webnovel

ฐานทัพของคามิล (4)

ระหว่างการเดินทาง นอกจากพวกเราได้การ์ดของเชนมาเพิ่ม คาแรคเตอร์รายอื่นมีการอัพเกรดเพิ่มขึ้นอีกหลายราย น่าเสียดายที่ เชน บรูโนและยูโกะยังต้องรออีกนิดเพื่อให้ผมเก็บการ์ดซ้ำรวมทั้งสะสมเลเวลจนเต็มเสียก่อนจึงจะผ่านการอัพเกรดตามไปด้วยได้

ไม่นานในเส้นทางการเดินทาง พวกเราก็กลับมาถึงเดิร์กลิน เมืองใหญ่ที่ผมและแอนได้เจอกันเป็นครั้งแรก

"จำได้ใช่ไหม ผมไม่ช่วยคุยนะ"

"ค่าา ปล่อยฉันจัดการเอง แต่ถ้าจะให้ดี ตั้งแต่นี้คุณคามิลเรียกคาแรคเตอร์ทั้งหมดออกมาก่อนเถอะค่ะ"

"อาา ยุ่งยากจัง"

"ช่วยไม่ได้นี่คะ คุณคามิลไม่อยากเปิดเผยพลัง ถ้าทุกคนเห็นว่าอยู่ ๆ ก็มีคนเพิ่มขึ้นมาระหว่างทางคงได้ตกใจแน่ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ เปลี่ยนทุกคนจากการ์ดเป็นคนให้หมดค่ะ"

"อาา แต่เอาออกมาก็เปลียงเสบียงแย่"

"จะเรียกทุกคนตอนที่ไปถึงฐานก็ได้นะ" แคทเสนอ "ทำเป็นว่ามีอีกกลุ่มรออยู่ที่นั่นอยู่แล้ว"

"แบบนั้นถ้าเจอซอมบีหรือพวกล่ามนุษย์ระหว่างทางก็ลำบากละนะ"

ผมตัดสินใจใช้ทางเลือกกึ่งกลาง เน้นเรียกออกมาเฉพาะคนที่จำเป็นต้องเก็บเลเวลอย่างพวกหน้าใหม่สามคน คนที่มีทักษะการต่อสู้สูงอย่างชัดเจนอย่างอลิซาเบธ คนแก่สักคนอย่างลุงบันเพื่อทำให้รู้สึกว่ากลุ่มนี้ไม่ได้มีแต่เด็กหรือวัยรุ่น และบิลลี ช่างประปาร่างใหญ่ที่ทำให้กลุ่มของเราดูพึ่งพาได้มากขึ้นอีกนิด

ไม่ได้ตั้งใจจะไปเผชิญหน้ากับคอลเลคเตอร์หรือฝูงซอมบีที่ไหน ดังนั้นเอาออกมาแค่นี้คงพอ แล้วถ้าเกิดคับขันขึ้นมาจริง ๆ ก็คงต้องเรียกที่เหลือออกมาช่วยโดยไม่สนใจว่าความจะแตกกับพวกเพื่อนของแอนหรือไม่

บางทีอาจกังวลมากไปด้วยซ้ำ ยังไม่รู้เลยว่าแอนจะเจรจากับพวกนั้นเป็นยังไงบ้าง

เท่าที่ผมจำได้ กลุ่มของแอนมี 'เบนจามิน สตรอง' คนบ้ากล้าม โผงผาง ชอบวางอำนาจ หมอนี่ดูท่าทางไม่ถูกชะตากับผมเท่าไหร่ บางทีอาจจะไม่มาด้วยก็ได้

'เจนนา รีชเชอร์' เธอนี้มีโอกาสมาด้วยสูง แอนเล่าว่าเธอรู้จักสาวใหญ่คนนี้มาตั้งแต่โลกเดิม แต่ทั้งสองเพิ่งจะมาสนิทกันหลังจากร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาในโลกนี้ ผมเดาว่าเจนนาอยากตามมาด้วยตั้งแต่ครั้งก่อน แต่สุดท้ายเธอก็ทิ้งพรรคพวกที่เหลือไปไม่ได้ ไม่แน่ว่าคราวนี้แอนอาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ

'จิมมี บาวเดอร์' เป็นอดีตแฟนคลับของแอน ผมเคยคุยกับเขาแค่ไม่กี่ประโยคตอนที่เจรจาแลกเปลี่ยนของ แม้ท่าทางจะดูแปลกไม่น่าไว้ใจ แต่แอนยืนกรานว่าจิมมีคนนี้เป็นคนที่เชื่อใจได้

สามคนนี้คือคนที่ผมเคยเจอมาแล้ว แต่แอนบอกว่ากลุ่มของเธอมีคนอีกสี่คน ผมไม่ได้ถามไถ่ชื่อเสียงเอาไว้เพราะไม่รู้ว่าเธอจะชวนใครมากับเราได้บ้าง

ราวครึ่งชั่วโมงที่ผมปล่อยให้แอนไปพบกับเพื่อน เธอกลับมาอีกครั้งพร้อมกับคนที่เคยเห็นหน้าเห็นตาดีแล้วทั้งสามคน

"สวัสดี"

ผมและแคทพยักหน้า เจนนาทักทายพวกเราแบบชัดถ้อยชัดคำ ผิดกับจิมมีที่พึมพำกับตัวเองจนดูไม่ออกว่านั่นคือคำทักทายหรือเขากำลังบ่นอะไรอยู่ ส่วนเบนจามินก็ชัดเจนกว่าจิมมีว่าเขาไม่อยากทักทาย เขาพูดทักแต่แกล้งหันไปทางอื่นตอนที่ผมทักทายกลับ

ผมแกล้งไม่สนใจท่าทีของอีกสองคนหลัง หันไปถามแอน "ไม่ได้มีคนมากกว่านี้เหรอ"

"อื้อ" แอนตอบกลับด้วยรอยยิ้มเศร้า ๆ

ผมไม่จำเป็นต้องถามต่อมากมาย โลกนี้มันโหดร้ายขนาดที่ทุกวันต้องเตรียมใจเผื่อว่าจะเสียใครไป การอยู่กับ 'ระบบ' ที่ทำให้ได้รับพลังเหนือมนุษย์ บางครั้งก็ทำให้ผมเกือบลืมข้อเท็จจริงนั้นไป

พวกเราเริ่มออกเดินทาง ทั้งสามคนดูไม่ได้สนใจผม แต่อยากจะตามแอนที่เชื่อมั่นในตัวผมมามากกว่า

ผมไม่ได้คิดว่าสามารถญาติดีกับเบนจามินได้เร็ว ๆ นี้ แต่อย่างน้อยระหว่างที่เดินทางสู่ซานเชวิลล์ เขาไม่ได้ก่อกวนอะไรมากมายไปกว่าพูดเหน็บแนมผมทุกครั้งที่มีโอกาส

"ทำไมต้องให้หมอนั่นเป็นคนตัดสินใจ"

ประโยคแบบเดียวกันนี้ได้ยินมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรก็ตามที่พวกเราต้องประชุม คนส่วนใหญ่จะเชื่อที่ผมบอก มันทำให้เขาหงุดหงิดเสมอ

ผมไม่มีทางแพ้คะแนนโหวตแน่นอน คาแรคเตอร์ทุกคนถึงแม้จะมีบุคลิกเป็นของตนเอง แต่ไม่ว่าคนไหนต่างก็เคลื่อนไหวโดยมีผมเป็นศูนย์กลาง ถ้าไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความเป็นตายของผม พวกเขาไม่มีทางเห็นตรงกันข้าม

ซานเชวิลล์คือเมืองขนาดเล็กที่เป็นเป้าหมายการเดินทางของกลุ่มเรา แวดล้อมไปด้วยผืนป่าขนาดยักษ์ ภูเขา แม่น้ำ และยังมีทางออกทะเล ซึ่งไม่รู้ว่าทำไมในโลกที่เมืองใหญ่ขยายขอบเขตกินพื้นที่ไปทั่ว เมืองเล็ก ๆ ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมชาติเช่นนี้จึงหลงเหลือโดยไม่ถูกกลืนกินหรือเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

ถ้าจะให้นึกภาพความแปลกของซานเชวิลล์ได้ชัดขึ้น ก็ต้องเล่าจนจินตนาการถึงได้ว่า บริเวณนี้มีเมืองใหญ่ที่มีความเจริญระดับเมืองหลวงของโลกอยู่ติด ๆ กัน เต็มไปด้วยอารยธรรมก่อสร้างของพวกมนุษย์ แต่ซานเชวิลล์นั้นกลับกัน

นอกจากนี้ มีปริศนามากมายเกี่ยวกับซานเชวิลล์ แต่เรื่องรายละเอียดยิบย่อยผมไม่ได้ใส่ใจ ตราบใดที่มันเป็นเมืองที่มีทรัพยากรอย่างอุดมสมบูรณ์ มีประชากรทั้งมนุษย์และซอมบีเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นในทวีปนี้ มีผืนป่าดงดิบขนาดราว ๆ ป่าอเมซอนที่เป็นเสมือนกำแพงกั้นทางธรรมชาติ ซานเชวิลล์ก็เหมาะจะเป็นบ้านยิ่งกว่าที่ไหนในโลก

"เราจะทะลุผ่านป่าไปเหรอ" เจนนาถามอย่างเป็นกังวล

"มีอุโมงค์ใต้ดินข้างหน้า จากทางนั้นสามารถตรงดิ่งไปถึงตัวเมืองได้เลย"

"พิลึกจัง"

"ประเทศนี้พื้นที่ส่วนใหญ่คือป่า พวกเขาเลยพยายามอยู่ร่วมกับธรรมชาติ เห็นว่าถนนของเดิมรบกวนสัตว์ป่าเลยย้ายทุกอย่างลงใต้ดิน"

"อุโมงค์ใต้ดิน… แล้วมันจะปลอดภัยเหรอคะ"

"ใช่ แล้วจะให้เดินเท้าในที่มืด ๆ แบบนั้นเป็นสิบ ๆ กิโลเมตรเนี่ยนะ" เบนจามินเห็นโอกาสก็รีบโวยวาย

"อุโมงค์ค่อนข้างปลอดภัย บอกแล้วนี่ ประเทศนี้ประชากรน้อยมาก เมื่อตอนเกิดเรื่องคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้พยายามหนีออกจากเมืองด้วยซ้ำ นอกจากนั้นผมก็เข้าออกหลายทีแล้ว ซอมบีที่เหลือก็น่าจะถูกจัดการหมดแล้วมั้ง"

พวกเราพยายามหารถสักคันที่ยังวิ่งได้และมีน้ำมันเหลือ โชคไม่ดีที่ของแบบนั้นไม่ได้หากันได้ง่าย ๆ คันที่พอใช้การได้ถูกคนอื่นเอาไปจนหมดแล้ว รถที่เหลือแถว ๆ นี้บางคันเหลือแค่โครงภายนอกด้วยซ้ำ ส่วนคันที่ยังดูค่อนข้างสมบูรณ์ก็พังในระดับที่คนมีความรู้เรื่องรถยนต์เพียงพื้นฐานแบบผมทำอะไรไม่ได้มาก

…ถ้าผมมีคาแรคเตอร์ที่มีสกิลสายช่างเครื่องยนต์คงจะดี…