webnovel

ตอนที่ 6 เทวดาหลงทาง

สายน้ำไหลจากบนสู่ล่าง

ชำระล้างกายาให้ผ่องใส

เสียงคำรามซู่ๆ ดังทั่วไพร

เทวดาน้อยใหญ่ต่างยินดี

ธาวินยืนมองวัชเรนทร์ที่เอาเท้าแตะน้ำแล้วสะดุ้งเฮือกๆ อย่างกับพวกสาวน้อยเจอแสงแดดในยามสายยืนมองอยู่นานคิดในใจว่าเทวดาผู้นี้ที่ผ่านมาใช้ชีวิตแบบไหนกันถึงได้เหมือนละอ่อนที่เพิ่งมาดูโลก็มิปาน

"ท่านเทวดา" เดินเข้ามาจนชิด วัชเรนทร์เทวาผู้ยืนหมิ่นเหม่อยู่บนหินพอโดนชนเข้าก็ถึงกับเซ

"เฮ้ย เว้ย"

"ตูม!!!" วัชเรนทร์เทวาลอยละลิ่วลงไปในแอ่งน้ำใหญ่ทำเอาเหล่าเทวาที่เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานตกอกตกใจไปตามกัน

"อะโย้วโหยว เราไม่ได้ตั้งใจ" ปิดปากกั้นขำอยู่บนหินใหญ่ หมวกทรงสูงเอียงกระเท่เร่เสื้อคลุมเปียกแนบเนื้อจนเห็นกล้ามเนื้อได้อย่างชัดเจนรองเท้าลอยไปติดอยู่ที่แหง่งหิน

"เจ้า!!!" เสียงดังอย่างกับฟ้าผ่า เส้นเลือดผุดตรงหน้าผาก ถอดหมวกที่เปียกน้ำเขวี้ยงลงพื้นอย่างหัวเสีย

"ซวยแล้ว" ธาวินพึมพำ ไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อยทำไมถึงได้โกรธกันขนาดนี้ด้วย

"เราไม่ได้ตั้งใจ เราขอโทษ" ยื่นมือจะดึงขึ้นจากน้ำกลับถูกปัดจนเจ็บมือ

"ไปให้พ้น" บอกน้ำเสียงเกรี้ยวกราด วัชเรนทร์เทวาผู้ได้ชื่อว่าเย็นชาอันดับหนึ่งในสวรรค์ไม่ยินดียินร้ายอะไรกับใครแต่คราวนี้กลับโกรธจนหน้าแดง พอขึ้นจากน้ำได้ก็เหาะกลับวิมานด้วยความโมโหปล่อยธาวินยืนมองตามตาปริบๆ

ตะวันคล้อยต่ำเหล่าเทวดาต่างพากันกลับที่พัก ได้เวลาที่ธาวินจะกลับวิมานแต่ทว่าเทวดาใหม่หากไม่มีเทพวาพี่เลี้ยงพากลับก็คงเหาะไปถึงวิมานไม่ได้เหาะลอยไปลอยมาอยู่นานก็ยังไม่สามารถขึ้นไปถึงวิมานได้จึงเหาะกลับมาที่น้ำตกที่เดิม

ตะวันลับฟ้าหิ่งห้อยเริ่มบินอวดแสงระยิบระยับงดงามเทวดาใหม่อย่างธาวินนั่งกอดเขาอยู่บนหินก้อนเดิมนี่เขาถูกทิ้งเสียงแล้วหรือครั้งจะตามหารุกขาเทวที่รู้จักก็ไม่รู้ว่าสถิตอยู่ที่ต้นไหนเงยหน้ามองห้าเห็นเพียงดวงดาวระยิบระยับอยู่บนฟ้าไกลแสนไกล

ยามค่ำคืนมันช่างน่าใจหายได้ยินเพียงเสียงน้ำตกกับเสียงสัตว์ขนาดเล็กร้องระงมทั่วป่า ธาวินกอดตัวเองเอาไว้เพิ่งรู้ว่ากลางคืนมันน่ากลัวและก็เงียบเหงาได้ขนาดนี้ เสียงฟ้าร้องครืนๆ ดังมาเมื่อยามดึก สายฟ้าฟาดเปรี้ยงปร้างยิ่งอยู่กลางป่าแบบนี้ยิ่งเห็นสายฟ้าได้อย่างชัดเจน สายฝนโปรยปรายลงมาเขารีบหลบฝนไปยังต้นไม้ใหญ่ เสียงหินกระทบกันดังเป็นระยะสายฝนกระหน่ำจนตอนนี้เทวดาเปียกปอนไปหมดแล้ว

"เราทำอะไรผิด ทำไมต้องทิ้งเราด้วย" ธาวินน้ำตาหยดแหมะ

"กึกๆๆๆ" เสียงดังสนั่นทั่วป่าทึบ ก่อนที่ก้อนน้ำมหึมาจะร่วงลงมาจากหน้าผาเบื้องหน้าพร้อมหินก้อนใหญ่ตกโครมครามลงมา น้ำเริ่มเอ่อล้นจนที่ธาวินยืนอยู่มีน้ำขึ้นมาถึงเข่า ธาวินตั้งสติได้รีบปีนต้นไม้ด้วยความรวดเร็วก่อนที่มวลน้ำก้อนใหญ่จะไหลมาจนถึงกิ่งด้านบน ต้นไม้ใหญ่สั่นสะเทือนเพราะแรงน้ำธาวินนั่งกอดกิ่งไม้หอบแฮ่ก ๆ ด้วยความเหนื่อยเทวดาใหม่ผู้นี้คงลืมไปแล้วว่าตัวเองเหาะได้ใช้สองแขนสองขาตะกายปีนต้นไม้จนหอบขนาดนี้

น้ำขุ่นสีแดงโคลนไหลกระหน่ำพัดพาก้อนหินกระทบต้นไม้จนสั่นไหวไปทั้งต้น ธาวินหน้าซีดเกิดมาไม่เคยเจออะไรที่น่ากลัวขนาดนี้ร่างกายสั่นเทาด้วยความกลัวและหนาวเพราะเปียกชุ่มไปทั้งตัว ตอนนี้เทวดาใหม่ไม่เหลือมาดเทวดาผู้ผ่านโลกมาแปดสิบปีอีกแล้ว เขาร้องไห้ซิกๆ ราวกับเด็กก็ไม่ปาน

ข้างฝ่ายเทวดาพี่เลี้ยง กลับมาถึงวิมานด้วยร่างกายสะบักสะบอมเจ้าเทวดาใหม่นั่นมันทำเอาโกรธจนควันออกหูรีบจัดการเปลี่ยนเอาชุดที่เปียกชุ่มออกชำระกายอีกครั้งให้สะอาดขึ้น จากนั้นจึงเปลี่ยนใส่ชุดใหม่แล้วนอนพักด้วยความเหนื่อยล้า

"ครึน ๆๆๆ " เสียงฟ้าร้องอยู่ใต้วิมาน พระพิรุณคงโปรยปรายตามฤดูกาล จะว่าไปเป็นพระพิรุณนี่ก็เหนื่อยเหมือนกันต้องโปรยฝนให้กับมนุษย์โลกผู้ไม่รู้จักพอช่างเถอะวันนี้เหนื่อยมามากแล้วไม่อยากคิดอะไรให้เปลืองสมองค่อยๆ หลับตาลงอย่างอ่อนล้า

อาทิตย์ส่องแสงที่ขอบฟ้าผืนป่าสงบเงียบ ได้ยินเพียงเสียงนกร้องยามเช้าราวกับว่าเมื่อคืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร่องน้ำใหญ่กว่าเมื่อวานตอนนี้ตอนไม้ที่ธาวินนั่งอยู่ติดน้ำเสียแล้วมองไปรอบๆ มีหินก้อนใหญ่มากองกันอยู่ ธาวินถอนหายใจในที่สุดก็รอดตายนึกว่าเพิ่งตายกลายเป็นเทวดามาหยกๆ จะมาตายรอบสองอีกครั้ง ค่อยๆ ปีนกลับลงมาจากต้นไม้ เช้าแล้วเทวดาที่อยู่แถวนี้ไปที่ไหนกันหมดไม่เห็นแม้เงาเดินไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้น ป่าทั้งป่าเงียบจนวังเวงค่อยเหาะขึ้นไปด้านบน ได้ยืนเสียงสวดอยูลิบๆ ถ้าไม่ที่นั่นคงมีอะไรดีๆ สินะสัญชาตญาณเทวดาบอกเอาไว้แบบนั้น รีบตรงรี่ไปตามเสียงสวดวัดเล็กๆ ที่อยู่ชายป่ามีรุกขเทวดานางไม้สัมภเวสีรอกันสลอนวันนี้วันพระนั่นเอง เข้าไปใกล้ๆ หามุมสงบนั่งรอบุญแม้กลับวิมานไม่ได้อย่างน้อยวันนี้ก็ไม่ต้องอดตายรับบุญเล็กๆ เอาไว้ประทังชีวิตยามยากเช่นนี้

วัชเรนทร์เทวดาเดินไปที่วิมานของธาวินกลับไม่เห็นแม่แต่เงาของเทวดาผู้นั้นเดินไปที่สวนดอกไม้ก็ไม่เจอนึกในใจว่าหายไปไหนแต่เช้าจะชวนไปรับบุญเพราะวันนี้วันพระ กำลังจะกลับวิมานความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในสมอง

"หรือว่ากลับมาไม่ได้" หน้าซีดเหงื่อตกเขาทิ้งเอาไว้ที่น้ำตกนี่นา รีบรุดบินตรงไปที่น้ำตกทันใด

เมื่อมาถึงยังจุดหมายเหงื่อเย็นผุดขึ้นระลอกสองคงไม่ใช่โดนน้ำพัดหรือโดนสัตว์ป่าลากไปกินเสียแล้วกระมังถ้าเกิดเป็นเช่นนั้นจริงอย่างว่าแต่ตำแหน่งเทวดาแม้แต่ชีวิตก็มิอาจรักษาไว้ได้ แถมแถวนี้ยังโดนน้ำพัดพาให้เปลี่ยนไปขนาดนี้เทวดาที่เคยมาเล่นน้ำคงย้ายหนีไปหมดแล้ว แบบนี้ไปถามใครที่ไหนคงไม่ได้ใช้สมองคิดหาวิธีไม่ว่าอย่างไรก็ขอให้ได้เห็นศพหรือเศษซากหากตายไปจริง ๆ ถึงตอนนั้นจะยอมรับผลกรรมแต่โดยดี

เสียงบทสวดเรียกชุมนุมเทวดาทำให้วัชเรนทร์เทวาหูผึ่งรีบเหาะไปตามเสียงนั้น บางทีอาจเจอเทวดาใหม่ผู้นั้นก็ได้ เสียงกังวานก้องไปทั่วชายป่าเชิญเทวดาทุกสารทิศมารับบุญวันพระ ข้าวปลาอาหารมากมายถูกตระเตรียมเอาไว้ เทวดาอยู่แถวหน้ารอรับผลบุญด้วยสีหน้าแช่มชื่น ธาวินมองดูอาหารที่นำมาถวายตรงหน้าแม้จะเป็นอาหารพื้นๆ แต่ก็ทำให้เทวดาอย่างเขายิ้มออกมาได้

หิ้วถุงของเดินออกมาแม้ไม่มีเทวดาพี่เลี้ยงก็ไม่อดตาย สมัยเป็นมนุษย์ลำบากกว่านี้ตั้งหลายสิบเท่ายังอยู่ได้อยู่ให้เป็นนั่นคือคติของธาวิน

"เจ้า ทำไมมาอยู่ที่นี่" วัชเรนทร์เทวาเดินมาหาด้วยความดีใจ เทวดาใหม่ยังมีชีวิตอยู่

"ท่านเป็นใคร" มองตั้งแต่หัวจรดเท้า

"เราเองไง วัชเรนทร์ อย่าบอกว่าเจ้าโดนน้ำพัดจนสติเลอะเลือน" ธาวินกัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บไปหมดทั้งโมโหระคนกับน้อยใจเทวดาพี่เลี้ยงอะไรกันมาทิ้งกันง่ายๆ แบบนี้แย่จริงๆ

"กลับสวรรค์กัน เจ้าหายไปเราเป็นห่วงแทบแย่" วัชเรนทร์บอกธาวิน เทวดาใหม่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งนี่พูดเล่นหรือพูดจริง

"ทิ้งเราแล้วยังจะบอกว่าห่วง" เสียงขุ่น

"ก็ตอนนั้นเจ้าทำเราตกน้ำ" ดูเหมือนว่าจะยังโกรธอยู่เหมือนกัน

"ก็บอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจ" ธาวินรีบบอก

"ช่างเถอะถือว่าต่างคนต่างผิด กลับวิมานกันเจ้ามอมแมมแบบนี้ไม่เหมือนเทวดาสักนิด" วัชเรนทร์ส่ายหน้า

"ก็เพราะใครกันล่ะ เราต้องปีนต้นไม้หนีตายเพราะน้ำหลาก ตอนอยู่บนต้นไม้ก้อนหินกระทบจนต้นไม้สั่นไปหมดเรานึกว่าจะไม่รอดแล้ว" ธาวินบอกวัชเรนทร์น้ำตาคลอมันน่ากลัวจริงๆ

"เจ้าจะปีนทำไมในเมื่อเจ้าก็เหาะได้" วัชเรนทร์ส่ายหน้า

"โอ๊ะจริงสิ แต่ตอนนั้นเราตกใจมากนี่นา" ยกแขนเสื้อยับยู้ยี้เช็ดน้ำตา

"เอาล่ะกลับวิมานกันเดี๋ยวเราซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เปลี่ยน" พอเห็นแบบนี้ก็อยากจะรับผิดชอบอยู่เหมือนกัน จูงแขนเทวดาใหม่หน้าเปื้อนน้ำตาเหาะกลับวิมานนี่ถ้าหากคนไม่รู้คงคิดว่าวัชเรนทร์เทวดาผู้เย็นชากำลังแกล้งเทวดาใหม่อยู่แน่ๆ แต่ช่างเถอะปากหอยปากปูปากเทวดามีไว้เมาส์อยู่แล้วใครจะไปห้ามได้

แวะหาชุดใหม่ให้ก่อนจะพากลับไปที่วิมาน พอเห็นศาลาท่าน้ำเล็กๆ ของตัวเองธาวินถึงกลับปล่อยโฮต่อให้เล็กยังไงก็ยังดีกว่าไประหกระเหินอยู่กลางป่ากลางเขาแบบนั้น

"อันนี้เราให้เจ้า" ส่งน้ำทิพย์ให้ขวดหนึ่ง

"ฮืออออ" รับมาด้วยความตื้นตันใจ วันนี้วัชเรนทร์กลายเป็นพ่อบุญทุ่มไปเสียแล้ว

"หยุดร้องได้แล้ว" พอร้องไม่หยุดก็ชักรำคาญ

"ก็เราดีใจนี่นาที่ได้กลับมา ท่านคงไม่รู้ใช่ไหมว่ามันน่ากลัวขนาดไหน ฝนตกเอยฟ้าร้องเอง ทั้งมืดทั้งเงียบแถมยังฟ้าผ่าเปรี้ยง ๆ ไม่หยุด" ธาวินเช็ดน้ำตาเปิดขวดน้ำทิยพ์ยกขึ้นดื่ม

"วันหลังก็ระวังอย่าให้พลัดหลงกันอีก" วัชเรนทร์บอกเสียงอ่อน

"พลัดหลงกันที่ไหนท่านจงใจทิ้งเราต่างหาก" บอกเสียงขุ่นมองตาเขียว

"เจ้าเห็นเราเหาะกลับทำไมไม่เหาะตาม" ชักจะมากไปแล้วยอมรับผิดเสียบ้างสิ

"ใครจะไปรู้ว่าท่านจะกลับแถมยังไม่รู้ด้วยว่ากลับเองไม่ได้" ธาวินบ่น

"ไหนบอกว่าอ่านกฏครบหมดแล้ว" วัชเรนทร์ย้อนถาม

"อ่านแล้ว" รีบปรี่ไปเปิดหนังสืออ่านอีกครั้ง

"นี่มันอะไร หมายเหตุตัวเท่ามดใครจะไปเห็น" ธาวินชี้ไปที่เชิงอรรถด้านล่างตัวเล็กกว่ามดเสียด้วยซ้ำใครจะไปอ่านกัน

"ไหนว่าอ่านหมด"

"ก็อ่านหมดแล้ว ท่านหาเรื่องเราเหรอ" ขมวดคิ้วบึนปาก

"เปล่า ก็เห็นว่าอ่านหมดแล้ว" ป้องปากหัวเราะหึในลำคอ

"กลับวิมานท่านไปเลย น่ารำคาญเราจะนอน" ดุนหลังให้กลับไป

หลังจากที่เมื่อคืนแทบไม่ได้หลับเลย ธาวินกระโดดขึ้นที่นอนตัวเองที่อยู่ในศาลาท่าน้ำนั่นยังไงปุยนุ่นนิ่มๆ นี้ก็ดีกว่าไอ้กิ่งไม้แข็งๆ เมื่อคืนนั่น เสื้อผ้าชุดใหม่นี่ก็ใส่สบายชะมัดเฮ้อวันนี้ไม่อยากทำอะไรเลยนอนพักให้หนำใจดีกว่าเดี๋ยวตื่นขึ้นมาค่อยไปดูแลต้นไม้ กลิ่นดอกไม้หอมอ่อนๆ ทำให้ง่วงมากขึ้นกว่าเดิม

"ได้ข่าวว่าทิ้งเทวดาใหม่ไว้ข้างล่างเหรอ" ทันทีที่โผล่หน้าเข้าสโมสรมาเทวดาร่วมก๊วนก็เอ่ยปากถาม

"ไม่ได้ทิ้ง แค่หลงกัน" รีบแก้ตัวทันใด

"ท่านวัชเรนทร์ ระวังๆ หน่อยก็แล้วกัน คนรักเท่าผืนหนังคนชังเท่าผืนเสื่อ เราเตือนด้วยความเป็นห่วง" เพื่อนเทวดาตบไหล่

"นั่นสิ วันหลังท่านก็สอนวิธีเอาตัวรอดด้วยก็แล้วกัน เทวดาใหม่ใช่ว่าฉลาดกันทุกคน" อีกคนหนึ่งเอ่ย

"รู้แล้วน่า" หันไปสั่งเครื่องดื่มจากบริกรเทวดา

"ทำไมเรื่องนี้มันถึงแพร่เร็วนัก" วัชเรนทร์เกาหัวแกรก สองเพื่อนเทวดาหันมามองหน้ากันทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ สังคมเทวดามันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากสังคมมนุษย์หรอกนะวัชเรนทร์เอ๋ย