หยวนจูวเย่แปลกใจในสีหน้านั้นของสตรีน้อย แต่ไม่ทันได้มีโอกาสถาม เพราะตอนนั้นเอง โจรป่าผู้หนึ่งก็พุ่งเข้าประชิดตัวเขาและนางเสียแล้ว
ผู้คุ้มครองของหยวนจูวเย่กำลังติดพันคู่ต่อสู้อยู่ เขากำลังถูกรุมห้าต่อหนึ่ง และพวกโจรป่าก็พยายามสกัดกั้นไม่ให้เขาผละตัวไปช่วยทั้งสองคนได้
ในขณะโจรป่าได้เงื้อดาบจะฟันลงมายังพวกเขา ฟ่งหลันหลั่นตั้งสติได้ก่อน นางจึงรีบผลักตัวของหยวนจูวเย่ให้ล้มไปทางด้านข้าง เพื่อช่วยให้เขาหลบคมดาบนั้น ทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
เมื่อสตรีน้อยเห็นว่าบัณฑิตหนุ่มปลอดภัยดี นางก็ได้หันกลับมาเผชิญหน้ากับศัตรู สองขายืนตั้งมั่น สายตาจ้องมองโจรผู้นั้นอย่างแน่วแน่ โดยไม่เกรงกลัวต่ออันตรายที่กำลังจะมาถึงตัวเลยนิด
ในจังหวะนั้นเอง คมดาบก็ได้ฟาดฟันลงมายังฟ่งหลันหลั่น สิ่งที่คิดออกและทำได้ในวินาที คือใช้ห่อผ้าของตนยกขึ้นมาขวางทางดาบไว้
จังหวะนั้นเอง
เฟี้ยว! เสียงของบางสิ่งบางอย่างแหวกผ่านอากาศด้วยความรวดเร็ว
สายตาของฟ่งหลันหลั่นมองเห็นทวนด้ามยาวเล่มหนึ่งลอยพุ่งเข้ามาใส่โจรป่า
ด้วยความแรงและเร็วของมัน จึงได้หอบพาเอาร่างของโจรปาผู้นั้น ลอยไปปักติดอยู่กับต้นไม้ด้านหลังของนาง
ฉึก!
ฟ่งหลันหลั่นหันไปมองตามร่างของโจรป่า นางจำลักษณะของทวนเล่มนั้นได้อย่างแม่นยำ
วินาทีที่เห็นด้ามทวน หัวใจของนางกระตุกวูบอย่างแรงขึ้นมากะทันหัน
"แผ่นดินก็ออกจะกว้างใหญ่ปานนี้ แต่ทำไมเราถึงได้ซวยแบบนี้นะ หนีเขาไม่พ้นจริง ๆ งั้นหรือนี่" คำพูดนั้นสร้างได้ความฉงนใจให้กับหยวนจูวเย่ยิ่งนัก ซึ่งกำลังยืนมองสถานการณ์ตรงหน้าและเป็นห่วงสตรีน้อยมาก
บุรุษรูปงามหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างสงสัย เพราะสังเกตเห็นถึงความตระหนกตกใจบนใบหน้าเล็ก ๆ ของฟ่งหลันหลั่น
นาทีต่อมา กลุ่มกำลังพลทหารจำนวนหนึ่งก็ได้ควบม้ามาถึงจุดเกิดเหตุ และเข้ามาล้อมพวกโจรป่าไว้ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว และทั้งสองกลุ่มก็ได้เข้าปะทะกันทันที
เคร้ง! เคร้ง!
หยวนจูวเย่ฉวยจังหวะชุลมุนนั้น รีบวิ่งเข้าไปหาฟ่งหลันหลั่นทันที เขาเอื้อมแขนไปกุมมือของนางไว้แน่นด้วยความห่วงใย
"ไม่ต้องกลัว คนพวกนี้คือหน่วยพยัคฆ์ดำ เหล่าพลทหารกองกำลังสำคัญอันเก่งกาจขององค์ฮ่องเต้ พวกเราปลอดภัยแล้ว ดูโน่นสิ แม่ทัพหนุ่มของเจ้าพากองกำลังมาช่วยพวกเราด้วยตัวเองเลย"
หยวนจูวเย่กล่าวขึ้น ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจอย่างโล่งใจ
เฮ้อ....
แต่สตรีน้อยกลับไม่ได้รู้สึกดีใจเช่นเดียวกันกับเขาเลยสักนิด เพราะตอนนี้นางกำลังมีชะงักติดหลังอยู่นั่นเอง
"เฮอะ ท่านปลอดภัยคนเดียวน่ะสิ! ส่วนตัวข้า คงต้องใช้คำว่า ซวย! ถึงจะถูก"
เมื่อสิ้นคำพูดของฟ่งหลันหลั่น กลุ่มพยัคฆ์ดำก็ได้สังหารพวกโจรป่าไปเกือบหมด ส่วนคนที่จับได้ตัวเป็น ๆ สุดท้ายของเขาก็กัดลิ้นตัวเอง กินยาพิษฆ่าตัวตายชิ่งหนีไปเสียก่อน
เมื่อเหตุการณ์สงบลง คนที่ฟ่งหลันหลั่นไม่อยากจะพบเจอมากที่สุดในเวลาเช่นนี้ เขาก็ได้กระโดดลงจากอานหลังม้า และเดินผ่านหน้าของสตรีน้อยไปหยิบทวนคู่ใจของเขา
จากนั้นเขาก็เดินย้อนมาหยุดยืนตรงหน้าทั้งสองคน สีหน้าและแววตาที่สื่อออกมาจากดวงตาสีนิล ส่องประกายความไม่พอใจอย่างชัดเจน
ฟ่งหลันหลั่นและหยวนจูวเย่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความตึงเครียดชวนอึดอัดใจ แผ่ออกมารอบกายของบุรุษในชุดทหารตรงหน้า
ฟ่งหลันหลั่นก้มหน้าต่ำและพยายามหลบเลี่ยงสายตาที่กำลังจ้องเขม็งมองมาอย่างโกรธขึ้ง
"ฟ่งหลันหลั่น เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร!"
ความขุ่นเคืองรวมทั้งความไม่พอใจสะท้อนออกมากับน้ำเสียงอย่างชัดเจน
"คะ คือว่าข้า...ข้า..."
จู่ ๆ สตรีน้อยก็เกิดพูดติดอ่างขึ้นมาดื้อ ๆ ซะงั้น ทั้ง ๆ ที่ปกติออกจะเป็นคนมั่นใจ กล้าคิดกล้าพูด สนั่นก็เป็นเพราะว่านางมีชะงักติดหลังและไม่คิดว่าตัวเองจะดันมาเจอเขาเช่นนี้ จึงไม่ได้เตรียมคำแก้ตัวเอาไว้ล่วงหน้า จึงได้แต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะอธิบายออกไปยังไง
หยวนจูวเย่ซึ่งยืนอยู่ข้างฟ่งหลันหลั่น และสังเกตพฤติกรรมและปฏิกิริยาตอบโต้กันของคนทั้งสอง เขารู้สึกงุนงงและสงสัยแปลกใจในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ดูเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างดูผิดปกติไป แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ในเวลานี้เขาจะต้องปกป้องนางผู้นี้เสียก่อน
"ข้าต้องขอขอบใจที่ท่านได้พาคนมาช่วยพวกเราได้ทันท่วงที มิเช่นนั้นแล้วเราสองคนอาจจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ในป่าแห่งนี้แน่นอน"
หยวนจูวเย่กล่าวขอบคุณในน้ำใจของคนที่มาช่วยพวกตนอย่างนอบน้อม จริงใจและมีมารยาท
หลงอี้หลิงรู้มารยาทและสามารถแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนได้อย่างชัดเจน เมื่ออีกฝ่ายกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ เขาจึงหันไปตอบรับไมตรีอย่างมีมารยาทเช่นกัน
"ท่านมิจำเป็นต้องกล่าวขอบคุณเยี่ยงนั้น มันเป็นหน้าที่ของพวกข้าอยู่แล้ว แต่มิทราบว่าเหตุใดคุณชายหยวน ถึงได้มาอยู่ในใจกลางป่ากับคนของข้าเยี่ยงนี้"
หยวนจูวเย่แปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน จึงได้ทวนคำพูดนั้นของแม่ทัพหนุ่มอย่างสงสัย
"คนของท่านแม่หลงอย่างนั้นหรือ ?"
"ใช่! นางเป็นสาวใช้ส่วนตัวของข้า ที่จริงนางควรพักอยู่ที่จวนแม่ทัพ แต่ด้วยเหตุอันใดนางถึงมาอยู่ที่นี่กับท่านได้ ข้าจะต้องถามพวกท่าน"
แม่ทัพหนุ่มตอบเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว สายตาก็ชำเลืองมองหญิงสาวอย่างดุดัน
หยวนจูวเย่ได้ยินคำตอบถึงกับตกใจ และยิ่งทำให้เขาสงสัยในตัวสตรีน้อยคนนี้มากยิ่งขึ้น เขาจึงได้หันไปมองนางเช่นกัน
"แม่นางฟ่ง ท่านนี่ช่างทำให้ข้าประหลาดใจได้ทุกครั้งที่เจอกันจริง ๆ"
หลงอี้หลิงได้ยินคำพูดของหยวนจูวเย่ ในหัวใจของเขาพลันมีโทสะพวยพุ่งขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ และทำตาขวางใส่ชายหญิงทั้งสองตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์
"ว่าไง! ข้าถามว่าเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" น้ำเสียงอันดุดันโกรธขึ้งที่แสนคุ้นหู เอ่ยถามสตรีน้อยอย่างเกรี้ยวกราด
ฟ่งหลันหลั่นไม่ตอบคำถาม มือน้อยกำห่อผ้าในมือเอาไว้แน่น ในหัวก็คิดวุ่นวายเพื่อหาคำมาอธิบายกับคนตรงหน้า ซึ่งตอนนี้เขากำลังจ้องหน้านางตาเขม็งอย่างกับจะจับฉีกกินเลือดกินเนื้อเสียตรงนี้เลย
สตรีน้อยสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เต็มปอดฟอดใหญ่ มือยังคงกำห่อผ้าไว้แน่น
ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้าหากันแน่นสนิทเหมือนฝาหอย ดวงตาสุกใสกลอกซ้ายกลอกขวาไม่กล้าสบตากับแม่ทัพหนุ่ม
ตอนนี้ฟ่งหลันหลั่นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เพราะนางไม่พร้อมที่จะตอบคำถามของใครทั้งนั้น ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะตอบคำถามกับผู้ใดก่อนดี เข่อลั่วและจางเก่อก็ได้เดินเข้ามารวมกลุ่ม
"นายน้อย พวกเรารีบพาทุกคนออกไปจากจุดนี้ก่อนดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าพวกโจรกลุ่มนั้นที่มีบางคนหนีรอดไปได้ พวกมันอาจจะพากำลังคนย้อนกลับมาจู่โจมได้ อีกอย่างทหารของเราก็ได้รับบาดเจ็บกันหลายคน"
จางเก่อกล่าวขึ้นอย่างสุขุมเตือนสติแม่ทัพของตน ส่วนเข่อลั่วก็ได้รีบพูดเสริมทัพขึ้นอย่างรู้งาน
"ตอนที่ข้ามาสำรวจเส้นทางเมื่อคราวก่อน จำได้ว่าทางป่าด้านโน้นน่าจะมีพื้นปลอดภัยให้พวกเราได้ตั้งค่ายได้ขอรับ" นายกองร่างท้วมกล่าวจบ เขาก็หันไปส่งยิ้มให้กับสตรีน้อยเพื่อส่งสัญญาณให้นาง
หลงอี้หลงได้ฟังคำแนะนำของจากทหารคนสนิทคู่ใจทั้งสองนาย เขาจึงเดินตรงไปประชิดตัวฟ่งหลันหลั่น คว้าหมับไปยังข้อมือน้อย ๆ ของนาง และกระชากตัวหญิงสาวให้เดินตามหลังเขาไปด้วยท่าทีหึงหวง ท่ามกลางสายตาของทุกคนตรงนั้น
เมื่อเดินไปถึงม้าหนุ่มคู่ใจ หลงอี้หลิงก็ได้ยกร่างของนางขึ้นไปนั่งบนอานม้า จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายของนาง พร้อมกับเอื้อมมือทั้งสองข้างไปคว้าสายเชือกบังคับม้ามาจับไว้ในมืออย่างรวดเร็ว
"เพื่อความปลอดภัย เชิญคุณชายหยวนตามพวกเราไปพักยังค่ายทหารด้วยกันก่อน เข่อลั่วกับจางเก่อจะช่วยคุ้มกันท่านและคนของท่านเอง"
พูดจบ แม่ทัพหนุ่มก็ควบม้าออกไปจากตรงนั้นทันที โดยมีฟ่งหลันหลั่นนั่งตัวเกร็งอยู่ตรงด้านหน้าเขาอย่างไม่ไหวติง
หยวนจูวเย่มองตามหลังสองคนนั้นอย่างแปลกใจและสงสัยในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ อีกใจหนึ่งเขาก็รู้สึกขุ่นเคืองใจเล็กน้อยที่ต้องปล่อยสตรีที่ตัวเองสนใจไปกับชายอื่นเช่นนั้น
ต่างจากเข่อลั่วและจางเก่อ ซึ่งทั้งสองคุ้นชินกับภาพนั้นของนายน้อยและสาวใช้เป็นอย่างดี พวกเขาจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร
เข่อลั่วได้หันกลับมาทางหยวนจูวเย่ เพื่อเชิญเขารวมทั้งคนสนิทให้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน
"คุณชายหยวนเชิญ!"
หยวนจูวเย่พยักหน้าและเดินตามนายกองทั้งสองคนไปอย่างง่ายดาย โดยที่มีคนของเขาติดตามไปด้วย
....
เซียงไค 盛開