ตอนที่ 1166 แข่งปีนเขา
ความมืด
ความมืดของนิ้วที่มองไม่เห็นค่อย ๆ หายไป
ชางอู๋จางลืมตาขึ้นก่อนพบว่าถูกรัดแน่นด้วยสายเคเบิลเหล็กนับไม่ถ้วนขณะลอยในอากาศ
มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา
เขาตกตะลึงสักพักก่อนค่อย ๆ รำลึกถึงอดีต
ราชาภูตผียมโลกกดคอเขาแล้วกล่าวว่า “พ่อของเจ้าดูท่าจะทรงพลังไม่เบา แต่จำให้ดีถ้าเจ้ากล้ามายุ่งกับข้าอีก พ่อของเจ้าก็ไม่สามารถปกป้องได้ในครั้งหน้าแน่นอน”
ตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจ ใครจะนึกล่ะว่าหลังจากราชาภูตผีไปแล้ว คอของเขาพลันถูกฟัน จากนั้นก็ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย
ถ้างั้นเขาตายแล้วงั้นหรือ
หัวใจของชางอู๋จางหดลง เขาอดที่จะดิ้นรนไม่ได้
ทันใดนั้นเสียงชายชราดังขึ้น
“อู๋ชาง อย่าขยับ”
จางอู๋ชางเรียกสติก่อนหยุดขยับทันที
เสียงนี้ช่างคุ้นเคยนัก เป็นปรมาจารย์ภูตผีที่มีฝีมือยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาสามปรมาจารย์ภูตผี ไป่เยวี่ยน
ถ้าได้ยินเสียงนี้ แสดงว่าเขายังไม่ตาย
ชางอู๋จางสงบจิตใจก่อนถามว่า
“ท่านปรมาจารย์ภูตผี เกิดอะไรขึ้นกับข้าน้อยหรือ”
เสียงของไป่เยวี่ยนดังขึ้นอีกครั้ง “เจ้าถูกฆ่า แต่โชคยังดีที่วิญญาณกับร่างยังอยู่ที่นั่น พ่อของเจ้าไม่เต็มใจให้เจ้ากลับชาติมาเกิดด้วยวิธีของวิญญาณชั่วร้าย ดังนั้นมาหาข้าเพื่อจะได้ใช้วิชานี้เพื่อช่วยให้เจ้ากลับมามีชีวิต”
ชางอู๋จางถอนหายใจอย่างเงียบงัน
ความเป็นความตายคือเหตุการณ์สำคัญและเป็นหนึ่งในกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดที่สุด
ถ้าเขาถูกชุบชีวิตโดยวิญญาณชั่วร้าย เขาจะต้องกลายเป็นร่างผีดิบอย่างแน่นอนหรือไม่ก็เป็นร่างกระดูกหรือสัตว์อสูรชั่วร้าย ไม่สามารถรักษาร่างปัจจุบันเอาไว้ได้
หากอยากก้าวข้ามความเป็นความตายจนนำคนกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้ มีเพียงภูตเท่านั้นที่ทำได้
ต่อให้ใช้วิชาภูตเพื่อพยายามทะลวงผ่านกฎแห่งความเป็นความตายเพื่อช่วยคนคนหนึ่ง มันต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่สูงมาก ปรมาจารย์ภูตผีย่อมไม่เต็มใจที่จะใช้ง่าย ๆ
พ่อของเขาไม่เก่งวิชาภูตนี้ ดังนั้นจึงได้ขอให้ไป่เยวี่ยนใช้อวิชาภูตนี้
มีเพียงทวยเทพเท่านั้นที่รู้ว่าพ่อของเขาต้องจ่ายไปเท่าไหร่เพื่อสิ่งนี้
“ราชาภูตผียมโลก…”
ชางอู๋จางกัดฟัน
ไป่เยวี่ยนกล่าวว่า “อู๋ชาง อย่ากังวลไปเลย พ่อของเจ้านำกองทัพล้อมมันเอาไว้แล้ว”
“ที่ไหนหรือ”
“ที่ที่เจ้าตายคือที่ที่ราชาภูตผียมโลกก้าวข้ามภัยพิบัติ เมื่อผู้ฝึกยุทธ์กลับมาจากการก้าวข้ามภัยพิบัติ มันจะต้องกลับมาที่ที่จากมา ทันทีที่ปรากฏตัวมันจะตายทันที”
ชางอู๋จางได้ฟังดังนั้นจึงผ่อนคลายลงทันที
ถ้าพ่อของเขาตัดสินใจลงมือด้วยตัวเอง เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อราชาภูตผียมโลกถูกจับ เขาจะสามารถแก้แค้นได้
ส่วนตอนนี้…
“ขอบคุณท่านไป่เยวี่ยนที่ช่วยข้าไว้”
ชางอู๋จางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง
“เหอะ ๆ ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ยังไงเสีย ทุกสิ่งย่อมมีราคา…พ่อของเจ้าจ่ายมากเกินพอแล้ว” ไป่เยวี่ยนกล่าว
…
โลกเทียนจู
กู่ฉิงซานนั่งอยู่บนหอคอยก่อนหยิบกรงหญ้าออกมาเพื่อปล่อยวิญญาณภูต
ภูตนับไม่ถ้วนล้อมเขาเอาไว้เพื่อขอบคุณ
ไม่รู้ว่าพวกเขาไปหยิบเศษไม้ ดอกไม้ ใบไม้ เห็ด หญ้าและอื่น ๆ มาจากไหนก่อนจะเอาวิญญาณทะลวงเข้าไปข้างใน
ทั้งหมดนี้มีชีวิตขึ้นมาทันทีก่อนกลายเป็นภูตตนแล้วตนเล่า
เพียงแต่ว่าภูตที่เลือกเศษไม้จะมีร่างเป็นสีน้ำตาลเข้ม ภูตที่เลือกหญ้าจะสวมชุดสีเขียว ภูตที่เลือกเห็ดจะเป็นเห็ดที่มีแขนขาหน้าตา
ชายชราเครายาวปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแล้วรีบกล่าวว่า “ทำไมเจ้าถึงไม่สับเจ้านั่นเป็นชิ้น ๆ เจ้าก็รู้ว่ามันไม่เหมือนภูตอย่างพวกเราที่แค่หาใบไม้ก็มีชีวิตใหม่ได้”
กู่ฉิงซานยิ้มแล้วตอบว่า “พวกมันมียมโลกอยู่ในมือ สามารถจัดการความเป็นความตายได้ แถมยังมีกฎเกณฑ์ภูตอีก ดังนั้นข้าเลยคิดว่ามีเปล่าประโยชน์ที่จะฆ่ามัน”
“ดังนั้น…”
กู่ฉิงซานนำเส้นผมบางใส่ถุงเก็บของก่อนกล่าวด้วยใบหน้าจริงจังว่า “คนอย่างมันถึงกับเป็นช่องโหว่ในโลกวิญญาณชั่วร้าย แทนที่จะช่วยโลกวิญญาณเพื่อทำลายมัน สู้เก็บไว้เป็นหมากตัวหนึ่งดีกว่า พวกเจ้าอาจจะได้ใช้ในอนาคต”
ชายชราเครายาวกล่าวว่า “เอาเถอะ เพราะเจ้าไม่ลงมือบุ่มบ่าม แต่ไตร่ตรองเป็นอย่างดีแล้ว เช่นนั้นข้าจะไม่กังวล”
กู่ฉิงซานถามว่า “เทพแห่งชีวิตล่ะ”
ชายชราเครายาวถอนหายใจออกมา “เพราะวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้น พลังความโกลาหลจึงส่งผลกับหุบเหวมากขึ้น พวกมันปล่อยให้เทพแห่งความโกลาหลนำผู้โหลดความโกลาหลจากโลกเก้าร้อยล้านชั้นไปแนวหน้าเพื่อต่อสู้กับหุบเหวนิรันดร์”
ชายชราขยับร่างกายอย่างเก้กังแล้วพึมพำด้วยความไม่พอใจว่า “ร่างนี้…ดูท่าหลังจากกลับไปแล้ว พวกข้ายังต้องหาร่างใหม่ให้ดีกว่านี้แล้วสิ…”
กู่ฉิงซานกล่าวขอโทษทันทีว่า “ขอโทษด้วย พลังของเหรียญสามารถเดินทางย้อนกลับได้เท่านั้น ย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาในอดีต ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปข้างหน้าได้ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถช่วยพวกเจ้าได้”
สามเหรียญแห่งมิติและเวลา การปลอมแปลงประวัติศาสตร์ พลังที่สามารถใช้ได้ในอดีตเท่านั้น
เหรียญสามารถเลือกช่วงเวลาประวัติศาสตร์ในอดีตเพื่อนำผู้ใช้ไปสู่อดีตได้ แต่เหรียญไม่สามารถใช้ได้ในช่วงปัจจุบันกับอนาคต
หลังจากผู้ใช้ย้อนกลับจาก “ตอนนี้” ไป “อดีต” ช่วงเวลา “ตอนนี้” ยังคงเดินต่อไป เมื่อผู้ใช้กลับมาสู่ “ตอนนี้” มันคือ “อนาคต” หลังจากผ่านไปสักพัก
ผู้ใช้ไม่สามารถกลับสู่ช่วงเวลาที่เพิ่งจากมาได้ ต่อให้ใช้พลังของเหรียญ เขาก็ไม่สามารถกลับไปสู่ช่วงเวลาตอนที่ย้อนได้
เพราะช่วงเวลานั้นถูกแยกจากผู้ใช้เหรียญจนกลายเป็นของคนอื่นโดยสมบูรณ์
ยกตัวอย่างเช่น ในผนึกของโลกทรายดูด ทุกครั้งที่กู่ฉิงซานไปโลกโบราณ หลังจากตายไปได้ครึ่งทาง ทันทีที่กลับมาสู่ผนึก เขาได้พบหลินผู้เป็นร่างแสงมืดปลอมที่ได้ลงมือทำสิ่งใหม่
บางครั้งตอนที่เขากลับมา เขาจะเห็นหลินกำลังกิน บางครั้งหลินกำลังรอเขา บางครั้งหลินกำลังตรวจสอบสมุนไพร บางครั้งกำลังมองแผ่นหยกและทำสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย
เมื่อนางรู้สึกว่ากู่ฉิงซานจะตาย นางจะไปช่วงเวลาที่กู่ฉิงซานตายเพื่อนำเขากลับมา
บางครั้งหลินจะซ่อนอยู่ในความมืดเพื่อเดินเคียงคู่ไปกับกู่ฉิงซานก่อนจะพากลับมาเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี
แต่ในการวิเคราะห์ การกลับสู่ยุคโบราณไม่สามารถหยุดช่วงเวลา “ตอนนี้” จากการก้าวไปสู่ “อนาคต” ได้
หลังจากกลับมาจากยุคโบราณจนมาถึงโลกปฐพี หน้าต่างระบบเทพสงครามเตือนเขาทันทีว่าเวลาได้ผ่านไปนานกว่าหนึ่งปีแล้ว
ในตอนนั้น มันบอกว่ากู่ฉิงซานจะตายหากเหรียญมีอายุไม่เกินหนึ่งปี
กู่ฉิงซานคิดว่าเหรียญคือกับดักสำหรับผู้ที่หวาดกลัวมังกรมารและวิญญาณกรีดร้อง ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ไม่ว่าจะสามารถดูแลเหรียญได้มากแค่ไหน มันก็อยู่ที่กฎเกณฑ์แห่งเวลา
ครั้งนี้เหมือนกับช่วงเวลาก่อน ๆ กู่ฉิงซานกลับมาจากอดีต แต่เวลากำลังเคลื่อนไปข้างหน้า เมื่อเขากลับมา ช่วงเวลาก็ไปถึงตอนที่ภูตถูกสังหารแล้ว
ดังนั้นสามเหรียญเหล่านี้จึงถูกเรียกว่า “กุญแจสู่อดีต” พลังของพวกมันจึงจดจ่ออยู่กับอดีต
อดีต…
จิตของกู่ฉิงซานพลันขยับ
อาจจะมีสิ่งพิเศษบางอย่างที่สามารถพาไปสู่อนาคตได้หรือเปล่า
ตอนนี้ชายชราเครายาวกล่าวอย่างมีความสุขว่า “มันไม่สำคัญหรอก เจ้าช่วยพวกข้าไว้ แต่ที่นี่มันที่ไหนกัน พวกเราต้องจัดงานเลี้ยงฉลองที่รอดชีวิตมาได้หรือเปล่า”
กู่ฉิงซานกลับมามีสติแล้วตอบว่า “นี่คือโลกเทียนจู”
ชายชราเครายาวเห็นเสาสูงตระหง่านที่อยู่ใจกลางเมืองแล้ว
“ว้าว หนาจังเลย! แถมทนด้วย! น่าเสียดายที่มันพังไปแล้ว!” เขาอุทาน
ราชาภูตปรากฏตัวขึ้นจากด้านข้างก่อนเอามือไขว้หลังแล้วกล่าว “ในที่สุดก็มาถึงโลกแปลกประหลาดนี้ พวกเรากำลังจะปีนเสานั่นงั้นหรือ”
ชายชราเครายาวได้ยินดังนั้น ดวงตาของเขาทอประกาย
“ใช่! นั่นคือสัญลักษณ์ของผู้ฝึกยุทธ์! พวกเราควรจะพิชิตมัน!” ชายชราเครายาวกล่าว
กู่ฉิงซานตบหน้าผาก
เหล่าภูตมีความคิดที่แปลกประหลาด พวกเขาอยากพิชิตภัยพิบัติ พวกเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
“พวกเจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องปีนเสาหรอก” กู่ฉิงซานกระแอมลำคอแล้วพยายามกล่าวว่า “พวกเจ้าอยากไปจากที่นี่ก็แค่ขึ้นเขาไปพร้อมกับข้า เพื่อจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จโดยไว ข้าคิดว่าพวกเจ้าอาจจะต้องซ่อนตัว…อยู่ข้างข้า…”
ก่อนจะทันได้พูดจบ ชายชราเครายาวและราชาภูตก็ตื่นเต้นกันแล้ว
“ยังมีเขาอีกหรือ” ราชาถาม
“ใช่ เขาเซียวหมี” กู่ฉิงซานสังเกตเห็นบางสิ่งแต่ก็ยังตอบ
“ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์!!!” ราชาและชายชราอุทานพร้อมกัน
ชายชราเครายาวกลั้นหายใจจนเกิดความเงียบแล้วพลันตะโกนว่า “ทุกคนเตรียมตัว การแข่งปีนเขาครั้งแรกในปีนี้กำลังจะเริ่มแล้ว! ภูตตนสุดท้ายที่ไปถึงยอดเขาจะต้องกลายเป็นวูปาลูปา!”
ราชาเสริมเสียงดังว่า “และต้องเป็นวูปาลูปาทั้งปี!”
ก่อนจะทันพูดจบ ชายชราก็พุ่งไปข้างหน้าแล้ว
“พ่อของพ่อของพ่อของพ่อของพ่อ เจ้าโกงนี่! เจ้าชิงวิ่งก่อนเลย!” ราชาภูตกล่าวอย่างเดือดดาล
เขาวิ่งตามไปเช่นกัน
เหล่าภูตตะโกน “วูปาลูปา” ก่อนตามราชาและบรรพบุรุษของอาณาจักรไปอย่างมีความสุขเพื่อมุ่งสู่เสาหลักแห่งสวรรค์
กู่ฉิงซานยืนนิ่งอยู่กับที่ ปากอ้า ไม่สามารถพูดอะไรได้สักคำ
มาตราห้าสิบเจ็ดแห่งการประมวลกฎหมายทุกอาณาจักร เมื่อเหล่าภูตกระตือรือร้นที่จะทำบางสิ่ง จะไม่มีใครสามารถห้ามได้
ดังนั้น…
ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเพิ่งกลับเข้าร่องเข้ารอย น่าจะไม่เป็นอันตราย…หรือเปล่า
กู่ฉิงซานกำลังลังเล แต่เมื่อเห็นผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากมุ่งมาจากไกล ๆ ก่อนตกลงที่ข้างเขา
ทุกคนประสานมือทำความเคารพแล้วกล่าวว่า “นายท่าน ท่านต้องมาเพื่อเยือนขุนเขาเซียวหมีเป็นแน่”
กู่ฉิงซานพยักหน้า
ทุกคนรู้สึกถึงความผันผวนอันโอ่อ่าของพลังวิญญาณบนร่างของเขา พวกเขาจึงมองมาด้วยความยินดี
พลังวิญญาณนี้
พวกเขาเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิต
ครั้งสุดท้ายที่ใครบางคนรอดจากการก้าวข้ามภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมี มันทำให้เกิดความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่
ครั้งนี้จึงมีหลายคนมาเข้ารับการทดสอบ
คนกลุ่มนี้มีราวสามสิบคน พวกเขาล้วนกระตือรือร้นที่จะลอง
ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวด้วยความเคารพว่า “โปรดออกคำสั่งด้วยว่าพวกเราควรเตรียมตัวยังไง พวกเราจะไปเมื่อไหร่ โปรดตัดสินใจเกี่ยวกับการตระเตรียมกำลังคนด้วย”
กู่ฉิงซานถอนหายใจก่อนพลันหัวเราะออกมาแล้วกล่าวเสียงดังว่า “ไปปีนเขากัน ใครไปถึงยอดเขาช้าสุดจะต้องกลายเป็นเบ๊ให้ทุกคน”
เขาเริ่มออกวิ่งเป็นคนแรก!
..............................