บทที่ 39 พูดต่อสิ
เตียงน้อยของเธอปูผ้าปูเตียงลายเชยๆ สีฟ้าขาวของโรงเรียน เธอไม่ชอบผ้าห่มของโรงเรียนเพราะห่มไม่สบาย ต่อมาเลยไปซื้อจากตลาดเล็กๆ หน้าประตูโรงเรียนเองมาหนึ่งผืนซึ่งอุ่นกว่ามาก และลายดอกโบตั๋นสีแดงสดขนาดใหญ่แต่ละดอกนั้นช่างแทงตาเหลือเกิน
และตอนนี้ซือเยี่ยหานกำลังนอนอยู่บนเตียงที่ไม่เข้ากับเขาอย่างสุดโต่งและห่มผ้าห่มลายดอกโบตั๋นผืนนั้น
เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกว่าผ้าห่มลายดอกโบตั๋นแสนเชยผืนนั้นในเวลานี้ดูมีราคาขึ้นมาอย่างประหลาด
“คือว่า...คุณจะนอนที่หอพักของฉันเหรอคะ?”
“มานี่” ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ ไม่อนุญาตให้เอ่ยปากถามสงสัย
“อื้อ” เยี่ยหวันหวั่นกลืนน้ำลาย เดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย
จากนั้น ก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดของเขา นอนด้วยกัน
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งอึ้ง
ตัวเองนอนก็ช่างเถอะ ยังจะต้องลากเธอมานอนด้วยกันคืออะไร!
นอกประตูมีเสียงหัวเราะพูดคุยและเสียงเดินไปมาของเหล่าเด็กสาวอยู่ตลอด ใจของเยี่ยหวันหวั่นตกไปอยู่ตาตุ่มแล้ว รีบลองเอ่ยโน้มน้าว “คือว่า เตียงของฉันที่นี่แข็งมาก นอนไม่สบายจริงๆ! ถ้าหากคุณง่วงแล้วละก็ กลับไปนอนดีไหมคะ?”
ชายหนุ่มกอดเธอไว้ในอ้อมแขนราวกับกำลังกอดหมอนข้าง “สบาย”
ใบหน้าของเยี่ยหวันหวั่นเปลี่ยนเป็นมืดคล้ำ เขากำลังพูดถึงเตียง หรือพูดถึงเธอกันแน่?
“คุณชายเก้า คุณไม่กลับไปนอนจริงเหรอ? คุณฟังดูสิที่นี่เสียงดังหนวกหู เตียงก็เล็ก ไม่พอขาคุณด้วยซ้ำ อีกทั้งคุณหมอโม่ไม่อยู่คุณก็นอนไม่หลับ แล้วก็...”
เยี่ยหวันหวั่นพูดคนเดียวอยู่นานสองนาน สุดท้ายคนบางคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับไป
ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็หยุดพูดอย่างจนใจ
แต่ว่าพอเธอไม่พูด คนบางคนก็ลืมตาขึ้นมา ส่งเสียงแหบต่ำร้องขอ “พูดมาสิ”
เยี่ยหวันหวั่นไม่ทันเข้าใจความหมาย “ฮะ?”
ซือเยี่ยหาน “พูดต่อไปสิ”
เยี่ยหวันหวั่นทำตัวไม่ถูก
อย่าได้ปรนนิบัติยากนักจะได้ไหม จะนอนยังต้องให้เธอกล่อมอยู่ข้างกายด้วยเหรอ?
เยี่ยหวันหวั่นคิดอยากจะถีบผ้าห่มออกไปที่พื้น แน่นอนว่า เธอไม่มีความกล้าแบบนั้นจึงพยักหน้าอู้อี้ “อ้อ...”
แต่ว่า พูด เธอจะพูดอะไรล่ะ?
“เอ่อ ฉันท่องค่าพายให้คุณฟังได้ไหม?” เยี่ยหวันหวั่นลองเอ่ยปากถาม
“อื้อ” คนบางคนพยักหน้า แสดงความไม่เรื่องมาก
ทำให้เยี่ยหวันหวั่นทำได้เพียงเริ่มท่อง “3.1415926535789…”
ค่าพายเป็นตัวเลขจำนวนนับไม่ถ้วน ว่ากันว่ามนุษย์สามารถท่องติดต่อกันยาวนานสิบกว่าชั่วโมงจนถึงตำแหน่งที่หนึ่งแสน
เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่เคยจดบันทึกมาก่อนว่าตัวเองท่องได้ถึงตำแหน่งที่เท่าไรกันแน่ อย่างไรซะซือเยี่ยหานไม่พูดว่าหยุด ก็ทำได้แค่ท่องต่อไป
ผู้ชายที่นอนอยู่ข้างกายเธอช่างหล่อเสียจนสามารถทำให้ท้องฟ้าของชิงเหอสว่างราวกับตอนกลางวัน ผมสีดำราวกับถูกย้อมด้วยสีของราตรี อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างเห็นได้ชัด ผิวที่สมบูรณ์แบบไม่มีรอยตำหนิแม้แต่น้อย ริมฝีปากบางที่ดูเฉยชาทว่าดูดีอย่างที่สุด แม้แต่เส้นผมเส้นเดียวยังเห็นได้ชัดถึงความลำเอียงของผู้สร้าง โดยเฉพาะในเวลานี้เขาปลดกระดุมปกเสื้อให้ปล่อยออก เผยให้เห็นไหปราร้าวับๆ แวมๆ...
หลังจากที่ไม่น่ากลัวขนาดนั้นแล้ว เยี่ยหวันหวั่นพบว่า การนอนอยู่ข้างสินค้าชั้นยอดแบบนี้ เป็นการโดนลงโทษรูปแบบหนึ่ง
เยี่ยหวันหวั่นไม่รู้ว่าตัวเองท่องอยู่นานเท่าไร ท่องจนสุดท้าย ก็ท่องจนตัวเองง่วง สะลึมสะลือไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่ตอนไหน
สุดท้าย เธอถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงเคาะประตู
“ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูเป็นเสียงที่ดังขึ้นอย่างฉับพลันมากในห้องที่เงียบสงบ
ว่าแล้วไง! กลัวอะไรก็เจออะไรจริงๆ!
ผู้ชายข้างกายเหมือนว่ากำลังหลับลึก หลังจากที่ถูกเสียงเคาะประตูรบกวน คิ้วน่ามองนั้นพลันขมวดมุ่น มีเมฆดำทมึนลอยอยู่
เยี่ยหวันหวั่นประหลาดใจเล็กน้อย ซือเยี่ยหานหลับอีกแล้วเหรอ?
ไม่ได้บอกว่าเขานอนยาก จะนอนทุกครั้งต้องมีคุณหมอโม่สะกดให้นอนหลับไม่ใช่เหรอ?
แต่ว่าตอนนี้เธอไม่มีเวลามาคิดอะไรมากมายขนาดนั้นแล้ว จึงรีบผลักคนข้างๆ เบาๆ “ซือเยี่ยหาน! ตื่นสิ!”
.................................................................................