"เย้ เข้าแล้ว"
เสียงเฮลั่น เมื่อโก้ยิงบอลลูกสุดท้ายเข้าประตู คนทำชัยชนะให้รุ่นหันมายิ้มเต็มรอยจนตาหยีเป็นสระอิ เพื่อนทุกคนเข้ามาล้อมแสดงความยินดี
"อาทิตย์หน้า กินฟรีกันล่ะ"
เพราะกิจกรรมสุดท้ายของวันแรกพบ คือ การแข่งเตะบอลเข้าประตูกับรุ่นพี่ ถ้ารุ่นน้องชนะรุ่นพี่จะเลี้ยงข้าวกลางวันตลอดสัปดาห์หน้า แต่ถ้าแพ้รุ่นน้องต้องจ่ายเอง ซึ่งตอนนี้ทั้งกลุ่มก็ได้กินฟรีแล้ว แม้จะเป็นแค่อาหารกลางวัน แต่สำหรับนักเรียนที่พึ่งจบมัธยมในปี 2531 ก็นับเป็นเงินก้อนใหญ่ทีเดียว หลังจากนัดหมายการมามหาวิทยาลัยครั้งต่อไป ทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันกลับบ้าน
"แล้วนายกลับยังไง โก้"
เพราะเป็นคู่สัมภาษณ์กันตั้งแต่เริ่มเข้ากลุ่ม ทำให้ทั้งสองคนจับคู่ทำกิจกรรมละลายพฤติกรรมกันมาตลอดวัน เมื่อจะกลับบ้าน อธิพัฒน์เลยถามอีกฝ่าย โกมลบอกสายรถเมล์ อธิพัฒน์นึกตำแหน่งบ้านญาติของโก้อยู่ชั่วครู่แล้วบอก
"นายอยู่ประดิพัทธ์ใช่ไหม ถ้านั่งสาย 39 มันอ้อมนะ มันวิ่งไปอนุสาวรีย์ก่อน แล้วนายต้องลงสะพานควาย เดินไกลเลยนะกว่าจะถึงบ้านนาย"
"เรารู้จักสายเดียว เมื่อเช้าก็มาสายนี้"
"เราว่า นายนั่งสาย 3 กลับดีกว่า ขึ้นหน้ามหาลัยเลย มันวิ่งไปทางประดิพัทธ์ ลงหน้าซอยบ้านญาตินายได้เลย ไม่ต้องเดินไกลด้วย"
พัฒน์อธิบายเส้นทางให้คนพึ่งเข้ากรุง แม้จะดูไม่แน่ใจนัก แต่โก้ก็ตัดสินใจ
"เดี๋ยวเราลองกลับแบบที่นายบอกล่ะกัน พอถึงใกล้ ๆ บ้าน คงจำได้ ไม่หลงหรอก"
ท่าทางลังเลนั้น ทำให้คนบอกทางที่ตอนแรกแค่แนะนำเปลี่ยนใจ
"งั้นวันนี้เรานั่งรถไปกับนายด้วย จะได้บอกทางนายได้"
"แล้วบ้านนายไปทางนี้ได้เหรอ"
"ได้ พอนายลงแล้วเรานั่งต่อไปอีกหน่อย ถึงจตุจักรก็ต่อรถอีกสายไปบ้านเรา"
"นายจะเสียเวลาล่ะสิ"
"ไม่เป็นไรหรอก เรานั่งรถเป็นเพื่อนนายไปก่อน ดีกว่านายไปคนเดียวแล้วหลงน่า"
โก้มองคนพูด ตาดำใสกระจ่างแสดงความปรารถนาดีอย่างจริงใจ ตอนแรกแม้จะช่างพูดแต่เหมือนอีกฝ่ายมีกำแพงกั้นแปลก ๆ ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องตัวเอง แต่เมื่ออยู่ด้วยกันทั้งวัน เขาก็เห็นว่า คนตัวเล็กอาจแค่แสดงความรู้สึกไม่เก่ง คงเป็นโชคดีแล้วที่เพื่อนคนแรกที่ได้รู้จักเป็นคนนี้ กำลังจะเดินออกไปหน้ามหาวิทยาลัย เด็กหนุ่มอีกคนก็เดินมาหา
"พัฒน์ จะกลับยัง"
"วีกลับไปก่อนเลย วันนี้เราจะกลับกับโก้ เขาพึ่งมากรุงเทพฯ เราจะนั่งไปเป็นเพื่อน"
วีระพยักหน้ายิ้มให้โกมล แม้จะยังไม่ได้พูดคุยกันมากนัก แต่ก็คุ้นหน้ากันแล้วในกลุ่ม
"นายมาจากโคราช ใช่ไหม จะขอหอในด้วยหรือเปล่า"
มหาวิทยาลัยที่พวกเขาสอบติดพึ่งขยายวิทยาเขตแห่งใหม่ โดยบังคับให้นักศึกษาปีหนึ่งทุกคณะไปเรียนที่ศูนย์รังสิต เพราะพึ่งเปิดวิทยาเขตได้สามปีจึงยังมีหอพักไม่มากนัก หอพักของมหาวิทยาลัยมีแค่สามหอ เป็นหอชายหนึ่งหอหญิงสองหอ ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับนักศึกษาทั้งหมด นักศึกษาที่มาจากต่างจังหวัดจึงได้รับสิทธิให้อยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัยก่อน
"ขอสิ"
"ดีเลย งั้นเดี๋ยวอาทิตย์หน้าไปขอพร้อมกัน จะได้อยู่ห้องเดียวกัน"
"นายไม่ได้เป็นคนกรุงเทพฯ เหรอ"
"เปล่า เราแค่มาเรียน ม.ปลาย ที่กรุงเทพฯ นี่นายเล่นบอลมาก่อนใช่ไหม เราเห็นตอนนายแข่งเตะบอลเข้าโกลด์เมื่อกี้ รู้เลยว่าเล่นเป็น"
"ใช่"
"ดีเลย เราก็ชอบเล่น วันไหนมาเตะบอลกัน"
"ได้เลย"
สองหนุ่มที่ชอบกีฬาเดียวกันเริ่มเข้าขากันมากขึ้น โกมลหันมาทางอธิพัฒน์
"พัฒน์ล่ะ เล่นด้วยกันไหม"
คนถูกชวนส่ายหน้ารัว
"ไม่ล่ะ เราถนัดเชียร์ไม่ถนัดเล่น นายสองคนเล่นเหอะ เดี๋ยวเราเป็นกองเชียร์เอง"
"พัฒน์ไม่ชอบเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็กแล้ว วัน ๆ อ่านแต่หนังสือ เห็นพูดมาก ๆ แบบนี้ ถ้าตอนไหนเงียบไปล่ะก้อ แปลว่าจุมปุ๊กไปกับหนังสือแล้ว"
"เดี๋ยวเหรอะ วี ใครพูดมาก หะ"
อธิพัฒน์ยิ้มเมื่อเห็นโกมลมองอย่างสงสัย
"เรากับวีเป็นญาติกัน คุณปู่วีเป็นน้องคุณปู่เรา เลยเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ นึกว่าเข้ามหาลัยจะไม่เจอ ดันสอบติดที่เดียวกันอีก หนีไม่พ้นเลย ไม่รู้ไปทำกรรมอะไรไว้"
"เหอะ ๆ ใครกับแน่ที่มีกรรม พอรู้ว่าสอบติดที่เดียวกัน ปู่บอกเลยว่า ดูแลพัฒน์ด้วย เหอะ...ห่วงหลานนอกไส้มากกว่าหลานแท้ ๆ"
"แน่นอน คนไหนน่ารักกว่า ผู้ใหญ่ก็ต้องห่วงมากกว่าอยู่แล้ว"
โก้มองการต่อปากต่อคำของญาติสองคนอย่างขำ ๆ พัฒน์หันมายิ้มให้
"กลับเถอะ บ่ายสามแล้ว เดี๋ยวรถจะแน่น เออ โก้...แล้วอย่างนี้ติดต่อนายได้ยังไง เมื่อกี้รุ่นพี่บอกว่า เวลาต้องทำอะไรจะบอกที่แกนกลุ่มมา แล้วให้บอกต่อกันเอง"
"บ้านญาติเรายังไม่มีโทรศัพท์"
"งั้นเอาเบอร์บ้านเราไป 589…."
อธิพัฒน์บอก แล้วจดเบอร์โทรที่เป็นตัวเลขเจ็ดตัวส่งให้
"ถ้าไม่แน่ใจ นายโทรหาเราล่ะกัน มีอะไรเราจะได้บอกได้"
"ได้ เราจะโทรถาม"
"งั้นกลับเถอะ เราไปก่อนนะ วี เจอกันอาทิตย์หน้าเลย"
โก้มาขึ้นรถเมล์กับพัฒน์ หลังจากวันนั้น ทั้งสองคนก็กลับบ้านพร้อมกันตลอด โดยเฉพาะในช่วงเวลาแรก ๆ ของการไปมหาวิทยาลัยก่อนเปิดเทอม และ การต้องออกไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อโทรถามพัฒน์แทบทุกคืนว่า รุ่นพี่บอกอะไรมาหรือเปล่า ก็กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของโก้ ก่อนจะถึงวันเปิดเทอม ที่โก้ย้ายเข้ามาอยู่หอในห้องเดียวกับวี
"มา ผมช่วย"
วสวัตที่เดินอยู่ในสนามหน้าบ้านบอก เมื่อเห็นกานต์ยกของลงจากรถคันเล็ก อีโคคาร์คันนี้ กานต์บอกว่า เป็นรถที่อาซื้อให้เป็นของขวัญที่สอบติด รถคันเล็กสีแดงมีสติกเกอร์ติดกระจกหลังเขียนว่า "เจ้ากระป๋อง" แล้วมีรูปรถเต่ายิ้มด้วยท่าทางอายม้วนต้วน ทำให้ทุกคนที่เห็นอดยิ้มไม่ได้
"ไม่เป็นไร อีกสองสามกล่องเอง เดี๋ยวผมยกเองได้"
"ผมช่วย จะได้เสร็จเร็ว ๆ"
วสวัตยกกล่องจากหลังรถเข้าไปในบ้าน ขณะที่คนเช่าบ้านมองซ้ายมองขวาว่า จะจัดของในบ้านยังไงดี ท่าทางทำอะไรไม่ถูกของคนพึ่งเคยอยู่คนเดียวทำให้เจ้าของบ้านมองตามขำ ๆ กิริยาของคนไม่คุ้นการจัดของแบบนี้ คุ้นตาเหลือเกิน
แปลก....นานมากแล้วที่เขาปิดตัวเอง ไม่ติดต่อไม่เจอใคร แทบไม่ออกจากบ้าน ใช้ชีวิตอยู่ในโลกส่วนตัวเท่านั้น แต่แวบแรกที่เห็นเด็กคนนี้ เขากลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ผิวคร้าม หน้าค่อนข้างเหลี่ยมเครื่องหน้าชัด แต่ตาไม่ค่อยโตนัก หน้าตาแบบนี้ซ้อนกับภาพบางคนที่จารลึกจำอยู่ในใจเสมอมา ยิ่งยิ้มเต็มรอยจนตาหยีแบบนั้น ไม่ต่างจากภาพจำเลย เมื่อเห็นรถคันเล็กแล่นเข้ามาในบ้านเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเดินมาดู
"วัต วัต เป็นอะไรหรือเปล่า"
กานต์ที่พึ่งวางของในมือถามเมื่อเห็นวสวัตยืนถือกล่องในมือนิ่ง เจ้าของบ้านที่ถูกทักยิ้มเขิน
"เปล่าๆ ผมเผลอคิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะ"
วสวัตแอบส่ายหน้าให้กับตัวเอง อายุเท่าไหร่แล้ว ยังลืมตัวอีก เขาวางของในมือแล้วหักเหความสนใจมายังสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังทำอยู่
"แล้วกานต์จะจัดห้องยังไง ของเยอะเหมือนกันนะ"
"นั่นสิ ผมก็ยังคิดอยู่ว่า จะวางอะไรตรงไหน ดี พอจะทำมันไม่รู้จะเริ่มตรงไหนเลย"
"ผมว่า จัดโต๊ะทำงานก่อนไหม ยังไงต้องใช้เรียน วางคอมกับหนังสือ ไว้ที่โต๊ะนั้น แล้วเอาเสื้อผ้าไปไว้ในตู้ แล้วค่อยมาจัดอย่างอื่น"
"โอเค ดีเลย งั้นทำแบบวัตบอก"
วสวัตช่วยกานต์จัดวางข้าวของ กว่าจะจัดเสร็จ ท้องฟ้าด้านนอกก็มืดแล้ว คนพึ่งย้ายมายิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นห้องตัวเอง
"ดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย ไม่ได้วัตช่วยนี่ผมแย่ล่ะ ขอบคุณนะครับ"
"นิดหน่อยเอง ส่วนที่เหลือค่อยคิดว่าจะไว้ตรงไหนล่ะกัน"
"ได้เลย เดี๋ยวพวกนั้นผมจัดการเอง"
"งั้นผมกลับก่อนนะ กานต์จะได้พักผ่อน ถ้าหิว ตลาดปากซอยมีข้าวขายถึงสี่ทุ่มเลยนะ"
"ได้ ยังไง วันไหน มากินข้าวกันสักมื้อนะ ผมเลี้ยงเอง"
"เค ไว้ค่อยนัดกันล่ะกัน"
พอพ้นบ้านหลังเล็ก วสวัตอดไม่ได้ที่จะมองกลับไป หน้าต่างที่ยังไม่ได้ปิดม่าน ทำให้เห็นผู้มาเช่าบ้านที่ผิวปากอามรณ์ดีอยู่ภายใน
"โก้ เดี๋ยวเราเอาเสื้อใส่ตู้ให้นะ"
พัฒน์บอกโก้ตอนมาช่วยย้ายของไปหอพัก วีกับโก้ได้หอพักทั้งคู่จึงเลือกอยู่ห้องเดียวกัน หอพักนักศึกษาในปี 2531 จัดให้นักศึกษาอยู่กันห้องละสี่คน หน้าห้องวางตู้และโต๊ะติดผนังด้านละสองชุด ด้านในมีเตียงเดี่ยวสี่เตียง ในห้องไม่มีห้องน้ำ ต้องใช้ห้องน้ำรวมที่อยู่ปลายตึกทั้งสองด้าน
นอกจากเสื้อผ้า สมุด หนังสือและเครื่องเขียน โก้ก็ไม่ได้เอาของอะไรมาอีก หากเพราะเป็นการออกมาอยู่หอลำพังครั้งแรก โก้จึงยังคิดไม่ออกว่า จะวางของไว้ตรงไหนดี พัฒน์ที่มาช่วยจึงหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าแล้วจัดการแขวนเสื้อกับพับวางกางเกงวางให้ แต่พอหยิบถุงเล็กขึ้นมา โก้รีบบอกเสียงดัง
"อันนั้นไม่ต้อง เดี๋ยวเราจัดเอง"
พัฒน์มองถุงพลาสติกเล็กที่หยิบออกมา ภายในมีกางเกงในอยู่ห้าหกตัว โก้รีบเดินมาหยิบถุงนั้นยัดไปไว้ด้านในตู้ หน้าคร้ามแดงขึ้น
"ก็แค่กางเกงใน นึกว่าอะไร"
เมื่อเห็นท่าทีเขิน ๆ ของคนตัวโต พัฒน์ก็เดินไปที่โต๊ะทำงาน หยิบเอาสมุดหนังสือปากกาดินสอออกมาจัดวางบนโต๊ะ
"โก้ นายมีที่ใส่ปากกาดินสอไหม"
"ไม่มี เราไม่ได้เอามา"
"งั้นเดี๋ยวตอนลงไปกินข้าว เอาแก้วน้ำมาใส่ก่อนล่ะกัน ไว้เราเอามาจากบ้านให้ เรามีที่ใส่ปากกาดินสอน่ารัก ๆ หลายอัน"
"ไม่เผื่อเรามั่งเหรอ"
วีระที่จัดโต๊ะอยู่ถาม พัฒน์หันไปบอก
"นายจะเอาก็บอก เดี๋ยวเอามาเผื่อให้ เอาไหมล่ะ"
"ดีสิ เอามาเลย"
"ไม่เป็นไรหรอก พัฒน์ เดี๋ยวเราใช้แก้วได้"
เมื่อได้ยินโก้ปฏิเสธ วีระก็หันไปบอก
"ไม่ต้องเกรงใจพัฒน์เลยโก้ พัฒน์เป็นพวกบ้าเครื่องเขียน เจอถูกใจเป็นต้องซื้อ จนเต็มบ้านไปหมด ให้เขาเอามาให้แหละ"
"ใช่ เรามีเยอะ เดี๋ยวเอามาให้ ไม่ต้องไปซื้อหรอก เปลือง"
โก้พยักหน้ารับ หลังเปิดเทอม พัฒน์ก็กลายเป็นแขกประจำของห้องนี้ ทุกเช้า พัฒน์ที่นั่งรถไฟมาเรียนจะขึ้นมาปลุกโก้กับวีให้ตื่นมากินข้าวเช้าก่อนเข้าเรียนคาบแรกทุกวัน จนโก้ชินกับเสียงแง้ว ๆ ที่จะได้ยินทุกเช้า
"ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวก็เข้าเรียนสายหรอก"
"เป็นไง ไอ้เสือ อยู่คนเดียววันแรก"
บนเตียงนอน หนุ่มใหญ่วัย 50 นั่งพิงผนักหัวเตียงฟังเสียงตอบค่อนข้างยาวจากโทรศัพท์มือถือ
"ดีแล้ว จะได้หัดดูแลตัวเอง ขืนให้อยู่กับแม่ต่อไม่ได้โตสักที เออ...ไม่ลืมหรอก ไว้อาจะไปเยี่ยม อยากไปดูด้วยว่า บ้านพักที่แม่เขาว่าดูดีเป็นส่วนตัวเป็นยังไง ไป...ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว ดึกแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปมหาลัยนี่"
โกมลวางสายโทรศัพท์ เสียงเคาะประตูดัง สักครู่ จีรนุชก็เดินเข้ามาในห้อง
"คุยกับหลานอยู่เหรอ โก้"
"ครับ พี่จี พึ่งอยู่คนเดียววันแรก บ่นน่าดูเหมือนกัน"
"นั่นสิ ไม่รู้เป็นไงบ้าน หรือพี่จะลงไปอยู่เป็นเพื่อนก่อนดี"
"อย่าเลย พี่ ให้ลูกได้โตบ้างเถอะ ขืนเฝ้าแบบนี้ได้เป็นลูกแหง่กันพอดี แล้วมีอะไรหรือเปล่าครับ"
"ตาย...พี่ลืมเลย วีมาหาโก้แน่ะ รออยู่ข้างล่าง"
"เอ้า...วันนี้มารยาทดี ให้พี่จีขึ้นมาบอกก่อน ทุกทีเดินขึ้นมาเลย"
"นินทาเพื่อนลับหลังนะ พี่จีดูน้องชายพี่สิ"
เสียงวีระดังก่อนตัวจะเข้ามาในห้อง เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีแรก และยังเป็นเพื่อนคนเดียวที่โกมลพูดคุยได้ทุกเรื่อง วีระจึงเดินเข้าออกบ้านนี้ราวกับเป็นสมาชิกคนหนึ่งในบ้านไปแล้ว
"ก็ทุกทีไม่เห็นให้ใครมาบอก"
"พี่จีคร๊าบ น้องคนนี้หิวแล้ว พี่จีมีอะไรอร่อย ๆ พอให้น้องคนนี้กินบ้างไหมครับ"
"ได้ เดี๋ยวพี่ไปดูให้ จะกินข้าวด้วยไหม"
"ข้าวไม่ต้องก็ได้ครับ ขอเป็นกับแกล้มดีกว่า"
"แบบนั้น ไม่หิวข้าวแล้ว เอ้า...คุยกันไปก่อน เดี๋ยวพี่ไปดูให้"
จีรนุชยกนิ้วคาวหน้าอย่างไม่จริงจัง วีระนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะกระจกเล็กในห้อง บนโต๊ะมีครีมบำรุงผิวผู้ชาย หวี สเปรย์แต่งผม หากสิ่งที่เขาพึ่งสังเกตเห็นคือ กระบอกกระเบื้องสีม่วงที่สีหมองซีดแล้ว ลายแมวการ์ตูนที่อยู่ด้านนอกเลือน ๆ จางที่ถูกวางแอบไว้ด้านหลังขวดต่าง ๆ ในกระบอกใส่ปากกาไว้สองสามด้าม
"นี่ นายยังเก็บไว้อีกเหรอ"
โกมลมองตามสายตาวีระ กระบอกสีม่วงที่เคยสีสันสดใสซีดจาง หากความทรงจำไม่เคยรางเลือน