webnovel

0098 ใกล้เข้ามา

ตอนที่ 98 ใกล้เข้ามา

 “โปรดระมัดระวังด้วย” บริกรที่อยู่ข้างๆ เอ่ยเตือนอย่างจริงจัง

 “ทำไมล่ะ?” สายตาของซางหยิงฮ่าวจดจ้องไปยังชายที่ถูกตรึงบนผนังราวกับกำลังมองดูอัญมณีล้ำค่า

 “เพราะเขาดุร้ายมาก” กู่ฉิงซานเอ่ยตอบแทน และถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

 เขารู้สึกโศกสลด สองตาค่อยๆ ปิดลงเพื่อสงบสติอารมณ์เล็กน้อย

 เป็นที่แน่แท้แล้วว่าในช่วงชีวิตใหม่นี้ โชคชะตาไม่คิดจะเล่นตามกฎเกณฑ์เดิมของมัน

 ท้ายที่สุดสถานการณ์ที่เขาหวั่นเกรงมากที่สุดก็ได้ปรากฏขึ้น

 หลังจากนิ่งไปสักพักสองตาของกู่ฉิงซานก็ค่อยเปิดออก พยายามเอ่ยให้กำลังใจตนเองอย่างเงียบๆ

 เขากล่าวถาม “พวกคุณไปได้คนคนนี้มาจากที่ไหน”

 บริกรกล่าว “เขาเป็นพนักงานคนหนึ่งของเรา จู่ๆ เขาก็พุ่งไปกัดเจ้านาย และเจ้านายก็จู่โจมเขากลับด้วยความโกรธ ทว่าเขากลับไม่ตาย”

 “โชคดีอย่างไม่น่าเชื่อที่เขาเลือกที่จะกัดบรรพชนนักสู้”

 ระหว่างกล่าว กู่ฉิงซานก็ก้าวไปยังเบื้องหน้าสองสามก้าว

 ชายที่ถูกตรึงบนผนังรู้สึกได้ถึงลมหายใจของมนุษย์ สองตาของเขาเปิดออก ปากเผยออ้าพะงาบๆ จนน้ำลายสาดกระเซ็น

 อ๊าก!

 เสียงคร่ำครวญดิ้นรนดังกังวาน เขาพยายามดิ้นรนที่จะออกจากผนัง

 เมื่อมองไปยังความปรารถนาอันแรงกล้าทว่าขณะเดียวกันก็บ้าคลั่งของเขา ซางหยิงฮ่าวก็สามารถตระหนักได้อย่างชัดเจน 

แท้จริงแล้วชายคนนี้กำลังหิว หิวโหยมากๆ และเขาต้องการที่จะกินคนตรงหน้า

 ด้วยความคิดดังกล่าวนี้ทำให้ขาทั้งสองของซางหยิงฮ่าวด้านชา และไม่อาจก้าวขยับได้เป็นเวลานาน

 กู่ฉิงซานเดินตรงเข้าไปยังผนัง ดาบพิภพปรากฏขึ้นอีกครั้งในมือก่อนมันจะถูกยกสูงขึ้นและ 

จ้วงแทงปลายแหลมของมันออกไปอย่างแรง! 

ดาบนี้มิได้ยั้งมือใดๆ ทั้งคนทั้งผนังเหล็กหน้าถูกทะลวงจนเป็นหลุมขนาดใหญ่ 

ทั้งทั่วอาคารเกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย ผนังบางส่วนปริแตกจนเศษอิฐร่วงตกลงมา 

ในเวลานี้ แม้กระทั่งบริกรของคาสิโนเองก็เริ่มที่จะพากันหลบหนีออกมาจากตัวอาคารแล้ว 

“นายไม่ต้องการเจ้าหมอนี่ ก็ไม่เห็นว่าจะต้องทำแบบนี้เลยนี่ อย่างไรเสียชายคนนี้ก็คือสินทรัพย์ของนายกับฉันนะ” ซางหยิงฮ่าวทนไม่ไหวจึงโพล่งออกมา 

“สินทรัพย์?” บนใบหน้าของกู่ฉิงซานเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มอันขมขื่น 

“ไอ้สิ่งที่เรียกว่าสินทรัพย์น่ะมันไม่มีอีกแล้วล่ะ” เขากล่าว 

“นายพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร เกิดอะไรขึ้น มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?” ซางหยิงฮ่าวตระหนักถึงบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล 

กู่ฉิงซานลากตัวเขาและเดินจากไป “เวลาไม่คอยท่า ไว้เราเดินไปคุยไปดีกว่า” 

ทั้งสองเดินออกจากคาสิโน 

กู่ฉิงซานหันไปมองหน้าอีกฝ่ายและกล่าวอย่างเด็ดขาด “ฉันจะขอแนะนำอะไรนายสักอย่างนะ” 

“และนายต้องตั้งใจฟังให้ดี” เมื่อเห็นกู่ฉิงซานทำท่าทีแบบนี้ ซางหยิงฮ่าวก็เริ่มจริงจังขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกัน 

กู่ฉิงซาน “เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนั้นมันไม่มีค่าอะไรเลย หากนายพบเจอกับมันอีกครั้ง มันจะบีบคอนาย จากนั้นก็ระเบิดหัวนายจนกว่าจะกระจุย” 

“อย่าถูกมันสร้างบาดแผลหรือแม้กระทั่งรอยขีดข่วน อย่าให้มันกัดนายเด็ดขาด” 

ซางหยิงฮ่าว “แล้วถ้าถูกกัดล่ะ?”

กู่ฉิงซานเงียบ ไม่เอ่ยคำใด 

ซางหยิงฮ่าว เอ่ยด้วยความสงสัย“นายเป็นอะไรไป? ฉันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับนาย?” 

กู่ฉิงซานถอนหายใจยาวและกล่าว “ในเวลานี้ นายควรจะให้ความสนใจกับการปกป้องตัวเอง เพราะฉันยังไม่อยากจะเสียหุ้นส่วนไป” 

“หมายความว่าอย่างไร” ซางหยิงฮ่าวงง 

“เจ้าโง่!” กู่ฉิงซานจู่ๆ ก็ตะโกนออกมา “ที่พวกเราพึ่งเจอน่ะ นั่นมันคือร่างที่ติดเชื้อ! หากมันกัดใครคนคนนั้นจะกลายร่างเป็นผีดิบ!” 

“วันสิ้นโลกมันกำลังจะมาถึง นายเข้าใจหรือเปล่า!? มหาสมุทร! มนุษย์ และอีกมากมายที่กำลังจะตามมา! มันจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง! ทุกสิ่งอย่างเลย!” 

ซางหยิงฮ่าวกลายเป็นโง่งม 

เขาไม่เคยเห็นกู่ฉิงซานแสดงท่าทีโกรธเกรี้ยวเช่นนี้มาก่อน 

ขนาดตอนที่บรรพชนนักสู้โจวไค่หวูเล่นไม่ซื่อกับกู่ฉิงซานครั้งแล้วครั้งเล่า เขายังไม่เผยท่าทีโกรธเกรี้ยวแบบนี้ออกมาเลย 

“ขอโทษที” กู่ฉิงซานตระหนักว่าตนเองแสดงอารมณ์ไม่เหมาะสมออกไป เขาจึงค่อยๆ ลดน้ำเสียงลง “ถ้านายยังคงมีคนใกล้ชิดอยู่ร่วมกันในท่ามกลางฝูงชนแล้วล่ะก็ จงไปปกป้องพวกเขา ให้เร็วที่สุด” 

ซางหยิงฮ่าวจ้องมองอีกฝ่ายอย่างจริงจังชนิดหัวชนฝาและกล่าว “บอกฉันมาที ว่านายกำลังโกหกฉัน” 

“ไม่ ฉันพูดจริงๆ ฉันขอใช้หัวตัวเองเป็นประกันเลย” กู่ฉิงซานสู้ไม่ถอย จ้องอีกฝ่ายสวนกลับ 

ในที่สุดเขาก็ยอมเอ่ยความจริงออกมา “ที่ฉันแนะนำให้นายช่วยคนใกล้ชิดอย่างรวดเร็วนั่นก็เพราะหากพวกเขาถูกกัด ก็จะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้อีกแล้วนะ” 

ซางหยิงฮ่าวนิ่งไปครู่หนึ่ง และในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าคำกล่าวของกู่ฉิงซานหมายถึงอะไร

 “น้องสาวฉัน!” 

เขาพลันนึกได้ถึงบางสิ่ง และสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว 

“บ้าจริง หวังว่าจะยังทันนะ!” 

หนึ่งฝ่ามือกดลงบนพื้น เปล่งเสียงตะโกน “จงออกมา แมวดำ! กวางป่า! ” 

ทันใดนั้นก็ปรากฏหลุมขนาดใหญ่ขึ้นบนพื้นดิน 

แมวดำกระโดดออกมาเป็นตัวแรก 

ตามมาด้วยกวางสีน้ำตาลที่มีเขายาวแตกแขนงไปจนแลดูคล้ายกิ่งก้านของต้นไม้  

ซางหยิงฮ่าวกระอักเลือดออกมา ทว่าตอนนี้เขาไม่มีเวลาพอจะสนใจมัน 

เขากระโดดขึ้นไปบนตัวกวาง พร้อมกับแมวดำที่อยู่บนไหล่ 

“เจ้าแมวดำ รีบนำทางไปยังที่ที่น้องสาวฉันอยู่เร็วเข้า! ส่วนกวางป่า! นายสับฝีเท้าให้เต็มกำลังเลย!” 

กวางป่าสูดถอนลมหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนจะย่ำพื้นในก้าวแรก และก้าวต่อไปก็พลันทะยานขึ้นไปย่ำลงในอากาศที่ว่างเปล่า มุ่งเหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า 

ความเร็วของกวางป่าค่อยๆ เร่งขึ้น เร่งขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็แลดูคล้ายดาวตกสีน้ำตาล โฉบข้ามผืนฟ้าออกไปสุดสายตา 

หลังจากที่ซางหยิงฮ่าวได้จากไปแล้ว กู่ฉิงซานก็บังคับให้ตนเองสงบลง เพื่อคิดหาวิธีรับมือเกี่ยวกับมัน 

ซูเซี่ยเอ๋อกำลังจะไปปิดด่านฝึกตนอยู่ในตระกูล ส่วนตระกูลซูก็มีการป้องกันอย่างแน่นหนา แถมบนเกาะที่ตั้งตระกูลก็ยังมีมืออาชีพระดับที่สี่คอยคุ้มครองอยู่อีก 

ในเรื่องความปลอดภัยของเธอ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร 

ส่วนแอนนา ด้วยความแข็งแกร่งของเธอ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเช่นกัน 

ที่เป็นปัญหาก็คงไม่พ้นพวกพลเมืองทั่วไปนี่แหละ พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความแข็งแกร่งค่อนข้างต่ำ 

กู่ฉิงซานหยิบสมองควอนตัมส่วนบุคคลออกมาและเปิดมัน 

“เทพธิดากงเจิ้ง” เขากล่าวเรียก 

หนึ่งวินาที สอง สาม 

“ฉันได้ยินเสียงเรียกของคุณ ไม่ทราบว่าใต้เท้าผู้ทรงเกียรติกู่ฉิงซานมีอะไรให้รับใช้” 

เสียงของเทพธิดากงเจิ้งได้ดังขึ้น 

กู่ฉิงซานเริ่มเล่าสถานการณ์ให้เธอฟัง  

เขากล่าวต่อ “ฉันได้พบกับสถานการณ์พิเศษนี้ และหวังว่าคุณจะให้ความสนใจกับมัน” 

ทันใดนนั้นเขาก็นึกได้ถึงบางสิ่งจึงเอ่ย “จริงสิ ทางที่ดีที่สุดคุณควรเชื่อมต่อกับท่านประธานาธิบดี เราจะพูดคุยเรื่องนี้ด้วยกัน” 

เทพธิดากงเจิ้ง “ตกลง เช่นนั้นจะทำการเชื่อมต่อกับประธานาธิบดีผ่านทางเครื่องมือสื่อสารโดยใช้อำนาจพลเมืองผู้นำสูงสุด คุณอนุมัติหรือไม่?” 

“ฉันอนุมัติ” 

“ทราบแล้ว กำลังทำการเชื่อมต่อกับประธานาธิบดี” 

หลังจากนั้นไม่นาน ภาพของประธานาธิบดีก็ปรากฏขึ้นบนจอม่านแสง 

ใบหน้าของเขาเผยถึงความเหนื่อยล้าอย่างลึกล้ำ ภายในดวงตาเต็มไปด้วยรอยเส้นเลือดสีแดง 

กู่ฉิงซานรู้สึกว่าเขาดูแก่ลงมากทีเดียว 

เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงของมหาสมุทรในช่วงเวลานี้ ดูเหมือนจะทำให้เขาตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนัก 

“ฉิงซาน เทพธิดากงเจิ้ง มีเรื่องอะไรงั้นเหรอถึงได้ต้องการพูดคุยกับฉัน?” ประธานาธิบดีเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย

 “ถ้าจะให้พูดให้ถูกต้องก็คือ ผมต่างหากที่ต้องการจะคุยกับคุณและเทพธิดากงเจิ้ง” 

“มีเรื่องอะไรที่จะต้องพูดในคืนนี้อย่างงั้นเหรอ ฉันว่าจะกลับไปพักผ่อนสักหน่อย ไว้พวกเราค่อยพูดคุยกันตอนมื้อกลางวันจะดีกว่าไหม” ประธานาธิบดีกล่าวด้วยรอยยิ้ม 

เขากล่าวเสริม “ฉันสัญญาว่าจะไปทานมื้อกลางวันกับเธออย่างแน่นอน แต่อาจจะไม่ใช่เร็วนี้ๆ ช่วงนี้ฉันค่อนข้างจะยุ่งมาก อย่างตอนนี้ฉันก็อยู่ในห้องทำงานพร้อมกับบรรดาลูกน้องของฉัน” 

กู่ฉิงซานยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าว “เกรงว่าบางทีคืนนี้ท่านคงไม่ได้พักผ่อนซะแล้วล่ะครับ” 

“เอ๋? เธอหมายความว่าอย่างไร” ประธานาธิบดีค่อนข้างงุนงง 

กู่ฉิงซานสูดหายใจลึก 

จากนั้นเขาก็กล่าวอะไรบางอย่างออกมาซึ่งมันถึงขั้นทำให้สีหน้าของท่านประธานาธิบดีแปรเปลี่ยนไป 

“นับจากนี้ไป ฉันขออนุมัติให้ท่านประธานาธิบดีสามารถใช้ผลงานการวิจัยทั้งหมดของฉันได้ โดยไม่ต้องถามถึงการขออนุมัติจากฉันเป็นพิเศษ” 

“เกิดอะไรขึ้น หรือว่ามีชนชั้นสูงบางคนกำลังคุกคามเธอ?” น้ำเสียงของประธานาธิบดีเริ่มรุนแรง 

กู่ฉิงซานส่ายหัวและกล่าว “เทพธิดากงเจิ้ง อนุมัติให้บันทึกเสียงของฉันไว้หน่อยจะได้ไหม?” 

“ทำการอนุมัติการบันทึกเสียง ร้องขอให้ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติกู่ฉิงซานเริ่มดำเนินการต่อไป” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว 

กู่ฉิงซานพยักหน้า ก่อนจะเริ่มอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม 

“ตอนนี้ได้เกิดการแพร่กระจายของไวรัสสองสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์” 

“ไวรัสตัวแรก จะแพร่กระจายออกไปผ่านการติดเชื้อจากบาดแผล คนที่ติดเชื้อจะสูญเสียสติและมีหิวกระหายในเนื้อมนุษย์ และต้องการกัดกินพวกเขาเป็นอาหาร ผมเรียกมันว่าโรคผีดิบ” 

“ไวรัสตัวนี้จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับความแข็งแกร่งของร่างกายมนุษย์ ยิ่งร่างกายแข็งแกร่ง ก็ยิ่งมีโอกาสน้อยลงที่จะติดเชื้อ” 

“แต่นั่นเป็นข่าวดีเพียงหนึ่งเดียว โรคผีดิบนั้นสามารถแพร่กระจายออกไปได้เป็นวงกว้าง แต่มันจะไม่มีวิวัฒนาการ” 

นอกเหนือจากไวรัสผีดิบแล้ว ยังมีอีกหนึ่งไวรัสที่น่ากลัวยิ่งกว่า ซึ่งมันก็คือไวรัสตัวที่สองที่ผมกำลังจะพูดถึง” 

กู่ฉิงซานเงียบไปครู่หนึ่ง 

‘บัดซบ โลกใบนี้มันจะเอาอย่างไรกับฉันกันแน่’ 

ไวรัสตัวต่อไป มันเป็นไวรัสที่แม้กระทั่งเหล่ามืออาชีพก็ยังไม่อาจหลบหนีจากโชคชะตาของมันได้ 

เขากัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะพยายามสงบสติอารมณ์ลงและกล่าวต่อ 

“ไวรัสตัวที่สองจะทำให้มนุษย์กลายเป็นผีร้ายนักฆ่า”  

“ทุกคนมีโอกาสที่จะได้รับการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูงหรือต่ำ ไม่ว่าจะได้รับการป้องกันที่เข้มงวดเพียงใด เว้นแต่จะเป็นมืออาชีพระดับสี่หรือเหนือยิ่งกว่าเท่านั้นถึงจะรอดพ้นจากเงื้อมมือชั่วร้ายของไวรัสตัวนี้ได้” 

“แม้ว่าผู้ติดเชื้อจะได้รับการฉีดเฮโรอีนที่มีความเข้มข้นสูงสุดแล้วก็ตาม แต่สมองของผู้ติดเชื้อก็จะไม่หลั่งสารโดปามีนออกมาอยู่ดี” 

*โดปามีนเป็นสารช่วยควบคุมสมองและอารมณ์ความรู้สึก 

“มีเพียงการลงมือฆ่าสังหารเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างความพึงใจให้แก่ผู้ติดเชื้อได้ และนั่นเป็นจะกลายเป็นความคิดเพียงหนึ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในสมองของผู้ติดเชื้อ” 

“หากใครคนใดติดเชื้อตัวดังกล่าว พวกเขาจะเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะฆ่าสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในสายตา” 

กู่ฉิงซานหยุดนิ่งไปอีกครั้ง 

ในที่สุด เขาก็ได้เอ่ยความจริงที่ทำให้มนุษยชาติต้องสิ้นหวังออกมา 

“มันสามารถแพร่เชื้อได้ทางอากาศ” 

“และสามารถวิวัฒนาการได้” 

........................................