ตอนที่ 216 ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ
องค์ราชาเฝ้ามองดูฉากนี้อย่างเงียบๆ จนกระทั่งกู่ฉิงซานเดินออกไปและปิดประตูลง
“มองจากที่เขาแสดงออกมา เห็นได้ชัดว่าได้รับการสอนสั่งเป็นอย่างดีจากครอบครัวของตน” ราชากล่าว
“มิใช่หรอกท่านพ่อ พ่อแม่ของเขาตายจากไปในยามที่เขาอายุได้หกขวบปี และเขาก็อาศัยอยู่เพียงลำพังจนกระทั่งมาถึงทุกวันนี้” แอนนากล่าว
องค์ราชาอดไม่ได้ที่จะหันมากะพริบตาปริบๆ
และจู่ๆ เขาก็เอ่ยถามออกมา “สืบเสาะประวัติมาดีเช่นนี้ ชายผู้นี้คงไม่แคล้วคือมกุฎราชกุมารที่เจ้าเลือกใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้วเสด็จพ่อ ข้ารู้สึกชมชอบเขา นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน” แอนนาหันไปสบตากับพระบิดาของเธอ ปากเอ่ยกล่าวด้วยความหนักแน่น
ใบหน้าขององค์ราชาเผยให้เห็นถึงความชื่นชม ปากเอ่ยกล่าว “ธิดาข้า สายตาของเจ้าไม่เลวเลย”
“แต่ว่านะธิดาของข้า ข้าได้ลองสำรวจรอบกายเขาดูแล้ว และข้าก็พบว่าเขากำลังสวมใส่ตรายมทูตอยู่ เรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรกันแน่?”
“เป็นข้าเองที่มอบมันให้แก่เขา แท้จริงแล้วเรื่องราวมันก็ประมาณว่า ครั้งแรกข้ามอบมันให้แก่เขา และเขาก็ส่งมันคืนให้แก่ข้า และจากนั้นข้าก็มอบให้แก่เขาอีกครั้ง”
องค์ราชาลอยวนอยู่รอบกายเธอ และเอ่ยถาม “เจ้ากล่าวว่าเขามอบมันกลับคืนให้แก่เจ้า?”
“เพคะ”
ราชาตกตะลึงอยู่นาน ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยออกมาอย่างสับสน “ยุคปัจจุบันนี้ ยังมีคนงี่เง่าเช่นนี้อยู่อีกหรือ?”
“ใช่ เขาช่างงี่เง่าจริงๆ”
องค์ราชาถอนหายใจ “หากเป็นแบบนี้ ดูเหมือนว่าสายตาของเจ้าจะไม่ปกติดีเหมือนคนทั่วไปเสียแล้ว”
และทันใดนั้น จู่ๆ สีหน้าขององค์ราชาก็เปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจัง “เข้าเรื่องกันเถอะ ก่อนที่ข้าจะสลายลงไปโดยสมบูรณ์ มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องบอกเจ้า”
“ตระกูลเมดิซีของเราปกป้องมรดกชิ้นหนึ่งมายาวนานกว่าเจ็ดร้อยปี และข้าต้องบอกความลับของมันให้แก่เจ้า เจ้าจึงจะควรค่าแก่การครอบครองนาม ‘เมดิซี’ จริงๆ”
“มันเป็นมรดกที่ไม่มีผู้ใดในตระกูลเมดิซีของเราสามารถที่จะรับสืบทอดได้เลยสักคนเดียว ยกเว้นแค่เพียงท่านบรรพบุรุษรุ่นแรกเท่านั้น”
“แอนนา เจ้าเป็นหญิงที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลเมดิซี และเป็นคนสุดท้ายในตระกูล ไม่ว่าเจ้าจะสามารถรับสืบทอดมันได้หรือไม่ก็ตาม ก็ขอจงสลักมันเอาไว้ในหัวใจให้ดี”
องค์ราชามองไปยังธิดาของเขา และไม่ยินยอมที่จะละสายตาไปจากเธอ
เขายื่นมือออกไป และพยายามที่จะสัมผัสหัวของบุตรสาว แต่ทันใดนั้น เขาก็พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตนไม่สามารถสัมผัสสิ่งใดได้อีกต่อไป
มือของเขาหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ
แอนนาก้าวออกไปยังเบื้องหน้า และโค้งศีรษะของเธอยื่นออกไปให้อยู่ในตำแหน่งใต้ฝ่ามือขององค์ราชา
“ข้าไม่ทราบหรอกว่าท่านพ่อกำลังกล่าวถึงสิ่งใด แต่หากมันเป็นความปรารถนาของท่าน ข้าก็ยินดี” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
พอได้ฟัง องค์ราชาก็ปลื้มปีติ เอ่ยปากตรัสด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก“วิงวอนขอให้ทวยเทพจากสรวงสวรรค์เป็นพยานให้แก่ข้า”
“ตัวข้าที่อยู่ที่นี่ ในวันนี้ ขอมอบความไว้วางใจฝากฝังมรดกของตระกูลเมดิซีให้แก่แอนนา บุตรสาวเพียงหนึ่งเดียวของข้า”
“นับจากนี้สืบไปแอนนา เจ้าจะกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของตระกูลเมดิซี”
ภายในห้องจัดแสดง สีหน้าขององค์ราชาดูเคร่งขรึมและเคารพลึก กระแสเสียงของเขาช่างฟังดูเชื่องช้า ทว่ากลับมั่นคง ฉากในเวลานี้ แลคล้ายกับฉากในรูปภาพที่อยู่เบื้องหลังเขา
มันเป็นภาพของกษัตริย์หนุ่มที่มือข้างหนึ่งกำลังแตะศีรษะบุตรสาว ขณะที่อีกมือหนึ่งเตรียมที่จะสวมมงกุฎลงบนหัวของเธอ…
ภายนอกผนังอีกฟากหนึ่ง
กู่ฉิงซานปิดประตูลง และเขาก็พบกับสาวกศักดิ์สิทธิ์
ทั้งสองฝ่ายต่างเผชิญหน้ากันมาก่อนแล้ว ในครั้งที่อยู่ด่านตรวจ
สาวกศักดิ์สิทธิ์อีวาน สวมชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ในสไตล์ของผู้ฝึกยุทธ มันเป็นชุดที่เผยให้เห็นถึงไหล่และแผ่นอกของเขา
เขายืนตรงสุดทางเดินอย่างเงียบๆ สายตาจดจ้องมองมายังกู่ฉิงซาน
“ดูเหมือนว่าคุณกำลังมองหาผมอยู่ใช่ไหม?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“ข้ารออยู่ที่นี่มาสักพักแล้วล่ะ” อีวานกล่าว
“ช่างเป็นบุคลากรที่ยอดเยี่ยม ทุ่มเทปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเสียจริงๆ” กู่ฉิงซานกล่าว
“ก็นะ เพราะการได้ปฏิบัติตามหน้าที่ มันมักจะช่วยให้ข้าได้เพลิดเพลินไปกับความสุขสมน่ะสิ” บนใบหน้าของอีวานเผยถึงร่องรอยความดุร้าย
“คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่? คิดจะทำไอ้สิ่งที่เรียกว่าการสอนสั่งน่ะหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“ก่อนหน้านี้” อีวานกล่าว “ข้าคงต้องขอบอกเจ้าก่อนว่า แขกรับเชิญไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาที่นี่”
รอยยิ้มกริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสาวกศักดิ์สิทธิ์ ราวกับแมวที่ได้พบถึงร่องรอยของหนู
“อย่างนั้นเหรอ? บางทีผมอาจจะหลงทาง”
กู่ฉิงซานขยับปกคอเสื้อของเขา ยกมือขึ้นปาดเสยผมขึ้น และล็อกสมญาของตนเองไปเป็น ‘นายพลชั้นโหยวจี’
เขาก้าวฝีเท้าเดินตรงไปยังอีกฝ่าย
“ถ้าคุณไม่คิดถือสา โปรดนำทางผมกลับไปยังงานเลี้ยงเต้นรำด้วย” เขากล่าวขณะที่กำลังเดินตรงมา
“ข้าจะรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่จะได้นำเจ้าออกไปจากที่นี่” สาวกศักดิ์สิทธิ์กล่าว ทว่าในประโยคกลับแฝงความนัยบางอย่างเอาไว้
ปรากฏแสงสีขาวน้ำนมจางๆ หลอมรวมตัวกัน แปรเปลี่ยนไปเป็นลวดลายที่ดูศักดิ์สิทธิ์และสง่างามขึ้นใต้เท้าเบื้องล่างของเขาอย่างเงียบๆ
นี่คือเทคนิคเทียนซวนอันลึกล้ำของคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ การไถ่บาป
ความเสียหายใดๆ ก็ตามที่ได้รับ จะถูกสะท้อนกลับไปเป็นสองเท่าคืนให้แก่ผู้ที่โจมตีมา
กู่ฉิงซานกวาดตามอง ในหัวใจของเขาตระหนักชัด
“แล้วคุณจะรออะไรอยู่เล่า รีบนำทางเถอะ” เขากล่าว
“เอ...แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้วล่ะ พวกเราจะไม่ไปไหนกันทั้งนั้น” อีวานส่ายหัว
ระหว่างที่พวกเขาคุยกัน ระยะห่างของชายทั้งสองก็ค่อยๆ แคบลงเรื่อยๆ
“อ้อจริงสิ ผมรู้แล้ว ขอโทษนะที่ไม่ทันจะนึกถึงมัน”
กู่ฉิงซานทำท่าทีราวกับว่าเข้าใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากอกเสื้อ
“ผมลืมไปเลยว่าทางคริสตจักรมักจะเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับทุกสิ่งอย่าง นี่เงินพิเศษเป็นค่าบริการของคุณ เอาไปแล้วช่วยนำทางผมด้วยล่ะ” เขาหยิบเงินออกมาปึกหนึ่ง และส่ายมันไปมาในมือ
สีหน้าของอีวานแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นน่าเกลียด
“ความอัปยศที่เจ้ากระทำแก่ข้า ข้าจะส่งมันกลับคืนแก่เจ้าเป็นร้อยเท่า” เขาคำรามเสียงต่ำ
“อ้าว ไม่ใช่ว่าต้องการเงินหรอกเหรอ? อย่างนั้นคุณต้องการอะไร?” สีหน้าของกู่ฉิงซานแสดงออกถึงความงุนงง
เขาเดินผ่านมาได้ครึ่งทางเดินแล้ว แต่ฝีเท้าของเขาก็ยังไม่หยุดเดิน และยังคงมุ่งตรงไปยังอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง
“สัมผัสทางการได้ยินของข้าแตกต่างจากคนทั่วไป ภายในห้องที่เจ้าออกมา ดูเหมือนว่าจะยังมีเสียงเต้นของหัวใจและเสียงลมหายใจอันแผ่วเบาดังอยู่เล็กน้อย”
“เท่าที่ฟังดู ข้าคิดว่านั่นเป็นผู้หญิง” อีวานเผยยิ้มฉกาจฉกรรจ์ “มันจะดีกว่าไหม หากพวกเรารออยู่ที่นี่สักครู่ และเฝ้ารอดูว่าหวานใจของเจ้าคือใคร”
กูู่ฉิงซานส่ายหัวและกล่าว “ในฐานะเจ้าภาพ คุณดูจะอยากรู้อยากเห็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของแขกมากเกินไปหน่อยนะ”
เขาขมวดคิ้ว และจ้องมองไปยังลวดลายศักดิ์สิทธิ์ใต้ฝ่าเท้าของอีวาน
กู่ฉิงซานถอนหายใจออกมาทันใด ปากเอ่ยกล่าว “บอกตามตรง ผมไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับคนแบบคุณเลยจริงๆ”
พอได้ฟัง อีวานก็เอ่ยถามออกมาด้วยความสนใจทันที “ทำไมหรือ? อย่าบอกนะว่าเจ้ากลัวข้า?”
กู่ฉิงซานอธิบาย “ทางคริสตจักรมีเทคนิคเทียนซวนจำนวนมาก และเทคนิคเทียนซวนของแต่ละคนก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาแล้วทั้งนั้น ทว่าเทคนิคของคุณที่เรียกกันว่า ‘การไถ่บาป’ มันนับว่าเป็นเทียนซวนที่หาได้ยากยิ่ง โอกาสที่จะปลุกมันขึ้นมาได้มีน้อยมากๆ”
“ในรุ่นนี้ มีแค่ข้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถปลุกมันขึ้นมาได้” อีวานกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“ใช่ไหมล่ะ มันหาได้ยากมากๆ”
กู่ฉิงซานพยักหน้าเห็นด้วยและยังคงเอ่ยต่อ
“เพียงแค่ยืนและปล่อยให้ศัตรูโจมตีอย่างสบายๆ โดยไม่สนใจเสื้อผ้าของตนที่ฉีกขาดเป็นชิ้นๆ และมักจะขอให้ศัตรูทุบตีตนเองต่อไปเรื่อยๆ” เขาถอนหายใจ “ในโลกใบนี้มีพวกสายมาโซคิสต์ที่ชอบถูกทรมานมากมาย แต่ขอให้คุณภาคภูมิใจเอาไว้เลย ว่าระดับมาโซของคุณมันเหนือล้ำยิ่งกว่าที่มนุษย์คนอื่นๆ ในโลกจะรับได้ไปนานแล้ว”
หลังจากที่อีวานได้ยินประโยคนี้ของกู่ฉิงซาน กลิ่นอายจากทั้งคนทั้งร่างของเขาก็เริ่มที่จะคลุ้มคลั่ง
“ฆ่า…ข้าจะฆ่าเจ้า!” อีวานเอ่ยงึมงำไม่ปะติดปะต่อ
“อะไรกัน เอะอะก็จะฆ่าแกง ทัศนคติแย่จริงๆ เอาเป็นว่าผมจะจ่ายเงินพิเศษเป็นค่าบริการให้ก็แล้วกัน” ว่าจบ กู่ฉิงซานก็โยนธนบัตรปึกใหญ่ออกไป พวกมันลอยฟุ้งไปทั่วอากาศ
ธนบัตรลอยว่อนไปทุกหนแห่ง และบดบังสายตาของอีวาน
ณ ขณะนี้ ระยะห่างระหว่างทั้งสองอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมแล้ว
ดาบเล่มหนึ่งปรากฏออกมาจากชั้นอากาศที่บางเบา
ดาบพิภพ
“ดาบอย่างนั้นหรือ? อ่อนแอ...ช่างเป็นอาวุธที่อ่อนแอและเปราะบางเสียจริง”
อีวานปัดธนบัตรที่ลอยฟุ้งออกจากสายตา ปากเอ่ยเย้ยหยัน
กู่ฉิงซานกุมดาบพิภพในมือ ทั้งคนทั้งร่างขับเคลื่อนไปด้วยพลังวิญญาณอันดุดัน
และอีวานก็ดูเหมือนว่าจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปในฉับพลัน
เขาก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว พยายามที่จะหลบเลี่ยงการโจมตีในครั้งนี้
ทว่าคมดาบนี้กลับรวดเร็วเกินไป กว่าที่เขาจะเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง มันก็เป็นในช่วงท้ายแล้ว ตอนนี้เขามิอาจหลบเลี่ยงมันได้ทันอีกต่อไป!
เสียงครวญต่ำที่เกิดจากชั้นอากาศที่ฉีกขาด สะท้อนสะท้านไปทั่วบริเวณ
“เปรี๊ยะ!”
ดาบพิภพฟาดเข้าใส่อุปกรณ์สื่อสารของอีวาน มันแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่กลางอากาศ ชิ้นส่วนจำนวนมากร่วงตกลงบนพื้น
ความตึงเครียดในหัวใจของกู่ฉิงซานบรรเทาลงหลายส่วน
ตราบใดที่อีวานไม่สามารถติดต่อกับใครได้ภายในช่วงเวลาสิบนาที ก็จะไม่มีใครรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ
หากเป็นแบบนี้ เขาจะได้รับมือกับอีกฝ่ายได้ง่ายยิ่งขึ้น
“นี่แกมาไม้นี้สินะ”
อีวานอ้าปากคำราม สองแขนถูกยกขึ้นพร้อมกับเปลวเพลิงสีขาวนวลที่ปะทุขึ้นมาในฝ่ามือ จากนั้นก็กวาดสองมือออกไป ขว้างพวกมันลงบนร่างของกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานวูบหลบไปด้านข้าง และยกดาบพิภพขึ้น ล็อกเป้าหมายอีกครั้ง
และฟาดออกไป
อย่างไรก็ตาม ดาบนี่ช่างเอื่อยเฉื่อยยิ่ง มันแลดูนุ่มนวลอ่อนโยนราวกับว่าแทบจะไม่อาจก่อให้เกิดอันตรายแม้เพียงเล็กน้อย
คมดาบถูกพลิกกลับมาด้านหลัง และสันดาบก็กระแทก ประทับลงบนหน้าอกของอีวาน
สันดาบนี้ มิได้ทำอันตรายใดๆ แก่อีวาน
ทว่ารังสีดาบที่แข็งแกร่งกลับท่วมท้นอยู่รอบตัวมัน และโถมทะยานไปข้างหน้า ห่อหุ้มรอบตัวอีวานอย่างไม่รู้จบ
“ขอให้เดินทาง โดยสวัสดิภาพนะ” กู่ฉิงซานกล่าวเสียงต่ำ
ปึง!
ทั่วทั้งโถงทางเดิน ทั้งหมดถูกทุบทำลายโดยปราณดาบ หลงเหลือทิ้งไว้เพียงเศษซากปรักหักพัง
สาวกศักดิ์สิทธิ์อีวานถูกห่อหุ้มไว้ด้วยกลุ่มก้อนรังสีดาบอย่างแน่นหนา ที่จู่ๆ ก็เกิดระเบิดออก จึงถูกส่งปลิวกระเด็นหายวับไปในพริบตาเดียว
ร่างเขาราวกับดาวตกในท้องฟ้ายามค่ำคืน ที่ลอยกระเด็นหายไปไกลสุดขอบฟ้าที่มืดมิด
............................................................