บทที่ 8
งานวิจัยของนักเคมีเวทมนตร์ (2/2)
ความคิดในหัวของเธอตีกลับอย่างแรง สุดท้ายวีโอเลตก็แพ้ใจตัวเอง เธอหันไปมองหน้านิปุณอีกครั้ง และส่งสัญญาณด้วยการพยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่เพื่อนสนิทผู้รู้ใจจะทำการเปิดไฟล์ลึกลับที่วีโอเลตแอบเตรียมเก็บไว้
ทุกคนในห้องดูแปลกใจที่ จู่ ๆ เธอก็เปิดการนำเสนองานเพิ่มด้วยตัวเองแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
"แต่หลังจากที่ลดผลกระทบให้กับร่างกายให้กับเมจแล้ว สารเคมีสูตรที่วิจัยก็ยังมีโอกาสที่จะทำให้ร่างกายมนุษย์ทั่วไปสามารถรับการเสริมพลังเวทได้มากพอที่จะพัฒนาเป็นนักเวทได้เช่นกันค่ะ"
ทุกคน โดยเฉพาะศาสตรจารย์เจฟฟ์ เริ่มขมวดคิ้วทำหน้าเครียดปนสงสัย ไม่รอช้า วีโอเลตรีบชิงอธิบายต่อตามหน้าจอที่เปิดสไลด์เตรียมไว้
'สถิติการเกิดของเมจ'
บนหน้าจอ ขึ้นข้อความหัวข้อหลักค้างไว้ ก่อนที่จะถูกนิปุณกดเปลี่ยนเข้าไปยังหน้าถัดไปที่แสดงข้อมูลของหัวข้อ
"สถิติการเกิดของเมจเป็นปัจจัยที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ และยังมีไม่มากพอสำหรับความต้องการของอาชีพนักเวท ดังนั้นหากมีการพัฒนาสารเคมีที่เสริมพลังงานเวทในตัวคนธรรมดาทั่วไปได้สูงมากพอที่จะสามารถเข้ารับการทดสอบเพื่อเป็นนักเวทฝึกหัดได้ และร่างกายสามารถรับไหว เราจะสามารถควบคุมปัจจัยการเพิ่มขึ้นของอาชีพนักเวทได้ในอนาคตค่ะ" เธอร่ายยาวราวกับปลดปล่อยความในใจ ก่อนจะเบรกตัวเองไว้เล็กน้อย "แน่นอนว่านี่เป็นแค่ผลพลอยได้เท่านั้นค่ะ แต่ถ้าสำเร็จได้จริง ๆ นี่อาจเป็นงานวิจัยที่ต่อยอดจนเกิดความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญได้เช่นกันค่ะ"
"แค่ผลพลอยได้? แต่เตรียมไฟล์พรีเซ้นท์มาอย่างดีเชียวเนี่ยนะ?" เจฟฟ์ท้วงขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ แต่จริง ๆ ดิฉันค่อนข้างจะเป็นคนเตรียมพร้อมอยู่แล้วค่ะ ไม่ว่าเรื่องหลักหรือเรื่องรองเราก็ควรจะให้ความสำคัญทั้งนั้นค่ะ เพราะไม่แน่ว่าผลพลอยได้ของเรื่อง ๆ หนึ่งก็อาจจะให้ผลดีมากกว่าที่เราจะจินตนาการได้ค่ะ" วีโอเลตพูดพลางยิ้มหวานให้ชายหนุ่มเจ้าปัญหาตรงหน้า ก่อนจะพูดต่อ "การจะเป็นนักเรียนสาขาเคมีเวทอันดับ1ที่เอียนโซจองตัวน่ะ ไม่ได้มาจากแค่พรสวรรค์หรือได้มาแบบฟลุ๊ค ๆนี่คะ"
ทุกคนนิ่งไปอีกครั้ง เนื่องจากไม่มีจุดโต้แย้งที่จะหามาเถียงหญิงสาวตรงหน้าได้
และพวกเขาเองก็รู้สึกได้ว่า ต่อให้พยายามยกเรื่องอะไรขึ้นมาขัดขวาง แม่สาวนักเคมีเวทคนนี้ก็ยังคงมีคลังข้อมูลมากพอที่จะโต้กลับมาได้เรื่อย ๆอยู่ดี
ดูแววตากระหายชัยชนะของเธอสิ!
"มีคำถามอะไรเพิ่มเติมรึเปล่าคะ?" วีโอเลตถามคำถามสุดท้าย ก่อนจะค่อย ๆมองไล่รายบุคคล
ศาตราจารย์เจฟฟ์ส่งสายตาไม่พอใจมา แต่ก็ไม่ได้ค้านอะไรต่อ เขาแค่ยักไหล่เบา ๆเป็นการบอกว่าไม่มีอะไรแล้ว
เตวิชมองหน้าเธอนิ่ง ๆ พลางส่ายหัวเบา ๆ ...เขาก็ดูไม่ได้มีปัญหาอะไรมาตั้งแต่ต้นแล้วล่ะนะ
เซเนทมองด้วยสายตาเย็นชาตามสไตล์ปกติของเธอ ก่อนจะส่ายหัว
และสุดท้าย วิคเตอร์ผู้นั่งเท้าคางมองวีตลอดการนำเสนอ เขายิ้มหวานให้หญิงสาวก่อนจะส่ายหัวด้วยคน
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครคัดค้านอีกแล้ว วีจึงหันไปมองหน้าปุณและพยักหน้าพลางส่งสายตาผู้ชนะไปให้เขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะยิ้มบางๆตอบกลับ และลุกขึ้นยืนเพื่อไปจัดเตรียมข้าวของตามที่คุยกันไว้แล้ว
"วันนี้เราจะเริ่มจากความเข้มข้นต่ำสุดก่อนนะ แล้วก็จะแบ่งให้ลองคนละสูตร ทุกคนต้องเข้าไปวัดพลังงานในเครื่องที่ตั้งอยู่ด้านหลังก่อนดื่มน้ำยา 1ครั้ง และวัดหลังจากดื่มน้ำยาอีก 1ครั้ง แล้วก็ค่อยมาวัดอีกทีวันพรุ่งนี้อีก 1ครั้งค่ะ เราจะทำแบบนี้กันทุกวันจนครบ 1สัปดาห์ ถ้าพร้อมแล้วก็เข้าเครื่องกันไปเลยนะ มีอะไรสงสัยก็ถามฉันกับปุณได้เลย" วีโอเลตหันไปอธิบายรายละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะหันไปเห็นวิกเตอร์ยกมือขึ้นด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
"เธอ2คน...เป็นแค่เพื่อนกันใช่ป่ะ?" ชายหนุ่มถามคำถามประหลาดที่ดูจะไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันแม้แต่น้อย
คำถามนั้นทำเอา2คนเพื่อนรักหันมามองหน้ากันด้วยสายตางุนงง ก่อนที่หญิงสาวจะหันไปหาคนถามแล้วพยักหน้าเบาๆ
"อื้อ มีอะไรรึเปล่า?"
"เปล่าหรอก ก็เห็นบอกว่าสงสัยอะไรถามได้" ชายหนุ่มยิ้มหวานอีกรอบ ดวงตาของเขาที่แม้ว่าบัดนี้จะแทบมองไม่เห็นเพราะกำลังยิ้มตาหยีอยู่ แต่ก็ไม่วายฉายความขี้เล่นซุกซนออกมาจากแววตา
วีโอเลตรู้สึกงุนงง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะตอนนี้เธอค่อนข้างจะโฟกัสไปที่งานวิจัยชิ้นสำคัญของเธอ ทว่าชายหนุ่มรายเดิมก็ยังไม่จบ เขายกมือขึ้นอีกครั้งก่อนจะถามคำถามต่อ
"แล้วหลังจบการทดลอง...ฉันมาที่นี่อีกได้มั้ย?" พ่อหนุ่มทำสายตาวิ้งวับส่งมาให้วีไม่หยุด
"...จริงๆ ที่นี่ก็ห้องของมหา'ลัย ถ้าคนที่เกี่ยวข้องกับทางเอียนโซก็ได้รับอนุญาติให้มาได้อยู่แล้วน่ะนะ"
"ถ้ามาที่นี่จะเจอเธอใช่มั้ย?" คำถามของเขาเริ่มทำเอาหญิงสาวอ้ำอึ้งไปไม่ถูกเล็กน้อย
นี่ฉันคิดไปเองหรือเปล่าว่าหมอนี่กำลังเตรียมจะตั้งแผงขายขนมจีบใส่ฉัน?
"ถ้าฉันอยู่ก็เจอแหละ" หญิงสาวปรับเสียงพูดให้เรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
"...ไม่มีอะไรมากหรอก แค่คิดว่า 1อาทิตย์มันอาจจะไม่พอไง เผื่อว่าเธอจะต้องการหนูทดลองเพิ่มเติม จะได้ใช้ฉันได้ไง" วิคเตอร์ยิ้มหวานตามสไตล์ของเขาอีกครั้ง
"..." วีโอเลตเริ่มไม่แน่ใจว่าควรจะตอบกลับแบบไหนดี ถึงจะถนัดรับมือกับคนหน้าหม้อ แต่กับผู้ชายคนนี้เธอยังคงต้องร่วมงานกับเขาในงานวิจัยอีก1สัปดาห์เต็ม ๆ จะพูดปัดรุนแรงมากก็คงไม่ดี...
ในขณะที่หญิงสาวกำลังประมวลผลในหัวสมองอย่างหนัก หญิงสาวเจ้าของผมบลอนด์ก็เดินมาแตะบ่าเพื่อนชายขี้เล่นของเธอเบาๆ ด้วยสีหน้านิ่งเฉย
"เพลาๆ บ้างนะ ไอ้แรดเอ๊ย" เซเนทพูดกับเพื่อนอย่างตรงไปตรงมาด้วยสีหน้าที่นิ่งจนอ่านไม่ออก
"ไม่ได้แรดโว้ย เขาเรียกว่าคนเฟรนลี่" วิคเตอร์หันไปเถียงเซเนทด้วยสีหน้างอแง ก่อนจะยักคิ้วเจ้าเล่ห์ทิ้งท้าย
"เต ไปเข้าเครื่องกันเหอะ จะได้รีบกลับ ไอ้เตอร์มันลีลา" เซเนทชะโงกไปเรียกเตวิชแทน ก่อนจะเดินนำไปที่เครื่องด้านหลังห้อง
ชายหนุ่มเจ้าของสีหน้าเรียบเฉยลุกขึ้นยืนและเดินตามหญิงสาวไปที่เครื่อง ในขณะที่วิกเตอร์นั่งเท้าคางทำตาใสแป๋ว มองอยู่ที่โต๊ะ
วีโอเลตแอบขอบคุณหญิงสาวอีกคนในใจเบาๆ ที่ช่วยขัดจังหวะ ก่อนจะเดินตามเธอไปที่เครื่องโลหะสีเงิน ที่มีรูปร่างเรียบง่าย เป็นเพียงโครงเหล็กสี่เหลี่ยมธรรมดา ทว่าวัสดุที่ใช้ผลิตนั้นเป็นโลหะชนิดพิเศษที่ทางองค์กรเอียนโซทำขึ้นมาใช้ในงานเกี่ยวกับนักเวทโดยเฉพาะ ว่ากันว่ามันเป็นตัวช่วยดูดซับพลังงานของผู้ที่สัมผัส ก่อนจะส่งพลังงานเข้าไปประมวลผลในระบบกลไกของเครื่องเพื่อแสดงผลระดับพลังงานบนหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ติดอยู่บนโครงเหล็ก
เซเนทเข้าไปยืนแนบหลังด้านในโครงเหล็ก เธอจัดระเบียบร่างกายอย่างคุ้นเคยกับขั้นตอน ขา2ข้างของเธอยืนอยู่บนแท่นโครงเหล็ก แผ่นหลัง ขา และศีรษะแนบชิดไปกับโครงโลหะ
เมื่อเห็นว่าเธอยืนเข้าที่เรียบร้อยแล้ว วีก็กดปุ่มเล็กๆ ด้านข้าง ก่อนที่เครื่องจะทำงานเงียบๆ และประมวลผลออกมาเป็นตัวอักษรและตัวเลขปรากฏที่หน้าจอสี่เหลี่ยม
'S.50'
ตัวอักษร S แสดงถึงระดับของพลังงาน ซึ่งจะแบ่งเป็น S, A, B, C และตัวเลขด้านหลังแสดงถึงระดับพลังงาน ซึ่งสูงสุดจะเต็ม 100
กลุ่มที่ถูกเรียกว่าหัวกะทิ จะอยู่ในระดับ S เป็นปกติ คนกลุ่มนี้เปรียบเสมือนชนชั้นสูงในกลุ่มเมจด้วยกันอีกที
วีกดปุ่มที่หน้าจอเพื่อบันทึกผลลัพธ์เข้าระบบ
"โอเค เดี๋ยวไปรับน้ำยาเคมีที่ปุณได้เลยนะ ของเธอจะเป็นสูตร A กินแล้วค่อยกลับมาเข้าเครื่องอีกรอบหนึ่ง" เธออธิบายกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ในเครื่อง ก่อนจะผายมือไปทางเพื่อนรักที่ยืนเตรียมน้ำยาเคมีอยู่อีกมุมหนึ่ง
หลังจากเซเนทเดินออกจากเครื่องไป ชายหนุ่มเจ้าของแววตาว่างเปล่าที่ยืนรอคิวอยู่ก็เดินเข้าเครื่องต่อและจัดระเบียบร่างกายตัวเองให้เรียบร้อย
"สบายดีมั้ย?" เตวิชเอ่ยคำถามแปลก ๆขึ้นมาเบาๆ
คำถามที่ดูประหลาดสำหรับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกัน...แต่กลับไม่ประหลาดสำหรับชายหญิงที่ยืนอยู่ที่เครื่องในขณะนี้
วีโอเลตชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็พยายามปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติก่อนจะตอบกลับไปพลางกดปุ่มที่เครื่อง
"ก็ดีนะ มีเรื่องให้ทำเยอะแยะเลย"
"...ยังเก็บอาการเก่งเหมือนเดิมเลยนะ เธอทำเหมือนไม่รู้จักฉันได้เนียนขนาดนั้นได้ไงเนี่ย?"
"ว่าแต่ฉัน นายเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกันนั่นแหละ" เธอว่าพลางมองหน้าจอสี่เหลี่ยมที่กำลังประมวลผล ก่อนที่ตัวเลขจะหยุด
'S.65'
"...คิดถึงเมื่อก่อนเลยแฮะ"
"ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ…เอาไว้ถ้าฉันเข้าเอียนโซในฐานะนักเวทได้จริงๆ บ้านนายอาจจะพอทำใจได้กับการเห็นเราสองคนเป็นเพื่อนกันก็ได้นะ" หญิงสาวยิ้มบางๆ พลางกดปุ่มบันทึกผลลัพธ์พลังงานของชายหนุ่ม "ไปรับน้ำยาเคมีที่ปุณได้เลยนะ ของนายเป็นสูตร B กินแล้วค่อยกลับมาเข้าเครื่องอีกที" วีปรับอารมณ์กลับมาโฟกัสที่งานวิจัยอีกครั้ง พลางผายมือไปที่เดียวกับที่เซเนทยืนอยู่
ทั้งสองทำหน้านิ่ง เหมือนว่าประโยคสนทนาก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกไปตามทาง
ชายเจ้าของรอยยิ้มขี้เล่นเดินต่อเข้ามาที่เครื่องและมองไปที่หน้าจอแสดงผลระดับพลังงานของเตวิช ก่อนที่เขาจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และยังคงไม่ยอมจัดระเบียบร่างกายให้เหมาะกับการวัดระดับพลังเสียที จนวีเริ่มยืนมองชายหนุ่มสลับกับปุ่มกดที่เธอเตรียมจะกดอย่างงุนงง
"แป๊บนะ ฉันมีทริคลับๆ ที่ฉันมักจะทำก่อนวัดพลังงานน่ะ เขาว่ากันว่าการทำสมาธิให้จิตใจสงบจะช่วยเพิ่มพลังงานด้วยแหละ" วิคเตอร์หันมาอธิบายทฤษฎีประหลาดที่ต้องบอกเลยว่า 'เป็นความเชื่อผิดๆ' ที่แพร่หลายกันในหมู่ว่าที่นักเวทฝึกหัด =_=
เอาเถอะ ถ้าเจ้าตัวสบายใจที่จะทำแบบนั้นเธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะขัดน่ะนะ ยังไงพลังงานก็เท่าเดิมอยู่ดี
วีโอเลตทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อนและพยักหน้าเบาๆ แสดงความเข้าอกเข้าใจ
"...โอเค พร้อมแล้ว กดปุ่มได้เลย" ชายหนุ่มทำหน้าตาขึงขัง และจัดระเบียบร่างกายให้พร้อม
หญิงสาวหันไปกดปุ่มประมวลผลตามปกติ และยืนมองหน้าจอระหว่างรอ
เลขบนหน้าจอดูรันแปลก ๆ เหมือนกับว่ามันรันเร็วกว่าปกติรึเปล่านะ?
หรือว่าทฤษฎีทำใจให้สงบอะไรนั่นมันจะได้ผลจริงเหรอ? ไม่หรอกน่า ฉันเป็นนักเคมีเวทนะ อย่าไปเชื่ออะไรที่ไม่มีงานวิจัยรองรับง่ายๆสิ!
'S.55'
"เยส!"
ทันทีที่ระดับพลังปรากฏขึ้นบนจอ ชายหนุ่มเจ้าของทฤษฎีก็งอข้อศอกขึ้นมากำหมัดและส่งเสียงในเชิงพึงพอใจ...ทำเอาความยึดมั่นในฐานะเด็กวิทย์ฯของหญิงสาวถึงกับแอบสั่นคลอนเบาๆ
คืออะไร? พลังเขาเพิ่มขึ้นจริงเหรอ?
วีโอเลตที่แม้จะคันปากอยากถามออกไป ได้ทำการตั้งสติและบอกตัวเองไม่ให้ทำแบบนั้น เธอเก็กหน้าขรึมทำเป็นไม่สนใจและกดปุ่มบันทึกผลลัพธ์พลังงานตามปกติ
นอกเหนือไปจากเรื่องนั้นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่กวนใจเธอก็ยังมีสร้อยที่ห้อยอยู่บนคอของเขาอีก...หลังจากกดปุ่มบนเครื่องเรียบร้อย วีโอเลตก็เผลอจ้องไปที่จี้ห้อยคอของเขาโดยไม่ทันรู้ตัวเองด้วยซ้ำ
"ฉันไม่แน่ใจเท่าไหร่นะว่าตอนนี้เธอกำลังจ้องที่สร้อยคอของฉัน หรือกำลังจ้องหน้าอกฉันกันแน่ ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลังเนี่ย...ฉันจะรู้สึกไม่ปลอดภัยมากๆเลยนะ" เสียงหยอกล้ออย่างขี้เล่นดังมาจากชายหนุ่มตาเฉี่ยวที่กำลังหรี่ตามองมาที่หญิงสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจ
"อ๊ะ ขอโทษ คือ...นายซื้อสร้อยเส้นนี้มาจากที่ไหนเหรอ? สวยดีนะ" เธอสะดุ้งเฮือกและรีบเงยหน้ามาถามกลบเกลื่อน
"เส้นนี้เหรอ? ฉันได้มาจากคนรู้จักน่ะ เป็นของขวัญวันเกิดล่ะมั้ง?" เขาตอบจริงจัง ก่อนจะคลายยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ "ฉันดีใจนะเนี่ยที่เธอไม่ได้เป็นคนโรคจิตชอบจ้องหน้าอกคนอื่นเขาไปทั่วน่ะ" เขายังคงหยอกเอินทิ้งท้าย
"ไปรับน้ำยาเคมีที่ปุณได้เลยนะ ของนายเป็นสูตร C กินแล้วค่อยกลับมาเข้าเครื่องอีกทีนะ" วีโอเลตรีบเปลี่ยนเรื่องทันท่วงที
"ครับผม" วิคเตอร์หันมาส่งยิ้มหวานครั้งสุดท้าย แต่ยังไม่ขยับตัวไปไหน "ขอเบอร์ติดต่อเธอไว้ได้มั้ย? เผื่อพรุ่งนี้มาถึงไม่เจอ"
"...อ่า คือว่า...ยังไงฉันก็มาสแตนบายรออยู่แล้วล่ะ" เธอพยายามบ่ายเบี่ยง
"ก็เผื่อไว้ไง เผื่อไว้เฉยๆ...นะ?" เขาไม่สนใจท่าทีอึกอักของหญิงสาว แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าก่อนจะยื่นไปให้เธอ
ควับ!
ยังไม่ทันได้ปฏิเสธอะไรต่อ โทรศัพท์มือถือก็ถูกคว้าไปโดยมือของชายอีกคน
นิปุณยืนกดโทรศัพท์สักพักก่อนจะยื่นให้เจ้าของ
"ฉันมาเช้ากว่าน่ะ ถ้ามาแล้วไม่เจอใครก็โทรหาฉันได้เลยนะ" ชายเจ้าของแววตาลูกสุนัขพูดพลางยิ้มละไมส่งให้วิกเตอร์ ทำเอาชายอีกคนถึงกับยู่ปากด้วยความเซ็ง เขาจึงทำได้เพียงรับมือถือกลับมาและยักไหล่ "ของนายเป็นสูตรCนะ ดื่มแล้วนั่งพักสัก5นาที ถ้ามีอะไรผิดปกติก็รีบบอกล่ะ" ปุณยื่นขวดแก้วน้ำยาเคมีให้กับชายเจ้าของแววตาขี้เล่นที่บัดนี้กำลังทำหน้าตาเบื่อโลกขั้นสุด
วิคเตอร์รับขวดแก้วไปดื่มน้ำยาแบบรวดเดียวหมดแล้วคืนแก้วไป ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่อย่างเสียไม่ได้
พอได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ หญิงสาวก็หันไปแอบยกนิ้วโป้งให้เพื่อนรักทิ้งท้ายอย่างชื่นชม...โดยไม่ทันรู้ตัวว่าการกระทำนั้นกำลังอยู่ในสายตาของชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าไร้ความรู้สึก...แววตาที่ส่งออกมาแลดูว่างเปล่าเหมือนเคยๆ แต่กลับแอบแฝงความรู้สึกบางอย่างที่ยากเกินจะอ่านออก...
วีโอเลตหันกลับมาเจอกับสายตาของเตวิชโดยบังเอิญ...พวกเขาสบตากันนิ่งเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่หญิงสาวจะเผยยิ้มบางๆที่มุมปาก ทว่าปฏิกิริยาตอบกลับของชายหนุ่มกลับมีเพียงการหลบสายตาและเม้มปากเล็กน้อย...
...เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่เขามักจะทำเพื่อกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง..เหมือนกับในช่วงเวลานั้น...