ตอนที่ 1165 ไม่ได้หายากอะไร
กู่ฉิงซานแทงหน้าอกของชางอู๋จางด้วยดาบพิภพ; ขณะที่มืออีกข้างถือดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพ เขาขัดขืนหอกราชาภูตผีห้าด้านในมือของเจตจำนงภูตผีอวี่สง
“ถอยออกไป”
กู่ฉิงซานเอียงศีรษะเพื่อส่งสัญญาณไปทางอวี่
อวี่ไม่ขยับสักพัก นางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ราชาภูตผียมโลก หากเจ้ากล้าลงมือ วิญญาณชั่วร้ายทั้งหมดจะไม่ไว้ชีวิตเจ้า เจ้าจะไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีก!”
กู่ฉิงซานมองนางก่อนเคลื่อนดาบในมือไปข้างหน้า
ฉึก…
ดาบพิภพแทงหน้าอกของชางอู๋จางลึกลงไปอีก
ชางอู๋จางกัดฟันโดยไม่เคลื่อนไหวใด ๆ
“โห แข็งแกร่งมาก”
กู่ฉิงซานยิ้ม ดาบในมือของเขาหมุนเล็กน้อย
โลหิตทะลักออกมา
ความเจ็บปวดรุนแรงมาจากช่องอก
ชางอู๋จางไม่เคยประสบกับความเจ็บปวดเช่นนี้มาก่อนในชีวิต
เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากกรีดร้องเสียงดัง “บัดซบ อวี่ เจ้ากลับไป! กลับไป!!!”
อวี่ไม่กล้าพยายามทำอะไรอีก ดังนั้นนางเก็บหอกแล้วถอยกลับไปทันที
อย่ามาล้อเล่นน่า นี่คือบุตรของปรมาจารย์ภูตผีเชียวนะ หากเขาถูกสังหารโดยศัตรูเพราะความชะล่าใจของตัวเอง ต่อให้นางตายนับหมื่นครั้งก็ไม่มากพอจะระบายโทสะของปรมาจารย์ภูตผี
กู่ฉิงซานมองรอบข้าง
กองทัพวิญญาณชั่วร้ายนับล้านล้อมเข้ามาชั้นแล้วชั้นเล่า วิญญาณชั่วร้ายทุกตนกำลังจ้องมองเขา
กู่ฉิงซานเชื่อสุดใจว่าตราบที่อีกฝ่ายมีวิชาทำให้ชะงักได้ เขาจะตายโดยไม่มีที่ให้ฝังทันที
“ว่ามา ราชาภูตผียมโลก เจ้าต้องการอะไร” ชางอู๋จางกัดฟัน
“ข้าต้องการอะไรน่ะหรือ” กู่ฉิงซานทวนซ้ำ
“ใช่ ตราบที่ข้ามีให้ ข้าจะสามารถมอบให้เจ้าได้ แต่เจ้าต้องไว้ชีวิตข้า” ชางอู๋จางตอบ
เมื่อเขาพูดว่า “ไว้ชีวิต” เขามองรอบข้างโดยไม่รู้ตัว
ถึงกับต้องกล่าวประโยคเช่นนั้นต่อหน้าวิญญาณชั่วร้ายนับล้านออกมา ชางอู๋จางเดือดดาลจนแทบอยากจะสังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่
ราชาภูตผียมโลก!
ไอ้ราชาภูตผียมโลกบัดซบ!!!
เมื่อเขากลับไปในครั้งนี้ เขาต้องยอมเสียหน้าเพื่อขอร้องให้ท่านพ่อสังหารราชาภูตผียมโลก จากนั้นกักขังวิญญาณของราชาภูตผีเอาไว้ในเปลวเพลิง กลายเป็นตะเกียงที่เขาพกพาไปได้ทุกที่
เขาอยากทรมานอีกฝ่ายให้เจ็บปวดชั่วนิรันดร์ เขาอยากให้ทุกคนได้ยินเสียงกรีดร้องของอีกฝ่ายไม่มีสิ้นสุด!
แค่คิดถึงตรงนี้ เสียงของราชาภูตผียมโลกดังขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าเต็มใจจ่ายทุกสิ่งเพื่อแลกกับชีวิตของตัวเองอย่างนั้นหรือ”
“แน่นอน เจ้าตั้งเงื่อนไขมาได้เลย” ชางอู๋จางตอบทันที
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “เจ้าฆ่าภูตเหล่านั้นจนหมด แต่ข้ารู้ว่าวิญญาณชั่วร้ายอย่างพวกเจ้าไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายไปแน่ ๆ ต่อให้ตายไป พวกเจ้าก็ต้องเก็บวิญญาณของอีกฝ่ายเอาไว้”
“…ดังนั้น เจ้าต้องมอบวิญญาณของภูตเหล่านั้นให้ข้า”
คิ้วของชางอู๋จางคลายออก เขาตะโกนใส่แม่ทัพภูตผีว่า “นำสิ่งนั้นมาแล้วมอบให้ราชาภูตผียมโลก”
“ขอรับ! โปรดมอบสิ่งนี้ให้ราชาภูตผียมโลก”
ภูตผีนำกล่องหินใบเล็กออกมา มือยกขึ้นก่อนโยนไปทางกู่ฉิงซานและชางอู๋จาง
“รับสิ” กู่ฉิงซานส่งสัญญาณให้ชางอู๋จาง
ชางอู๋จางตกตะลึง ไม่ได้เอื้อมมือไปรับกล่องหิน
กู่ฉิงซานไม่รับกล่องหินเหมือนกัน
เขาคุ้มกันชางอู๋จางเพื่อหลีกเลี่ยงกล่องหินก่อนมองรอบข้าง
เขามองเห็นอวี่ชัดเจน สีหน้าของนางเย็นชาไม่แปรเปลี่ยน แต่ทหารภูตผีจำนวนมากเหล่านั้นที่ไม่สวมหน้ากากวิญญาณชั่วร้ายกลับเผยสีหน้าผิดหวังออกมา
โดยไม่พูดสักคำ กู่ฉิงซานปล่อยดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพแต่หยิบไม้เท้าหัวกะโหลกเขาแหลมออกมา
“ชางอู๋จางหนอชางอู๋จาง ดูท่าเจ้าจะไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองเลยสินะ”
กู่ฉิงซานกระซิบ ทันใดนั้นเขาแทงไม้เท้าราชาภูตผีจองจำเข้าไปในหน้าอกของอีกฝ่าย
เลือดเนื้อกระเซ็น
ชางอู๋จางเกร็งไปทั่วร่างก้อนแผดเสียงกรีดร้องยาวออกมาทางปาก
“อ้ากกกกก! ข้าผิดไปแล้ว! ข้าผิดไปแล้วจริง ๆ ! อย่า…”
กู่ฉิงซานเมินเขาก่อนใส่ความคิดลงไปในไม้เท้า
ทันใดนั้นหัวกะโหลกบนไม้เท้าเปล่งแสงสีแดงอ่อนออกมา
…ไม้เท้าทำงาน
นับจากนี้ไป วิญญาณของชางอู๋จางจะถูกไม้เท้ากำราบไว้อย่างสมบูรณ์ ตราบที่ราชาภูตผียมโลกขยับความคิด วิญญาณของเขาจะสลายจนสิ้น
เห็นได้ชัดว่าชางอู๋จางรู้สึกแบบเดียวกัน
เขาเพียงรู้สึกว่าวิญญาณทั้งหมดกำลังสั่นสะท้าน
ไม้เท้านี้สัมผัสวิญญาณของเขา มันสามารถสลายวิญญาณได้ทุกเมื่อ!
“ราชาภูตผี… ยมโลก…”
เขาสั่นสะท้านขณะเข้าใจเป็นครั้งแรกว่าโชคชะตาของตัวเองอาจจะแย่ยิ่งกว่าความตาย
กู่ฉิงซานตบบ่าอีกฝ่ายแล้วยิ้มออกมา จากนั้นกล่าวว่า “พี่อู๋จาง พวกเราอาจจะต้องทำแบบนี้กันอีก แต่เจ้าต้องจำเอาไว้ด้วยว่านี่คือการตัดสินใจครั้งสุดท้ายในชีวิตของเจ้า หากตัดสินใจพลาดอีกครั้ง เจ้าจะตายทันที”
“ได้! ได้! เจ้าสุดยอดมาก เอาล่ะ มอบวิญญาณภูตให้เขา!” ชางอู๋จางกัดฟัน
ในที่สุดแม่ทัพภูตผีไม่กล้าวางแผนอะไรอีก เขาหยิบกรงที่ถักจากเชือกฟางออกมาก่อนโยนมาให้ทางนี้
ดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพบินออกไปเพื่อรับกรงด้วยปลายดาบอย่างแผ่วเบา มันสัมผัสเล็กน้อยก่อนเข้าใจว่ามันคือมิติกักขัง ไม่มีทางที่จะทลายได้ จากนั้นจึงกล่าวว่า “นายท่าน ไม่มีปัญหา”
กู่ฉิงซานรับกรงมา กระจายจิตเทพออกก่อนพบทันทีว่ากรงคือสมบัติต่างมิติจริง ๆ ข้างในเต็มไปด้วยวิญญาณภูตนับไม่ถ้วน
วิญญาณของภูตเหล่านั้นคล้ายกับสัมผัสจิตเทพของเขาได้ พวกเขาปล่อยเปลวไฟตนแล้วตนเล่า ก่อเกิดรูปลักษณ์ของชายชราเครายาวก่อนบินมาหากู่ฉิงซานแล้วขยิบตาให้
กู่ฉิงซานรู้สึกสงบลง
ในอดีตที่ทางเดินลับของโลกธุลี เหล่าภูตอาศัยอยู่ในร่างวิญญาณมาเป็นเวลานาน ตอนนี้พวกเขาย่อมไม่มีปัญหาอะไร
ก่อนหน้านี้เขาไม่มีเวลามาช่วยอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจะอธิบายให้ชัดเจนในภายหลัง
…แต่เมื่อดูจากท่าทีของอีกฝ่าย เกรงว่าพวกเขาจะไม่ได้สนใจสิ่งใด ตรงกันข้าม พวกเขายังมีอารมณ์มาขยิบตาให้
กู่ฉิงซานครุ่นคิดเงียบ ๆ ก่อนพลิกมือ ปิดกรง แล้วมองจางอู๋ชางอีกครั้ง
ความคิดนับไม่ถ้วนวูบไหวในจิตใจของเขา
“เจ้าสามารถปล่อยข้าไปได้หรือยัง ขอแค่ปล่อยข้าไป ข้าสาบานต่อหน้าทุกคนว่าเจ้าจะจากไปได้อย่างปลอดภัย” ชางอู๋จางหักห้ามความเจ็บปวดสุดแสนด้วยความหวาดกลัวขณะพยายามพูดด้วยน้ำเสียงเนิบช้า
กู่ฉิงซานตอบว่า “ข้ามีคำถาม โลกวิญญาณชั่วร้ายมักพกอะไรติดตัวไว้”
“กำไล” ชางอู๋จางตอบ
กู่ฉิงซานมองรอบข้าง
จริงด้วย
วิญญาณชั่วร้ายทุกตนมีกำไลอยู่ที่แขน เป็นหยกบ้าง ทองบ้าง เงินบ้าง หญ้าบ้าง กระดูกบ้าง
มือของชางอู๋จางสวมกำไลหยกดำที่มีมังกรสลักอยู่สองตัว
“นี่น่ะหรือ” กู่ฉิงซานชี้ไปที่กำไลของอีกฝ่ายขณะถาม
“เดี๋ยว ๆ ! นี่มันกำไลข้านะ” ชางอู๋จางตะโกน
กู่ฉิงซานเมินเขาขณะลูบมัน
เขาเห็นแถวหิ่งห้อยปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงครามอย่างรวดเร็ว
“กำไลมังกรหยกดำเก็บวิญญาณ (ถูกทำลายแล้ว)”
“สิ่งที่เก็บไว้”
“วิชาป้องกันยี่สิบเอ็ดวิชา ทุกวิชาถูกทำลายด้วย ‘การตัดสินใจของพิภพ’ ”
มันถูกทำลายไปแล้วหรือ
กู่ฉิงซานลอบครุ่นคิดก่อนปล่อยจิตเทพก่อนกระจายไปข้างใน
แน่นอนว่าพันธนาการทุกชั้นถูกทำลาย มีสมบัติล้ำค่ามากมายกองเป็นภูเขาเลากาทั่วกำไล
ครั้งสุดท้ายที่เสาหลักโลก กู่ฉิงซานมอบทุกสิ่งให้กับเศษเสี้ยวโลก ตอนนี้เขายากจนมาก เกรงว่าเงินจ่ายค่าชาสักถ้วยก็ยังไม่มี
ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ชางอู๋จางคือนายน้อยของโลกวิญญาณชั่วร้าย คืออดีตเจตจำนงภูตผีที่เคยพิชิตโลกมานับไม่ถ้วน ของที่อยู่ในมือของเขาไม่รู้ว่าดีกว่าของในโลกเก้าร้อยล้านชั้นมากแค่ไหน
“เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ” กู่ฉิงซานถามขณะมองกำไล
“นี่มัน…”
ชางอู๋จางมองสีหน้าของอีกฝ่าย เขาครุ่นคิดถึงของที่อยู่ข้างในก่อนกล่าวอย่างระแวดระวังว่า “กำไลของข้า”
กู่ฉิงซานลูบหยูหวนบนถุงเก็บของก่อนกวาดทุกสิ่งแล้ววางบนแขนของชางอู๋จางอีกครั้ง
“อย่าห่วงไปเลย ข้าไม่สนใจกำไลของเจ้าหรอก” กู่ฉิงซานกล่าว
ชางอู๋จางถอนหายใจด้วยความโล่งอก ใบหน้าของเขาค่อย ๆ ซีดเผือดเมื่อสัมผัสกำไล
ความพยายามหลายปีของเขาสูญเปล่าแล้ว!
ทันใดนั้น เสียงโกรธดังสนั่นมาจากไกล ๆ
“ใครกันที่กล้าเคลื่อนวิญญาณชั่วร้ายของข้า!”
เสียงดังกล่าวสั่นสะเทือนจากไกลมาใกล้ ทำให้ทั่วความว่างเปล่าสั่นสะเทือนเล็กน้อย
เมื่อวิญญาณชั่วร้ายได้ยินดังนั้น พวกมันส่งเสียงเฮทันที
“ปรมาจารย์ภูตผีกำลังมา!”
“ปรมาจารย์ภูตผีนี่!”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับแม่ทัพอู๋ชางแล้ว!”
“นี่มันเยี่ยมไปเลย!”
กู่ฉิงซานชำเลืองมองอวี่
เขาเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายไม่แปรเปลี่ยน แต่ท่วงท่าผ่อนคลายเล็กน้อย
…คิดจะจัดการข้าจริง ๆ หรือ
มีสิ่งที่ยังไม่รู้เกี่ยวกับวิชาหน้าคำสาปกับยันต์มากเกินไป ครั้งที่แล้ว ชางอู๋จางสามารถแลกชีวิตตัวเองกับคนอื่นได้ เขาจะต้องได้ยันต์ช่วยชีวิตนั่นมาจากเหล่าจือแน่ ๆ
แบบนี้ก็แย่น่ะสิ
กู่ฉิงซานไม่ลังเลอีกต่อไปก่อนเคลื่อนพลังวิญญาณในจุดตันเถียนเพื่อปล่อยพลังทั้งหมดออกมา
พลังวิญญาณไม่มีสิ้นสุดอ้อยอิ่งอยู่รอบตัวเขาไม่มีสิ้นสุด มีคลื่นความผันผวนที่เหนือกว่าระดับราชาแห่งอิสรภาพอยู่
กู่ฉิงซานกดคอของชางอู๋จางแล้วกระซิบอย่างแผ่วเบาว่า “พ่อของเจ้าดูท่าจะทรงพลังไม่เบา แต่จำให้ดี ถ้าเจ้ากล้ามายุ่งกับข้าอีก พ่อของเจ้าก็ไม่สามารถปกป้องได้ในครั้งหน้าแน่นอน”
เพียงพริบตา กฎเกณฑ์ที่มองไม่เห็นตกลงบนตัวกู่ฉิงซานเพื่อพาเขาออกห่างจากวิญญาณชั่วร้ายนับล้าน
ภัยพิบัติสวรรค์!
ภัยพิบัติจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมี!
กู่ฉิงซานผ่านกฎเกณฑ์แห่งความว่างเปล่าก่อนทะยานออกจากกระแสวังวนความว่างเปล่าเพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติ
แม้กระทั่งปรมาจารย์ภูตผีก็ไม่มีทางเดินทางจากโลกเก้าร้อยล้านชั้นไปโลกเทียนจูได้โดยง่าย นี่ยังไม่รวมถึงเขตอาคมทั้งหกที่เรนี่โดลเคยทำลายในอดีตก่อนฟื้นฟูกลับคืนมา ทั่วขุนเขาเซียวหมีไม่ถูกกัดกร่อนจากโลกภายนอกอีกต่อไป
ชางอู๋จางไม่สามารถควบคุมได้มากนัก
ทันทีที่ราชาภูตผียมโลกไป ความหวาดกลัวในใจของเขาพลันหายไปก่อนถูกแทนที่ด้วยความโกรธไม่มีสิ้นสุด
เขาถูกจับและถูกข่มขู่โดยศัตรูต่อหน้าวิญญาณชั่วร้ายนับล้าน แถมของในกำไลมังกรหยกดำเก็บวิญญาณยังถูกเอาไปอีก ความอับอายนี้ทำให้เขาเดือดดาล
พวกขยะเอ๊ย…แค่ขัดขวางยังทำไม่ได้
หรือว่าเจ้าพวกนี้ไม่ได้คิดจะปกป้องอยู่แล้ว
พวกเจ้าทั้งหมดมันสารเลว!
ชางอู๋จางหักห้ามอารมณ์แล้วกล่าวว่า “อยู่นี่ ข้า…”
เสียงของเขาหยุดลงทันที
ภายใต้สายตาของทุกคน ศีรษะของเขาเอียงก่อนหลุดออกจากคอ เหลือเพียงซากศพไร้ศีรษะที่แข็งทื่ออยู่กับที่
..............................