webnovel

จอมทัพตื๊อรัก(2 เล่มจบ)

“ข้าจะขอยกเลิกการเป็นคู่หมายของท่าน ท่านว่าดีหรือไม่” ถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มทำให้แม่ทัพหนุ่มชะงัก รอยยิ้มหายไปทันที ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึงและเย็นชาขึ้นจนดูน่ากลัว ดวงตาคมทรงเสน่ห์จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มเขม็งและดุดันยิ่ง น้ำเสียงหนักแน่นและสีหน้าจริงจังจากเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งแววตารักใคร่เทิดทูนที่มีให้ บัดนี้กลับไม่มีให้เห็นแม้สักเสี้ยว ส่วนสิ่งที่สัมผัสได้จากดวงตากลมโตกลับมีเพียงความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และว่างเปล่าไร้ระลอกคลื่นแห่งเสน่หา เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิดอารมณ์เสียยิ่งนัก ‘มารดาเจ้าเถิด!’ แม่ทัพหนุ่มสบถในใจ แรงโทสะทำให้เขาเผลอปล่อยจิตสังหารออกมา ทำเอาหญิงสาวรู้สึกหนาวเยือกไปถึงกระดูก ความกล้าที่พกมาเต็มเปี่ยมลดฮวบจนแทบไม่เหลือ

SARABIYA_1501 · Fantasi
Peringkat tidak cukup
107 Chs

ภาคต่อตอนที่ 16 เข้าเฝ้ารับภารกิจ

จวนแม่ทัพไร้พ่าย ยามซวี

"ฮูหยินน้อย ได้โปรดให้ข้าติดตามไปรับใช้ท่านด้วยเถิดเจ้าค่ะ"เสี่ยวอี้คุกเข่าเบื้องหน้านายสาวที่นั่งอยู่บนเตียงมีเสี่ยวสุ่ยน้องสาวนั่งอยู่ข้างๆ

"...เจ้าอยากไปจริงหรือ?อำเภอเฟิ่งกู่ไกลและยังกันดารมากนะ"ชิงหลินย้อนถามด้วยความเป็นห่วง มือเรียวเล็กลูบตัวฟานฟานน้อยที่นอนหมอบอยู่บนตักหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข โดยมีสามสหายน้อยนอนหมอบอยู่ข้างตัวนาง

"ขอเพียงได้ติดตามรับใช้ฮูหยินน้อย จะลำบากเพียงใด ข้าหาได้กลัวไม่เจ้าค่ะ"เสี่ยวสุ่ยยืนยันเสียงหนักแน่นสนับสนุนคำขอของเสี่ยวอี้พี่สาว

"ได้ ข้าจะลองขอท่านแม่ทัพดู"ชิงหลินรับปากในที่สุด เป็นเหตุให้สองสาวใช้ดีใจยิ้มกว้างอวดฟันขาว ดวงตาเป็นประกายสุกใสด้วยความยินดี

"ขอบคุณฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ!"สองสาวใช้โขกศีรษะกับพื้นขอบคุณ

"เอาล่ะๆพอแล้ว มีอะไรก็ไปทำเถิด ข้าจะนอนแล้ว"โบกมือไล่ก่อนจะส่ายหน้าอ่อนใจกับสองสาวใช้ที่เดินออกไปอย่างร่าเริงราวกับถูกรางวัลใหญ่

"คืนนี้ พวกเจ้าจะนอนกับข้าหรือไม่?"หันมาถามสี่สหายน้อยทางจิตเอนกายพิงหัวเตียงทั้งที่ฟานฟานน้อยยังอยู่บนตัก

"ฟานฟานก็อยากนอนกับหลินหลินทุกวัน แต่เจ้าร่างักษ์จะยอมรึ?"ฟานฟานน้อย ร้องถามหลินหลิน เพราะพวกมันสัญญาไว้ว่า จะอยู่เล่นกับหลินหลินจนถึงยามอิ่วเท่านั้น ซึ่งเวลานี้ พวกมันควรอยู่ที่ห้องของตัวเองแล้ว แต่เพราะสี่สหายน้อยเห็นว่าแม่ทัพหนุ่มยังไม่กลับมา จึงตัดสินใจอยู่เป็นเพื่อนหลินหลินก่อน พอแม่ทัพหนุ่มกลับมาแล้วค่อยกลับไปห้องของพวกมัน

"ข้าจะลองขอดู"

"อย่าเลยขอรับ พวกเราไม่อยากถูกตราหน้าว่า ไม่รักษาสัญญา"เป่าเปาน้อยร้องบอก

"อื้อๆ"หมั่นโถวน้อยจอมขี้แยส่งเสียง อื้อๆ พร้อมกับผงกหัวขึ้นลงประกอบ

"...?"ฟงฟงน้อยได้แต่เอียงคอมองคนนั้นทีคนนี้ที ด้วยมาทีหลังจึงไม่รู้เรื่องราวคำสัญญานี้ระหว่างแม่ทัพหนุ่มกับสามสหายน้อย

"หลินหลิน จะไปเที่ยวอีกแล้วใช่หรือไม่?"ฟานฟานน้อยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

"ไม่ใช่ไปเที่ยว แต่นำเสบียงไปช่วยชาวบ้านที่ประสบภัยแล้งต่างหากเล่า"แก้ข้อเข้าใจผิด

"เสบียงคืออันใด? กินได้หรือไม่เจ้าคะ?"หมั่นโถวน้อยเอียงหัวน่ารักๆถาม

"คิกๆ.. กินได้จ้ะ"ตอบเสียงใส มือเรียวลูบหัวเรียวเล็กที่ปกคลุมด้วยขนฟูฟ่องราวหิมะอย่างอ่อนโยน

"แต่นอกเหนือจากเสบียงแล้ว ยังมีอุปกรณ์จำเป็นต่อการดำรงชีวิตด้วย"

"พวกเราขอไปด้วยได้หรือไม่?"ฟงฟงน้อยร้องขอแทนทุกตัว

"ได้แน่นอน..หรือมีใครไม่อยากไป?"แกล้งถามเสียงสูง

"ฟานฟานไป"

"เป่าเปาขอไปด้วยขอรับ"

"หมั่นโถวก็จะไปด้วยเจ้าคะ"

"..ตกลงว่าไปกันทั้งหมดนะ"เห็นสี่สหายน้อยผงกหัวรัวๆ ราวกับกลัวว่านางจะเปลี่ยนใจก็อดเอ็นดูไม่ได้ เจ้าพวกนี้จะน่ารักเกินไปแล้ว!

"ข้าจะใช้ปราณพลังจิต ห้ามพวกเจ้าเล่นซุกซนรบกวนข้านะ"ส่งเสียงบอกสี่สหายน้อยแล้วหลับตาลง ส่วนสี่สหายน้อยไม่ได้ไปไหน พวกมันเลือกที่จะนอนหมอบอยู่ข้างกายนาง

เพียงชั่วอึดใจ ก็ปรากฏภาพบ่อน้ำที่มีแผ่นไม้กระดานตีกรอบไว้ทั้งสี่ด้านสูงเหนือพื้นขึ้นมาราวสองไม้บรรทัดเห็นจะได้หลังแผ่นไม้มีหินก้อนเล็กก้อนใหญ่ช่วยพยุงค้ำแผ่นไม้ไว้ เนื่องจากเป็นตาน้ำขนาดเล็ก น้ำจึงไม่ไหลทะลักออกมา ทำให้ปริมาณน้ำในบ่อยามนี้อยู่ในระดับขอบพื้นดินพอดี และหากไม่มีการตักนำไปใช้ คาดว่าพรุ่งนี้น้ำคงขึ้นมาถึงแผ่นไม้เป็นแน่

ครั้นเพ่งไปดูจุดอื่น ก็พลันสะดุดเข้ากับแสงไฟ จากกระท่อมที่อยู่ไม่ไกลจากบ่อน้ำนัก พอเพ่งจิตเข้าไปดูข้างใน ก็พบกับร่างผ่ายผอมของสามยายหลานนั่งล้อมโต๊ะเก่าๆ สวมใส่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนที่เห็นตอนกลางวัน แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือใบหน้าแขนขาสะอาดเกลี้ยงเกลา รอยยิ้มที่แสดงถึงความสุข ดวงตาเป็นประกายเต็มไปด้วยความหวัง บนโต๊ะมีผลไม้สดๆหลากหลายชนิด ซึ่งนางขอร้องให้บรรดานกทั้งหลายช่วยนำมาให้ ตอนที่พวกเขากำลังขุดบ่อน้ำกันอยู่

นางเพ่งจิตออกมาดูด้านหลังกระท่อม ก็พบเข้ากับบรรดาเหล่าสัตว์เลี้ยงกำลังนอนหลับอย่างสบายอุรา ภาพทั้งหมดทำให้ชิงหลินเบาใจขึ้นมากที่อย่างน้อยคืนนี้พวกเขาเหล่านั้น ก็ไม่ต้องทรมานกับความหิวโหย

"ขอให้นอนหลับฝันดี"พึมพำแล้วลืมตาขึ้นพร้อมรอยยิ้มและต้องชะงัก เมื่อสบเข้ากับดวงตาคมทรงเสน่ห์ของสามี "พี่เหวิน มาตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าคะ? แล้ว…"เอ่ยถามพลางกวาดสายตามองหาสี่สหายน้อยไปด้วย

"พี่ไล่กลับไปหมดแล้ว"กล่าวจบก็ช้อนร่างเล็กบอบบางมาบนตัก กลิ่นหอมอ่อนๆจากกายของนาง ทำให้ความตึงเครียดที่สะสมมาเมื่อหลายชั่วยามก่อนคลายลง มู่หลิ่งเหวินจุมพิตหน้าผากกลมมนอย่างรักใคร่

"กังวลใจเรื่องราชโองการอยู่หรือเจ้าคะ?"เอ่ยถามแม้จะเริ่มคุ้นชินกับการกระทำเช่นนี้ของสามีแล้ว แต่ก็ยังอดตื่นเต้นและรู้สึกประหม่าไม่ได้ ก็คุณสามีหล่อลากไส้ซะขนาดนี้จะไม่ให้เขินอย่างไรไหว

"อา...เจ้ารู้?"แม่ทัพหนุ่มออกจะประหลาดใจเพราะมั่นใจว่าไม่ได้แสดงความกังวลใจยามที่อยู่ต่อหน้านางหรือต่อหน้าคนอื่น

"เรื่องนั้นช่างเถิดเจ้าค่ะ จะอาบน้ำหน่อยไหมเจ้าคะ?"ชิงหลินเปลี่ยนเรื่องใช้สองมือยันหน้าอกแกร่งดันตัวเองออกมาจากอ้อมกอดพร้อมกับส่งยิ้มอบอุ่นให้

"...อา..ก็ดีเหมือนกัน"แม่ทัพหนุ่มใช้นิ้วไล้แก้มเนียนนุ่มอย่างอ่อนโยน ดวงตาเป็นประกายหวานล้ำ

----------------

ล่วงเข้ายามจื่อแต่แม่ทัพหนุ่มยังไม่อาจข่มใจให้หลับลงได้ เมื่อหวนนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในตำหนักฟ้าทรงธรรม

ย้อนกลับไปปลายยามซื่อ

มู่หลิ่งเหวินพร้อมภรรยามาถึงตำหนักฟ้าทรงธรรม ก็พบเข้ากับอัครเสนาบดีตู้ฮุ่ยเปียวนั่งอยู่ก่อนแล้ว

"คารวะท่านอัครเสนาบดี"มู่หลิ่งเหวินทักทายเต็มพิธีการ

"มู่หลิ่น คารวะท่านอัครเสนาบดีเจ้าค่ะ"ชิงหลินยอบกายทักทายอาวุโสต่อจากสามี

"อา..ตามสบายเถิด"ตู้ฮุ่ยเปียวผายมือให้ทั้งสอง เก็บซ่อนความยินดีลึกๆไว้ภายใน ตู้ฮุ่ยเปียว ค่อนข้างชื่นชอบอุปนิสัยใจคอของหนุ่มสาวคราวลูกสองคนนี้ ทั้งเปิดเผยตรงไปตรงมา โดยเฉพาะนางที่มากด้วยความสามารถโดดเด่นกว่าสตรีใดในแคว้นฉีที่ตนเคยรู้จัก

"ฝ่าบาทเสด็จจจจ"

"ถวายบังคมฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นๆปี"

"ลุกขึ้นได้"สุรเสียงก้องกังวานเต็มไปด้วยพลังอำนาจของโอรสสวรรค์ ทำเอาชิงหลินอดที่จะประหม่าไม่ได้

"ทุกท่านตามสบาย"ฉีเฉินหลงผายมืออนุญาต

"ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ/เพคะ"ทั้งสามทำความเคารพเต็มพิธีการอีกครั้งแล้วจึงถอยเท้าช้าๆนั่งลงหลังโต๊ะเตี้ย ฝั่งพระหัตถ์ขวาของโอรสสวรรค์

"แม่ทัพมู่ เราต้องขออภัยที่เรียกท่านและฮูหยินมาในวันนี้"ความหมายของพระองค์คือต้องการขอโทษที่เรียกแม่ทัพหนุ่มที่พึ่งจะแต่งงานมาเข้าเฝ้า

"ฝ่าบาทอย่าทรงรับสั่งเช่นนั้นเลยพะย่ะค่ะ กระหม่อมรู้สึกละอายใจยิ่งนัก"มู่หลิ่งเหวิน ทูลตอบด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เข้าใจถึงรับสั่งของฝ่าบาทดีว่าหากไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ไม่มีทางเรียกตนเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์เช่นนี้เป็นแน่ การที่ฝ่าบาทตรัสเช่นนี้ทำให้แม่ทัพหนุ่มรู้สึกลำบากใจและละอายใจ

"อา...มีเรื่องใดต้องละอายใจกัน เป็นเราเองที่ให้ท่านหยุดงาน แม้จะครบหนึ่งเดือนตามสัญญาแล้ว แต่เราไม่คิดจะเรียกตัวท่านมาทำงานในช่วงนี้ หากไม่เกิดเรื่องเสียก่อน"ฉีเฉินหลงรีบออกตัวให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงสิ่งที่คิดในใจ

"ฝ่าบาท กระหม่อมเป็นข้ารับใช้ของพระองค์ เป็นขุนนางของพระองค์ ขอเพียงมีรับสั่งต่อให้อยู่ไกล ต้องบุกน้ำลุยไฟกระหม่อมก็พร้อมเสมอพะย่ะค่ะ"น้ำเสียงที่หนักแน่นกับใบหน้าจริงจังของแม่ทัพหนุ่ม ทำให้ฉีเฉินหลงพอใจยิ่งนัก

"อา...ขอบใจ...นั่นคือ..สัตว์เลี้ยงของเจ้ารึ?"ประโยคหลังรับสั่งกับฮูหยินแห่งจวนแม่ทัพ สายตาคมจับอยู่ที่สองพยัคฆ์น้อยและสองจิ้งจอกนอกน้อย ที่นอนหมอบเรียบร้อยราวกับถูกฝึกมาอย่างดีด้วยความชื่นชม

"ทูลฝ่าบาท เป็นสมาชิกครอบครัว ที่หม่อมฉันรักมากประหนึ่งพี่น้องเพคะ"คำตอบของนางทำเอาผู้ฟังออกจะประหลาดใจเล็กน้อย

มิใช่ว่านางต้องการปฏิเสธฝ่าบาทกลายๆหรือ?ว่าไม่อาจมอบสัตว์ทั้งสี่ตัวนี้ให้แก่ผู้ใดได้ แม้แต่ฝ่าบาท?

"หึๆ..หากเป็นเราก็ไม่ได้หรือ?"ฉีเฉินหลงรับสั่งลองใจนาง

"...ฝ่าบาท…"ชิงหลินแสร้งทำเสียงเศร้าเพื่อให้ฮ่องเต้เห็นใจเรื่องอะไรจะยอมยกสี่สหายน้อยให้ ไม่มีทาง!

"อา....เรื่องนั้นพักไว้ก่อนเถิด เราได้ยินข้างนอกลือกันถึงเรื่อง ธิดาสวรรค์กับสัตว์เทพ จึงอยากจะพบสักครั้ง"เสียงที่ก้องกังวานเต็มไปด้วยความกดดันทำชิงหลินเผลอออกแรงบีบมือสามีโดยไม่รู้ตัว แม้จะพอเดาออกว่าต้องเป็นเรื่องนี้ จึงได้เตรียมใจรับมือมาบ้าง แต่พอได้มาอยู่ต่อหน้าผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินจริงๆ ก็อดที่จะหวาดเกรงในพลังอำนาจบารมีไม่ได้

"ฝ่าบาททรงล้อหม่อมฉันเล่นแล้ว"เมื่อถูกจับได้ไม่สู้ยอมรับไปเลยจะดีกว่า ชิงหลินจึงตอบไปเช่นนั้น

"ฮ่าๆๆ..แม่ทัพมู่ ท่านช่างโชคดียิ่งที่มีฮูหยินกล้าหาญเช่นนี้"ฉีเฉินหลงหัวเราะออกมาเสียงดังทำให้บรรยากาศตึงเครียดผ่อนคลายลงทันที

คำตอบของนาง สร้างความพึงพอใจแก่ฉีเฉินหลงฮ่องเต้ยิ่งนักเพราะไม่คิดว่านางจะยอมรับออกมาตรงๆว่าตนคือธิดาสวรรค์ตามข่าวลือ

"...กระหม่อมเห็นด้วยกับรับสั่งของฝ่าบาท หากนางเป็นชายคงก้าวหน้าในหน้าที่การงานแบบก้าวกระโดดเป็นแน่พะย่ะค่ะ"ตู้ฮุ่ยเปียวทูลจบก็หันมาพยักหน้าให้แม่ทัพหนุ่มที่นั่งถัดออกมาสายตาเต็มไปด้วยความพึงพอใจแลชื่นชม

"ท่านอัครเสนาบดีกล่าวชมหนักไปแล้ว นางเพียงไม่รู้จะตอบอย่างไรดีเท่านั้นเองขอรับ"แม่ทัพหนุ่มกล่าวตอบแทนนางอย่างถ่อมตน

"อา..พูดได้ดี...เรารู้มาว่าระหว่างทางเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น?"ฉีเฉินหลงถามแมทัพหนุ่ม

"พะย่ะค่ะ เป็นผู้อพยพเดินทางมาจากอำเภอเฟิ่งกู่"

"เราทราบเรื่องนั้นแล้ว และยังทราบอีกว่าพวกเขาต้องการให้ธิดาสวรรค์ช่วย"

"ทูลฝ่าบาท ฮูหยินของกระหม่อมเป็นเพียงสตรีบอบบาง ไร้วรยุทธ เกรงว่าจะทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวังแล้ว"

"อะไรกัน เหตุใดจึงดูเบาฮูหยินของตนเช่นนั้นเล่า?"แม้เสียงที่รับสั่งจะเอื่อยเฉื่อย แต่แม่ทัพหนุ่มกลับสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากพระวรกายของเจ้าเหนือหัว

"ท่านแม่ทัพ ฝ่าบาทอยากให้ท่านเป็นตัวแทนพระองค์นำคลังเสบียง ไปแจกจ่ายช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยแล้งแถบทางใต้ โดยเฉพาะชาวอำเภอเฟิ่งกู่"ตู้ฮุ่ยเปียวเป็นผู้กล่าวแทนฉีเฉินหลงฮ่องเต้ "แต่ฝ่าบาททรงกังวลว่า แค่เสบียงเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ประสบภัยเหล่านั้น"ตู้ฮุ่ยเปียวหยุดสังเกตปฏิกิริยาของแม่ทัพหนุ่ม

"ความหมายของท่านคือ หากธิดาสวรรค์ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้อาจช่วยเยียวยาจิตใจที่ท้อแท้สิ้นหวังของผู้ประสบภัยเหล่านั้น ให้กลับมาเหมือนเดิมเร็วขึ้นใช่หรือไม่?"มู่หลิ่งเหวินตอบอย่างรู้เท่าทันตู้ฮุ่ยเปียวยิ้มพยักหน้าให้

ชิงหลินที่นั่งก้มหน้าฟังตั้งแต่ต้นอมยิ้มดีใจ เพราะมันหมายความว่านางจะได้มีโอกาสร่วมเดินทางไปกับสามีด้วยซึ่งตรงกับความต้องการพอดี

"ดูเหมือนฮูหยินของท่าน จะเห็นด้วยกับเรื่องนี้นะท่านแม่ทัพ"ฉีเฉินหลงรับสั่งกับแม่ทัพหนุ่ม เมื่อสายตาเหลือบเห็นนางอมยิ้มแม้จะเพียงแวบเดียวก็ตาม

"มู่หลิ่งเหวิน มู่ฮูหยิน รับราชโองการ!"เสียงของอู่กงกงดังขึ้นในนมือถือราชโองการ แม่ทัพหนุ่มและชิงหลินเห็นดังนั้นจึงรีบมาคุกเข่าเบื้องหน้าฉีเฉินหลงฮ่องเต้

"จงเป็นตัวแทนเรา นำคลังเสบียงหลวงไปช่วยเหลือแจกจ่ายให้ชาวบ้านเพื่อบรรเทาทุกข์เข็ญ ให้รีบออกเดินทางภายในสามวัน จบราชโองการ"

"มู่หลิ่งเหวินน้อมรับราชโองการ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นๆปี"รับราชโองการจากอู่กงกงแล้วถอยมายืนข้างภรรยา ใบหน้าหล่อเหลามีร่องรอยความกังวลใจด้วยภารกิจนี้ค่อนข้างอันตรายและซุ่มเสี่ยงต่อการโจมตีปล้นชิงจากพวกโจรถ่อย

แม่ทัพหนุ่มถอนใจแรงเมื่อหวนคิดถึงเรื่องนี้ หลุบตามองร่างเล็กบอบบางที่กำลังหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนอย่างครุ่นคิด นึกถึงปฏิกิริยาอาการตื่นเต้นยินดีของนางแล้วก็ให้รู้สึกประหลาดใจ ครั้นพอถามนางก็เอาแต่พูดว่าความลับซ้ำยังคะยั้นคะยอขอเดินทางล่วงหน้าไปก่อน แน่นอนว่าแม่ทัพหนุ่มปฏิเสธ

-----------

สามวันต่อมา ขบวนคลังเสบียงหลวงนำโดยแม่ทัพไร้พ่ายมู่หลิ่งเหวิน ก็เริ่มเคลื่อนขบวนมุ่งสู่พื้นที่ประสบภัยแถบทางใต้ของแคว้นฉี ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางกว่าสิบห้าวันจึงจะถึงจุดหมายคืออำเภอเฟิ่งกู่

ชิงหลินนั่งอยู่ในรถม้าที่ค่อนข้างใหญ่โตหรูหราสมฐานะฮูหยินแม่ทัพ มีสี่สหายน้อยและสองสาวใช้ร่วมเดินทางไปด้วย

การเดินทางของแม่ทัพไร้พ่ายและธิดาสวรรค์ เป็นจุดสนใจของชาวเมืองฉีและผู้ที่ทราบข่าวต่างพากันออกมาโห่ร้องส่งเสียงอวยพร ปรบมือและมีการโปรยดอกไม้ให้ตลอดเส้นทางจนพ้นประตูเมือง

การสร้างสรรค์งานเป็นเรื่องยาก ส่งกําลังใจให้กันด้วยน้า^_^

SARABIYA_1501creators' thoughts