บทที่ 26 จุ๊บๆ รักคุณที่สุดเลย
ที่หอพัก
[คุณชายเก้า~ ทำไมไม่ตอบฉันเลย? ฉันเขียนได้ดีไหม~ ให้รางวัลหน่อย ชมหน่อย ส่งจุ๊บหน่อย~]
เยี่ยหวันหวั่นส่งข้อความไปแล้ว เห็นทางนั้นเงียบไม่มีการตอบกลับ เพื่อความปลอดภัย จึงส่งข้อความนี้ตามไปอีก
ความจริงแล้วในใจเธอกระวนกระวายอยู่ไม่น้อย เพราะไม่มั่นใจว่าซือเยี่ยหานจะหลงกลลูกไม้นี้หรือไม่
อีกอย่างกลอนบทนั้น ความจริงเป็นบทกลอนที่ฝ่ายชายต้องเขียนให้สาวงามที่ตนชอบ
โดนผู้หญิงสารภาพรักได้เลี่ยนแบบนี้ ไม่รู้ว่าคนบ้าบางคนจะโกรธไหม?
ชาติก่อน เธอถูกคนที่ซือเยี่ยหานส่งมาจับตัวจากโรงเรียนไปกลางดึก สร้างความวุ่นวายไปทั้งโรงเรียน มีข่าวลือเรื่องของเธอต่างๆ นานากระจายไปทั่ว บ้างก็บอกว่าเธอมีนักธุรกิจร่ำรวยเลี้ยงดู เป็นเพราะหนีออกมาจึงถูกจับตัวกลับไป บ้างก็ลือกันว่าครอบครัวเธอไปกู้เงินดอกสูง อีกฝ่ายต้องการจับตัวเธอไปขายยังสถานที่แบบนั้น...
แม้ว่าข่าวลือจะไม่มีมูลความจริง แต่เสียงปากของคนจำนวนมาก ย่อมทำให้ผิดกลายเป็นถูกได้
นึกย้อนถึงทุกสิ่งที่ผ่านมา เยี่ยหวันหวั่นหนาวสะท้านไปทั้งตัว...
เวลานี้ โทรศัพท์ในมือพลันสั่นครืดๆ...
เยี่ยหวันหวั่นสะดุ้งเล็กน้อย ค่อยๆ มองไปที่กล่องรับข้อความใหม่...
ซือเยี่ยหานตอบกลับเธอมาคำเดียวว่า “ดี”
เยี่ยหวันหวั่นจ้องไปที่คำว่า “ดี” นั้น ตะลึงค้างไปทันที พูดง่ายแบบนี้เลยเหรอ?
ซือเยี่ยหาน...กับคนที่เธอรู้จักในชาติก่อน...ดูจะไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไรนะ...
เยี่ยหวันหวั่นเอามือเท้าคาง พลางเคาะแก้มเบาๆ จากนั้นก็แก้ไขข้อความบรรทัดหนึ่งก่อนจะกดส่งออกไป [จุ๊บๆ รักคุณที่สุดเลย~ อีกหนึ่งสัปดาห์ก็จะสอบแล้ว เค้ากำลังตั้งใจทบทวนบทเรียน ช่วงนี้ก็เลยส่งข้อความหาคุณไม่ได้ จำไว้ว่าต้องคิดถึงฉันทุกวันนะ~]
เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งจะส่งข้อความนั้นได้ไม่ถึงวินาที อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาทันที [อืม]
จ้องมองคำว่า ‘อืม’ ที่ตรงไปตรงมายิ่งกว่าสิ่งใด เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตาอย่างอึ้งทึ่งอีกครั้ง
นี่...แบบนี้ก็ได้เหรอ?
เมื่อครู่เธอบอกว่าจะไม่ได้ติดต่อเขาหนึ่งสัปดาห์นะ! แบบนี้ก็ตกลงแล้ว?
ตีเธอให้ตายก็คิดไม่ถึง...แค่ออดอ้อนเล็กน้อย ก็ได้ผลแบบนี้จริงเหรอ...
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งอึ้งไปสามวินาที แล้วเอาหน้าผากโขกกับโต๊ะ แทบอยากจะโขกตัวเองให้ตายไปเลย หากรู้แต่แรกว่าซือเยี่ยหานกล่อมง่ายขนาดนี้ ทำไมชาติก่อนเธอต้องทนทุกข์ทรมานมากมายขนาดนั้นด้วย
ดี เมื่อค้นพบอาวุธลับที่จะใช้ต่อกรกับอสูรร้ายแล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องดี
ต่อมา เมื่อจัดการกับซือเยี่ยหานได้แล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็ไม่มีสิ่งรบกวบใจอีก มุ่งความสนใจเข้าไปในทะเลหนังสือ เริ่มต้นการทบทวนหนังสืออย่างจริงจัง
เพียงพริบตาวันเวลาก็ผ่านไปแล้วเจ็ดวัน
เจ็ดวันนี้ แต่ละวันเยี่ยหวันหวั่นได้นอนเพียงสามถึงสี่ชั่วโมงเท่านั้น เพราะต้องอ่านทบทวนเนื้อหาทั้งหมดตั้งแต่มอสี่ถึงมอหก
ตอนนี้เธอสัมผัสได้แล้วว่าการนอนไม่พอมันทรมานมากเพียงใด รอให้สอบเสร็จก่อนเถอะ เธอจะนอนให้ลืมวันลืมคืนไปเลย
วิชาที่ต้องสอบในวันแรกคือสังคมและภาษาจีน เยี่ยหวันหวั่นเดินล่องลอยเข้าห้องเรียนมาราวกับวิญญาณ
ในห้องเรียนเดิมทีมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวอยู่บ้าง แต่วินาทีที่เยี่ยหวันหวั่นปรากฏตัว บรรยากาศในห้องพลันเงียบลงคล้ายกับถูกกลืนเสียง
วันนี้เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้ใส่วิกผมสีเขียว แต่งหน้าลวกๆ พอเป็นพิธี แต่เพราะตลอดเจ็ดคืนที่เธอนอนดึกเพื่อทบทวนหนังสือ รอยคล้ำใต้ตาวงใหญ่จึงดูน่ากลัวยิ่งกว่าการแต่งหน้าสไตล์สโมกกี้อายอีก ผมยุ่งเหยิงยาวถึงเอวมีระดับความน่าสยองขวัญไม่น้อยไปกว่าวิกสีเขียวนั้นเลย...
ชายหนุ่มที่นอนฟุบหลับอยู่กับโต๊ะเหมือนเคย เมื่อได้ยินเสียงเลื่อนโต๊ะเก้าอี้ข้างกาย จึงลืมตาขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
วินาทีต่อมา เขาตกใจจนผงะถอยไปก้าวหนึ่ง เสียงเก้าอี้เสียดสีกับพื้นดังเอี๊ยดบาดแก้วหู
ชายหนุ่มจ้องมอง ‘ซาดาโกะ’ ข้างกาย มีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาบนหน้าผาก ก่อนสบถเสียงเบาด้วยใบหน้าผวา “Shit!”
……….…………………………………………………………..