เรือนหลัก สถานที่จัดงานเลี้ยง
"เห็นทีข่าวลือที่ว่า ข้างกายของท่านแม่ทัพหลงผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นโหย่วของเรา ได้มีสตรีน้อยผู้งดงามนางหนึ่งปรากฏตัวขึ้นและคอยปรนนิบัติรับใช้อย่างใกล้ชิดอยู่ข้างกายไม่ห่าง แม้กระทั่งเรื่องอาหารการกิน รวมไปถึงการตระเตรียมอาภรณ์ จนไปถึงขั้นที่ว่าการผสมน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย ก็ล้วนแต่ให้นางเป็นผู้จัดการทั้งสิ้น...ทั้งหมดนี้คงเป็นเรื่องจริงสินะ"
น้ำเสียงราบเรียบ นิ่ง สุขุม ของเยี่ยอ๋องดูเหมือนไม่มีอะไร แต่แววตากลับแฝงไว้ซึ่งคำถากถางเย้ยหยัน
แต่ทว่าการแสดงออกมาเช่นนี้ของเยี่ยอ๋อง ไม่ได้สร้างความประหลาดใจต่อแม่ทัพหนุ่มและคนสนิทของเขาเลยสักนิด
ทั้งสามคนยังคงวางสีหน้าเรียบเฉย ดูไม่ทุกข์ร้อนใจหรือโกรธเคืองแต่อย่างใดในคำกล่าวที่แฝงไว้ซึ่งคำดูหมิ่นของอีกฝ่าย เหมือนทุกคนคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
หลงอี้หลิงรู้จักนิสัยและตื้นลึกหนาบางของสองพ่อลูกคู่นี้เป็นอย่างดี ใจจริงเขาไม่อยากให้คนสกุลหลงของตน ต้องพานถูกลบหลู่หยามเกียรติไปด้วย แต่เกรงว่าจะเสียการใหญ่ จึงจำต้องข่มใจตอบกลับไปตามมารยาท
"ข้าต้องขออภัยเยี่ยอ๋องและคุณหนูเยี่ย ที่ลืมแจ้งสถานะของผู้ติดตามไปคนนี้เสียสนิท...เป็นความจริงตามที่ท่านอ๋องกล่าวมาทั้งหมด หลั่นเอ๋อร์ เป็นคนที่มาคอยช่วยข้าดูแลในเรื่องต่าง ๆ พวกนี้แทนจางเก่อและเข่อลั่ว"
ฟ่งหลันหลั่นนั่งแอบยิ้มอย่างพอใจ ในคำตอบนั้นของหลงอี้หลิงที่กล่าวออกมา แถมเขายังใช้คำเรียกแทนตัวของนางอย่างสนิทสนมใกล้ชิด และถึงแม้จะไม่เคยใช้ชีวิตในสังคมชั้นสูงมาก่อน แต่ก็พอที่จะรู้จักการรักษามารยาทอยู่บ้าง เมื่อได้ยินแม่ทัพหนุ่มกล่าวแนะนำตนกับเจ้าของสถานที่ นางจึงได้โค้งคำนับแสดงการเคารพต่อพวกเขาตามความเหมาะสมเช่นกัน
เยี่ยอ๋องได้เบนสายตาไปทางสตรีน้อยและจ้องหน้านางอย่างพินิจพิจารณาเป็นครั้งที่สาม เพราะยังใจในความรู้สึกคุ้นเคยดวงตากลมโตใสคู่นี้ ใบหน้างามน่ารักสดใสชวนให้เหล่าบุรุษเคลิบเคลิ้มตามผู้นี้ยิ่งนัก แต่ไม่ว่าจะพยายามคิดยังไง เขาก็นึกไม่ออกว่าได้เคยพบเจอกันกับนาง เมื่อไรและที่ใด
แม้เยี่ยอ๋องจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างติดใจอยู่เกี่ยวกับตัวตนของ ฟ่งหลันหลั่น แต่เจ้าตัวก็พยายามเก็บความรู้สึกและข่มความสงสัยที่มีอยู่ซ่อนไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งสุขุมได้เป็นอย่างดี ซึ่งต่างจากธิดาสุดที่รักของเขา
ในเพลานี้ เยี่ยชิงเซียวได้แสดงอากัปกิริยาไม่พอใจต่อสตรีน้อยผู้นี้ออกมาทางสีหน้า แววตา และเผยท่าทีหึงหวงในตัวแม่ทัพหนุ่มต่อหน้าทุกคนอย่างชัดเจน
ในที่สุดธิดาอ๋องก็เริ่มเผยนิสัยและความรู้สึกที่แท้จริงของนางออกมา ด้วยการกล่าวถ้อยคำดูถูก น้ำเสียงแข็งกระด้าง
"อ้อ...เป็นเพียงแค่สาวใช้กระนั้นหรอกรึ! แต่ข้ามิรู้มาก่อนเลยว่าท่านแม่ทัพหลงจะมีข้ารับใช้ส่วนตัวเป็นอิสตรี"
ในขณะที่กล่าวอยู่นั้น สายตาของเยี่ยชิงเซียวได้จ้องมองฟ่งหลันหลั่น ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส ถือดีในตนเองและดูถูกคนที่กำลังเอ่ยถึงอย่างดูถูกดูแคลนยิ่งนัก
"...แถมนางผู้นี้ยังดูเด็กมาก หน้าตาผิวพรรณสวยสดงดงามไม่แพ้เหล่าบุตรีของพวกพ่อค้าในเมือง โชคดีที่ท่านได้บอกกล่าวชัดเจน มิฉะนั้นข้าคงจะโกรธท่านเป็นยิ่งนัก ที่กล้าหักหานน้ำใจข้าถึงขนาดพาสตรีอื่นมาหยามหน้าถึงเรือนในวันงานสำคัญเพียงนี้"
น้ำเสียงและคำพูดของเยี่ยชิงเซียว ถ้าฟังผิวเผินเหมือนคำกล่าวชม และแอบตำหนิต่อว่าหลงอี้หลิงเล็กน้อย
แต่ถ้าตั้งใจฟังจริง ๆ ในเนื้อความนั้นยังแฝงไว้ซึ่งความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัวเขาอีกด้วยเช่นกัน
หลงอี้หลิงเกรงว่าอารมณ์เคืองขุ่นและไม่พอใจของสตรีสูงศักดิ์ผู้นี้จะทำให้เสียงานใหญ่ที่เขาตั้งใจมาในวันนี้ จึงรีบคิดจะตัดจบบทสนทนานี้ ด้วยการหันไปหาทหารนายกองคนสนิททางด้านหลัง และเพียงเอ่ยชื่อพวกเขาขึ้นเท่านั้น เพื่อเป็นการส่งสัญญาณ
"จางเก่อ..."
ทหารนายกองคนสนิทรู้ในความหมายนั้นของผู้เป็นนาย เขาจึงได้รีบนำของที่เตรียมมาส่งยื่นให้กับผู้เป็นนายทันที
"นี่ขอรับนายน้อย"
แม่ทัพหนุ่มรับกล่องหีบทองขนาดพอเหมาะมือ และลุกขึ้นเดินไปยืนข้าง ๆ ตรงโต๊ะที่ธิดาอ๋องนั่งอยู่ พร้อมกับส่งมอบของขวัญในมือให้กับเจ้าของงานวันเกิด และกล่าวอวยพรตามมารยาท
"นี่เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากข้า หวังว่าจะช่วยทำให้จิตใจที่ เคืองขุ่นของท่านหญิงที่มีอยู่ตอนนี้ อารมณ์ดีขึ้นมาได้สักเล็กน้อย และหวังว่าท่านจะไม่ถือโทษเคืองโกรธต่อหลั่นเอ๋อร์ของข้า จากการเสียมารยาทที่ข้าพานางติดตามมางานสำคัญของท่านในวันนี้"
หลั่นเอ๋อร์ของข้า ฟ่งหลันหลั่นได้ยินคำนี้ แทบอยากจะหยิกแขนของตัวเองเพื่อเรียกสติเสียจริง นี่นางไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม
แม้กระทั่งจางเก่อและเข่อลั่วก็เริ่มกังวลหนักขึ้นเพราะนายของตนดูเหมือนจะแสดงความรู้สึกส่วนตัวและตอกย้ำความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัวฟ่งหลันหลั่นให้คนในงานได้รับรู้อย่างโจ่งครึ่ม
แม้ว่าแม่ทัพหนุ่มจะมอบของขวัญวันเกิดให้แก่เจ้าของงาน แต่น้ำเสียงเย็นชา ผนวกกับสีหน้าเรียบตึงของเขา ช่างดูขัดตายิ่งนัก
ทว่าเพียงแค่นี้ก็ทำให้เยี่ยชิงเซียวเปลี่ยนสีหน้าและอารมณ์ได้แล้ว นางดีใจเป็นที่สุด และยิ้มแฉ่งหน้าบานจนลืมเก็บอาการ พลางรีบยื่นมือไปรับของขวัญนั้นอย่างกระตือรือร้น โดยเจ้าตัวจงใจวางมือซ้อนทับใต้ฝ่ามือหนาของหลงอี้หลิง เพื่อหวังจะได้สัมผัสความอบอุ่นจากชายที่ตนรักแม้ชั่วครู่ก็ยังดี จนลืมฐานะของตัวเองว่าเป็นถึงเชื้อพระวงศ์จะต้องสำรวมมากกว่านี้
เยี่ยอ๋องแอบสังเกตเห็นพฤติกรรมที่ไม่รักนวลสงวนตัวของบุตรีได้ ทันควัน เขาถึงขนาดต้องแกล้งกระแอมเสียงดังขึ้นเพื่อเรียกสตินาง
อะ ฮึ่ม!
เพราะตอนนี้เหล่าขุนนางและแขกเหรื่อมากมายภายในงาน ต่างก็พากันพุ่งสายตาจับจ้องมองด้วยความเย้ยหยัน และจ้องจับผิด
แต่ดูเหมือนเยี่ยชิงเซียวจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่บิดาของตนกำลังสื่อสารมา
ดังนั้นก่อนที่ธิดาของตนจะทำเรื่องขายหน้าเสียเกียรติของวงศ์ตระกูลมากไปกว่านี้ เยี่ยอ๋องจึงรีบคิดหาทางเบนความสนใจของแขกเหรื่อ ด้วยการชวนพวกเขายกจอกสุราร่วมดื่มสังสรรค์กันต่อ
หลงอี้หลิงได้จังหวะจึงฉวยโอกาสนั้นจบการสนทนากับธิดาอ๋อง และกลับมาพุ่งความสนใจไปยังเยี่ยอ๋องกับซ่งเฉาเกา
ส่วนฟ่งหลันหลั่นรู้สึกไม่ชินกับการที่ต้องนั่งสำรวม วางตัวนิ่ง อยู่ในท่าเดิมนาน ๆ จึงทำตัวยุกยิกขยับร่างกายไปมา ทำให้แม่ทัพหนุ่มเริ่มรำคาญตา เลยต้องยอมอนุญาตให้นางแยกตัวออกไปจากงานเลี้ยงได้ พร้อมทั้งไม่ลืมที่จะกำชับเตือนเสียงเข้ม
"หลั่นเอ๋อร์ หมดหน้าที่ของเจ้าตรงนี้แล้ว หากเจ้าต้องการจะออกไปเดินเล่นข้างนอกก็ตามใจ แต่ห้ามไปก่อเรื่องเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่"
สตรีน้อยหันมาฉีกยิ้มสดใสให้กับแม่ทัพหนุ่มอย่างดีใจ นางรีบพยักหน้าตอบรับคำเขาอย่างแข็งขันและหนักแน่น
"ขอบคุณนายน้อย ท่านไม่ต้องเป็นกังวล ข้ารับปากว่าจะทำตัวดี ๆ ไม่ไปแอบก่อเรื่องลับหลังท่านอย่างแน่นอน"
หลงอี้หลิงพยักหน้าตอบรับคำ ดวงตาคมกริบเผยแววตาอ่อนโยนและเอ็นดูสตรีน้อยตรงหน้า
เหล่าผู้คนในงานต่างรู้สึกได้ถึงสถานะของนางผู้นี้ที่มีต่อแม่ทัพหนุ่มช่างดูไม่ได้ธรรมดาจริง ๆ เพราะความสัมพันธ์ของพวกเขาดูจะมีอะไรมากกว่าผู้ติดตามและเจ้านายหนุ่มเสียแล้ว
เมื่อเยี่ยชิงเซียวเห็นฟ่งหลันหลั่นเดินแยกตัวออกไปจากงานเลี้ยง นางก็หันไปส่งสายตาเป็นสัญญาณให้กับสาวใช้ของตน
ถงเสี่ยวเถา ข้ารับใช้สาวผู้ซื่อสัตย์ได้เห็นสัญญาณจากผู้เป็นนายหญิง นางก็พยักหน้าตอบรับอย่างแข็งขันและเริ่มปฏิบัติการบางอย่างทันที
สาวใช้ของธิดาอ๋องปลีกตัวออกไปจากงาน และรีบเดินไล่หลังตาม ฟ่งหลันหลั่นออกมายังด้านนอกจวนใหญ่อย่างทันทีทันควัน ปากก็ตะโกนร้องเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ
"แม่นางฟ่งโปรดหยุดก่อน"
ฟ่งหลันหลั่นได้ยินเสียงของใครบางคนเรียกชื่อตนดังมาทางด้านหลัง นางจึงหยุดเดินและหันกลับไปมอง พอดูจากการอาภรณ์ที่อีกฝ่ายสวมใส่อยู่ ก็พอจะมองออกว่าคงไม่น่าจะใช่แขกที่มาร่วมงาน จึงทักย้อนถามไปอย่างแปลกใจ
"ท่านคือ...?"
ถงเสี่ยวเถาเริ่มแสดงอำนาจบาตรใหญ่ของสาวใช้จวนเยี่ยอ๋อง
"ข้าชื่อถงเสี่ยวเถา เป็นสาวใช้ส่วนตัวของท่านหญิงเยี่ยซิงเชียว" นางข่มอีกฝ่ายผ่านทางสีหน้า แถมน้ำเสียงฟังดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
ฟ่งหลันหลั่นมิได้รู้สึกยำเกรงหรือเกรงกลัวต่ออำนาจที่อีกฝ่ายกำลังแสดงออกมาเลยสักนิด นางเพียงตอบกลับไปสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"อ้อ! สาวใช้ของจวนอ๋อง ว่าแต่เราทั้งสองคนไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ท่านเรียกข้าไว้เช่นนี้ มิทราบว่ามีธุระอันใดกระนั้นหรือ"
ถงเสี่ยวเถารู้สึกโกรธจนหน้าชา ที่อีกฝ่ายดูไม่ได้สะทกสะท้านหรือ เกรงกลัวในบารมีอำนาจที่ตนคิดว่ามีเหนือกว่านางผู้นี้
"นายหญิงของข้าอยากชวนเจ้าไปร่วมดื่มชาที่ศาลาเรือนน้ำทางด้านโน้นเพื่อสนทนากัน เจ้าช่วยตามข้าไปด้วยกันได้ที"
สาวใช้คนสนิทของธิดาอ๋องกล่าวกับฟ่งหลันหลั่นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเริ่มไม่สบอารมณ์ แถมถ้อยคำของนางดูไม่เหมือนคำเชิญชวนแต่เป็นคำสั่งเสียมากกว่า
ฟ่งหลันหลั่นยืนนิ่งและคิดลังเลใจ เพราะนึกถึงคำพูดขู่เตือนของ หลงอี้หลิงที่ได้กำชับไว้
'แม่ทัพขี้เก๊กนั่นสั่งห้ามเราไว้ด้วยสิ ว่าไม่ให้ไปก่อเรื่อง แต่สาวใช้ของจวนอ๋องผู้นี้ก็ดูมีท่าทีไม่น่าจะเป็นมิตรเอาเสียเลย จะปฏิเสธนางยังไงดีนะ''
ไม่นานเยี่ยชิงเซียวที่ตามหลังออกมาจากงานทางด้านใน และเห็นท่าทางลังเลใจของสาวใช้แม่ทัพหนุ่มเข้าพอดี นางจึงได้เดินไปสะกิดสาวใช้ของตน
ด้านนางข้ารับใช้สาวก็รู้งานของตนทันที โดยที่ผู้เป็นนายไม่ต้องกล่าวออกมาเป็นคำพูดด้วยซ้ำไป
"ตามมาเถอะ เจ้าไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะถูกพาไปต้มยำทำแกงหรือฆ่าทิ้ง นายหญิงของข้าเพียงแค่ต้องการสอบถามเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับท่าน แม่ทัพหลิงจากเจ้าเท่านั้น คงใช้เวลามินานหรอก"
สตรีน้อยได้ฟังคำสาวใช้ของธิดาอ๋องกล่าวขึ้นอย่างมีพิรุธและ ร้อนตัวอย่างชัดเจน ยิ่งทำให้นางเกิดความระแวงและไม่ไว้ใจมากยิ่งขึ้น แต่นางก็หาได้กลัวสิ่งนั้นไม่ จึงมองหน้าสตรีทั้งสอง ด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว
'ข้าไม่ได้กลัวพวกเจ้าเสียหน่อย แต่แค่ไม่อยากจะหาเรื่องใส่ตัวก็เท่านั้น
เพราะถ้าขืนขัดคำสั่งของเขา มีหวังคืนนี้ต้องถูกลงโทษห้ามออกไปข้างนอกเรือนหลงหลิงเป็นแน่ และนั่นก็จะทำให้ข้าอดได้เที่ยวงานเทศกาลที่จะจัดขึ้นในค่ำคืนนี้ สำหรับข้าแล้วมันเป็นเรื่องใหญ่เชียวนะ'
เยี่ยชิงเซียวเริ่มหัวเสียและหมดความอดทนในการรอคำตอบจากฝ่ายตรงข้าม จึงได้ตัดสินใจกล่าวขึ้นด้วยตัวเอง
"รึเจ้าคิดว่าธิดาอ๋องเยี่ยงข้า ไม่มีเกียรติมากพอที่จะให้เจ้ามาร่วมวงสนทนาด้วยกระนั้นรึ!"
น้ำเสียงโกรธขึ้ง และถ้อยคำพวกนั้น รวมไปถึงแววตาของเยี่ยชิงเซียว ล้วนเต็มไปด้วยการประชดประชันถากถางเหน็บแนมอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
ฟ่งหลันหลั่นเห็นท่าทีขุ่นเคืองใจที่ธิดาอ๋องผู้นี้แสดงความไม่พอใจออกมาชัดเจนมาก นางจึงคิดว่าหากไม่ยอมตามไปแต่โดยดี อาจจะทำให้สตรีสูงศักดิ์ผู้นี้โกรธหนักขึ้น และพานจะไม่พ้นถูกคนพวกนี้หาเรื่องลงโทษเป็นแน่ จึงจำใจกล่าวตอบรับคำเชิญนั้น
"หามิได้ กลับเป็นเกียรติต่อข้ายิ่งนัก ที่สตรีสูงศักดิ์เยี่ยงท่านอุตส่าห์มีน้ำใจเชิญไปร่วมวงจิบน้ำชา แต่ข้าขอรับไว้แค่ใจ หากท่านหญิงต้องการจะสอบถามเรื่องอันใดของนายน้อย ข้าก็เชิญถามมาตรงนี้ได้เลย"
"เจ้าไม่ต้องกังวลว่านายน้อยของเจ้าจะว่ากล่าว เมื่อสักครู่ขอได้แจ้งต่อเขาไปแล้วว่าจะชวนเจ้าไปร่วมวงสนทนาและจิบชาด้วย ซึ่งเขาก็อนุญาตแล้ว แต่หากเจ้ายังเรื่องมากเล่นตัวอยู่เช่นนี้ ข้าก็จะถือว่าเจ้าไม่ให้เกียรติข้า"
เยี่ยชิงเชียวกล่าวเสริมขึ้น เพราะหากไม่อ้างหลงอี้หลิง สาวใช้ผู้นี้คงจะไม่ตกหลุมพรางง่าย ๆ
เมื่อสตรีน้อยได้ยินเช่นนั้น นางจึงตอบตกลงแต่โดยดี
"งั้นก็ได้ ข้าจะตามท่าไปที่ศาลาเรือนน้ำ"
เมื่อสตรีสองนางได้ยินคำตอบรับของฟ่งหลันหลั่น พวกนางก็เผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจซึ่งแฝงไว้ด้วยแผนการออกมาบนใบหน้า
มีหรือที่สาวใช้ส่วนตัวของแม่ทัพหนุ่มผู้นี้จะมองเจตนาของพวกนาง ไม่ออก นางยอมเดินตามหลังไปเงียบ ๆ แต่โดยดี
...
เซียงไค 盛開