ตอนที่ 1258 วังวนแห่งเวลา
“นายท่าน ข้าจะพาท่านไปเอง” ผู้อาวุโสกล่าวขณะมองกู่ฉิงซาน
ขณะมองเขา กู่ฉิงซานรู้สึกรังเกียจและลังเลเล็กน้อย
ยังไงเสีย ท่วงท่าของเขาสูงส่งมาก หากจู่ๆ ตอบตกลงอย่างยินดี อีกฝ่ายจะต้องสงสัยแน่นอน
เขาเพียงหรี่ตาขณะมองอีกฝ่ายราวกับกำลังชั่งน้ำหนักบางสิ่งในใจ
ท่าทีเช่นนี้ทำให้ผู้อาวุโสใหญ่วิตกมากยิ่งขึ้น
“นายท่าน อย่ากังวลไปเลย พวกเรามาที่โลกใบนี้จากวันสิ้นโลก ยังไงก็ต้องมีปัญหามากมายตามมาอยู่แล้ว”
“โดยเฉพาะซากศพวิญญาณชั่วร้ายที่ดูเหมือนจะตื่นขึ้นมาแล้ว”
“ในช่วงวิกฤตินี้ บางคนอยากร่วมมือกับผู้สืบทอดของวิญญาณชั่วร้าย; บางคนอยากกลืนกินความลับทั้งหมดหรือแม้กระทั่งสุสานหกวิถีที่แท้จริงที่หลงเหลืออยู่ในสุสาน; คนอื่นอยากสำรวจเมื่อหวนคืนชาติภพหกวิถีถูกทำลาย สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือมีกองกำลังและการต่อสู้มากมาย ท่านต้องการความช่วยเหลือจริงๆ”
กู่ฉิงซานทำท่าครุ่นคิด
คาดไม่ถึง สัตว์ประหลาดเหล่านี้ไม่ได้มีความคิดเหมือนกัน
นี่เป็นความจริงเช่นกัน ที่ใดที่มีสิ่งมีชีวิต ย่อมมีทั้งการลงทุนและการขัดขืน นี่ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ในตอนนี้ ไม่ว่าจะถ้ำหมื่นอสูรหรือโลกวิญญาณชั่วร้าย สิ่งที่น่ากังวลที่สุดในตอนนี้คือซากศพวิญญาณชั่วร้าย
บนซากศพวิญญาณชั่วร้าย อาจจะมีความลับที่ยังไม่มีใครค้นพบก็ได้
ดังนั้น สัตว์ประหลาดเหล่านั้นที่อยากร่วมมือกับโลกวิญญาณชั่วร้ายคือศัตรูของพวกเขา
พูดง่ายๆ เขาน่าจะเข้าร่วมเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์เข้าให้แล้ว
หัวใจของกู่ฉิงซานดิ่งวูบ
เหตุการณ์นี้ที่สามารถเปลี่ยนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในสุสานหกวิถีได้
กู่ฉิงซานแทบจะมั่นใจแล้วว่าเรื่องนี้ต้องข้องเกี่ยวกับโลกทั้งหกภพหรืออาจจะมากกว่านั้น
มีกี่คนที่เตรียมการเรื่องนี้
ซากศพวิญญาณชั่วร้ายคืออะไรกันแน่
ในยุคนี้ ในช่วงเวลาสำคัญทางประวัติศาสตร์นี้ เขาไม่รู้ว่ามีกี่คนที่ซ่อนอยู่หลังฉากเพื่อวางแผนลับๆ ที่ไม่มีใครรู้
คนที่สามารถเข้าร่วมเรื่องนี้ได้ย่อมไม่ใช่คนโง่
การเผชิญหน้าของพวกเขาอาจจะตัดสินอนาคตของทุกอาณาจักร
น่าเสียดายที่มีข้อมูลน้อยเกินไป
คนเหล่านี้มาที่นี่หลายปี แต่พวกเขาเพิ่งมาถึง
กู่ฉิงซานพลันรู้สึกว่าตัวเองไร้พลัง
แต่เขากลับมาร่าเริงอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวว่า
“ถ้างั้นข้าขอถามเจ้า ส่วนใหญ่แล้วพวกเจ้ามักจะทำอะไรกัน”
ทันใดนั้น เสียงผู้หญิงดังขึ้น
“พวกเรามักจะสำรวจความลับของหวนคืนชาติภพหกวิถีที่ถูกทำลายในตอนนั้น”
กู่ฉิงซานไม่หันหลังกลับไปมอง
นี่คือเสียงของซานไห่ชีเสีย
นางถึงกับรีบกลับมาจากสุสาน
ผู้อาวุโสกล่าวอย่างวิตกว่า “ทำไมท่านถึงกลับมา หากไม่มีท่าน คนของพวกเราจะทนทุกข์อยู่ที่นั่น”
“ไม่เป็นไร พวกเราล้วนกลับมาแล้ว” ซานไห่ชีเสียจ้องกู่ฉิงซานขณะกล่าวช้าๆ
เจ็ดถึงแปดคนที่มีอายุและสวมชุดแตกต่างกันกระจายอยู่ด้านหลังขณะล้อมรอบห้องเอาไว้
ผู้เฒ่ากระดูกและร้อยหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้างก็อยู่ด้วย
กู่ฉิงซานยังคงเงียบ
ที่นี่ถูกอีกฝ่ายปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา ดังนั้นเขาจะเปิดเผยข้อบกพร่องใดๆ ไม่ได้
สายตาของเขาจับจ้องคนเหล่านี้
“เจ้าเป็นใคร”
เขามองซานไห่ชีเสียก่อนถามด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
ซานไห่ชีเสียยิ้มก่อนส่งสัญญาณ
เมื่อเห็นเช่นนี้ คนเหล่านั้นร่ายคาถาเพื่อปลดปล่อยวิชาแยกตัวเพื่อสร้างผนึกระดับสูงสุดให้กับหอคอยสีดำ
นับจากนี้ไป โลกภายนอกจะไม่รู้ข้อมูลของข้างใน
ซานไห่ชีเสียเดินมาหาเขาก่อนคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วตอบว่า “เมื่อ ‘ปู้โจว’ ออกมา ข้าสัมผัสถึงความผันผวนนี้ได้ทันที ข้าไม่คิดเลยว่าท่านนักบุญจะตื่นขึ้นมาเร็วกว่าที่ข้าคาดเอาไว้”
นางคล้ายกับตื่นเต้นเล็กน้อยขณะกล่าวต่อว่า “ตอนแรก เด็กคนนี้ใช้ ‘บุกทะลวง’ ข้ารู้ทันทีว่าต้องเป็นคนไม่ธรรมดาแน่ๆ ”
กู่ฉิงซานเงียบไปสักพัก
เขากล่าวด้วยเสียงเจื่อนว่า “เป็นเจ้าเองสินะ”
สัตว์ประหลาดเหล่านี้อยู่ในสุสาน ตัดขาดจากวันสิ้นโลก ย่อมไม่มีทางรู้จักกัน
ถ้างั้นตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ความคิดของกู่ฉิงซานสั่นคลอน
“ใช่แล้ว” ซานไห่ชีเสียเงยหน้าขึ้นขณะมองกู่ฉิงซาน “ท่านนักบุญ ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะเลือกคนจากสำนักข้าเพื่อมาเข้าร่วมแบบนี้”
กู่ฉิงซานมองนางพลางกระซิบว่า “เหตุการณ์นี้นับว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ที่จริง ข้าแค่ถูกใจตัวตนของคนคนนี้น่ะ…”
เขาคล้ายกับคิดถึงบางสิ่งจนไม่ได้กล่าวอะไรสักพัก
จู่ๆ มีผู้หญิงวิ่งเข้ามาราวกับเจอคนรู้จัก ส่วนเขาไม่รู้อะไรเลยแบบนี้ จะให้ตอบสนองอย่างไรดี
ถึงแม้กู่ฉิงซานจะมีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย แต่เขาก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะบานปลายจนมาถึงจุดนี้
สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้คือรักษาหัวข้อให้อยู่ภายในขอบเขตความรู้ของตัวเองให้ได้
ไม่อย่างนั้น ทันทีที่เผยไต๋ออกมา ความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดก็จะสูญเปล่า
คำพูดของกู่ฉิงซานกระตุ้นความอยากรู้ของทุกคนจริงๆ
ทั้งแปดคนมองกู่ฉิงซานพร้อมกัน แต่ไม่มีใครกล้าถาม
การถามเท่ากับรนหาที่ตาย
ยังไงเสีย สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องส่วนตัวของนายท่านและเกี่ยวข้องกับพลังของเขา
มีเพียงซานไห่ชีเสียที่ถามด้วยความสงสัยว่า “วิชาหมัดของท่านก้าวหน้าขึ้นอีกแล้วงั้นหรือ”
กู่ฉิงซานพยักหน้าทันทีแล้วตอบว่า
“หมัดของข้าแข็งแกร่งขึ้น แต่เพราะขาดแหล่งกำเนิดพลังทั้งหก ทำให้ไม่สามารถใช้พละกำลังทั้งหมดได้”
จากมุมมองของวิชาหมัดเพียงอย่างเดียว “ไม่ให้อภัย” มีพลังสูงกว่า “บุกทะลวง”
เป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงเลือกบอกแบบนี้
มีความยินดีบนใบหน้าของทุกคน
ใครบางไม่อยากติดตามคนแข็งแกร่ง
ถ้าคนแข็งแกร่งยังแข็งแกร่งขึ้นอีก แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดี
“แต่ว่า… ตัวตนของอดีตเทพนักบุญถูกทอดทิ้ง… ช่างน่าเสียดาย…” ซานไห่ชีเสียกล่าว
กู่ฉิงซานรู้สึกตกตะลึง
กลายเป็นว่าเทพของสัตว์ประหลาดคืออดีตเทพนักบุญ
มันถูกเขาสังหารเองกับมือ
ถ้าหากถูกมันแทนที่จนควบคุมร่างขึ้นมาจริงๆ เช่นนั้นเป็นธรรมดาที่มันจะหลอมรวมเข้ากับทั่วทั้งสำนักซานไห่
มันวางแผนอะไรกันแน่
มันมีศัตรูหรือเปล่า
ศัตรูเหล่านั้นกำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อเห็นว่าซานไห่ชีเสียกำลังจะพูด กู่ฉิงซานโบกมือแล้วกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “บอกข้าเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันมา ข้าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับตำแหน่งเทพในภายหลัง”
เมื่อนายท่านสั่ง ซานไห่ชีเสียกลืนคำถามที่คาตรงริมฝีปากกลับเข้าไป จากนั้นตอบว่า “สถานการณ์ซับซ้อนมากนัก ดังที่มหาเทพวานรดำกล่าว กลุ่มอื่นๆ มีแผนเป็นของตัวเอง บางกลุ่มข้องเกี่ยวกับโลกวิญญาณชั่วร้าย คนในกลุ่มดังกล่าวทำข้อตกลงกัน มีบางส่วนรวมตัวกันเพื่อเตรียมจะฆ่าอีกฝ่ายทุกเมื่อ คนพวกนี้ไม่มีความเมตตา พวกมันกระตือรือร้นที่จะได้มาซึ่งทุกสิ่ง”
กู่ฉิงซานยิ้มเงียบๆ ก่อนทวนซ้ำว่า “ไม่มีความเมตตา”
สายตาของเขากวาดมองใบหน้าของทุกคน
หนึ่ง สอง สาม… หากไม่นับผู้อาวุโสและตัวเขาเข้าไป จะมีทั้งสิ้นแปดคน
ถ้ากลับมาคนเดียวก็ยังไหวอยู่ แต่แปดคน…
ความต่างชั้นมันมากเกินไป
กู่ฉิงซานถามว่า “พวกเจ้ากลับมาหมดแบบนี้ แล้วเหลือใครอยู่ที่นั่นกันล่ะ”
“มันอันตรายเกินไปที่จะให้หนึ่งถึงสองคนอยู่ที่นั่น ดังนั้นพวกเราทั้งหมดจึงกลับมา” ซานไห่ชีเสียกล่าวต่อ “แน่นอนว่าถ้ามีการต่อสู้จริงๆ พวกเราจะพยายามสุดความสามารถเพื่อนายท่าน”
กู่ฉิงซานขัดนางแล้วกล่าวว่า “ฟังนะ ข้าเพิ่งตื่นขึ้นมา แถมเจ้าเคลื่อนไหวที่นี่มาได้สักพักใหญ่แล้ว ดังนั้นข้าต้องรู้ก่อนว่าตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ เชื่อข้าเถอะ เรื่องนี้สำคัญมาก”
ขณะพูด เขาจดจ่อความคิดอยู่ที่ตาข้างซ้าย
ตอนนี้วิชาย้อนเวลากลับและวิชาความฝันเสมือนคู่ขนานใช้งานไม่ได้
ไม่อย่างนั้น เขาสามารถหาข้อมูลได้มากกว่านี้ ไม่จำเป็นต้องขัดยามที่อีกฝ่ายจะพูดเพื่อถามในสิ่งที่ไม่รู้
เมื่อเห็นความระแวดระวังจากคำพูดของเขา ซานไห่ชีเสียจึงรายงานอย่างจริงจังว่า “นายท่าน ถ้าท่านไม่อยู่ที่นี่ พวกเราต้องคอยจับตาดูและไม่ลงมือบุ่มบ่าม”
“ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับซากศพ แต่การสงวนท่าทีภายใต้สถานการณ์แบบนี้มันดูจะไม่ถูกนัก” กู่ฉิงซานกล่าวทันที
ทุกคนมองเขาด้วยความสับสน
ซานไห่ชีเสียกล่าวอย่างอดทนเช่นกันว่า “นายท่าน ท่านเพิ่งตื่นขึ้นมา ข้าเกรงว่าท่านจะไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้”
ใช่แล้ว ทุกคนรู้ว่าเขาเพิ่งตื่นขึ้นมา ทำให้ไม่เข้าใจเรื่องนี้
ก่อนหน้านั้น ผู้อาวุโสใหญ่บอกว่าเขาเพิ่งตื่นขึ้นมา ไม่รู้เรื่องราว รวมถึงซากศพของวิญญาณชั่วร้ายด้วย
ดังนั้น ไม่ว่ากู่ฉิงซานจะพูดเกี่ยวกับซากศพวิญญาณชั่วร้ายอย่างไรก็ไม่เป็นการเผยไต๋ออกมา
จึงเป็นไปได้ที่จะใช้เรื่องนี้เพื่อสนทนาเกี่ยวกับความกังวลในใจของเขา
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “อย่าปฏิบัติกับคนอื่นราวคนโง่ เมื่อเสือสองตัวต่อสู้กัน พวกมันจะไม่ยอมนิ่งเฉยเพื่อดูอีกฝ่ายกอบโกยผลประโยชน์”
“ถ้าเจ้าถอยมาอยู่ด้านข้างแล้วพยายามรอมให้สองกลุ่มนี้ฆ่ากันเอง พวกมันอาจจะร่วมมือกันเพื่อกำจัดเจ้าก่อนจะถึงศึกสุดท้ายก็ได้”
ทุกคนเงียบ
กู่ฉิงซานถอนหายใจ
ถ้าพวกเขาคือกำลังต่อสู้หลักแล้วไม่ไปปรากฏตัว เช่นนั้นกลยุทธ์ของพวกเขาที่ทำตัวไม่เด่นและคอยจับตาดูการเปลี่ยนแปลงนั้นก็ถือว่าไม่ผิด
แต่ซากศพวิญญาณชั่วร้ายเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว การต่อสู้เพื่อผลประโยชน์มาถึงจุดสำคัญ
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ หากยังอยู่ด้านข้าง เช่นนั้นปัญหาก็จะใหญ่โต
หัวใจของกู่ฉิงซานขยับแล้วกล่าวว่า “ข้าสามารถบอกเจ้าได้ว่าเหตุผลที่ทำไมข้าเปลี่ยนตำแหน่ง นั่นไม่ใช่เพราะมันทำให้หมัดของข้าแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีเหตุผลสำคัญอีกข้ออยู่ด้วย”
“นายท่าน เหตุผลคืออะไร” ซานไห่ชีเสียถาม
ความจริง นางสับสนเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่สักพัก นางก็ไม่รู้อยู่ดีว่าปัญหาอยู่ตรงไหน
กู่ฉิงซานตอบว่า “สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ ถ้าการคาดเดาของข้าถูกต้อง คนเหล่านั้นคงตามเจ้าเพื่อมาที่นี่แน่”
ก่อนเขาจะทันพูดจบ เขาพลันปล่อยเงาจำนวนนับไม่ถ้วนออกไป
ปู้โจว · หุ่นเชิดขุนเขา!
ซานไห่ชีเสียสัมผัสได้เพียงสายลมพัดผ่านทั่วห้อง
ตูม!
หลังคาถูกซัดด้วยหมัดแรงกล้า เผยให้เห็นเงาดำหลายสิบสายอยู่ตรงหน้าทุกคน
เงาเหล่านี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่
พวกมันค่อยๆ ปรากฏตัวในร่างเผ่าพันธุ์มนุษย์
คนเหล่านี้ล้วนเป็นสัตว์ประหลาดในสุสานที่เปลี่ยนสภาพ
ทันใดนั้น เสียงทรงพลังอีกเสียงดังขึ้นกลางอากาศ
“นักบวชสงคราม ความคิดของเขาเจ้าฉลาดขึ้นเพราะการทรมานของวันสิ้นโลกสินะ”
ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในท้องนภา
ซานไห่ชีเสียตกตะลึง นางกล่าวเสียงหลงว่า “เทพราชาสัตว์อสูร!”
กู่ฉิงซานมองร่างดังกล่าวก่อนลอบถอนหายใจ
นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น
ในวังวนแห่งเวลา ทุกสิ่งเป็นเพียงการเริ่มต้น
ปัญหาใหญ่จริงๆ คือจุดเริ่มต้นการต่อสู้อันโหดเหี้ยมที่เดิมพันด้วยความเป็นความตายต่างหาก
แนวโน้มของประวัติศาสตร์จะก้าวไปข้างหน้าทีละน้อยด้วยโลหิตและการคำนวณ
ตอนนี้
เขาได้ตกลงไปในวังวนนี้แล้ว…
…………………………………..