ตอนที่ 1252 ปู้โจว
เมื่อเห็นหน้าต่างระบบเทพสงครามกำลังคำนวณพลังวิญญาณ กู่ฉิงซานจึงรอเงียบๆ อยู่สักพัก
ใช้เวลาไม่นานนัก หลังจากผ่านไปสองสามนาที ผลก็ปรากฏขึ้นมา
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยปรากฏขึ้นมา
“ในการต่อสู้นี้ ท่านไปสถานที่อื่นในฐานะร่างจำแลง”
“หน้าต่างระบบนี้ทุ่มเทมหาศาลเพื่อให้ร่างกายของท่านยังคงอยู่ด้วยความมุมานะอุสาหะเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าฉายา ‘เทพสงคราม’ มีค่ามากแค่ไหน ในที่สุดก็ใช้พลังวิญญาณหนึ่งร้อยล้านแต้มที่สั่งสมไว้เพื่อสนับสนุนท่าน ทำให้ดาบทั้งสองเล่มที่ตระเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ฆ่าสิ่งนี้ได้ในที่สุด”
เมื่อกู่ฉิงซานเห็นสิ่งนี้ เขาเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา
เขาเห็นแถวหิ่งห้อยขนาดเล็กผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“เพื่อเสริมสร้างการใช้งานหน้าต่างระบบ เพื่อรักษาการทำงานปกติของหน้าต่างระบบ รวมถึงดูแลกู่ฉิงซานผู้เป็นเจ้าของหน้าต่างระบบในเวลาเดียวกัน เพื่อจัดการสิ่งต่างๆ ในอนาคตอย่างขยันขันแข็งและไม่สิ้นเปลืองจนเกินไป หน้าต่างระบบนี้จึงตัดสินใจในท้ายที่สุดว่า:”
“พลังวิญญาณที่ท่านได้รับคือหนึ่งร้อยล้านแต้ม”
กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอกโดยไม่รู้ตัว
…การที่สามารถได้รับพลังวิญญาณหนึ่งร้อยล้านแต้มนับเป็นรากฐานที่ดีสำหรับการต่อสู้ในอนาคต
วินาทีต่อมา เขาเข้าใจทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“นี่… ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการพลังวิญญาณเพื่อทำงานต่อ แต่ก่อนหน้านี้พวกเราใช้พลังวิญญาณรวมไปสองร้อยล้านแต้ม เจ้าให้มาหนึ่งร้อยล้านแต้ม แบบนี้มันไม่น้อยไปหน่อยหรือ” กู่ฉิงซานถามด้วยความไม่พอใจ
หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบว่า “ในการต่อสู้นี้ หน้าต่างระบบเทพสงครามได้รับความทุกข์ยากมาก…”
“พอ!” กู่ฉิงซานขัด “เจ้าก็พยายามเหมือนกัน ข้ายังมีดาบปักอยู่ที่อก อีกอย่าง เจ้าแสดงข้อความแจ้งเตือนตรงหน้านี่ว่าเหมือนกับไรฝุ่นฆ่ามังกร ในเมื่อเป็นการฆ่าแบบข้ามขั้น พลังวิญญาณที่ได้รับจากสัตว์ประหลาดจะต้องมากกว่าหนึ่งร้อยล้านแต้มอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องสองร้อยล้านแต้มสิ!”
หน้าต่างระบบเทพสงครามกล่าวว่า “สองร้อยล้าน ท่านดูถูกค่านี้เกินไป… จริงๆ มันก็เกือบสองร้อยล้านแล้ว”
เปลือกตาของกู่ฉิงซานกระตุก
ก่อนจะทันตอบสนอง เขาเห็นว่าพลังวิญญาณที่เหลืออยู่ถูกพรากไปสองพันแต้ม
…เมื่อครู่มันตอบคำถามของกู่ฉิงซานไปสองข้อ นี่คือค่าธรรมเนียมในการปรึกษา
กู่ฉิงซานถามอย่างเดือดดาลว่า “เจ้าตอบสนองแบบนี้ ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาสินะ”
แถวหิ่งห้อยปรากฏขึ้นจากหน้าต่างระบบเทพสงคราม “ข้าก็อยู่ในสายตาของท่านเสมอ”
แถวคำพูดนี้สั่นไหวเช่นกัน
พลังวิญญาณลดลงไปอีกหนึ่งพันแต้ม
กู่ฉิงซานยังเหลือพลังวิญญาณเก้าล้านเก้าแสนเก้าหมื่นเจ็ดพันแต้ม
ถ้าถามต่อ
ก็จะลดอีก
“นี่…” กู่ฉิงซานอ้าปากอยู่นาน ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา
ช่างเถอ
ตอนนี้เขามีพลังวิญญาณร้อยล้านกว่าแต้ม แค่นี้ก็สุขใจแล้ว
รอคราวหน้าก่อนเถอะ…
ข้าจะหาสัตว์ประหลาดที่ต้องใช้พลังวิญญาณจากเจ้าในการฆ่าให้ได้…
กู่ฉิงซานคำนวณอยู่ในใจ
เขาไม่พูด แต่หน้าต่างระบบเทพสงครามเริ่มถามบ้าง
“การต่อสู้สิ้นสุดแล้ว ท่านมีคำถามอะไรหรือไม่”
กู่ฉิงซานส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
…เขาพลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“ดาบพิภพ”
“ข้าอยู่นี่แล้ว”
“ตอนเจ้าใช้การตัดสินใจของพิภพเพื่อฆ่าสัตว์ประหลาด เจ้ากลาดล้างวิญญาณของมันจนสิ้นเลยหรือเปล่า” กู่ฉิงซานถาม
ดาบพิภพตอบว่า “ต้องขอบคุณการทำลายทุกฎเกณฑ์ของฉานนู่ ทำให้ข้าสามารถฆ่ามันทันทีได้… ข้ามั่นใจว่าวิญญาณของมันถูกกวาดล้างจนสิ้นอย่างแน่นอน”
กู่ฉิงซานมองกระดูกยาวหลายร้อยเมตรตรงหน้า
สายลมพัดผ่าน
กระดูกสีขาวทั้งหมดกลายเป็นผุยผง ลอยล่องไปตามสายลม ไม่เหลือร่องรอยให้เห็นอีก
กู่ฉิงซานพยักหน้า
…เพราะดาบพิภพและดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพทำหน้าที่ได้อย่างงดงาม ทำให้สามารถยืนยันการอนุมานต่อไปได้
“หน้าต่างระบบเทพสงคราม นี่ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นการแสดงมรดกที่ข้าได้รับมา”
เขากล่าวต่อว่า “หลังจากข้าฆ่าหัวหน้านักบุญแห่งหกวิถีสงคราม มรดกของมันน่าจะไม่สามารถเปลี่ยนสภาพร่างกายได้อีกต่อไป ข้าอยากให้เจ้าตรวจสอบ ดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรในมรดกหรือเปล่า”
หน้าต่างระบบเทพสงครามนิ่งไป
หนึ่งอึดใจ
สองอึดใจ
ทันใดนั้น แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นตรงหน้ากู่ฉิงซาน
“มรดกลับได้รับการตรวจสอบใหม่: หมัดพลังจิตที่ไม่รู้จัก”
“พบการเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกัน”
“หมัดพลังจิตที่ท่านได้รับถูกเปลี่ยนจากวิชาพิเศษกลายเป็นความรู้การใช้หมัด มันถูกเก็บไว้ในทะเลแห่งความตระหนักรู้ของท่าน”
“กำลังทำการอธิบายการเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้อง โปรดรอสักครู่”
กู่ฉิงซานถามว่า “ความรู้การใช้หมัดยังข้องเกี่ยวกับวิชาอยู่หรือเปล่า”
หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบว่า “โปรดวางใจได้ ความรู้นี้ใสสะอาด”
หลังจกาผ่านไปหลายอึดใจ แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“มรดกที่ถูกปกปิดโดยวิชาพลังจิตเปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่าที่ติดอยู่ในโคลนตมและผืนทราย หลังจากนักบุญสงครามถูกกวาดล้างจนสิ้น พวกมันได้แสดงประกายระยิบระยับอันน่าทึ่งออกมา”
“เพื่อให้งานนี้เสร็จสิ้น หน้าต่างระบบนี้ใช้ความพยายามอย่างหนักด้วยวิญญาณอันหาญกล้าในการเข้าสู่ส่วนลึกมรดกเพื่อตามหามรดกที่แท้จริงท่ามกลางกับดักจำนวนมาก กำจัดความจอมปลอมออกไป คงความจริงเอาไว้ คัดแยกสิ่งต่างๆ ทำการสรุป พิจารณาอย่างรอบคอบและตรวจทานซ้ำ…”
กู่ฉิงซานพูดไม่ออก
แค่ลงมือทำไม่กี่วินาที ทำไมถึงพูดเหมือนกับพยายามอย่างหนักมาหลายร้อยปีกันล่ะ
เขาชำเลืองมองข้อความที่เหมือนพูดกับตัวเองก่อนมองข้อความแจ้งเตือนที่อยู่ข้างหลัง
“ท่านได้รับความรู้ลึกลับทั้งหก: ไม่สมบูรณ์”
“ของดี วิชาหมัดลึกลับหกวิถี แม้แต่มือใหม่ก็เรียนรู้ได้ ทว่า พลังที่ต้องใช้ขึ้นอยู่กับเทพทั้งหกที่สอดคล้องกันจึงจะแสดงพละกำลังออกมาได้อย่างเต็มที่”
กู่ฉิงซานถามว่า “เทพทั้งหกคืออะไร มันต้องสอดคล้องแบบไหน”
หน้าต่างระบบเทพสงครามดึงพลังวิญญาณไปหนึ่งพันแต้มก่อนตอบว่า “หากท่านใช้หมัดลึกลับนี้ในฐานะราชูตผีแห่งยมโลก ท่านสามารถกระตุ้นพลังของหกภพเพื่อปลดปล่อยพลังของราชาภูตผีแห่งยมโลกได้”
“หากท่านคือเทพอีกองค์ของหกภพ ท่านสามารถใช้วิชานี้ได้ทั้งหมดด้วยการหยิบยืมพลังของหกภพแล้วปลดปล่อยพลังที่สอดคล้องกันที่เหมาะสมกับสถานะเทพของท่าน”
กู่ฉิงซานตกตะลึงจนอดที่จะกล่าวไม่ได้ว่า “แบบนี้ แม้ว่าทุกคนจะสามารถใช้หมัดชุดนี้ได้ แต่ผลจากการใช้มันจะต่างออกไปอย่างนั้นสินะ”
“ใช่ หลักการคือจะต้องเป็นเทพทั้งหกถึงจะใช้วิชายุทธ์นี้ได้”
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพัก เขารู้สึกว่าไม่เคยได้ยินชื่อวิชายุทธ์แบบนี้มาก่อน
เขาชื่นชมออกมา “สมชื่อหมัดลึกลับจริงๆ ”
ก๊อกๆๆ !
ตอนนี้ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ในความมืดอันแสนว่างเปล่า ประตูได้เปิดออก
อาจารย์วิชาต่อสู้ยืนอยู่ที่ประตูพร้อมกับนักดาบนิรันดร์หวังชุ่น
“เลิกเรียนแล้ว หลี่ซานหลาง” อาจารย์วิชาต่อสู้กล่า
“อา ขอรับ”
กู่ฉิงซานคล้ายกับคิดถึงปัญหาขึ้นมาได้ก่อนรีบขานรับแล้วสาวเท้าไปหาทั้งสองคน
เขาดูผ่อนคลาย
แต่ดาบของเขากลับวิตก
“นายท่าน ระวังด้วย พวกเขาอาจจะถูกแทนที่ไปแล้วก็ได้” ฉานนู่รีบกล่าว
“ใช่ เตรียมสู้ทุกเมื่อไว้ดีกว่า” ดาบพิภพกล่าวเช่นกัน
กู่ฉิงซานยังคงยิ้มขณะตอบในใจว่า “ไม่ต้องห่วง”
หวังุช่นจ้องกู่ฉิงซานก่อนพึมพำว่า “ทำไมถึงรู้สึกไม่ค่อยดีนะ…”
เขาเอื้อมมือไปจับดาบ
กู่ฉิงซานนิ่งก่อนสื่อสารกับดาบสามเล่มอย่างแผ่วเบา “วางใจได้ อย่าให้เขารู้ตัว ที่จริง ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก”
“ทำไมล่ะ เห็นได้ชัดว่าพวกเราพบเรื่องที่สัตว์ประหลาดเหล่านั้นกำลังแทนที่ผู้คนบนโลกใบนี้ พวกมันอาจจะทราบสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แล้วก็ได้” ดาบพิภพกล่าว
กู่ฉิงซานอธิบายว่า “ข้าใช้วิชา ‘เทพท่องราตรี’ ต่อหน้าพวกซานไห่ชีเสียแล้ว ไม่มีใครรู้จักวิชาร่างจำแลงนี้”
“ในขณะเดียวกัน ช่วงที่เปิดตัว ข้าพบว่าหลังจากต่อยหมัดนี้ออกไป พวกเขาเห็นว่าหมัดทรงพลังแค่ไหน ซานไห่ชีเสียจึงตัดสินใจให้หลี่ชิวอวี่มาดูแลข้า”
“นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่รู้ว่าหมัดนี้มาจากใคร”
“นี่แสดงให้เห็นว่าแม้กระทั่งในสุสาน สัตว์ประหลาดเหล่านี้ก็ไม่รู้จักอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง”
“ยังไงเสีย หวนคืนชาติภพหกวิถีช่างกว้างใหญ่ วันสิ้นโลกนานาชนิดกระจายสัตว์ประหลาดเหล่านี้ออกไป หากมีพวกมันรวมอยู่จริงก็คงไม่เสี่ยงที่จะเปิดเผยตัวตนเพื่อสำรวจสภาพแวดล้อมของอีกฝ่ายเพื่อความเข้าใจที่มากยิ่งขึ้น”
“ข้าเดาว่าพวกมันจะติดต่อกันหลังจากเข้าแทนที่ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว”
“หรือก็คือ พวกมันจะรู้แค่ว่าตัวตนพลังจิตของข้าทรงพลังมาก แต่ไม่รู้ว่าข้าได้ฆ่าพวกมันไปแล้ว”
“…ยังไงเสีย เด็กตัวเล็กๆ จะมาขัดขืนตัวตนที่น่าสะพรึงเช่นนั้นได้ยังไง”
“ดังนั้นข้าไม่เป็นไรหรอก”
ขณะสื่อสารทางจิต เขาเดินไปหาอาจารย์วิชาต่อสู้และนักดาบนิรันดร์หวังชุ่น
“ไปกันเถอะ พี่หวัง กลับไปกินข้าวเย็นกัน”
กู่ฉิงซานยิ้มขณะกล่าวเช่นนั้น
คิ้วของหวังชุ่นขยับขณะถามว่า “เจ้าเป็นคนทำอาหารงั้นหรือ”
“ใช่ หลี่ชิวอวี่กินแต่ของที่ปรุงสดใหม่เท่านั้นน่ะ” กู่ฉิงซานตอบ
“อ๋อ…”
พวกเขาปิดประตูโลกทมิฬขณะเดินออกไปด้วยกัน
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเดินออกมา
……………………………….