่ในร่างกายของคนอื่นด้วย ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด วิณญาณของเธอสามารถควบคุมร่างกายนี้ได้ราวกับเป็นร่างกายของตัวเองจนถ้าไม่จับสังเกตก็คงคิดว่ากำลังอยู่ในร่างของตนเอง
ยิ่งคิดก็ยิ่งงุนงง?
เฮ่อซินหมิงตัดบทความคิดของตัวเองด้วยการหันไปหาท่านป้าที่ยืนอยู่ข้างกาย เธอจะลองโยนหินถามทางเสียหน่อย
"ท่านป้า...…" คนตรงหน้าทำเพียงแค่ส่งสายตาละห้อยจ้องมองเธอ นางกระแอมไอเสียงดังคราหนึ่ง
"คุณหนู…" ก่อนที่ป้าคนนี้จะพูดยาวเหยียดอีกเธอก็รีบพูดขัดขึ้น
"ท่านป้าชื่ออะไรเหรอคะ?"
ตาที่ละห้อยอยู่เบิกโพลงแล้วถามราวกับไม่เชื่อหู "วะ…ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ?"
"หนูถามว่าท่านป้าชื่ออะไรเหรอคะ" ดวงตากลมโตสีอำพันสดใสคู่นั้นดูไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด นั่นยิ่งทำให้จินอู๋แทบลมจับ
"นี่คุณหนู…คุณหนู…" เห็นคนอายุมากท่าทางใกล้จะเป็นลมเฮ่อซินหมิงก็รีบเข้าไปประคองแล้วพูดเปลี่ยนเรื่องโดยพลัน
"โธ่…ท่านป้าตกใจอะไร เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งหรอก นั่งก่อนดีกว่านะคะ…" จินอู๋ถูกลากให้นั่งลงบนเก้าอี้แทนที่คุณหนูของตนโดยไม่รู้ตัว ยามนี้ในใจสับสนยิ่ง
สองมือบอบบางบีบคลึงที่บ่าของคนสูงวัยกว่าอย่างอ่อนโยน ใจของจินอู๋สงบลงอย่างน่าประหลาดในตอนนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาในเรือนพอดี
อาหมิงจับขอบประตูห้องมือหนึ่งกุมอกยืนหอบหายใจราวกับคนที่วิ่งหนีสิ่งใดมา "นังลูกคนนี้!! ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย เพราะเจ้าเป็นต้นเหตุให้คุณหนูต้องติดนิสัยไม่ดีไปด้วยเป็นแน่!"
อาหมิงหอบหายใจเสียจนไม่มีแรงจะเอ่ยต่อปากต่อคำ นางวิ่งไปที่ครัวแล้ววิ่งกลับมาโดยที่ไม่หยุดพักเลยสักนิด เช่นนี้นางจะไม่เหนื่อยก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
"ไม่ใช่เป็นเพราะ…อาหมิงหรอกค่ะ หนูก็เป็นแบบนี้ของหนูอยู่แล้ว…" ให้ตายสิ!…เรียกชื่อคนที่ชื่อเหมือนตัวเองแบบนี้มันเขินปากชะมัด แล้วที่หนูบอกไปก็เป็นความจริงด้วยนะ
"อะไรกันคุณหนู…ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าอาหมิงวิ่งตาตื่นเสียงดังไม่ดูนายดูบ่าวขนาดนี้ ไม่รู้ว่าลับหลังป้าจะขนาดไหน"
"ท่านป้า…ตอนนี้พระอาทิตย์ขึ้นไปจะอยู่กลางท้องฟ้าแล้ว ท่านป้าไม่ไปทำงานเหรอคะ" นี่เธอไม่ได้ไล่นะ แค่เป็นห่วงว่าอาจจะมีงานอื่นที่ป้าต้องไปทำแต่ต้องมากังวลเธออยู่
"ตายจริง! กี่โมงกี่ยามแล้วทำไมข้ายังมานั่งพักผ่อนอยู่ที่นี่อีก ถ้าเช่นนั้นข้าไปก่อนล่ะ…" คนสูงวัยรีบผุดลุกขึ้นก้าวเท้ารัวออกไปทันที แต่ไม่วายจะส่งสายตาอำมหิตและส่งเสียงต่ำใส่บุตรสาวไม่ได้เรื่องของตน "ดูแลคุณหนูให้ดี"
อาหมิงได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ส่งให้มารดาตนแล้วมองดูนางจนลับหายไปจากสายตา หันมาอีกทีก็เห็นคุณหนูนั่งลงไปกองกับพื้นแล้ว
"เฮ้อ! เกือบไปแล้วมั้ยล่าาาา" อาหมิงอ้าปากกำลังจะเอ่ยประโยคเช่นเดียวกับมารดา เฮ่อซินหมิงรู้ตัวทันรีบพูดขัดขึ้นมาได้ทัน
"พอแล้ว ๆ ๆ ขอพักแบบสบาย ๆ สักหน่อย" คำพูดที่ติดอยู่ในคอถูกกลืนลงไปทันที อาหมิงส่งยิ้มบางเบาให้กับคนที่นั่งอยู่บนพื้น ก่อนจะเดินเข้ามาทรุดกายนั่งลงข้าง ๆ กัน
เฮ่อซินหมิงเกิดความรู้สึกที่ดีกับสาวน้อยวัยเดียวกันคนนี้ไม่น้อยจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงใจ "เธอชื่ออะไรนะ?"
คนตรงหน้ามีแววตางุนงงไม่น้อยแต่ก็เอ่ยตอบ "จินหมิงเจ้าค่ะ"
ดีจังที่ไม่ต้องเจอคำตอบอื่น เฮ่อซินหมิงยิ้มกว้างถามต่อ "แล้วแม่ของเธอล่ะ?"
"จินอู๋เจ้าค่ะ"
อาหมิงในร่างฉีอันหนิงพยักหน้าหนัก ๆ หลายที ในหัวกำลังครุ่นคิด มีอะไรที่ต้องรู้อีกมั้ยนะ? แต่คิดไปก็นึกไม่ออก ค่อยไปตายเอาดาบหน้าแล้วกัน
เห็นคุณหนูทำหน้าขมวดคิ้วมองบนไม่ถึงอึดใจนางก็หันกลับมาส่งรอยยิ้มสดใสให้กับนาง รอยยิ้มเช่นนี้แปลกนัก ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่จะอ่อนโยนอ่อนหวาน พอเห็นแล้วใจจะรู้สึกอบอุ่นอยากดูแลอยากอยู่ใกล้ชิด แต่รอยยิ้มนี้เมื่อมองแล้วกลับทำให้รู้สึกราวกับว่าต่อให้พบเจอเรื่องเลวร้ายมากมายเพียงใดเมื่อเห็นรอยยิ้มนี้หัวใจจะส่องสว่างสดใส หมอกความเศร้าหมองจะสลายหายไปโดยพลัน.........