57 ตอนที่ 57 : ผัดกะเพราของจริง – 3

ร้านผัดกะเพราของจริงก็มีช่องว่างให้เติมเหมือนกัน

ปลาวาฬจ้องมองโทรศัพท์ขณะที่มีเพื่อนร่วมโต๊ะนั่งให้กำลังใจอยู่อีกสามคน พอเงยหน้ามอง ทุกคนก็หลบตา เจเจได้ยินเสียงอุปกรณ์ร้องเลยวิ่งไปรับออเดอร์ เกลือเดินเข้าไปเตรียมทำอาหารต่อ ส่วนเมธัสหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและเดินหายออกไปนอกร้าน

เด็กหนุ่มนิ่งคิดอยู่นาน เขาไม่อยากยืดเยื้อ ไม่อยากคลุมเครือ เลือกจะสั่งอะไรสักอย่างที่เอาให้มันรู้กันไปเลยว่ารับหรือไม่รับ ไอ้อาหารจำพวกผัดกะเพราน่ะไม่มีประโยชน์ สมองเขานึกไปเรื่อย ๆ นั่งไล่เมนูที่เคยกินในแต่ละวันตอนที่อยู่ที่ร้าน อะไรบ้างที่มีความหมายเป็นพิเศษ

บลัดดี้แมรี 1 แก้ว จัดส่งเวลา 20.00 น. โดยผู้ส่งที่ชื่อโอบเอื้อเท่านั้น

เด็กหนุ่มกดพิมพ์ชื่อรายการอาหารและคำสั่งพิเศษลงไป ปัก GPS ไปที่ความทรงจำหลังเก่านั่น วัดใจกันไปดิ เคลียร์ไม่เคลียร์ คุยไม่คุย ถ้าไม่ใช่วันนี้ก็อาจไม่มีอีกแล้ว ร้านผัดกะเพราแบบนี้ยื้อต่อไปไม่ไหวหรอก ถ้าหนักมากอาจต้องเซ้ง ยอมเจ็บแต่จบอาจจะดีที่สุด

ปลายทางรับออเดอร์ ยังไม่กดปฏิเสธ ผ่านไปห้านาทีก็ยังไม่กดปฏิเสธ ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็ยังไม่กดปฏิเสธ เขาหงุดหงิดงุ่นง่านกับการหยิบโทรศัพท์มือถือมาดูแทบตลอดเวลา เพราะไม่รู้ว่าจะถูกยกเลิกเมนูตอนไหนหรือเปล่า แต่ก็ไม่ ออเดอร์ยังขึ้นค้างว่ารอส่ง ไม่ถูกยกเลิกสักที

"มีลุ้นอยู่นะ กูว่า"

เกลือพูด ขณะที่เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเป็นรอบที่ร้อย ทุกคนกลับมานั่งที่โต๊ะกลมกันอีกครั้ง เวลาประมาณบ่ายสาม ขายกันปกติออเดอร์ก็น้อยอยู่แล้วช่วงนี้ เจอสถานการณ์แบบนี้เข้าไปแทบจะต้องตบยุง เงียบเหงาซะไม่มี แทบอยากจะปิดร้านหนีไปนอนให้จบ ๆ

"กูว่าไม่ต้องลุ้นหรอก ได้เจอชัวร์"

ปลาวาฬพูด ปลอบใจตัวเองมากกว่า ในหัวเริ่มคิดแล้วว่าจะต้องพูดอะไรบ้าง เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เขาโดนเพื่อนสนิทด่ามาตั้งแต่วันปีใหม่แล้ว จำจนขึ้นใจ ขับรถวนกลับไปหาตั้งหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้เจอเชฟอีก แทบจะเขียนเป็นไดอะล็อกส่งให้พี่ฉอดตรวจได้แล้วเนี่ย

"เขาอาจจะแกล้งให้มึงไปเก้อก็ได้"

เจเจยิ้มเยาะ ตอนแรกหันไปมองหน้า คิดตามที่มันพูด ใจกำลังจะเสีย แต่เห็นท่าทางของมันแล้วก็รู้ว่าคงจะพูดเล่นนั่นแหละ อาการของมันดูผ่อนคลายไปมากเลย เหมือนทุกคนในร้านต่างก็คงรู้สึกแล้วว่าเริ่มเห็นทางออกของปัญหาอยู่รำไร เหลือก็แต่เขาที่มีหน้าที่ที่ต้องวิ่งไปให้ถึงทางออกนั่นให้ได้ ทุกคนก็ดูเหมือนจะช่วยกันถีบส่งจนหมดแรงแล้ว

"งั้นเราก็ไปดูหนังกันได้แล้วเนอะ"

เมธัสพูดขึ้น ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม เด็กหนุ่มหันไปมองหน้า ก่อนจะเข้าใจ อ๋อ กิจการเขาจะเจ๊งก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับท่านเศรษฐี เงินแค่ล้านสองล้านเนอะ เศษเงิ๊นเศษเงิน ปลาวาฬอยากจะหันไปเบะปากให้แต่ก็เกรงใจเพราะได้เงินจากคุณเศรษฐีมาเยอะอยู่

"นี่มันกี่โมงแล้ว จองไว้รอบบ่ายสองไม่ใช่เหรอ"

เพื่อนของเขาหันไปทำหน้าเบื่อใส่ ทำเป็นสะดีดสะดิ้งไปงั้นแหละ สุดท้ายก็อยากไปกับเมธัสนั่นแหละ ดูออก เล่นตัวไปเรื่อยเปื่อยไอ้ตี๋เอ๊ย

"จองรอบหกโมงกับสี่ทุ่มไว้ด้วย"

เมธัสพูดออกมาหน้าตาย ร้านผัดกะเพราที่ไม่มีลูกค้าเลยตกอยู่ในความเงียบ สายตาของสามสหายหันไปมองต้นเสียงเป็นทางเดียว

"บ้าปะเนี่ย"

เพื่อนของเขาบ่นออกมาแบบหงุดหงิด ส่วนปลาวาฬกับเกลือก็เหวอไปเลย เออว่ะ โลกของคนรวยนี่เข้าใจยาก คนไม่รวยนี่เข้าใจไม่ได้จริง ๆ

"เดี๋ยวไม่ได้ที่ที่ดีที่สุด ผมจองล่วงหน้าไว้ตั้งเดือนนึง"

"ไม่ปิดโรงไปเลยล่ะ"

เจเจประชด ส่ายหัวไปมาอย่างระอาใจกับนิสัยเอาแต่ใจตัวเองของเมธัส แต่มองไปมองมาคู่นี้ก็สมกันอย่างกิ่งทองใบหยก โดยเฉพาะเรื่องฝีปาก ร้ายทันกันจนเลือกฝ่ายไม่ถูกเวลาเข้าปะทะ

"อย่าท้า"

อ๋า... กลิ่นความรักนี่มันน่าสะอิดสะเอียนจริง ๆ อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เด็กหนุ่มหันไปมองหน้าเกลือ รายนั้นก็ยิ้มแหยแบบขอเป็นแค่ผู้ชม กลิ่นความหวานวันวาเลนไทน์ฟุ้งกระจายไปทั่ว โอ๊ย... ตอนแรกเครียดกันแทบตาย ทำไมตอนนี้กลายเป็นมาต้องมานั่งดูหนังรักเอยเตยหอมจำเป็นแบบนี้เนี่ย

"เสียดายเงิน ผมบอกคุณกี่รอบแล้วเนี่ยว่าเลิกใช้เงินแบบไร้สาระสักที มันใช่เรื่องไหมเนี่ยที่ต้องมาเสียเงินอะไรแบบนี้ จะไปไหนทำอะไรก็นัดสิ จะจองหว่านแหไว้ทำไม"

นักกายภาพบำบัดหนุ่มบ่น แต่ก็เป็นการบ่นสไตล์เจเจ บ่นขิงบ่นข่าอะไรไปเรื่อยเปื่อย ดูก็รู้ว่าไม่ได้จริงจังอะไรนักหรอก และเหมือนเมธัสเองก็รู้ดี เพราะก็ทำอะไรตามใจตัวเองไปเรื่อยถึงแม้ว่าจะโดนบ่น ก็บอกแล้วว่าคู่นี้สมกันอย่างกับอะไรดี จะหนีไปไหนกันรอด

"บอกก่อนก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ"

"ดูแบบไหน มันก็หนังเรื่องเดียวกันนั่นแหละ ผมไม่รู้สึกดีขึ้นมาหรอก"

โกหก! ไอ้ตาขีด มึงกำลังโกหก หน้าตาที่มึงเผลอยิ้มออกมาชั่วเสี้ยววินาทีเมื่อกี้กูเห็นนะ อย่ามาปกปิด ไอ้เจเจ ไอ้ปากว่าตาขยิบ!

"อย่าคิดมากน่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่นี่ อุดหนุนกิจการตัวเอง ไม่เห็นเป็นอะไร เงินก็วนกลับมาเข้ากระเป๋าตังค์ผมอยู่ดีนั่นแหละ"

โอย... ความรวยนี่มันช่างน่าถวิลหายิ่งนัก เจอแบบนี้เข้าไปไอ้เจเจก็ถึงกับเถียงไม่ออก เมธัสก็ยังคงเร่งยิก ๆ ว่าออกไปกันเถอะ เผื่อจะได้ไปต่อดินเนอร์กันด้วย ปลาวาฬเบะปากแต่ไม่พูดอะไร ดินเนอร์นี่กินกันที่ไหน บนโต๊ะอาหารหรือบนเตียงจ๊ะเพื่อน

"งั้นกูไปก่อนนะ ลาพักร้อนด่วน ลูกค้าไม่เยอะ ฝากมึงดูละกัน"

อ้าว! ไอ้เพื่อนเหี้ย สุดท้ายก็เห็นแฟนดีกว่าเพื่อนนี่หว่า ไหนตอนแรกบอกไม่มีอารมณ์ไง เครียดอย่างโน้นเครียดอย่างนี้ ปัดโธ่... ปลาวาฬเบะปากใส่ สุดท้ายไอ้เพื่อนตาขีดก็ยอมสละร่างกายให้ชายที่รักในวันแห่งความรักตามคาด อย่าลืมว่าปีนึงนะเว้ย อย่าให้รู้ว่าแอบได้เสียกันก่อน เดี๋ยวจะเขียนเรื่องร้องเรียนไปที่สภาวิชาชีพเลย

"เออ ๆ"

ปลาวาฬยกมือขึ้นปัด ๆ เป็นทำนองว่าไปเถอะ อยู่ไปก็ไม่มีอะไรให้ทำ ออเดอร์น้อยเหมือนกดปิดร้านในแอปพลิเคชันไปแล้ว จะเอาอะไรมากมาย อีกอย่าง วันพิเศษแบบนี้ คนก็ไม่ค่อยสั่งเดลิเวอรี่อยู่แล้วด้วย ทำเป็นเซ็งไปงั้นแหละ จริง ๆ ไอ้เจเจอยู่ไปก็นั่งตบยุงเล่นบ่นชีวิตกันอยู่ดี ปล่อยเพื่อนออกไปดี๊ด๊าร่าเริงในวันแห่งความสุขดีกว่า

"อะนี่ เผื่อต้องใช้"

เมธัสลุกขึ้นตามเจเจจะเดินไป แต่เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ เลยหยิบของจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ปลาวาฬ มันเป็นกุญแจพวงหนึ่ง ปลาวาฬรับมาดูอย่างงง ๆ คุ้น ๆ เหมือนจะเคยเห็นมาก่อน แต่ก็จำแบบชัดเจนแน่นอนไม่ได้ ใบหน้าเขาจึงเงยหน้าไปมองคนที่ส่งให้เป็นคำถาม

"กุญแจร้านเก่าเชฟโอบน่ะ เผื่อต้องใช้"

เมธัสขยิบตาให้หนึ่งทีพร้อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ โอ๊ย... สมควรจะร่วมหอลงโลงกับไอ้เจเจจริง ๆ ถึงว่าเห็นออกไปรับอะไรจากคนส่งของ ตอนแรกก็นึกว่ามีเอกสารอะไรสำคัญ

"เผด็จศึกให้ได้ล่ะมึง ใช้เรือนร่างของมึงกอบกู้ร้านของเราคืนมา"

เจเจพูดเป็นประโยคสุดท้าย ตบไหล่อย่างฝากฝัง ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างเลวทราม ไอ้เพื่อนชั่ว ไอ้ขายเพื่อน นี่มึงจะยอมขายกูให้เชฟโอบเพื่อเงินเลยเหรอ

"เหี้ย"

ปลาวาฬตอบพร้อมรอยยิ้ม เกลือหัวเราะเสียงดังออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะลุกเดินกลับเข้าไปในครัว เหมือนเกลือกำลังสอนผู้ช่วยในร้านให้ทำอาหารอยู่

เด็กหนุ่มนับถอยหลังรอเวลา 20.00 น. อย่างกระวนกระวาย

ยังไม่ทันจะทุ่มครึ่งดี เขาก็ตะโกนบอกลาและกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปที่จุดนัดหมายใน GPS ไปเผื่อไว้ก่อนไม่เสียหาย อะไรก็เกิดขึ้นได้ ปลาวาฬเหลือบมองออเดอร์ในโทรศัพท์มือถือซ้ำ ๆ รายการอาหารยังไม่ถูกยกเลิก ขึ้นค้างอยู่ที่หน้ารอจัดส่งมาหลายชั่วโมง ขอให้รอจัดส่งจริงเถอะ

เขามาถึงก่อนเวลานัดเล็กน้อย

บ้านหลังนั้นยังเงียบสงบแต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอัดแน่นไม่เสื่อมคลาย แม้จะเป็นเพียงเวลาประมาณสามเดือน แต่ช่วงเวลาที่ได้มีความทรงจำที่นี่กลับเหมือนยาวนานมหาศาล ปลาวาฬมองภาพตรงหน้าด้วยความคิดถึง จนกระทั่งมีเสียงรถยนต์คันหนึ่งเคลื่อนมาและดับเครื่องลง เด็กหนุ่มหันไปมองก็ได้พบกับภาพที่ใฝ่ฝันอยากจะเห็นให้ได้มาตลอดหลายนาทีหลายชั่วโมงที่ผ่านมา

"ผมขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานะครับเชฟ"

avataravatar
Next chapter