ตอนที่ 262 ป่วนข้าศึกด้วยทัณฑ์สายฟ้า
การสร้างจิตเทวะมิใช่เรื่องเล่นๆ โดยทั่วไปแล้วในสถานการณ์ปกติ บางคนยังถึงขั้นต้องใช้เวลาค่อยๆ พักฟื้นอยู่กว่าหลายเดือน จึงจะค่อยๆ สามารถรักษามันจนดีขึ้นได้
กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว ก่อนจะยกมือขึ้นมาและวางนิ้วแตะลงบนกลางหน้าผากอย่างแผ่วเบา
บริเวณหน้าผากพลันเปล่งประกายเจิดจ้า พร้อมกับมีอะไรบางอย่างผุดออกมาและตกลงบนปลายนิ้วของเขา
“ไข่มุกวิญญาณปลามังกร...จะสามารถรักษาบาดแผลของจิตเทวะได้ในระยะเวลาสั้นๆ”
“คุณต้องการที่จะใช้ไข่มุกวิญญาณปลามังกรหรือไม่?”
“แน่นอน”
สิ้นเสียง แสงสว่างเจิดจรัสก็แผ่ขยายและซึมเข้าไปภายในร่างกายของกู่ฉิงซานทันที
ความรู้สึกเย็นสบายบรรจบกันจากทุกส่วนในร่างกาย ไหลบ่าไปยังทะเลแห่งห้วงสติ และเริ่มทำการรักษาบาดแผลในจิตเทวะอย่างรวดเร็ว
หนึ่งลมหายใจ…สองลมหายใจ…สามลมหายใจ
แล้วไอเย็นสบายก็สลายหายไป
จิตเทวะของกู่ฉิงซานถูกรักษาฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาวะสูงสุดอีกครั้ง!
“ของล้ำค่าเช่นนี้ ฉันล่ะอยากจะรู้จริงๆ ว่าเจ้าปลาตัวนั้นแท้จริงแล้วคือสิ่งใดกันแน่” กู่ฉิงซานเอ่ยพึมพำ
ตอนนี้เขาได้รับการฟื้นฟูจนกลับมามีชีวิตชีวาแล้ว หลงเหลือเพียงอาการบาดเจ็บเล็กน้อยบนร่างกายเท่านั้น
แต่ขอบเขตของเขา ก็ยังคงอยู่ในแก่นทองคำขั้นปลายอยู่ดี
สายฟ้าสวรรค์ยังคงฟาดผ่า และทวีอานุภาพเพิ่มมากขึ้น
กู่ฉิงซานเดินเข้าไปยังทิศทางใจกลางสนามรบ ขณะเดียวกันก็กวัดแกว่งดาบพิภพ เบี่ยงวิถีสายฟ้าสวรรค์ เบนทิศทางให้มันฟาดผ่าไปลงทัณฑ์กองทัพมารแทน
“เจ้าตั้งใจที่จะตัดผ่าน ในขณะเดียวกันก็คอยไล่สังหารศัตรูด้วยสายฟ้าสวรรค์อย่างนั้นหรือ?” ดาบพิภพเอ่ยถาม
“โอกาสดีๆ ที่เปรียบดั่งการยิงศรเพียงดอกเดียวกลับได้นกถึงสองตัว เหตุใดข้าจึงไม่คว้ามันเอาไว้เล่า?” กู่ฉิงซานกล่าว
“เจ้ามิเกรงกลัวว่าเผ่ามารจะโถมเข้าสู่อาณาเขตทัณฑ์สวรรค์แล้วทำการรุมสังหารหมู่เจ้าหรือ?” ดาบพิภพเอ่ยถามอีกรอบ
“แน่นอนว่าพวกมันย่อมรอคอยโอกาสนั้นอยู่ ทว่าตอนนี้…”
กู่ฉิงซานตวัดดาบในมืออีกครั้ง
วิถีฟาดผ่าของสายฟ้าที่ตกลง เบี่ยงออกจากตัวเขา ยิงเข้าใส่กองทัพมาร จนก่อให้เกิดความอลหม่านไปทั่ว
สำหรับเผ่ามารแล้ว กลิ่นอายทำลายล้างของสายฟ้าสวรรค์ที่อยู่เบื้องหน้านี้ น่าหวั่นเกรงจนตัวสั่นยิ่งกว่าฝนเพลิงที่อยู่เบื้องหลังในสถานที่ห่างไกลเสียอีก
เหล่ามารที่ทรงพลังในสนามรบยังคงลังเลที่จะบุกเข้ามา มันเฝ้ารอคอยมองหาโอกาสอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง แต่ก็ยังไม่อาจฉวยจังหวะที่ว่านั่นได้เสียที
กู่ฉิงซานยังคงเดินไปข้างหน้าทุกที่ที่เขาย่างผ่าน เผ่ามารจะแตกฮือ ปลีกตัวและหลีกทางหลบหนีไป โดยไม่มีความคิดที่จะบุกโจมตีเผ่ามนุษย์อีกต่อไป
ในขณะนั้นเอง สายฟ้าสวรรค์ก็หยุดลง
บังเกิดเสียงลมพายุหวีดหวิว
บรรยากาศมืดสลัวลงยิ่งกว่าเดิม
ทัณฑ์สายฟ้าระลอกใหม่ที่แสนจะอันตรายยิ่งกำลังจะปรากฏขึ้นในไม่ช้า
เนื่องจากกู่ฉิงซานสามารถทะลวงด่านย่อยได้อย่างต่อเนื่อง แล้วเขายังไม่ยอมหยุด ยังคงมุ่งทะลวงด่านใหญ่เพื่อหมายจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตใหม่ สวรรค์และโลกจึงลงทัณฑ์ด้วยการโจมตีอันรุนแรงยิ่งกว่าปกติโถมเข้าใส่เขา เพื่อทำการปรับสมดุลแห่งกฎของโลกทั้งใบให้กลับมาคงที่
ในประวัติศาสตร์ ผู้ฝึกยุทธที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมและน่าตกตะลึงมากมายได้ตกตายลงอย่างต่อเนื่องในขณะที่ก้าวเข้าสู่กระบวนการที่กำลังจะบังเกิดขึ้นนี้แล นั่นส่งผลให้ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างพากันถอนหายใจด้วยความเสียดาย
ท้องฟ้าเบื้องบนเริ่มหมุนวน ก่อตัวเป็นวงกลมแลคล้ายภาพของจักรวาลอันกว้างใหญ่
นี่คือลางบอกเหตุว่า สายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ระลอกใหญ่ที่รุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อนๆ กำลังจะฟาดผ่าลงมา
ปรากฏการณ์นี้ช่างเป็นฉากที่หาได้ยากยิ่ง วงกว้างยิ่งทวีความยิ่งใหญ่เท่าใด นั่นหมายความว่าทัณฑ์สวรรค์ในตอนท้ายก็ยิ่งก้าวเข้าสู่ขีดอันตรายมากขึ้นเท่านั้น!
ทว่าบัดนี้ วงกว้างที่แลคล้ายจักรวาลกลับครอบคลุมไปทั่วผืนฟ้า ยิ่งกว้าง ประกายแสงที่สาดลงมาของมันก็ยิ่งเจิดจ้า แต่แล้วจู่ๆทั้งหมดก็พลันเงียบเสียงลงในบัดดล และซุ่ม! สายฝนห่าใหญ่ก็สาดเทลงมาจนท่วมไปทั้งร่างของกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานวางดาบพิภพลงเหนือไหล่ทั้งสอง พร้อมวางสองมือแนบไว้เบื้องล่างจนแลดูคล้ายชั้นหลังคาที่คอยปกคลุม สายตาจับจ้องไปยังเบื้องบนที่สาดแสงจนแลคล้ายดวงดาราไปทั่วทุกที่
เขาปรับสมดุลตัวเองเล็กน้อย เพื่อเตรียมพร้อมรับมือการลงทัณฑ์อันร้ายกาจในครั้งต่อไป
“ข้าขอกล่าวแนะอย่างจริงจัง จงระมัดระวังให้ดี อย่าได้ตกตายลงที่นี่เป็นอันขาด” เสียงหนักแน่นดั่งขุนเขากล่าวออกมา
“นี่เจ้าเป็นห่วงข้าอย่างนั้นหรือ?” ชายหนุ่มผู้ฝึกดาบเอ่ยปากถาม
“ถูกต้อง ข้ามีชีวิตอยู่มานานนับปี ทว่ากลับมิเคยพบเจอกับผู้ฝึกยุทธเช่นเจ้ามาก่อนเลย”
“ผ่อนคลายเถอะ ทัณฑ์สายฟ้าระดับสูงเช่นนี้แหละ ที่ข้าต้องการ”
“เจ้าต้องการ?”
“มิผิด เพราะมันจะช่วยให้ข้าสามารถฝ่าแนวทัพของศัตรูไปได้อย่างไรเล่า!”
กู่ฉิงซานผละดาบลง
และในวินาทีต่อมา ร่างของเขาก็วูบไหวอย่างรวดเร็วจนเห็นเพียงเงา กระโจนเข้าเข่นฆ่าศัตรูมุ่งไปยังใจกลางสนามรบ
และตามติดด้วยทัณฑ์สายฟ้าที่ยังคงฟาดผ่าไล่หลังเขาอย่างหนาแน่น
ตลอดเส้นทาง ทัณฑ์สายฟ้าได้ถูกเขาตัดแบ่ง เบี่ยงวิถี เหวี่ยงมันออกไปอีกทิศทาง เลื้อยลดคดเคี้ยวหงิกงอจนแลดูคล้ายจงอางสายฟ้าที่กำลังฉวัดเฉวียนไปในชั้นอากาศ
แนวทัพเผ่ามารแยกออกเป็นทาง ตนใดกระโดดหลบหนีไม่ทันก็ถูกทัณฑ์สายฟ้าระเบิดเข้าใส่ฆ่าสังหารจนตกตายสิ้น
ทันใดนั้นเอง
รามสูรไร้พักตร์ก็หวีดเสียงคำรามดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ สองฝ่าเท้าจากชั้นเมฆ เบนทิศทางวิ่งตรงมายังกู่ฉิงซาน
นี่คือเผ่ามารที่ทรงพลังที่สุดในสนามรบแห่งนี้! มันเคลื่อนไหวเช่นใด เผ่ามารทั้งหมดก็จำต้องปฏิบัติตาม!
‘มีเจ้าผู้ฝึกยุทธวิปริตกำลังใช้ทัณฑ์สายฟ้าล้างบางสังหารหมู่มารกลุ่มใหญ่ ข้าจะไม่อนุญาตให้มันฝ่าวงล้อมลึกเข้ามาได้มากกว่านี้อีก!’
‘มันจักต้องตาย!’
เผ่ามารไล่ตามติดรามสูรมาอย่างท่วมท้นราวกระแสน้ำหลาก
ทว่าพวกมันกลับเห็นแค่เพียงกู่ฉิงซานที่กำลังร่ายรำดาบพิภพอย่างต่อเนื่อง กวาดกระแสสายฟ้าที่บัดนี้รุนแรงเสียจนแปรเปลี่ยนสีแลคล้ายเลือดสีแดงเข้ม เบนวิถีมายังทิศทางของมันด้วยเจตนาร้าย!
สายฟ้าสีเลือดถูกฟาดออกไป ลากยาวจนเห็นแค่เป็นเส้นแสงสีแดง กระแทกเข้าใส่หน้าอกของรามสูรไร้พักตร์ คว้านทะลวงร่างของมันจะทะลุออกไปเบื้องหลัง และวาบหายกลับขึ้นไปบนชั้นฟ้า
รามสูรไร้พักตร์ย่ำมาได้อีกเพียงไม่กี่ก้าว มันก็สะดุดล้มลง ร่วงทับบดขยี้มารน้อยใหญ่นับไม่ถ้วน ก่อนจะกลายเป็นขี้เถ้าสีเทาแล้วสลายหายไป
กู่ฉิงซานหันกลับมาเผชิญหน้ากับสายฟ้าอันน่าสะพรึงที่สาดเส้นแสงลงมาอีกครั้ง ดาบในมือเริ่มร่ายรำอย่างต่อเนื่องอีกครา เบี่ยงวิถีของพวกมันไปยังทิศทางอื่นอย่างไม่รู้จบ!
ทัณฑ์สายฟ้าฟาดผ่าลงมา แล้วก็ถูกเหวี่ยงออกไปต้อนรับคลื่นมวลมารที่วิ่งตามติดรามสูรมาแทนที่!
วินาทีต่อมา คลื่นมวลมารและทัณฑ์สายฟ้าก็ปะทะเข้าหากัน!
ปัง!
ปัง!
ปัง!
ทัณฑ์สายฟ้าระเบิดออกครั้งแล้วครั้งเล่า แหวกคลื่นมวลมารจนแตกกระจาย ส่งเสียงร้องระงมไปทั่ว
การลงมือนี้ช่างง่ายดาย กระแสคลื่นมวลมารโถมซัดสาดมาถึงเบื้องหน้า กู่ฉิงซานก็หวดสายฟ้ากวาดใส่มันซ้ำไปซ้ำมาจนเหี้ยนก็เท่านั้น!
ส่วนเผ่ามารที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็พลันตกอยู่ในความอลหม่าน ความคิดที่จะสังหารกองทัพผู้ฝึกยุทธได้หายไปจากหัวของพวกมันเรียบร้อยแล้ว
พวกมันเพียงต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ ดังนั้นขณะนี้ ที่ต้องทำก็มีเพียงแค่อยู่ให้ห่างจากทัณฑ์สายฟ้าเข้าไว้เท่านั้น!
ทัณฑ์สวรรค์นั้นไร้ซึ่งความรู้สึกนึกคิด ดังนั้นมันย่อมมิสนใจใดๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องล่าง มันมุ่งมั่นทำแค่เพียงหน้าที่ของตน คือการฟาดสายฟ้า ลงทัณฑ์เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
เมื่อเวลาผ่านไป สายฟ้าก็ยิ่งฟาดผ่าลงมาถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มิอาจนับจำนวนครั้งของมันได้อีกต่อไป
ไม่ต้องกล่าวถึงเผ่ามาร กระทั่งตัวกู่ฉิงซานเองในเวลานี้ก็ตกอยู่ในช่วงอันตรายร้ายแรงแล้วเช่นกัน
กู่ฉิงซานขมวดคิ้วเล็กน้อย และทันใดนั้น เขาก็จ้วงแทงดาบออกไป!
เทคนิคลับแห่งดาบ วาดเงา!
พลันบังเกิดร่างเงาสีดำของคมดาบ เบ่งบานขึ้นในทันใด
สายฟ้าสวรรค์ถูกตัดแบ่ง เบี่ยงวิถี จากนั้นก็ฟาดออกไปยังอีกทิศทาง กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของร่างเงาดาบที่สอดประสานกันอย่างลงตัว!
ทุกที่ที่กู่ฉิงซานย่ำผ่าน แนวทัพของเผ่ามารทั้งหมดไม่ตกตายก็หลบหนีแตกกระเจิง!
เบื้องหลังเขา เต็มไปด้วยซากมารนับไม่ถ้วนที่ร่วงตกตายลง
ขณะเดียวกัน ฝีเท้ากู่ฉิงซานก็ยังคงมุ่งหน้าไปยังใจกลางสนามรบอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าว่าจะชะลอความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย
เหล่าผู้ฝึกยุทธต่างเฝ้ามองดูฉากนี้อย่างโง่งม
ในเวลานี้ พวกเขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าเจ้าคนที่มันกระทำการบ้าบิ่นเช่นนี้คือผู้ใดกันแน่
นั่นเพราะกู่ฉิงซานสวมชุดเกราะนายพลชั้นโหยวจี แถมยังสวมใส่หน้ากากเงิน ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถกวาดจิตสัมผัสเทวะเข้าใส่ และรับรู้ถึงตัวตนของเขาได้
ผู้ฝึกยุทธหญิงเอ่ยปากถามอย่างเงียบๆ “แล้วนี่พวกเราควรจะทำอย่างไรดี?”
หนิงเยว่ฉานได้สติกลับคืน รีบตะโกนเอ่ยสั่ง “พวกเราจะถอนกำลัง! ถอนกำลังอย่างรวดเร็ว! ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปในอาณาเขตของทัณฑ์สวรรค์ มิเช่นนั้นอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อคนผู้นั้นได้”
ผู้ฝึกยุทธต่างพากันถอนหายใจ พวกเขาผ่อนคลายลง และรีบถอนตัวถอยฉากออกมาทันที
ทั้งหมดถอนตัวออกมาอย่างรวดเร็ว แม้ว่าร่างกายจะเหนื่อยล้าและใกล้มาถึงขีดจำกัดก็ตามที
แม้ว่าเผ่ามารเหล่านี้จะแข็งแกร่ง แต่พวกมันก็ยังมิถึงขั้นอยู่ในขอบเขตมารนักปราชญ์
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติอย่างทัณฑ์สวรรค์ มารยักษาก็หยุดกระบวนการบุกโจมตี ปากอ้าส่งเสียงครวญด้วยความกระสับกระส่าย
แม้กระทั่งรามสูรไร้พักตร์ที่ทรงอำนาจที่สุดในบรรดาพวกมัน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ก็ยังมิแคล้วตกตาย!
ยามนี้จึงไม่มีมารตนใดกล้าหันไปเผชิญหน้ากับมันอีก
เบื้องหลังไกลออกไปก็เป็นฝนเพลิง เบื้องหน้าในระยะใกล้ก็เป็นเผ่ามนุษย์ที่ใช้ทัณฑ์สายฟ้า ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งไหนก็ล้วนแล้วแต่เป็นการดำรงอยู่ของตัวตนอันน่าสยองขวัญอย่างหาที่เปรียบมิได้ทั้งนั้น!
แล้วตอนนี้สิ่งที่พวกข้าต้องทำคืออะไร?
มารยักษาขบคิด ก่อนจะวิ่งหลบหนีไปยังอีกทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
และทันทีที่มันเคลื่อนไหว ก็ราวกับเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่นับไม่ถ้วนขึ้น มารยักษาตนอื่นๆ ที่เห็นมันต่างก็พากันวิ่งหลบหนีไปอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นว่ามารที่แข็งแกร่งเริ่มหลบหนี เผ่ามารน้อยใหญ่ตนแล้วตนเล่าก็กรีดร้องและเริ่มเคลื่อนไหวบ้างในทันที
พวกมันทั้งวิ่ง ทั้งผลัก ทั้งเหยียบย่ำลงบนตัวอื่นๆ ไล่ตามติดมารยักษาไป
เมื่อเผ่ามารทั้งมวลตกอยู่ในความหวาดกลัว กองทัพของพวกมันก็แตกพ่าย
เพียงระยะเวลาสั้นๆ สภาพแวดล้อมโดยรอบของกู่ฉิงซานก็หลงเหลือทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า
เผ่ามารทั้งหมดถอนกำลังออกไปแล้ว
มีเพียงนายพลอาวุโสที่กระจายตัวอยู่ในสถานที่ห่างไกล กำลังช่วยทำหน้าที่ปกป้องเขา
“ทุกคนจงมุ่งสมาธิไปยังคนผู้นั้น ชีวิตของเราและพวกเจ้าทุกคนรอดพ้นจากความตายมาได้ก็เพราะความช่วยเหลือจากเขา! ดังนั้นพวกเราจำต้องปกป้องเขาให้ดี! ให้เขารู้สึกปลอดภัย และจะได้ทำการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างสะดวก ดำเนินการอย่างไม่มีอะไรผิดพลาด!” หนิงเยว่ฉานกล่าวบัญชา
“ขอรับ!” เหล่าผู้ฝึกยุทธขานรับ
อย่างไรก็ตาม ในหัวใจของทุกคนต่างก็ยังคงสงสัยและเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ว่าเจ้ามนุษย์ที่แสนจะดุดันผู้นี้คือใครกันหนอ ถึงกล้ากระทำเรื่องบ้าบิ่นเช่นนี้จนสามารถขับไล่กองทัพศัตรูออกไปได้
บางคนมองไปที่เขาและเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า “นี่ช่างเป็นความคิดที่โคตรจะล้ำเลิศ ต่อไปในภายภาคหน้าพวกเราจะสามารถใช้กลยุทธ์นี้ขับไล่ศัตรูได้อีกหรือไม่”
บางคนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “พูดน่ะง่าย หากเป็นเจ้าเล่า จะกล้ากระทำเช่นนี้ไหม?”
ทัณฑ์สวรรค์เป็นภัยพิบัติที่อันตรายที่สุดของผู้ฝึกยุทธ จำเป็นต้องมุ่งมั่น ใจจดใจจ่ออยู่กับมันเป็นอย่างยิ่ง ถึงกระนั้นก็ยังยากที่จะประสบความสำเร็จ ไม่ต้องกล่าวถึงเพียงแค่การข้ามผ่านการลงทัณฑ์ที่ในขณะเดียวกันก็ต้องแบ่งสมาธิไปเฝ้าระวังเผ่ามาร และยืมพลังของสายฟ้าสวรรค์มาเข่นฆ่าสังหารพวกมันอีกด้วย
ชีวิตของผู้ฝึกยุทธนับว่ามีค่ายิ่ง ดังนั้นใครเล่าจะกล้าเสี่ยงทดลองกระทำการเช่นนี้?
หากพลั้งเผลอเกิดอุบัติเหตุแม้เพียงเล็กน้อย นั่นอาจหมายถึงจุดจบคือความตาย!
เมื่อคนที่เอ่ยปากกล่าวคิดและเข้าใจถึงจุดนี้ ตัวเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
สายฟ้าสวรรค์ยังคงฟาดผ่า และส่งเสียงเปรี๊ยะๆ อย่างต่อเนื่อง แต่พลังทำลายของมันกลับค่อยๆอ่อนโทรมลงทีละน้อยแล้ว
จนกระทั่งผ่านไปอีกประมาณหนึ่งส่วนสี่ชั่วยาม ท้องฟ้าที่มืดสลัวก็หลงเหลือเพียงเม็ดฝนเย็นฉ่ำที่ตกลงมา และไร้ซึ่งเสียงฟาดผ่าของสายฟ้าอีกต่อไป
ทัณฑ์สวรรค์จบสิ้นลงแล้ว
กู่ฉิงซานยังคงเฝ้ารออยู่ชั่วขณะหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม คราวนี้ ร่างจิตของเขากลับมิได้แยกออกจากร่าง และถูกดูดเข้าไปในมิติที่ว่างเปล่าดั่งครั้งก่อนๆ
เขาคิดว่าร่างใหญ่คงกำลังได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง จนมิอาจควบรวมอำนาจได้มากพอที่จะดึงเขากลับไปอีกครั้งในทันทีได้
กู่ฉิงซานยืนนิ่งอยู่ในจุดเดิม และค่อยๆ เริ่มทำการสำรวจความเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างระมัดระวัง
ภายในตันเถียนของเขา พลังวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเป็นอย่างมาก
รูปร่างของพลังวิญญาณก่อนหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนสภาพไปอีกที คราวนี้มันกลับกลายเป็นรูปร่างของมนุษย์
เท่าที่สามารถมองเห็นได้แม้จะลางๆ แต่ลักษณะของมันชัดเจนว่าเป็นร่างเงาของกู่ฉิงซาน
มนุษย์คือสมบัติล้ำค่าของสวรรค์และโลก!
พลังวิญญาณที่ควบแน่นกลายเป็นรูปร่างมนุษย์ เป็นตัวบ่งบอกว่าเขาได้เชื่อมต่อกับสวรรค์และโลก ธรรมชาติ ท้องนภา ผืนดิน และมนุษย์ ทั้งหมดได้เชื่อมต่อหลอมรวมอยู่ภายใต้กฎเดียวกันแล้ว
ผู้ฝึกยุทธขั้นก่อกำเนิดสามารถทำความเข้าใจกฎของฟ้าดินได้ตลอดเวลาผ่านการรับรู้ทางจิตวิญญาณ เพื่อเติมเต็มความเข้าใจแก่นแท้ของโลก หรือที่เรียกและรู้จักกันดีว่า ‘เต๋า’
หลังจากที่ก้าวเข้าสู่ขั้นก่อกำเนิด นับจากนี้ไป ผู้ฝึกยุทธจะมีอายุยืนยาวนานขึ้นถึงหนึ่งพันปี และอาจจะได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นผู้อาวุโสของนิกายได้เลยโดยตรง หรืออยากจะท่องโลกออกศึกษาธรรมชาติเดินทางไปยังเหนือใต้ออกตกก็เป็นเพียงแค่เรื่องง่ายดาย!
ในที่สุด กู่ฉิงซานก็ก้าวเข้าสู่ขั้นก่อกำเนิดอย่างเป็นทางการแล้ว!!
......................................................