ฮันตื่นขึ้นมาอีกทีเขาก็อยู่ที่โรงพยาบาลเสียแล้ว ใครพาเขามากันล่ะเนี้ย โซลเหรอ? หรือว่าโซลจะโทรหาพี่คริส? เขาต้องโดนบ่นเป็นแน่ ไม่ใครก็ใครสักคนนี้แหละที่จะบ่นเขา ว่าแต่ คนอื่นหายไปไหนกันหมดล่ะเนี้ย
แอ๊ด
ฮันหันหน้าไปตามเสียงประตู ปรากฏร่างของชายอีกสามคน นั่นคือคริส เลวิสและใครอีกคนที่ฮันไม่รู้จัก "ดีขึ้นหรือยังครับ" ชายคนนั้นถามขึ้น ฮันจ้องมองดูชายคนนั้นดีๆ อีกครั้งก็พบว่านี่คือคุณหมอพิช คุณหมอที่ดูแลเขามาตั้งแต่แรกนั้นเอง
"ครับ" ฮันตอบกลับพิชไปสั้นๆ จากนั้นพิชก็ถามต่อ "ถ้าอย่างนั้น พอจะจำได้ไหมว่าก่อนจะสลบไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง" ฮันเล่าเรื่องทั้งหมดที่จำได้ รวมถึงภาพที่เห็นก่อนที่เขาจะสลบไปด้วย
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของคุณหมอตัวเล็กก่อนคุณหมอจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สดใสว่า "ดีแล้วครับ" คริสหันหน้ามามองพิชทันที ไอการที่ฮันปวดหัวจนสลบแล้วมาโรงพยาบาลแบบนี้มันดีตรงไหนกัน พิชหันไปเห็นคริสก่อนที่รอยยิ้มบนหน้าของคุณหมอตัวเล็กจะหายวับไปทันที ก่อนจะรีบอธิบายในสิ่งที่ตนกำลังดีใจอยู่
"น้องเริ่มจำได้แล้วครับ สิ่งที่น้องเห็นก่อนจะสลบไปคือความทรงจำของน้องครับ" พิชพูดจบก็ล้วงมือลงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อของตน ก่อนจะยื่นมันให้กับคริส "ขอไลน์ไว้ได้ไหมครับ ทุกคนเลย" พอเห็นเลวิสทำหน้ามึนๆ ใส่เหมือนจะถามว่า'เอาไปทำไม'ใส่ก็พูดต่อ "เผื่อมีอะไรก็บอกได้เลยครับ ช่วงนี้พิชว่างน่ะ ดูเคสเดียว" จากนั้นคริสก็จัดการใช้โทรศัพท์ของพิชแอดไลน์ของพวกเขาให้เรียบร้อยก่อนจะส่งมันคืนเจ้าของ
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ" พิชที่กำลังจะเดินออกไปก็หันกลับมาอีกครั้ง "พิชให้น้องแอดมิดหนึ่งคืนนะครับ รอดูอาการก่อน ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วพรุ่งนี้ก็กลับได้ครับ" จากนั้นพิชก็เดินออกไปจากห้อง
หลังจากที่พิชเดินออกไปภายในห้องก็เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องที่ฮันได้เป็นคนทำลายมันลงด้วยคำถามคำถามหนึ่ง "พี่ทิมเคยโดนรถชนไหมครับ"
ในจังหวะเดียวกันนั้นก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับอีกสามคนที่เดินเข้ามา "ดีขึ้นหรือยัง" โซลถามขึ้นก่อนจะเดินมาหยุดที่ข้างเตียงของเพื่อนสนิท ฮันพยักหน้าเป็นการตอบคำถามของโซล
เลวิสถามฮันอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ฟังผิด "เมื่อกี้ฮันถามว่าอะไรนะ" "พี่ทิมเคยโดนรถชนไหมครับ" ฮันถามอีกครั้ง เมื่อเลวิสมั่นใจว่าตนไม่ได้ฟังผิดก็หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าและเดินออกไปจากห้องทันที
ขณะเดียวกันคริสก็หันไปมองโซลเป็นเชิงถามว่า'พอจะรู้อะไรไหม' โซลที่เข้าใจคริสก็ส่ายหน้าเพราะตนก็ไม่เคยได้ยินว่าทิมเคยโดนรถชนไหมเหมือนกัน
ตอนนี้ในห้องเต็มไปด้วยความเงียบ เรียกว่าเงียบได้ไหมนะ ในเมื่อมันมีแต่เสียงโทรศัพท์ของเจแปนที่เอาแต่คุยกับใครก็ไม่รู้ตั้งแต่เดินเข้ามา และเหมือนมันจะเป็นแบบนั้นมาตลอด
ผ่านไปสักพักใหญ่ก็มีเสียงดังขึ้นจากทางประตูพร้อมกับเสียงของชาร์ลีที่รีบวิ่งเข้ามาดูเพื่อนของตนและพ่นคำถามใส่ฮันไม่หยุด "นายโอเคไหม" "เป็นอะไรหรือเปล่า" "ตอนนี้-" "เราไม่เป็นอะไรแล้วชาร์ลี" ฮันตัดคำถามทั้งหมดของเพื่อนด้วยคำตอบเพียงคำตอบเดียว
"ไง" ฮันหันไปตามเสียงเรียกนั้นก็เห็นทิมที่ยืนอยู่ ดูแล้วเลวิสคงเป็นคนโทรตามสองคนนี้มาเป็นแน่ เมื่อฮันเห็นทิมก็ถามเขาทันทีเรื่องรถชนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทิมที่ได้ยินก็มองหน้าฮันนิ่งๆ ก่อนจะตอบว่า "พี่ไม่เคยโดนรถชนนะ คนที่โดนน่ะคือแม่-" ทิมชะงักไปหลังจากพูดประโยคนั้น ก่อนจะหันไปทางอื่นเป็นการบอกว่าเขาไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
ฮันที่กำลังจะอ้าปากถามต่อก็ต้องหยุดเมื่อเจแปนพูดแทรกขึ้นมา "หมอของฮันคือใครเหรอครับ" เจแปนเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ "หมอปรีชายุทธ์น่ะ" เลวิสตอบไป ใช่ ปรีชายุทธ์คือชื่อจริงของพิชนั่นเอง เจแปนส่งเสียง'อืม'ในลำคอเบาๆ ก่อนจะหันไปสนใจโทรศัพท์ต่อ สกายที่นั่งเงียบตั้งแต่เข้ามาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าสะลึมสะลือว่า "เรากลับกันไหม นี่มันดึกแล้วนะ" ดูท่าจะง่วงมากจริงๆ นั่นแหละ "กลับกันก่อนเลยก็ได้" คริสตอบ
หลังจากที่ทุกคนออกไป ตอนนี้ภายในห้องก็เหลือเพียงคริส เลวิสและฮันที่ตอนนี้ได้หลับไปแล้ว "คริสนายกลับไปนอนที่บ้านก็ได้นะ เดี๋ยวฉันอยู่เฝ้าฮันเอง" เลวิสเอ่ยขึ้น ยังไม่ทันที่คริสจะได้ตอบเลวิสก็ลุกขึ้นยืนพร้อมหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องไป เป็นการบังคับว่ายังไงคริสก็ต้องกลับบ้าน
เช้าวันต่อมา พิชเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับบอกว่าฮันสามารถกลับบ้านได้แล้วเพราะว่าฮันไม่มีอาการผิดปกติใดๆ และก่อนจะออกไปพิชก็บอกไว้ว่าถ้ามีอะไรก็ทักมาบอกเขาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ จากนั้นเลวิสก็พาฮันกลับมาที่บ้าน
.
ฮันเดินกลับเข้าบ้านไปก็เจอกับทิมที่กำลังจะเดินลงมาพอดี ด้วยความค้างคาใจจากเมื่อวานฮันจึงตัดสินใจถามทิมเรื่องเกี่ยวกับแม่ของทิมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทิมเงียบไปราวกับกำลังไตร่ตรองว่าเขาควรจะบอกฮันดีหรือไม่ ระหว่างนั้นเองทิมก็คิดถึงคำพูดของคริสว่ามันจะช่วยฮันได้ ทิมจึงตัดสินใจบอกความจริงทั้งหมดกับฮันและมันก็เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด ฮันไม่ตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้นราวกับสติไม่ได้อยู่กับตัวอีกแล้ว ก่อนจะเดินกลับห้องของตนไปโดยไม่ได้หันกลับมามองคนที่คิดว่าตนกำลังจะต้องเสียน้องชายที่น่ารักไปอีกครั้ง