webnovel

IANZO Since 2040

ในอนาคตที่โลกได้ดำเนินมาถึงจุดที่มนุษย์ไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อีกต่อไป นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งก็ได้ทำการทดลองจนได้รับสิ่งที่ถูกนิยามว่า 'เวทมนตร์' ขึ้นมาใช้กอบกู้โลกที่มืดมนเหลือเกินในตอนนั้นให้กลับมาสงบสุขเรื่อยมาและก่อเกิดเป็น ‘เอียนโซ’ องค์กรนักเวทมนตร์ผู้ถูกสรรเสริญเป็นวีรบุรุษกอบกู้โลกในปี 2040 เรื่องราวการเดินทางของ ‘วีโอเลต รอจเจอร์’ เด็กสาวที่เกิดจากครอบครัวธรรมดา ผู้มีความฝันเกินกว่าความธรรมดา เธอฝันอยากจะก้าวข้ามไปอยู่ในโลกของนักเวทมนตร์เหมือนกับพ่อของเธอที่สละชีวิตเพื่อปกป้องโลกใบนี้ไปตั้งแต่ก่อนเธอจะลืมตาขึ้นมาดูโลกเสียอีก...ทว่าสุดท้ายแล้วเธอกลับลงเอยด้วยการกลายเป็น ‘นักเวทมนตร์นอกรีด’ ศัตรูตัวฉกาจขององค์กรเอียนโซอย่างปริศนา... จุดหักเหแห่งชีวิตของนักเวทมนตร์นอกรีดผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคตคนนี้มาจากอะไร? ยังคงเป็นเรื่องราวลึกลับและไม่อาจคาดเดาได้...

O_Jay · Fantasía
Sin suficientes valoraciones
42 Chs

บทที่ 7 งานวิจัยของนักเคมีเวทมนตร์ (1/2)

บทที่ 7

งานวิจัยของนักเคมีเวทมนตร์ (1/2)

3ปีถัดมา

ณ ห้องเรียนมหาวิทยาลัย สาขา 'เคมีเวทมนตร์' ประจำโซน A

เด็กสาวผมสั้นระดับคางกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะแถวหลังสุดของห้อง ดวงตาสีบลูเบอร์รี่ของเธอทอดมองไปที่ด้านนอกหน้าต่างเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาที่หนังสือที่กางอยู่บนโต๊ะ

หนังสือขนาดA5ของเธอดูมีสภาพค่อนข้างเก่าเนื่องจากการใช้งานหนักของเธอตลอดเวลาเกือบ ๆ20ปีที่ผ่านมา ยังไม่นับรวมกับที่เจ้าของเก่าเคยใช้มาก่อนหน้านั้นอีกไม่รู้กี่ปี

ในหน้าที่เธอเปิดอยู่ มีทั้งข้อมูลดั้งเดิมที่ถูกพิมพ์ด้วยหมึกพิมพ์มาตั้งแต่ต้น และข้อมูลที่ถูกเขียนเพิ่มโดยหมึกปากกาของหญิงสาวเจ้าของคนปัจจุบันปนกันจนจัดว่าเลอะเทอะ คงจะมีเพียงเจ้าของหมึกปากกาเท่านั้นแหละที่อ่านเข้าใจ

สูตรการผสมยาเคมีที่เดิมก็มีข้อมูลเยอะอยู่แล้ว ถูกเพิ่มสูตรบ้างแก้สูตรบ้างจนข้อมูลล้นไปหมด

"สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่านักเวทมนตร์ก็ยังต้องพึ่งพาพวกเราที่เป็น 'นักเคมีเวทมนตร์' อยู่ดี...เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะพวกเขาไม่สามารถซ่อมแซมพลังงานของตัวเองได้หลังจากที่ใช้มันอย่างหนักหน่วงน่ะสิ ถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นฉากหลัง แต่ก็เป็นฉากหลังที่สำคัญ" เสียงของศาสตราจารย์สาวที่อยู่ด้านหน้าห้องกำลังเน้นย้ำถึงความสำคัญของอาชีพ 'นักเคมีเวทมนตร์' ให้กับเหล่านักศึกษาปี4ในห้องเรียนฟัง

ติ๊ก...ติ๊ก...ติ๊ก...

ระหว่างคาบเรียน หญิงสาวดูเหมือนจะไม่ได้สนใจการสอนของศาสตราจารย์หน้าคลาสแม้แต่น้อย สายตาของเธอเปลี่ยนสลับกันไปมาอยู่3ที่ คือ วิวนอกหน้าต่าง, หนังสือบนโต๊ะ (ซึ่งไม่เกี่ยวกับคาบเรียนสักนิด) และเข็มนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง ซึ่งกำลังบอกเวลา 16.29 น.

แต๊ง!!

หลังจากกดดันนาฬิกาด้วยการนั่งจ้องมันไปร่วม ๆ2นาที เสียงของนาฬิกาที่มักจะดังเหง่งหง่างน่ารำคาญเป็นสัญญาณของการเลิกคลาสเรียนก็ดังขึ้น

ในที่สุด !!

หญิงสาวคิดในใจก่อนจะหันขวับมองหนังสือบนโต๊ะ แล้วรีบปิดหนังสือเก็บเข้ากระเป๋าเป้ด้วยความเร็วแสงแล้วจึงสะพายกระเป๋าลุกออกไปทางประตูทันที

"วีโอเลต" เสียงนิ่ง ๆของศาสตราจารย์ผู้สอนเอ่ยชื่อของสาวน้อยที่กำลังจะก้าวเท้าออกจากห้อง ทำเอาเธอเบรกตัวเองหันกลับมาแทบไม่ทัน

"ค่ะศาสตราจารย์" นัยน์ตากลมโตของเธอเบิกโพลงเล็กน้อย เธอหันมามองหน้าศาสตราจารย์พลางใช้มือจัดผมด้านหน้าเบาๆ

"ได้ข่าวว่าช่วงนี้กำลังเตรียมงานวิจัยกับ 'นิปุณ' อยู่เหรอ?"

"อ๋อ ค่ะ" เธอตอบกลับก่อนจะค่อย ๆลดมือที่จัดผมเมื่อสักครู่ลงมาแนบตัว

"แค่นี้ทางเอียนโซก็อยากจะมาทาบทามตัวเธอไปทำงานจะแย่แล้ว ยังต้องสร้างผลงานเพิ่มอีกเหรอเนี่ย?"

"ก็...เป็นงานวิจัยที่หนูกับปุณกำลังสนใจน่ะค่ะ ก็เลยว่าจะทำเป็นโปรเจกต์ส่งท้ายก่อนเรียนจบกันไปเลย" สาวน้อยสายตาล่อกแล่กอยู่แวบหนึ่ง แต่ก็สามารถกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มหวานได้ในเสี้ยววินาทีและยังสามารถปั้นคำโกหกที่ฟังดูดีขึ้นมาได้1ประโยค

"ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะยกงานวิจัยให้นิปุณเพื่อจะได้เข้าทำงานที่เอียนโซเหมือนกันหรอกใช่มั้ย? ถึงพวกเธอจะเป็นเพื่อนสนิทกันแต่เธอก็ควรจะปล่อยให้เขาได้คิดไอเดียของตัวเองเสนอทางนั้นไปเองนะ คนเราก็ต้องใช้ฝีมือตัวเองสิ ไม่ใช่เอาแต่เกาะติดเธอต้อย ๆแล้วก็ฮุบงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ง่าย ๆ" ศาสตราจารย์สาวพูดคำพูดประโยคที่กระตุกต่อมหงุดหงิดของสาวน้อยแรงมาก

"เอ่อ หนูว่าศาสตราจารย์เข้าใจผิดนะคะ คำว่าเกาะติดต้อย ๆเนี่ย ฟังดูแล้วมันแง่ลบมากเลยนะคะ หนูกับปุณเป็น 'เพื่อนสนิท' กันค่ะ การที่หนูอยู่ด้วยกันบ่อย ๆก็ไม่ได้มีอะไรน่าแปลกประหลาดนี่คะ แล้วคำว่าฮุบงานเนี่ย ไม่น่าออกมาจากปากศาสตราจารย์ได้เลยนะคะ มีหลักฐานอะไรมาบอกว่าเพื่อนหนูฮุบงานงั้นเหรอคะ?" วีโอเลตฉอดใส่หญิงตรงหน้าด้วยใบหน้านิ่งเฉย ทำเอาฝ่ายตรงหน้าหน้าถอดสีไปไม่น้อย

"ไม่ไง ฉันก็แค่เตือนให้เธอระวังตัวไว้ ยังไงเธอก็เป็น 'อันดับ1' ของโลกเชียวนะ ก็ควรจะระวังคนใกล้ตัวที่อาจจะใช้ประโยชน์จากความใกล้ชิดเธอไว้หน่อยสิ"

"เรื่องนั้นหนูระวังมากเลยล่ะค่ะ ระวังจนไม่กล้าคบเพื่อนแล้วค่ะ ถึงได้มีเพื่อนสนิทอยู่คนเดียวนี่แหละค่ะ หนูกับปุณเป็นเพื่อนกันมาเกือบจะ10ปีแล้ว ไม่มีอะไรเหลือให้หนูระแวงนักหรอกค่ะ ถ้าศาสตราจารย์ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรหนูขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" เธอรีบรวบรัดตัดตอนให้จบแล้วเดินออกไปโดยไม่ได้สนใจว่าจะทำให้มีคนเกลียดขี้หน้าเธอเพิ่มขึ้นอีก1อัตรา

ถ้าจะมีใครที่คิดจะหลอกใช้เอาผลประโยชน์จากฉันล่ะก็ คงไม่พ้นพวกศาสตราจารย์ที่มหา'ลัยนี้หรอก

สาวน้อยคิดในใจ พลางกึ่งเดินกึ่งวิ่งผ่านทางเดินอาคารเรียนที่แสนยาวไกล

'วีโอเลต รอจเจอร์ นักศึกษาภาคเคมีเวทมนตร์ อันดับ1ของโลก' ข้อความปรากฏอยู่บนหน้าจอLEDที่ทำหน้าที่เป็นกระดานข่าวหลักประจำมหาวิทยาลัย ในป้ายนั้นมีภาพของเธอเด่นหลาอยู่ ผมซอยสั้นระต้นคอทรงเดียวกันกับเธอในปัจจุบัน ทว่าผมจริงๆที่ถูกย้อมเป็นสีแดงประกายชมพูของเธอ ในภาพนั้นกลับถูกแต่งภาพให้เป็นสีดำ ด้วยสาเหตุที่บอกว่า มันดูไม่สุภาพสำหรับภาพลักษณ์ของนักเคมีเวทมนตร์เสียเท่าไหร่...อันที่จริงตอนถ่าย พวกเขาขอให้เธอย้อมผมดำด้วยซ้ำ แต่เธอก็ไม่ใช่เด็กว่านอนสอนง่ายนัก

"..." หญิงสาวเจ้าของภาพหยุดยืนมองด้วยสายตาประหลาดใจ เธอหรี่ตาลงด้วยความไม่พอใจนัก

ทำไมยังไม่เอาออกสักทีวะ?

เธอคิดในใจก่อนจะเดินผ่านไปด้วยสีหน้าเบื่อโลก ก่อนจะเดินเข้าไปเปิดประตูห้อง ๆ หนึ่งที่อยู่ถัดไปจากบอร์ดไม่มากนัก ด้านหน้ามีป้ายเขียนระบุไว้ว่า 'ห้องวิจัยเคมีเวทมนตร์'

ด้านในของห้องไม่ได้มีเครื่องตกแต่งเป็นพิเศษ มีเพียงชั้นวางที่ประดับไว้โดยถ้วยรางวัลรูปร่างแตกต่างกันมากมาย ประมาณ50%ของถ้วยรางวัลนั้นเป็นรางวัลชนะเลิศ และในบรรดารางวัลชนะเลิศทั้งหมดนั้น มีชื่อของคน ๆเดียวกันปรากฏอยู่

'วีโอเลต รอจเจอร์'

เจ้าของรางวัลเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเบื่อโลก ก่อนจะเข้าไปนั่งที่โต๊ะสีขาวในห้องซึ่งมีผู้มาก่อนนั่งอยู่แล้ว

"นี่ไปเรียนหรือไปรบมาเนี่ย? ทำหน้าให้มันดี ๆหน่อยดิ" ชายหนุ่มผู้นั่งสังเกตสีหน้าของผู้มาใหม่ตั้งแต่ตอนเปิดประตูเข้ามาทักทายอย่างคุ้นเคยกันดี

"ปุณ! แกเห็นไอ้บอร์ดหน้าห้องป่ะ?" วีโอเลตหันไปบ่นกับเพื่อนสนิทที่นั่งเท้าคางรอฟังเรื่องราวอย่างตั้งใจ

นัยน์ตาสีดำสนิทของเขาจดจ่ออยู่ที่ฝ่ายตรงข้ามด้วยความเคยชิน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นเธอในโมเม้นหัวร้อน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเดาวิธีรับมือ

"ป้ายไหนอ่ะ? ป้ายน้องวีโอเลตผมดำอ่ะนะ?"

"เออดิ ป้ายนั้นแหละ ไหนเขาบอกฉันว่าจะติดไว้ถึงแค่สิ้นดือน?"

"ลืมเอาออกมั้ง แกก็ไปแจ้งศาสตราจารย์เอาดิ"

"พูดไปเขาก็ทำเป็นรับปากฉันไปอย่างนั้นแหละ เดี๋ยวก็ทำตีมึนปล่อยไว้อีกอ่ะ แกก็รู้" วีบ่นด้วยสีหน้างอแง

"แล้วจะบ่นทำเพื่ออะไรวะ" ปุณถามพลางขำเบา ๆในลำคอ

"ก็แค่บ่นขิงข่าให้แกฟังไง แกก็รู้ว่าฉันบ่นให้แกฟังได้คนเดียว ชีวิตฉันมีเพื่อนอยู่คนเดียวไงแกไม่รู้เหรอ?"

"อ่ะ ๆๆ เรื่องนั้นก็เรื่องนึง แต่ว่านะ...ย้อมผมอีกแล้วเหรอวะ?" ปุณปรับเปลี่ยนบรรยากาศโดยการเปลี่ยนหัวข้อ และโฟกัสไปที่สีผมบนหัวเพื่อนรัก

"...แหะ ๆ อุตส่าห์โวยวายเรื่องอื่นบังหน้าก็ยังจะเห็นอีก ตาดีนะเราอ่ะ" สาวน้อยหัวเราะแห้ง ๆ พลางลูบปลายผมตัวเองเบา ๆ

"เมื่อวานยังผมเขียวอยู่เลย ดูไม่รู้เลยมั้งเนี่ยแม่คุณ" ปุณแซวก่อนจะหันไปหยิบแท็บเลตขนาดครึ่งA4มากดเปิดหาข้อมูล "เออนี่ ฉันอ่านข้อมูลที่แกสรุปไว้เมื่อวานแล้วนะ 3สูตรล่าสุดก็ดูใช้ได้แล้วนี่หว่า...แล้วยังไงต่ออ่ะ? แกจะให้ฉันเป็นหนูทดลองเหรอ?"

"จะบ้าเหรอ? ฉันไม่ยอมให้แกชิงตายไปก่อนหรอกนะ อยู่ชดใช้กรรมเก่าด้วยการเป็นเพื่อนฉันไปอย่างนี้แหละ"

"รู้ทันได้ไงวะ บ้าบอ" ปุณแซวกลับ ก่อนจะปรับสีหน้ามาจริงจังขึ้นอีกนิด "แล้วตกลงเอาไงเนี่ย?"

"ก็ต้องไปลองกับ 'เมจ' สิ"

"แกมีเพื่อนเป็นเมจที่จะยอมมาลองยาให้ด้วยเหรอวะ?"

"เอ๊ะแกนี่ยังไง ก็พูดอยู่ปาว ๆ ว่าชีวิตฉันมีเพื่อนคนเดียว จะมีปัญญาไปหามาจากไหน?" =_=

"อ้าว แล้วจะไปหาเมจมาจากไหน?"

"ยื่นเรื่องขอจากศาสตราจารย์ไง ตึกข้าง ๆ เราก็มีเมจอยู่เยอะแยะ ขอมาแค่3คนก็เหลือแหล่แล้ว"

"จะบ้าเหรอ? ใครเขาจะอนุมัติให้แก?"

"แล้วทำไมจะไม่อนุมัติอ่ะ?"

"ที่เราพูดถึงกันอยู่คือ 'เมจ' นะเว้ย กลุ่มบุคคลสำคัญแห่งชาติอ่ะ ทางเอียนโซเขาคงจะปล่อยเด็กมาเป็นหนูทดลองให้งานวิจัยของเราหรอก"

"พูดให้ครบ ๆหน่อย ไม่ใช่แค่ 'งานวิจัย' แต่เป็น 'งานวิจัยของวีโอเลต แอนด์ นิปุณ'" เธอว่าพลางยกศอกขึ้นโต๊ะแล้วชี้นิ้วมาที่ตัวเองและเด็กหนุ่ม

"..." เด็กหนุ่มผู้ถูกพูดถึงยังคงหรี่ตามองเพื่อนสาวผมชมพูแบบไม่เชื่อใจ

"ปุณ แกอาจจะลืมตัวไปบ้างนะเว้ย แต่เรา2คนเป็นใคร? นักเคมีเวทอันดับ1กับ2ของโลกนะเว้ย"

"...แต่ว่า..." ปุณเริ่มดูมีความหวั่นไหวในแววตาเล็กน้อย

"ปุณ ๆๆ ปุณเพื่อนรัก" วีขัดขึ้นมาพลางโบกไม้โบกมือไม่ให้พูดต่อ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้และเดินไปตบไหล่เพื่อนรักเบา ๆ ก่อนจะเริ่มปฏิบัติการเป่าหูเพื่อนรัก "ฉันไม่ได้มีดีแค่ฝีมือผสมสารเคมีอยู่แล้ว แกก็รู้นี่ว่าฝีมือการนำเสนอโปรเจกต์ของฉันอยู่ระดับไหน" ทั้ง2คนหันมามองหน้ากันด้วยแววตาที่แน่วแน่ขึ้นมา วีโอเลตบีบไหล่เพื่อนรักเบา ๆ ในขณะที่เพื่อนรักก็หันมาพยักหน้าเบา ๆโดยไม่รู้ตัว...

ห้องพักศาสตราจารย์ 'เจด้า'

วีกับปุณเดินควงแขนกันมาแบบเกร็ง ๆ เป็นการควงแขนของหนุ่มสาวที่ไร้ซึ่งบรรยากาศโรแมนติกมุ้งมิ้งใด ๆ เพราะใบหน้าของทั้ง2คนแสดงออกชัดเจนว่า เครียด!

กึก!

2คนหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง ก่อนจะหันมามองหน้ากัน

"แกแน่ใจนะว่าเอาอยู่" ปุณหันมาถามย้ำกับเพื่อนสาว

"เออ ฉันมันเก่งอยู่แล้ว ต้องเอาอยู่สิ"

"โชคดีนะเว้ย เข้าไปเอาเมจมาใช้งานให้ได้" ปุณให้กำลังใจอย่างจริงจัง ก่อนที่จะปล่อยมือที่ควงกันไว้ออกและยื่นแท็บเลตที่ถูกหนีบไว้โดยแขนอีกข้างขึ้นมาส่งให้ร่างบาง

"แกเตรียมห้องวิจัยรอเลยก็ได้นะเว้ย ฉันมั่นใจมาก" แววตากล้า ๆกลัว ๆของเด็กสาวจู่ ๆก็เปลี่ยนเป็นแววตามุ่งมั่นขึ้นมา เธอรับแท็บเลตมาถือก่อนจะสูดหายใจเข้าอีกทีแล้วจึงหันไปเคาะประตู

แอ๊ดดด

วีก้าวเข้าห้องไปในที่สุด ในขณะที่ปุณนั่งรอที่ระเบียงหน้าห้องในมุมที่พอจะมองเห็นภาพของเพื่อนรักกับศาสตราจารย์ที่อยู่ด้านในได้ แม้จะไม่ได้ยินเสียงก็ตาม

ภาพที่เห็นคือ วีเริ่มฉายภาพจากแท็บเลตเข้าโปรเจคเตอร์เครื่องใหญ่ของศาสตราจารย์และกำลังร่ายยาวด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง

ในช่วงแรก ๆ ปฏิกิริยาของศาสตราจารย์ดูจะลำบากใจเหมือนคนที่อยากจะปฏิเสธ ทว่าหลังจากได้หลงกลฟังวีพูดต่ออีกไม่กี่ประโยค หน้าตาเธอก็เริ่มคล้อยตามโดยไม่รู้ตัว

ใกล้แล้วสินะ น่าจะอีกนิด... โอ๊ะ ไม่นะ ทำไมอาจารย์ทำหน้าตาสงสัยขึ้นมาแบบนั้นล่ะ?

ศาสตราจารย์ดูเหมือนจะถามอะไรกลับมาสักอย่างด้วยสีหน้าสงสัย และวีโอเลตเพื่อนรักก็พลิกเกมด้วยการ...

ตบโต๊ะ!

ใช่! ไอ้วีหันไปตบโต๊ะศาสตราจารย์เต็มแรง! ถึงจะไม่ได้ยินเสียง แต่ปุณก็มั่นใจว่าวีเพื่อนรักตบโต๊ะแรงมาก!

ศาสตราจารย์ดูตกใจกับการกระทำนั้นอย่างมาก...ปุณที่ลุ้นอยู่ข้างนอกก็เช่นกัน!

ทว่า สักพัก วีโอเลตก็เริ่มพูดอะไรบางอย่างต่อ และการพูดของเธอนั้นเป็นดั่งเวทมนตร์สะกด...ไม่นานนัก ศาสตราจารย์เริ่มพยักหน้าตามคำพูดของเธอ...แววตาที่เคยไม่มั่นใจของศาสตราจารย์เริ่มเปลี่ยนไป...เปลี่ยนไปเป็นแววตาแห่งความหวัง! ตอนนี้ดวงตาของศาสตราจารย์ไม่เห็นอะไรอีกแล้วนอกจากความหวังของมวลมนุษยชาติที่อยู่ในงานวิจัยชิ้นนี้!

ถึงจะได้เห็นได้ยินบ่อย ๆ แต่นิปุณก็ยังไม่เคยชินกับการนำเสนองานของวีโอเลตที่มักจะดึงความอลังการเว่อร์วังออกมาจากชิ้นงานของเธอได้มากกว่าที่ทุกคนคิดเสมอ ถ้าความสำคัญของงานวิจัยมีความสำคัญ10แต้ม เธอก็สามารถนำเสนอให้งานวิจัยดูสวยงาม สำคัญ และดูมีอะไรเพิ่มขึ้นมาอีก100แต้ม!

และผลของการนำเสนอชั้นสูงของเธอในวัน แน่นอนว่า...

1สัปดาห์ต่อมา

ห้องวิจัยเคมีเวทมนตร์

บรรยากาศอึมครึมทะมึนทึนทึกได้ปกคลุมไปทั่วห้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เนื่องมาจากการมาเยือนของ 'Top3 ว่าที่นักเวทฝึกหัด' และศาสตราจารย์ผู้รับผิดชอบประจำปราสาทเอียนโซ

"ศาสตราจารย์เจด้า คุณรู้ใช่มั้ยว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเรื่องจะไม่จบง่าย ๆ เพราะถ้าเด็ก3คนนี้เป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็ เอียนโซจะสูญเสียบุคลากรหัวกะทิไป" ศาสตราจารย์แห่งปราสาทเอียนโซ ที่มีป้ายชื่อติดหน้าอกเขียนไว้ว่า 'เจฟฟ์' เริ่มทำการขู่ขึ้นมาในระดับหนึ่ง หน้าตานิ่งเฉยของเขาให้ความรู้สึกเย็นชาจนสัมผัสได้ไม่ยาก

"เข้าใจค่ะศาสตราจารย์ แต่เด็ก2คนนี้เองก็เป็นนักเคมีเวทที่ถือว่าเป็นบุคลากรหัวกะทิในอนาคตของเอียนโซเหมือนกันค่ะ ไม่มีทางจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอนค่ะ" ศาสตราจารย์เจด้าบลัฟกลับบ้าง ซึ่งคำพูดนั้นเอานิปุณเริ่มตัวเกร็ง หันไปแอบกระซิบกับวีที่ยืนอยู่ข้าง ๆกัน

"งานวิจัยเรามันจำเป็นต้องใช้ระดับTop3ด้วยเหรอวะ? เมจทั่วๆไปก็พอแล้วมั้ง"

"สงสัยฉันจะโม้ใหญ่ไปหน่อยว่ะ ก็ไม่ได้คิดว่า'จารย์จะเล่นใหญ่ตามเบอร์นี้" ทั้งสองคนแอบบ่นกันเบา ๆ แต่ทางวีโอเลตเองก็ไม่ได้ดูหวั่นเกรงมากนัก เธอยังคงมีความมั่นใจอยู่ในแววตาอย่างล้นเหลือ "แกเตรียมไปเปิดไฟล์พรีเซ้นต์ที่ฉันเตรียมไว้ในแฟลชไดรฟ์ได้เลยนะ ดูหน้าแต่ละคนแล้วมีปัญหาแน่นอน" วีคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า...

และก็เป็นอย่างที่เธอคิด ศาตราจารย์เจฟฟ์ขอฟังโปรเจคต์งานวิจัยโดยละเอียดก่อนจริง ๆ ทำให้บัดนี้ ปุณต้องไปนั่งเตรียมไฟล์นำเสนออยู่ข้าง ๆ โปรเจกเตอร์ ในขณะที่วีโอเล็ตยืนประจำที่อยู่ข้าง ๆจอ ด้านหน้ามีผู้ฟังเจ้าปัญหาอยู่ 4คนด้วยกัน

คนแรก แน่นอนว่าเป็นศาสตราจารย์เจฟฟ์ผู้หวงแหนหัวกะทิทั้ง3ของปราสาทยิ่งชีพ ดวงตาของเขาแลดูช่างเชือดเฉือน

ถัดมา เป็นว่าที่นักเวทฝึกหัดคนแรก 'เตวิช วิริญ' ที่วีโอเลตรู้สึกคุ้นเคย ชายหนุ่มผู้หน้าตาดูมีปัญหาน้อยที่สุดใน4คน เขายังคงไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อสามปีที่แล้วนัก ชายร่างสูงโปร่งผิวขาวเหลือง ผมสีดำขลับซอยสั้นระต้นคอ ที่หน้าผากมีผมปรกลงมาปิดหน้าผากเล็กน้อย นัยน์ตาสีเดียวกันกับสีผมแลดูว่างเปล่า ราวกับ...หุ่นยนต์? คงจะมีแค่แววตาของเขานั่นแหละที่ดูให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ต่อมา เป็นว่าที่นักเวทสาวหนึ่งเดียวในนี้ 'เซเนท พิมารัน' เธอมีร่างที่เรียวบางแต่ก็ยังดูสมส่วนกับความสูงชะลูด ผมยาวสีบลอนด์ขับกับผิวสีแทนของเธอดูเข้ากันอย่างน่าประหลาด นัยน์ตาสีน้ำตาลแลดูอ่อนโยนขัดกับแววตาเย็นชาที่เธอแสดงออกมาในขณะนี้...ดูมีปัญหาระดับหนึ่ง แต่ไม่น่าจะมากเกินไปหรอกมั้ง?

คนสุดท้าย 'วิคเตอร์ เดแคลน' ชายร่างสูงไหล่กว้าง หุ่นนักกีฬา ผิวสีแทนขับกับสีผมและสีนัยน์ตาดำสนิท แววตาของชายคนนี้ดูมีความซุกซนฉายออกมาไม่น้อยแม้ว่าเขาจะยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ ที่คอมีสร้อยสายเป็นโลหะห้อยจี้รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีเงินค่อนข้างสะดุดตา...และนั่นเป็นเครื่องประดับที่ดึงสายตาของวีโอเลตไปไม่น้อย ทว่าเธอยังคงต้องเก็บอาการให้นิ่งเอาไว้เพื่องานครั้งนี้เสียก่อน

"สวัสดีค่ะ อย่างที่เราคุยกันไปเมื่อกี้เนอะว่าทางพวกเรา ผู้วิจัยโปรเจกต์ การพัฒนาสารเคมีเสริมพลังงานเวทมนตร์ จะขอนำเสนอรายละเอียดของงานวิจัยกันก่อน ดิฉัน วีโอเลต รอจเจอร์ และผู้ร่วมวิจัย นิปุณ ลันตา ขออนุญาตเริ่มเลยนะคะ" วีโอเลตเริ่มต้นจากการแนะนำตัวและเตรียมแนะนำโปรเจกต์ต่อ ทว่าเด็กหนุ่มเจ้าของแววตาซุกซนกลับขัดขึ้นมาทันที

"เมื่อกี้เธอบอกว่า...วีโอเลต รอจเจอร์?" วิคเตอร์พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาทุกคนหันไปมองเขาด้วยความสงสัย

"...ค่ะ ชื่อฉันเอง วีโอเลต รอจเจอร์...มีอะไรรึเปล่า?" สาวเจ้าของชื่อที่ถูกเอ่ยถึงหันไปถามย้อนด้วยความสงสัย

"ว้าว นี่มันไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอเนี่ย? …เอ่อ จริง ๆก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันไม่มีปัญหาอะไร ต่อได้เลย" ชายหนุ่มพึมพำด้วยใบหน้ายิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะพูดปัด ๆไปโดยไม่อธิบายการกระทำแปลก ๆของตัวเอง

แม้จะพูดว่าไม่มีอะไร แต่แววตาแสนซนของเขากลับแลดูทวีคูณความซนมากขึ้นไปอีก ชายหนุ่มตั้งใจมองไปที่วีโอเลตอย่างใจจดใจจ่อ

ถึงจะยังงุนงงกับการกระทำแปลกประหลาดของชายหนุ่ม แต่วีโอเลตก็ไม่เสียโฟกัส เธอกลับมาสนใจที่การนำเสนองานวิจัยของตัวเองต่อ

"ก็ สารเคมีที่เตรียมไว้มีอยู่ 3สูตรด้วยกันนะคะ เราจะให้ทั้ง 3คนทดลองใช้คนละตัว ใช้เวลาในการทดลอง 1สัปดาห์ ในระหว่างนี้เราจะค่อย ๆเพิ่มความเข้มข้นเพื่อเช็คการตอบสนองของร่างกายค่ะ ถ้าร่างกายเกิดปฏิกิริยาที่เบาที่สุด แต่ให้พลังงานเพิ่มสูงที่สุด สารตัวนั้นจะถูกยื่นเสนอต่อองค์กรพัฒนาและวิจัยสารเคมีของทางเอียนโซค่ะ" เธอร่ายยาวตามข้อมูลที่ปรากฏขึ้นบนจอ

"ทำไมถึงต้องค่อยๆเพิ่มด้วยล่ะ? จริงๆพวกเราก็รับสารเคมีในปริมาณสูงได้อยู่แล้ว ทำไมไม่ใช้ปริมาณสูงสุดไปเลย...หรือว่ามีจุดประสงค์อะไรแฝงอยู่ในงานวิจัยรึเปล่า?" เซเนทยกมือขึ้นตามมารยาท และพูดแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้านิ่งเฉย "ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะวิจัยยาไปใช้กับเด็กธรรมดาหรอกเหรอ?"

ยัยนี่ตาคมเป็นบ้า!

วีโอเลตชะงักไปแว่บหนึ่ง แต่ก็ตั้งสติกลับมาภายในเสี้ยววินาที

"จุดประสงค์หลักของเราตอนนี้คือการวิจัยเพื่อหาสารเคมีที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายน้อยที่สุดแต่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดค่ะ และถ้าถามว่าทำไมต้องส่งผลกระทบน้อยที่สุด?" วีหันไปมองหน้ากับปุณที่แสตนบาย และพยักหน้าส่งสัญญาณเล็กน้อย ก่อนที่เพื่อนรักจะกดเปลี่ยนไฟล์ที่โชว์บนจอ "เราจะมาดูสไลด์เรื่อง ผลกระทบของสารเคมีเสริมพลังงานเวทที่มีต่อร่างกายมนุษย์กัน หัวข้อแรก ผลกระทบต่อร่างกายของเมจตามมาตรฐานทั่วไปค่ะ" สาวน้อยค่อยๆอธิบายอย่างคล่องแคล่ว "ในที่นี้เราจะมาพูดถึงร่างกายของเมจตามพื้นฐานโดยทั่วไป โดยปกติแล้วในเด็กที่เกิดมาเป็นเมจอาจจะมีประมาณ5%ที่ร่างกายทนรับการเสริมพลังงานได้นับครั้งไม่ถ้วน เพราะมีพลังงานมากพอที่จะซ่อมแซมร่างกายได้ทัน แต่อีก95%ที่เหลือ พบว่าไม่สามารถซ่อมแซมร่างกายได้แบบเดียวกัน เพราะสารเคมีส่งผลกระทบต่อร่างกายค่อนข้างรุนแรง หากใช้เป็นประจำในระยะเวลาเกิน 10ปี มีโอกาสเกิดความแปรปรวนในร่างกาย ในนักเวทจำนวนมากที่ผ่านการปฏิบัติงานเกิน 5ปี จะตรวจพบเซลล์มะเร็งที่มีการวินิจฉัยจากการแพทย์แล้วว่าเกิดจากสารเคมีเสริมพลังงานเวท ดังนั้นการใช้สารเคมีตัวดั้งเดิมจึงไม่ยังไม่เป็นที่ยอมรับในระยะยาวค่ะ"

วีโอเลตสวมมาดของนักเคมีเวทเต็มตัว ก่อนจะร่ายยาวข้อมูลที่เตรียมไว้ทั้งในจอและในบทพูด

"...จะดีกว่ามั้ยคะ!?" เธอหันมาโพล่งเสียงดังแบบไม่ให้ทุกคนได้ตั้งตัว ทำเอาทุกคนในห้องสะดุ้งโหยงไม่เว้นแม้แต่นิปุณที่เตรียมพรีเซ้นมาด้วยกัน

คิดว่าเตรียมบทมาแค่ตามสไลด์ซะอีก มีด้นสดเพิ่มอรรถรสด้วยแฮะ ไม่ผิดหวังจริง ๆ =_=b

"ถ้ามีสารเคมีตัวใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายน้อยลงหรืออาจจะไม่เกิดผลกระทบเลย แต่ได้ประสิทธิภาพที่เท่าเดิมหรืออาจจะมากขึ้นไปอีก…" วีโอเลตเท้ามือสองข้างที่โต๊ะด้านหน้าและทำหน้าจริงจัง ส่งสายตาให้ผู้ฟังในห้องอย่างช้า ๆทุกคน ก่อนจะพูดต่อ "ดังนั้นจุดประสงค์หลักของงานวิจัยนี้ คือการลดผลกระทบทางร่างกายให้แก่เมจทุกรายค่ะ"

หลังจบประโยคนั้น ทุกคนในห้องนิ่งไป สายตามองมาที่แม่สาวนักเคมีเวทคนเก่งหน้าจอโปรเจกเตอร์ราวกับเริ่มโดนมนตร์สะกด

วีโอเลตรับรู้ความรู้สึกของทุกคนได้ และรู้สึกได้แล้วว่าเธอสามารถจบการนำเสนอได้ตรงนี้เลย ไม่จำเป็นต้องพูดต่อแล้ว...แต่เจ้าตัวกลับรู้สึกตงิดใจขึ้นมาเสียเอง

ไม่เอาน่า พอได้แล้ว วีโอเลต ไฟล์นำเสนออีกไฟล์ของเธอมันเสี่ยงเกินไป!

หญิงสาวพยายามกดความครั่นเนื้อครั่นตัวของตัวเอง และก้มหน้าลง หลับตาลง สงบจิตใจ...สงบสิ...สงบเถอะ ขอร้องล่ะวีโอเลต!