ตอนที่ 99 ฉันจะรอนาย
เมื่อประธานาธิบดีได้ฟัง ทั้งคนทั้งร่างชะงักงันด้วยความตกตะลึง
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เรื่องนี้เธอแน่ใจงั้นเหรอ?”
กู่ฉิงซานพยักหน้าและเอ่ยเสริมเป็นประโยคสุดท้าย “ผีนักฆ่ามีจิตนึกคิดที่เป็นอิสระ ยิ่งมันแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ จิตสำนึกของมันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น”
ประธานาธิบดีไม่อยากจะเชื่อ เขาเอ่ยถามอย่างลังเล “เทพธิดากงเจิ้ง…คุณคิดเห็นว่าอย่างไร?”
เทพธิดากงเจิ้งเงียบไปครู่หนึ่ง เธอกำลังหาค้นหาข้อมูลบางอย่าง ก่อนจะเริ่มกล่าว “อาการของไวรัสทั้งสองนี้เคยปรากฏขึ้นในโรงพยาบาลกลางประจำมณฑลไป่ซาและโรงพยาบาลเขตสองในฉางโจว นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มว่ากำลังแพร่ระบาดในศูนย์ฉุกเฉินประจำเมืองหลวง”
“เรื่องจริงงั้นหรือนี่…”
ประธานาธิบดีเอ่ยงึมงำ สีหน้าของเขาตอนนี้ดูราวกับนักมวยบนเวทีที่ถูกตะบันหน้าจนน่วม แม้จะพยายามที่จะให้กำลังใจตนเอง แต่ก็ดูจะไม่ได้ผล
เพียงแค่จ้องมอง กู่ฉิงซานก็บอกได้ทันทีว่าท่านประธานาธิบดีมิใช่เพียงแค่ดูแก่ลงอีกต่อไป แต่กลายเป็นแก่ลงไปแล้วจริงๆ
ประธานาธิบดีเงยหน้าขึ้น เขาจับจ้องมายังกู่ฉิงซานและกล่าว “ฉิงซาน เธอเป็นนักวิจัยที่โดดเด่นที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมาของรัฐบาลกลาง เธอต้องช่วยฉันและเหล่าคนบริสุทธิ์นะ”
กู่ฉิงซานเงียบไปสักพัก ก่อนจะกล่าว “ผมจะช่วยแน่นอน แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องให้เทพธิดากงเจิ้งลงมือในทันที”
คนทั้งสองจ้องมองไปยังสมองควอนตัมของตน
และเสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังตอบสนอง “ร้องขอให้ผู้นำสูงสุดทั้งสองทำการอนุมัติให้ตัวฉัน เทพธิดากงเจิ้งมีอำนาจเต็มรูปแบบที่จะสามารถเข้าควบคุมกิจการทั้งหมดของรัฐบาลกลางได้”
ประธานาธิบดี “ฉันอนุมัติ”
กู่ฉิงซาน “ฉันอนุมัติ”
เทพธิดากงเจิ้ง “ได้รับการอนุมัติ รัฐบาลกลางเริ่มเข้าสู่สภาวะสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นสูงสุด ทำการติดต่อจ้าวมณฑลทั้งเก้า ทำการติดต่อทำเนียบประธานาธิบดี และสุดท้ายทำการติดต่อสามเหล่าทัพเพื่อแจ้งเตือนเข้าสู่สภาวะสงครามระดับสีแดง”
“เริ่มทำการวิเคราะห์กลยุทธ์ตอบโต้”
“กลยุทธ์ทั้งหมดที่วิเคราะห์ได้คือ หนึ่งพันเก้าร้อยห้าสิบแปด”
“เริ่มทำการคัดสรรกลยุทธ์ที่มีอัตราความสำเร็จสูงสุด”
“ทำการคัดสรร”
“จำนวนกลยุทธ์ที่มีอัตราความสำเร็จสูงสุด ศูนย์”
“เริ่มทำการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม”
แสงของอุปกรณ์สื่อสารได้จางหายไปและดับลงในที่สุด
เพื่อที่จะได้ทำงานได้อย่างรวดเร็วและเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด แม้กระทั่งการกล่าวอำลากับกู่ฉิงซาน เทพธิดาก็ยังไม่อาจทำได้
กู่ฉิงซานมองไปยังสมองควอนตัม ก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่งและเอื้อมมือไปกดปุ่มปิด
เรื่องนี้ ตราบใดที่เทพธิดากงเจิ้งให้ความสนใจแก่มันล่วงหน้า บางทีก็อาจจะยังมีความหวังในการควบคุมสถานการณ์
เนื่องเพราะเธอคือการตกผลึกสูงสุดของอารยธรรมมนุษย์ ตราบใดที่เธอรู้ข้อมูลแบบเฉพาะเจาะจงของสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับไวรัส เธอก็จะมีโอกาสยับยั้งการแพร่ระบาดของมันได้
ไม่จำเป็นที่จะต้องถึงขั้นประสบผลสำเร็จ แต่อย่างน้อยก็ยังมีโอกาส
เพียงเท่านี้ก็ดีมากพอแล้ว
แต่ถึงกระนั้น หัวใจของกู่ฉิงซานเองก็ยังไม่อาจผ่อนคลายลงได้โดยง่าย
ชีวิตใหม่ในโลกใบนี้ช่างแตกต่างไปจากในชีวิตก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
ในชีวิตก่อนหน้า ช่วงเวลาคั่นกลางระหว่างการปรากฏตัวขึ้นมอนสเตอร์และไวรัสอย่างน้อยก็ห่างกันตั้งหนึ่งปี
ในระหว่างหนึ่งปีที่กล่าวมานั้น มีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้นมามากมาย
มันไม่มีข่าวคราวของไวรัสเกิดขึ้นเลยจนกระทั่งหนึ่งปีต่อมา
หรือจะเป็นเพราะการล่วงรู้อนาคตล่วงหน้าหลังจากการจุติใหม่ของกู่ฉิงซาน โชคชะตาจึงคิดเล่นตลกกับเขา
ใครจะไปรู้กันล่ะว่าสิ่งแลกเปลี่ยนของการจุติใหม่ จะเป็นการเร่งเหตุการณ์หายนะให้เกิดขึ้นก่อนกำหนด แถมยังเป็นในช่วงเวลาเดียวกัน!
เหมือนกับช่วงเวลาเก่าได้ถูกทำลายลงไป และกำเนิดช่วงเวลาใหม่ ลำดับเหตุการณ์ใหม่ ขึ้นมาแทนที่
ในชีวิตนี้ มอนสเตอร์ทางทะเลปรากฏขึ้นมาก่อนกำหนด แถมไวรัสยังปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกัน
เช่นนั้น แล้วภัยพิบัติอื่นๆ เล่า?
มันจะไม่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้หรอกหรือ
หากเป็นในกรณีนั้น โลกทั้งใบก็คงไม่แคล้วร่วงหล่นลงสู่หุบเหวลึก
หายนะของโลกใบนี้จะมาถึงรวดเร็วยิ่งกว่าในชีวิตก่อนหน้า!
หลังจากทั้งหมดนี้ สำหรับในชีวิตก่อนหน้า เนื่องด้วยเพราะมี ’เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์’ จึงทำให้ผู้คนสามารถเข้าสู่โลกแห่งผู้ฝึกยุทธและพัฒนาความสามารถของตนได้อย่างรวดเร็ว
แต่โลกใบนี้ ภัยพิบัติกำลังคืบคลานเข้ามาแล้ว ทว่า ‘เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์’ กลับยังคงไม่ปรากฏให้เห็นเลยแม้กระทั่งเงา
หากยังคงรอเช่นนี้ต่อไปโลกคงถึงกาลอวสาน ก่อนที่ตัวเกมจะทันได้เริ่มเปิดตัว
และทุกอย่างก็จะจบลงไปโดยสมบูรณ์
ขณะที่หัวใจของกู่ฉิงซานกำลังเต้นครึกโครมอย่างหนักหน่วง ก็พลันปรากฏเสียงฝีเท้าดังขึ้น
ความรู้สึกไร้กำลังทำให้เขากระวนกระวายจนไม่ทันสังเกตถึงมัน
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ดูนายจะไม่ค่อยมีความสุขเลย” เสียงของผู้หญิงดังขึ้นตามมา
กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นมามอง
แท้จริงแล้วกลับเป็นแอนนาที่อยู่บนกำแพงเบื้องหน้าเขา ผมแดงสลวยของเธอพลิ้วไหวไปตามแรงลม ขณะที่สองตากำลังจับจ้องเขาไม่กะพริบ
“แอนนา” เขาเอ่ยเสียงแหบแห้ง
ในชีวิตก่อนหน้า แอนนาถูกรายล้อมโดยเผ่ามารระดับสูง ที่โถมโจมตีเธออย่างไม่ลดละ
ในช่วงเวลานั้น กู่ฉิงซานมุ่งเดินทางหลายวันหลายคืนเพื่อต้องการจะไปช่วยเหลือเธอ ทว่ามันกลับสายเกินไป
และในช่วงชีวิตนี้ สถานการณ์ดูจะรุนแรงยิ่งกว่าในครั้งอดีตเสียอีก
‘นี่ฉันต้องมองดูเธอตกตายต่อหน้าต่อตาตัวเองอีกแล้วอย่างงั้นเหรอ?’
ไม่!
มันต้องไม่ใช่แบบนี้!
จู่ๆ กู่ฉิงซานก็พลันตระหนักได้ถึงสิ่งหนึ่ง เขาจำได้ว่า แม้จะไม่ถึงขั้นตกตาย แต่ชะตากรรมอันน่าเศร้าแสนทุกข์ทรมานในชีวิตก่อนหน้าของแอนนา กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ ไม่ใช่กรณีถูกมารล้อม
เขายังมีเวลาอีกตั้งหนึ่งเดือน
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้โลกกำลังเกิดเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง กู่ฉิงซานไม่กล้าที่จะตบหน้าอกตนเองเพื่อยืนยันว่า จากนี้ไปแอนนาจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน
ด้วยชะตากรรมที่กำลังจะมาถึงนั้น มันเกือบจะทำให้จิตใจของแอนนาต้องพังทลายลงและต้องฆ่าตัวตาย
แบบนี้ไม่ดีแน่ เขาจะไม่ยอมให้สถานการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นกับแอนนาอีกครั้ง
เขาจะต้องไม่ปล่อยให้แอนนากลับไปยังจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์โอลันก้า!
ในหัวใจของกู่ฉิงซานปรากฏแสงสว่างวาบพาดผ่าน สายตาของเขาสบเข้ากับดวงตาของแอนนา
มันเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นขณะเดียวกันก็โศกสลด และแอนนาก็สัมผัสได้ถึงมันเลยกล่าว “นี่นายเป็นอะไรไป? จ้องมาอย่างกับจะกลืนกินฉันด้วยสายตาอย่างงั้นแหละ ถ้าเป็นคนอื่นนี่ฉันต่อยเขาไปแล้วนะจะบอกให้”
กู่ฉิงซานยังคงจ้องเธอ แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
แอนนาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเขาดี จู่ๆ ใบหน้าของเธอก็ปรากฏริ้วแดงขึ้นอย่างกะทันหัน
‘แย่ล่ะสิ วันนี้ฉันยังไม่ได้สระผมเลย ถ้าเขากระโจนเข้ามาใกล้จะทำอย่างไรดี?’
เธอคิดในใจอยู่เงียบๆ
แต่แล้วจู่ๆ สายตาของกู่ฉิงซานก็เบนออกไปอย่างฉับพลัน
เบื้องหน้าเขา ปรากฏหน้าต่างระบบเทพสงคราม พร้อมกับเส้นแสงตัวอักษรสีแดงขนาดใหญ่
“เกิดความผิดปกติของกระแสเวลา ผู้เล่นจะต้องเข้าสู่โลกแห่งผู้ฝึกยุทธในทันที มิฉะนั้นช่องว่างจะถูกปิดลงอย่างสมบูรณ์ และไม่สามารถเปิดออกได้อีกตลอดกาล”
“ผู้เล่นต้องการจะเข้าเกมหรือไม่? [YES/NO]”
กู่ฉิงซานเหลือบสายตาไปบนหน้าต่างระบบเทพสงครามอย่างรวดเร็ว จู่ๆ ในหัวใจของเขาก็พลันตระหนักได้ถึงบางอย่างในทันที
‘กระแสของห้วงเวลาเกิดความผิดปกติ’ นี่อาจจะไม่เพียงจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับมอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น แต่มันยังเป็นตัวเร่งเวลาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากในโลกใบนี้อีกด้วย!
แม้ว่าจะต้องการใช้เวลาไตร่ตรอง แต่ก็ดูเหมือนมันจะไม่มีมากพอ เพราะบัดนี้บนหน้าต่างสถานะปรากฏหลายเส้นแสงตัวอักษรซ้อนๆ กันขึ้นมาแล้ว
“โปรดทำการเข้าสู่โลกแห่งผู้ฝึกยุทธในทันที”
“โปรดทำการเข้าสู่โลกแห่งผู้ฝึกยุทธในทันที”
“ช่องว่างกำลังจะถูกปิดตัวลงแล้ว!”
“เริ่มต้นนับถอยหลังในสิบห้าวินาที”
กู่ฉิงซานต้องรีบทำเวลาให้เร็วที่สุด เขาเอ่ยอย่างเร่งรีบ “ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอก อย่าออกจากรัฐบาลกลางล่ะ ต้องรอฉันกลับมานะ”
วินาทีนั้นกู่ฉิงซานกระโดดขึ้นไปบนกำแพง ถอดบางสิ่งที่ห้อยคอของเขาออก และสวมมันลงบนคอของแอนนา
กระบวนการนี้เสร็จสิ้นลง มือของเขาก็คว้าจับมือของแอนนา
“รอฉันนะ”
ปรากฏม่านแสงสว่างวูบ และกู่ฉิงซานก็หายตัวไป
แอนนานิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงและใช้มือคว้าจับบางสิ่งที่ห้อยอยู่ออกจากคอของเธอ
ปรากฏรูปของชายชราที่นั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนก้อนหิน พร้อมกับเคียวยาวที่อยู่ในมือ
มันคือสัญญาชีวิต ตราสัญลักษณ์ของยมทูต
เขาสวมมันกลับคืนให้แก่เธอ
นี่เขาไม่รู้เลยหรือว่ามันหมายความว่าอย่างไร?
นับจากช่วงเวลานี้ไป หากเกิดอันตรายใดๆ ขึ้น เขาจะต้องสูญเสียอายุขัยออกไปถึงสองเท่า
นี่เขารู้ตัวหรือเปล่า?
แอนนาเฝ้ามองสัญญาชีวิต ด้วยความเหม่อลอยอยู่พักหนึ่ง
ใช่ เขาจะต้องล่วงรู้อย่างแน่นอน มิฉะนั้นเขาคงไม่คิดแขวนเจ้าสิ่งของในตำนานนี่สวมลงบนคอของฉัน
ฉันยินดีที่จะจ่ายอายุขัยของฉันสองเท่าเพื่อช่วยเขา ดังนั้นเขาจึงยินดีทำเช่นเดียวกันกับฉันใช่รึเปล่า?
ปากของแอนนาเม้มขึ้นเล็กน้อย
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงสะอื้นเบาๆ ทว่าขณะเดียวกันใบหน้าเธอก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มแห่งความสุข
ย้อนกลับไปตั้งแต่เธอยังเด็ก หลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิตลง แอนนาก็ลืมไปแล้วว่าสิ่งใดกันที่เรียกว่าความอบอุ่น
ทว่าในตอนนี้ ตัวเธอเองในที่สุดก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้นอีกครั้ง
ผ่านไปไม่นาน ร่างเงาก็โฉบลอยมาจากระยะที่ไกลออกไป ก่อนจะกลายร่างเป็นวอนฟอร์ดที่กำลังยืนอยู่บนกำแพง
วอนฟอร์ด “ท่านได้กล่าวอำลาเรียบร้อยแล้ว?”
แอนนา “เปล่า ดูเหมือนจะมีเวลาไม่มากพอ”
“แล้วเขาหายไปไหน?”
“น่าจะกำลังยุ่ง หรือไม่ก็ยังไม่อาจควบคุมเทคนิคเทียนซวนของตัวเองได้ดีมากพอ”
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ไปกันก่อนเถอะ ไว้หลังจากนี้ท่านค่อยใช้สมองควอนตัมติดต่อกับเขาอีกครั้งก็ได้” วอนฟอร์ดกล่าว
แอนนายืนนิ่งไม่ไหวติงท่ามกลางแสงสลัวยามค่ำคืน ทว่ากลับไม่เอ่ยคำใด
ณ จุดนี้ไกลออกไป ปรากฏเปลวเพลิงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ตามด้วยเสียงระเบิด พร้อมด้วยเสียงกรีดร้องระงม
ทุกเสียงอันน่าสยองขวัญพลันปะทุขึ้นอย่างฉับพลัน
ราวกับว่าผู้คนทั้งเมือง จู่ๆ ก็มาร่วมรับประทานอาหารกันโดยพร้อมเพรียงอย่างมิได้นัดหมาย...ปรากฏเสียงเคี้ยว ฉีกกระชาก และกัดดังสะท้อนไปทั่ว
ในชั้นอากาศเริ่มถูกเติมเต็มไปด้วยกลิ่นฉุนของเลือด ทำให้ผู้คนที่สูดดมรู้สึกราวกับว่ากำลังตกอยู่ในโรงฆ่าสัตว์
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น และดูจะดังขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับมีบางสิ่งที่เลวร้ายมากๆ กำลังเกิดขึ้น
บนท้องฟ้าเบื้องบน ปรากฏรถเหินเวหาของตำรวจและกองหุ่นรบโฉบผ่านไปเป็นระยะๆ
หนึ่งในฝูงชนกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่ง และวิ่งโฉบผ่านมุมถนนที่พวกเขาอยู่
“ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติ ฝ่าบาท พวกเราสมควรจะรีบออกจากที่นี่ในทันที” วอนฟอร์ดกล่าว
“ไม่”
แอนนาเอ่ยออกมาคำหนึ่งในทันใด
เธอเอ่ยเสริมด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
วอนฟอร์ดกล่าว “แต่นี่เป็นคำสั่งเร่งด่วนจากองค์จักรพรรดิ พวกเราจะต้องรีบกลับไปทันที”
แอนนา “ฉันจะรอเขา”
วอนฟอร์ดกล่าวอย่างลังเล “เขาเป็นคนที่เราตามหาก็จริง แต่นั่นมันก็เทียบไม่ได้กับคำสั่งทางทหารสูงสุดขององค์จักรพรรดิ นี่นับว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด หากไปสาย ผลลัพธ์คือเราทั้งสองจะต้องรับโทษหนัก!”
แอนนานั่งลงบนกำแพงอย่างช้าๆ สองเท้าห้อยลงกลางอากาศและส่ายไปมา
เธอเอ่ย “เขาขอให้ฉันรอ ฉันก็จะรอเขา จะไม่ยอมไปไหน”
วอนฟอร์ดถอนหายใจหนักหน่วง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว
ทว่าในตอนนั้นเอง สายตาของเขาก็เบนออกไปยังร่างบางอย่างตรงมุมถนน
ณ ถนนฝั่งตรงข้าม ปรากฏหลากหลายผู้คนที่คล้ายกำลังมึนเมา เดินโซซัดโซเซตรงมายังพวกเขาทั้งสอง
แต่จู่ๆ ทั้งหมดก็พลันทิ้งตัวลง สองมือสองเท้าแนบลงกับพื้น เปลี่ยนตนให้กลายเป็นสัตว์สี่ขา สับฝีเท้าตรงมาด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง!
.........................................