"บลัดดี้แมรีหนึ่งแก้วครับ"
ชายหนุ่มตรงหน้ายื่นแก้วน้ำที่บรรจุของเหลวสีแดงเข้มให้ด้วยสีหน้าเฉยเมย ปลาวาฬมองด้วยสายตาตัดพ้อ จะเอาอะไรอีก ต้องการอะไรอีก ก็ผิดแล้วไง ก็ขอโทษแล้วไง ต้องทำยังไงถึงจะพอใจ ทำไมต้องทำอะไรให้มันซับซ้อนด้วย จะเอาอะไรทำไมไม่บอก
"ขอบคุณ"
เด็กหนุ่มรับน้ำแก้วนั้นมา หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดหน้าจอให้ดูว่าชำระเงินเรียบร้อยแล้ว หยิบแก้วน้ำมาดูดแก้เก้อ หนึ่งอึก ก่อนจะคายทิ้งแทบไม่ทัน อี๋... ทำไมรสชาติมันห่วยแตกแบบนี้ ไม่น่าสั่งมาให้เสียเวลาเลย รู้งี้สั่งอะไรที่มันพอจะกินได้ดีกว่า ไอ้เราก็หลงนึกไปว่ามีความหลังร่วมกัน
"ไม่มีมารยาท"
เสียงนั่นพูดขึ้นมาเรียบ ๆ ปลาวาฬหันไปมองหน้าบูด อารมณ์ความขุ่นมัวรื้นขึ้นมาอย่างห้ามปรามไม่ได้ ความหวังที่แบกมาทั้งวันพังครืนไปต่อหน้า หลังจากพูดประโยคที่ฝึกซ้อมมาทั้งวันแต่อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาอย่างไม่มีเยื่อใยอะไรกันเลย
"ตัวเองก็คายอาหารคนอื่นลงถังขยะ กล้าจะสอน"
ไหน ๆ ก็ไม่ญาติดีกันแล้วนี่ ทะเลาะกันแม่งไปเลย กูงี่เง่าโว้ย มา...มาทะเลาะกับกูนี่ ไม่ต้องคืนดีก็ไม่ต้องคืนดี เกลียดกันให้ตายไปข้าง ปลาวาฬพูดตาขวาง ไม่มีแล้วเหตุผงเหตุผล คำสั่งสอนของไอ้เจเจที่บอกให้ใจเย็นแล้วใจเย็นอีกโยนทิ้งไปให้หมด ตายเป็นตาย หงุดหงิดโว้ย!
"นั่นมันไม่อร่อย"
"ตัวเองทำอร่อยตายแหละ"
เด็กหนุ่มเบะปาก ความหงุดหงิดเอาชนะทุกอย่างบนโลกนี้ ถ้ากลายร่างได้คงกลายเป็นตัวเขียว ทำลายโลกแม่ง ฮัลค์นะ ไม่ใช่เชร็ค
"อร่อยไม่อร่อยก็มีคนสั่งให้มาส่งที่นี่แล้วกัน"
คนตรงหน้าคลี่ยิ้ม แยกไม่ออกหรอกว่าอารมณ์ไหน อารมณ์ดี เจ้าเล่ห์ หรือยิ้มเยาะ หรืออะไร อารมณ์ไม่ดี ไม่สนใจจะแปลความหมายอะไรทั้งนั้น เด็กหนุ่มส่ายหัวอย่างอารมณ์เสีย ไม่มีอะไรอยากจะต่อล้อต่อเถียงอีก อยากยิ้มก็ยิ้มไปคนเดียวเถอะ จะยิ้มกับลมกับฟ้าอะไรก็ยิ้มไป เบื่อจะง้อแล้ว
"ถ้าไม่รับคำขอโทษก็กลับแล้วนะ อยากทำอะไรก็ทำแล้วกัน เหนื่อยละ"
ปลาวาฬพูดพร้อมเดินหนีไป ในใจคุกรุ่นไปด้วยความน้อยใจเต็มไปหมด หลงนึกฝ่ายเดียวว่าอีกคนก็คงจะพอมีเยื่อใยอะไรอยู่บ้าง ความพิเศษอะไรบางอย่าง ความอบอุ่นที่มีให้แบบไม่มีใครเคยได้รับ แต่ก็นั่นแหละ เขาคงคิดไปเองฝ่ายเดียว ได้กันคืนเดียวแล้วก็จบ เปลืองใจฉิบหาย
"ใครบอกว่าผมไม่รับ"
โอบเอื้อยื่นมือออกมาคว้าแขนเขาไว้ เด็กหนุ่มก้มมองแบบสงสัย ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ จะเอายังไงกันแน่ สรุปเคลียร์หรือไม่เคลียร์ ปลาวาฬมองหน้าคนที่คิดถึงมาตลอดนั่น ใบหน้าคมได้รูปมีรอยยิ้มจาง ๆ กลิ่นกะเพราในตัวไม่เคยเลือนหายไปไหน ลอยกรุ่นอ้อยอิ่งยั่วเย้าราวกับรู้ดีว่านั่นคือสิ่งที่น่าหลงใหลที่สุด
"ขอโทษ"
พูดอีกครั้งแล้วกัน เจเจสั่งมาว่าถ้าพูดครั้งแรกแล้วยังไม่ใจอ่อนให้ลองอีกครั้ง ถ้าอีกครั้งแล้วยังไม่ใจอ่อนก็ให้ลองอีกครั้งของอีกครั้ง แต่ไม่เอาแล้วโว้ย ครั้งนี้ไม่อ่อนก็เรื่องของแม่งละ น้ำหยดลงหินทุกวันก็น่ารำคาญ ไปหยดใส่อย่างอื่นดีกว่า มันกว่าเยอะ
"ผมไม่ได้มาฟังคำนี้"
ชายหนุ่มพูดนิ่ง เมื่อพิจารณาให้ดีก็พบว่าโอบเอื้อไม่ได้มึนตึงอะไรทั้งนั้น แค่ไม่พูด ไม่บอก ทำตัวเหมือนเล่นเกมทายคำ ชาติที่แล้วเกิดเป็นเสี่ยตาปัญญาเหรอ ต้องมานั่งเล่นทายรูปทายคำเป็นเกมแฟนพันธุ์แท้เนี่ย จะตรัสรู้ไหมวะว่าอยากได้ยินคำไหน
"แล้วอยากได้ยินอะไร ?"
เขาถาม อีกฝ่ายสบตานิ่ง ยืนเงียบกันอยู่ทั้งคู่ แต่โอบเอื้อไม่พูด คนที่รอฟังอยู่จึงต้องสำทับอีกที ปลาวาฬพูดซ้ำอีกรอบอย่างหมั่นไส้
"จะบอกไหม"
ปลาวาฬพูด เขาไม่ใช่คนเรื่องมากอะไร อยากให้บอกอะไรก็บอกมาสิ จะบอกให้หมดเลย แต่ถ้าไม่บอกว่าอยากได้ยินอะไร ใครเค้าจะไปรู้วะ ไม่ใช่ปัญญาประดิษฐ์นะเว้ย ปกติก็เป็นคนโง่จะตายอยู่แล้ว ยังต้องมานั่งเล่นเกมทายใจอะไรนี่อีก
"ไม่บอก"
อ้าว เจอคนกวนตีน
"จะรอให้บอกเอง ไม่ใช่ว่าบอกเพราะถูกบังคับให้บอก เข้าใจไหม"
ไม่เข้าใจโว้ย ไอ้เชฟเชี่ย เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่าอยากได้ยินคำไหน คำแม่งมีเป็นหมื่นเป็นแสนคำ อยากได้ยินคำไหน ไก่แจ๊ ปลากรอบ มะพร้าว เขาเขียว เสี่ยวเอ้อ คำไหนเล่า เหนื่อยโว้ย แค่จะพาออกมาได้ก็เหนื่อย แค่จะได้คุยกันก็เหนื่อย ยังต้องมานั่งทายใจอีก รำคาญ หน้าตาอย่างกูหาคนอื่นได้โว้ย
"งั้นก็ไม่บอกละกัน ขี้เกียจทาย"
เขาสะบัดแขนจะเดินหนี น้อยใจแม่งก็น้อยใจ แต่อีกใจนึงก็อยากรู้ อยากได้ยินคำว่าอะไรกันแน่วะ เขาลืมอะไร มีอะไรที่เขาไม่ได้พูด
"งั้นเรียกผมมาทำไม ?"
เสียงนั่นยังยื้อ เรียกแม้เขาจะเดินหนีออกมาห่างสองสาวก้าว เด็กหนุ่มหยุดนิ่ง ถอนหายใจยาว วางทิฐิลงก่อน ไอ้เกลือสอนไว้ อดทน...ไอ้ปลาวาฬ...มึงต้องอดทน
"ผมอยากมาคุยเรื่องร้าน"
คนที่ยังถือแก้วน้ำอยู่หันกลับไปพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เป็นผู้ใหญ่ และตัดอคติส่วนตัวทิ้งไปทั้งหมด เหลือแต่สิ่งจำเป็นที่ยังอยู่ เขามีลูกน้องต้องรับผิดชอบหลายชีวิตนะ
"ทำไม ?"
"ผมไม่เถียงว่าผมเลว ผมผิดที่เคยทำกับคุณเรื่องร้าน" เขาระบายออกมาอย่างเหลืออด "แต่ผมพยายามจะบอกคุณแล้ว วันนั้นผมตื่นมา ผมจะฉีกสัญญาทิ้ง ให้คุณยกร้านให้คนอื่น ผมจะได้ทำอะไรต่อไม่ได้ ผมเซ็นสัญญากับเมธัสไว้หมดแล้ว ถ้าคุณไม่ฉีก ผมก็ฉีกเองไม่ได้เหมือนกัน"
ปลาวาฬพูดออกมา เก็บความน้อยใจไว้ไม่มิด เขาก็ไม่ได้อยากให้ทุกอย่างจบลงแบบนี้สักหน่อย คิดเหรอว่าเขาไม่รักร้านนี้ เขาก็รักเหมือนที่ทุกคนรักนั่นแหละ
"อยากแพ้แล้วจะตั้งใจแข่งทำไม ?"
คนตรงหน้าพูดเสียงเรียบ แต่ดวงตาจ้องมาอย่างค้นหาความหมาย เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึก ผ่อนออกมายาว อยากจะพูดประโยคนี้ออกมานานเหลือเกิน
"เพราะผมอยากให้คุณยอมรับผมไง"
คนตรงหน้าเหมือนจะนิ่งอึ้งไปเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาบอก แต่นี่ก็คือสิ่งที่เขาอยากจะบอกมานานมากแล้วเหมือนกัน เขารู้ตัวมาเสมอว่าเกมนี้มันจะนำพาไปสู่อะไรได้บ้าง หายนะได้มากขนาดไหน แต่เขาไม่กล้าพอจะออกจากเกมสักครั้ง เพราะเขารู้ รู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือการยอมรับจากคนตรงหน้านี่
"ผมเห็นคุณเป็นไอดอล ผมเห็นคุณมีความสุขกับการทำอาหาร ผมอยากมีบ้าง อยากมีความฝันแบบคุณ อยากมีความสุขแบบคุณ อยากเป็นแบบที่คุณเป็น"
เด็กหนุ่มพยายามกลั้นน้ำตา แต่ก็ทำได้ไม่เก่งนัก ปลาวาฬยกมือขึ้นปาดน้ำใส ๆ ที่ไหลออกมาอย่างลวก ๆ พยายามไม่ให้อีกฝ่ายจับสังเกตได้ แต่ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เสียงก็สั่นจนแทบจะพูดไม่รู้เรื่องแล้ว แต่ช่างมัน พูดออกมาขนาดนี้ก็ต้องพูดออกมาให้หมด ต่อให้ต้องฟูมฟายไปพูดไปก็ต้องพูดออกมา
"ผมค้นพบว่าผมอยู่ในครัวแล้วมีความสุข ล้างจาน หั่นผัก วันไหนได้ผัดกะเพราผมตื่นเต้น ผมโคตรรู้สึกดี ผมแม่งผิดเหรอวะที่ไม่เคยมีความฝันแล้วพอเจอความฝันก็อยากทำให้ดีที่สุด"
"ผม..."
อีกฝ่ายเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็กลืนลงคอตัวเองเข้าไป โอบเอื้อก้มหน้าลงน้อย ๆ ไม่รู้ด้วยความรู้สึกอะไร เขาไม่สนใจ เขาแค่อยากจะบอกทุกอย่างออกไปทั้งหมด ความรู้สึกในใจที่อัดอั้นตลอดมาเป็นเวลาหลายเดือน ความรู้สึกทั้งหมดที่อยากจะบอกให้คนตรงหน้าได้ฟังจากปากสักครั้ง
"สำหรับผม คุณแม่งเป็นทุกอย่าง เป็นเพื่อน เป็นเจ้านาย เป็นไอดอล" เขาพูดจนแทบกลายเป็นตะโกน "ผมแค่อยากให้คุณยอมรับ แค่อยากให้คุณบอกว่าผมเก่งพอแล้ว ผมดีพอแล้ว แค่เนี้ย สิ่งที่ผมทำมันเหี้ยมากเหรอ ผมแค่อยากได้รับการยอมรับจากคุณ ผมแม่งทำเต็มที่ แต่พอผมทำทุกอย่างสำเร็จ คุณแม่งก็ทิ้งผมไป เคยถามผมสักคำหรือเปล่าว่าผมทำทุกอย่างไปทำไม"
น้ำตาแม่งไหลออกมาจนพูดเริ่มจะไม่รู้เรื่องแล้ว
"เงินล้านแม่งไม่สำคัญหรอก ผมแม่งก็แค่ชอบคุณ อยากอยู่ใกล้คุณ อยากให้คุณยอมรับ ถ้าผมอยากได้ตังค์ขนาดนั้น ผมไปเอากับเสี่ยที่ไหนก็ได้ มีคนเสนอเงินให้ผมเยอะแยะ จะซื้อบ้านซื้อรถให้ผมก็เคย แต่ผมเลือกมานั่งหั่นผักโง่ ๆ ล้างจานเป็นร้อยใบ โดนคุณด่าแล้วด่าอีกก็เพราะอะไร"
. . . . .
"ก็เพราะกูหลงรักมึงตั้งแต่วันแรกไง ไอ้เชฟเหี้ย!"
กะเพราจานนี้ได้เดินทางมาถึงจานสุดท้ายแล้ว เรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปมากมาย
รวมถึงเชฟสุดโหดของเรา จากคนดี ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสัตว์เลื้อยคลานไปซะแล้ววว
...................
ขอฝากช่องทางการติดตามผลงานของนายพินต้าไว้หน่อยน้า
Facebook: นายพินต้า - ninepinta
Twitter: @NINEPINTA
IG: ninepinta