จวนเยี่ยอ๋อง
ไม่เพียงแค่เยี่ยชิงเซียวที่รู้สึกขุ่นเคืองใจ เยี่ยอ๋อง รวมทั้งเหล่าขุนนางตรงนั้นก็แปลกใจ อีกทั้งคนทั่วทั้งงานต่างพากันสงสัย และอยากรู้ว่าสตรีน้อยผู้โฉมยงข้างกายของแม่ทัพหนุ่มแห่งแคว้นโหย่วนี้คือผู้ใด
แวบแรกที่เยี่ยอ๋องได้เห็นหน้าฟ่งหลันหลั่น เขารู้สึกคุ้นเคยกับดวงหน้างามนี้เหมือนเคยพบเจอที่ไหนมาก่อนแต่ก็จำไม่ได้ เมื่อธิดาของตนกล่าวถามไปออกไปเยี่ยงนั้น เขาจึงพินิจพิจารณามองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจดเท้าอีกครั้ง และพยายามควบคุมสีหน้าและอารมณ์ของตัวเองให้ดูนิ่งเรียบเฉย
ฟ่งหลันหลั่นเองก็จ้องหน้าเยี่ยอ๋องผู้นี้กลับเช่นกัน จังหวะที่ได้สบตากับเขา ความรู้สึกเจ็บปวดแปลบก็แวบขึ้นมาตรงหน้าอกด้านซ้ายของเจ้าตัว ราวถูกคมกริชทิ่มแทง
และจู่ ๆ น้ำตาก็เอ่อล้นคลอเบ้าออกมาอย่างไม่รู้ตัว จนนางต้องรีบเบนสีหน้าไปทางอื่นทันที และก็อดคิดในใจไม่ได้ว่าสิ่งนี้มันคืออะไร
'เกิดอะไรขึ้น ทำไมปฏิกิริยาตอบรับจากร่างกายของเราถึงแสดงอาการออกมาเช่นนี้ ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวผิดหวังเสียใจอย่างแสนทรมานที่อัดแน่นอยู่ในอก มันคืออะไรกัน...เยี่ยอ๋องผู้นี้ มีอะไรเกี่ยวข้องกับอดีตของเราอย่างนั้นหรือ'
ครู่ต่อมา เยี่ยอ๋องก็ละสายตาออกจากสตรีน้อย และก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายจนยากเกินควบคุม เขาจึงเปลี่ยนประเด็นการสนทนา น้ำเสียงและท่าทีนั้นยังคงวางตัวนิ่ง สุขุม ใจเย็น
"ตอนนี้น่าจะได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว เชิญทุกท่านเข้าไปในงาน เพื่อจะได้ร่วมเฉลิมฉลองให้กับธิดาน้อยของข้ากันเถิด" เขากล่าวขึ้นพร้อมกับผายมือเข้าไปทางในงาน และหันไปพยักหน้าให้กับบ่าวที่ยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อยให้เข้ามานำทางแขกเข้าไปในงาน
จากนั้นเยี่ยอ๋องก็เบือนหน้าไปทางสาวใช้ของธิดาตนด้วยสายตาจริงจัง
"เสี่ยวเถา พานายหญิงของเจ้าเชิญแขกเข้าไปในงานที่เรือนหลักได้แล้ว"
"เจ้าค่ะนายท่าน"
ถงเสี่ยวเถารีบรับคำอย่างทันควัน นางเองก็กังวลใจอยู่พอควร เพราะไม่อยากให้นายหญิงของตนพังทลายงานสำคัญในวันนี้ จึงรีบเข้าไปจับท่อนแขนเยี่ยชิงเซียวและทำตามคำสั่งของเยี่ยอ๋องทันที
"คุณหนู เชิญท่านแม่ทัพเข้าไปด้านในงานก่อนเถิดนะเจ้าคะ เดี๋ยวจะไม่ทันฤกษ์งามยามดีเอาได้"
เยี่ยชิงเซียวไม่ใช่คนโง่ พอได้ฟังทั้งบิดาและสาวใช้กล่าวเตือนสติ นางจึงเก็บความขุ่นเคืองใจที่มีอยู่ไว้ข้างใน และพยายามปรับอารมณ์ให้เย็นลง ฝืนฉีกยิ้มเชิญหลงอี้หลิงและแขกเหรื่อคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเข้าไปในงานวันเกิดของตน ซึ่งทุกอย่างได้ถูกจัดตระเตรียมไว้รออย่างยิ่งใหญ่สมฐานะของธิดาอ๋อง
"เช่นนั้น...เชิญทุกท่านด้านใน"
ธิดาอ๋องโปรยยิ้มหวานอย่างเสแสร้ง และกล่าวอย่างมีมารยาทพร้อมกับผายมือชี้นำทิศทางให้แขก
เยี่ยชิงเซียวเดินนำหน้าทุกคนตรงไปยังงานซึ่งจัดอยู่ที่เรือนหลักของจวนแห่งนี้ ดวงหน้าเชิดสูง ปรายตามองผู้คนรอบตัวที่นางเดินผ่านเป็นระยะ ทุกฝีเท้าที่ย่างก้าวลงบนพื้น ล้วนเต็มไปด้วยความหยิ่งทระนงในฐานันดรศักดิ์ของตนยิ่งนัก โดยมีสาวใช้คนสนิทเดินประกบข้างไปไม่ห่างกาย
เมื่อทุกคนเข้าไปถึงด้านในห้องโถงใหญ่ของเรือนหลัก ก็จะพบว่ามีบ่าวและสาวใช้รอนำทางพวกเขาให้ไปยังที่นั่ง ซึ่งถูกจัดไว้ตามตำแหน่งหน้าที่ ขุนนางในราชสำนักและตามบรรดาศักดิ์ฐานะทางสังคมที่แขกผู้ทรงเกียรติมี
ซึ่งตำแหน่งที่นั่งของหลงอี้หลิงนั้นถูกจัดวางไว้ข้าง ๆ กับที่นั่งของธิดาอ๋องอย่างกับตั้งใจ
ส่วนเยี่ยอ๋องนั้น แน่นอนว่าที่นั่งของเขาจะต้องถูกจัดไว้ให้อยู่ในตำแหน่งประธาน และจะต้องเป็นตรงกลางของห้องโถง ที่หันหน้าเข้าหาทุกคนได้ เพราะเขาถือว่าเป็นเจ้าภาพและเป็นเจ้าของเรือนแห่งนี้ จึงจำเป็นต้องมอบเกียรตินี้ให้เขา
เมื่อแขกเหรื่อทยอยกันเข้ามานั่งลงจนครบพร้อมหน้าพร้อมตา บ่าวและสาวรับใช้ของจวนอ๋องก็ได้เริ่มยกสำรับอาหารคาวหวาน สีสันสวยงามตระการตามากมาย นำมาวางลงบนโต๊ะตรงทรงสี่เหลี่ยมยังเบื้องหน้าของ ทุกคน และที่ขาดไม่ได้คือสุราชั้นเยี่ยม
หลงอี้หลิงซึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งของตน เขาได้หันหลังกลับไปมองทาง ฟ่งหลันหลั่นซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลังรวมอยู่กับจางเก่อและเข่อลั่ว ห่างจากตัวเขาประมาณไม่เกินห้าก้าว
"หลั่นเอ๋อร์ ลืมหน้าที่ของเจ้าแล้วหรือไง รีบมานั่งลงข้างกายข้าเดี๋ยวนี้"
แม่ทัพหนุ่มเอ่ยเรียกสตรีน้อยด้วยคำเรียกชื่อที่ดูใกล้ชิดและสนิทสนมมาก อีกทั้งน้ำเสียงที่เขากล่าวออกมาแม้จะฟังดูแข็งทื่อ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในรูปแบบของเขาที่มีต่อสาวใช้ผู้นี้
ฟ่งหลันหลั่น จางเก่อและเข่อลั่วถึงกับทำหน้าตาฉงนใจเล็กน้อย ตอนนี้ในหัวของทั้งสามคน คงคิดและรู้สึกแปลกใจเช่นกัน
หลั่นเออร์ งั้นหรือ แม่ทัพหนุ่มของพวกเราไม่สบายหรือไร เหตุใดถึงได้ใช้คำพูดที่เลี่ยนหู ดูไม่สมเป็นตัวเขาเช่นนี้กัน
แต่กระนั้น ฟ่งหลันหลั่นก็เดินไปนั่งลงข้างกายเขาแต่โดยดีอย่างว่าง่าย
"เจ้าค่ะนายน้อย" เพราะนางไม่อยากจะยั่วโทสะแม่ทัพหนุ่มไปมากกว่าที่เป็นอยู่ อีกทั้งนางเองก็มีหน้าที่สำคัญที่จะต้องทำในวันนี้เช่นกัน
ส่วนจางเก่อและเข่อลั่วยืนเฝ้าคอยคุ้มกันภัยคุมเชิงอยู่ทางด้านหลังอย่างเงียบ ๆ เฉกเช่นทุกครั้ง
การที่หลงอี้หลิงได้เรียกให้สาวใช้ส่วนตัวของเขามานั่งลงข้างกายเช่นนี้ มันยิ่งทำให้เยี่ยชิงเซียว ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ เขาถึงกับออกอาการไม่พอใจอย่างที่สุดขึ้นมาทันที
รวมไปถึงคนในห้องโถงนั้นต่างก็ให้ความสนใจและจับจ้องมายังแม่ทัพหนุ่มและสาวใช้ของเขาเป็นสายตาเดียวกัน
เยี่ยอ๋องเห็นสายตาโกรธขึ้งของบุตรี ซึ่งกำลังจ้องเขม็งมองคู่ของ หลงอี้หลิงอย่างไม่วางตา เขาจึงรีบเบี่ยงประเด็นความสนใจของทุกคนด้วยการยกจอกสุราขึ้น พร้อมกับกล่าวขอบคุณแขกเหรื่อทุกคนที่มาร่วมในงานฉลองวันเกิดของธิดาตนอย่างอารมณ์ดี
"ทุกท่าน วันนี้ข้าขอเป็นตัวแทนของบุตรี กล่าวคำขอบคุณ ที่ทุกคนให้เกียรติสละเวลามาร่วมฉลองงานวันเกิดของนางในวันนี้ มา! ข้าขอดื่มให้พวกท่านหนึ่งจอกเพื่อเป็นการคารวะในน้ำใจและมิตรภาพนี้" เมื่อเยี่ยอ๋องกล่าวจบ เขาก็ยกจอกสุราที่ถืออยู่ขึ้นดื่มทันที
นาทีต่อมาแขกเหรื่อในงานก็ขานรับไมตรีจากเขาตามมารยาท พร้อมใจกันหยิบจอกสุราซึ่งวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าขึ้นดื่ม และทยอยกล่าวคำอวยพรต่อธิดาอ๋อง
มีเพียงหลงอี้หลิงที่ยังไม่ได้ยกจอกสุราขึ้นดื่ม ทุกคนในงานจึงพากันหันมองเขาเป็นสายตาเดียวกันอย่างฉงนใจ
สตรีน้อยข้างกายแม่ทัพหนุ่มก็ได้เริ่มทำหน้าที่ของตน ตามที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนที่จะเดินทางมายัง จวนเยี่ยอ๋อง นางได้หยิบจอกสุราถ้วยนั้นขึ้นดื่มแทนเขา เสี้ยวนาทีต่อมานางก็ได้พยักหน้าส่งสัญญาณให้หลงอี้หลิง
เมื่อแม่ทัพหนุ่มเห็นสัญญาณนั้นของฟ่งหลันหลั่น เขาก็พยักหน้าตอบรับสตรีน้อย นางจึงได้รินเหล้าในเหยือกที่มีสุราด้านใน ลงบนจอกใบใหม่และยื่นให้กับเขา
หลงอี้หลิงหยิบจอกสุราขึ้นมา และหันไปทางเยี่ยอ๋อง พร้อมกับชูขึ้นเพื่อเป็นการคารวะเจ้าของเรือน และหันมาทางเยี่ยชิงเซียว พร้อมกับกล่าวคำอวยพรวันเกิดให้แก่นาง ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบเฉยตามนิสัยของเขา
"ข้าขออวยพรให้คุณหนูเยี่ยมีชีวิตที่สุขสมหวัง สำเริงสำราญใจและเป็นที่รักของปวงประชาไปนาน ๆ"
เมื่อกล่าวจบเขาก็ยกจอกสุราในมือขึ้นดื่ม
ทว่าเยี่ยชิงเซียวกับนิ่งเฉย และมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อไม่พอใจ
เยี่ยอ๋องเกรงว่าบรรยากาศของงานจะแย่ลงไปมากกว่านี้ เขาจึงกล่าวเสียงดังขึ้นประกาศเริ่มเฉลิมฉลองงานเลี้ยงได้ ท่ามกลางความฉงนสงสัยของแขกเหรื่อ
จากนั้นฟ่งหลันหลั่นก็ได้ทำหน้าที่ของตนต่อ นางเริ่มตักอาหารในสำรับตรงหน้ามาวางลงบนถ้วยเล็ก ๆ ที่ถืออยู่ในมือจนครบทุกเมนู
จากนั้นนางก็หยิบตะเกียบมาคีบอาหารในถ้วยนั้นใส่ปากของตน
เมื่อนางได้จัดการอาหารในถ้วยจนหมดเรียบร้อย ผ่านไปราวหนึ่งนาที นางก็ได้หันไปมองหน้าแม่ทัพหนุ่ม พร้อมกับกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "อาหารทุกอย่างปกติดี"
หลงอี้หลิงจึงพยักหน้าตอบรับ
และในขณะที่สตรีน้อยจะลุกออกไปจากตรงนั้นเพราะคิดว่าตนได้ทำหน้าที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว แม่ทัพหนุ่มก็คว้าหมับที่ข้อมือของนาง ดึงรั้งไว้เสียก่อน พร้อมกับจ้องตาขึ้งมองนางด้วยแววตาดุเล็กน้อย
การกระทำของฟ่งหลันหลั่น ทำให้แขกเหรื่อในงาน ต่างก็รู้สึกแปลกใจและมองว่าแม่ทัพหนุ่มและสาวใช้ของเขา ช่างไม่ให้เกียรติเจ้าของงานยิ่งนัก
แม้แต่เยี่ยอ๋องและซ่งเฉาเกา ขุนนางคนสนิทของเขาก็ยังหันมองหน้ากันอย่างมีเลศนัย
มีเพียงเยี่ยชิงเซียวที่รู้สึกต่างออกไปจากทุกคน เพราะสีหน้าของนางที่เผยออกมาตอนนี้เป็นความรู้สึกที่สตรีมากมายในเมืองหลวงนี้ต่างต้องการหลีกหนีให้ห่าง
...
เซียงไค 盛開