"แล้วนายจบจากจากไหน โคราช หรือ มาเรียนที่กรุงเทพฯ"
อธิพัฒน์คงเป็นฝ่ายถาม เมื่อได้ยินฝ่ายตอบชื่อโรงเรียน คนฟังดูตื่นเต้น ทำให้ตาดำกลมโตส่องประกายวาวชื่นชม คนตัวเล็กดูจะถ่ายทอดอารมณ์ผ่านดวงตาได้ดีโดยไม่ต้องพูดเลย
"โห โรงเรียนประจำจังหวัดเลยนะนั่น งั้นนายก็พึ่งมากรุงเทพฯ สิ"
"ใช่ เราพึ่งมาตอนสอบติดนี่แหละ"
"แล้วนายสอบติดมาคนเดียว หรือมีเพื่อนมาด้วย"
"เราสอบติดที่นี่คนเดียว"
"แล้วตอนนี้นายพักที่ไหนล่ะ"
"เรามาอยู่กับญาติ แต่ว่าจะขออยู่หอในแหละ"
"แบบนายได้หออยู่แล้ว แล้วนายชอบทำอะไร เล่นกีฬาหรือเปล่า"
"เราเล่นฟุตบอล เคยเป็นนักบอลโรงเรียน แล้วนายล่ะ ชอบทำกิจกรรมอะไร"
"เราชอบพูด เคยเป็นนักโต้วาทีโรงเรียนนะ"
คนตัวสูงมองคนช่างพูดที่ถามแจ้ว ๆ ไม่หยุด
"มิน่า นายถึงพูดเก่งขนาดนี้ ถามไม่หยุดเลย"
"ล้อเราเหรอ นอกจากเล่นบอล นายทำอะไรอีกหรือเปล่า"
"เรากำลังหัดเล่นกีตาร์ แต่ยังดีดไม่ค่อยเป็นเพลงเลย"
"ทั้งดนตรีทั้งกีฬา แบบนี้มีหวังสาวสนใจตรึมแน่"
โก้หัวเราะ เขาเป็นหนุ่มหน้าตาดีแบบคนโคราชแท้ ๆ ที่แม้จะผิวค่อนข้างเข้ม หน้าออกเหลี่ยม แต่ได้รูปคมสัน ยิ่งตอนยิ้มเป็นยิ้มเต็มรอยจนตาหยีเป็นสระอิ ยิ่งทำให้ดูเป็นคนซื่อ ๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม
แล้วก็เป็นไปตามที่พัฒน์บอก ทั้งความเป็นนักกีฬาและหน้าตาคมสัน ทำให้เป็นที่สนใจของทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ บังเอิญในกลุ่มมีคนชื่อเล่นว่า โก้ สองคน ทำให้เวลาเพื่อนพูดถึงโกมล จะเจาะจงเฉพาะไปว่า โก้หล่อ แม้เจ้าตัวจะดูเขิน ๆ ไม่ให้เพื่อนเรียกชื่อนี้ แต่ลับหลังเพื่อนก็ยังเรียกกันอยู่ดี
เสียงเรียกจากโทรศัพท์มือถือ ทำให้คนที่คิดถึงวันเวลาเก่า ๆ หลุดจากภวังค์
"สวัสดีครับ"
"สวัสดีครับ คุณวัตใช่ไหมครับ"
"ใช่ครับ"
"ผม กานต์ เป็นรุ่นน้องพี่โต้งนะครับ ที่พี่โต้งแนะนำให้มาเช่าห้อง ไม่ทราบว่า คุณวัตสะดวกให้ไปดูห้องวันไหนครับ"
"ช่วงนี้มาได้เลยครับ ผมอยู่บ้านทุกวัน"
"งั้นเป็นพรุ่งนี้ได้ไหม สะดวกกี่โมงครับ"
"หลังสิบโมง ผมสะดวกหมดครับ"
"งั้นผมเข้าไปสักสิบโมงครึ่งล่ะกันครับ"
"ได้ครับ ไม่ทราบใช้ line เบอร์นี้หรือเปล่าครับ"
"ใช่ครับ"
"ถ้างั้นเดี๋ยวผมแอด line แล้วส่งโลเคชั่นไปให้นะครับ"
"ครับผม ขอบคุณครับ พรุ่งนี้ผมเข้าไปครับ"
"ไม่น่าเชื่อนะคะว่า จะมีบ้านแบ่งเช่าแบบนี้ด้วย สวยแล้วก็สงบดีจริง ๆ ถามหน่อยได้ไหมคะว่า ทำไมถึงทำบ้านแบบนี้ให้เช่าคะ"
หญิงวัยกลางคนประหลาดใจจนอดถามไม่ได้ เมื่อเห็นตัวบ้านและบริเวณรอบ ๆ เธอพาลูกชายที่สอบติดมหาวิทยาลัยมาหาที่พัก มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่ขยายวิทยาเขตเป็นศูนย์รังสิต แม้รอบ ๆ มหาวิทยาลัยมีหอพักหลายแห่ง แต่ไปดูที่ไหนลูกชายก็ไม่ชอบ เพราะมีแต่ห้องสี่เหลี่ยม คนเยอะวุ่นวาย ยิ่งบางแห่งกำแพงบางจนกั้นเสียงรบกวนใด ๆ ไม่ได้เลย จนวันแรกพบ มีรุ่นพี่ในคณะแนะนำว่า มีบ้านเช่าที่เป็นบ้านหลังเล็กอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยไปหน่อย ค่อนข้างสงบและเป็นส่วนตัว ตัวรุ่นพี่เองตอนเรียนก็พักที่นี่เลยแนะนำให้มาดูก่อนเผื่อชอบ เธอจึงมาดูบ้านกับลูกชาย
เจอเจ้าของบ้านครั้งแรก เธออดตกใจไม่ได้ หนุ่มวัยรุ่นตรงหน้าย้อมผมจนออกสีทอง แถมตาที่ตั้งใจเขียนให้เฉี่ยวคมทำให้ตาโตดูดุขึ้น รวมกับเสื้อสีแสบตาตามแฟชั่น ทำให้ตอนแรกเธอแทบหันหลังกลับ เพราะกลัวว่าจะได้เห็นลูกชายแต่งตัวแบบนี้บ้างถ้าพักอยู่ที่นี่ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เจ้าของบ้านก็ค้อมตัวพนมมือไหว้งดงาม
"สวัสดีครับ มาดูบ้านใช่ไหมครับ"
กิริยาท่าทางสุภาพขัดกับการแต่งตัว ท่วงท่าการต้อนรับพอเหมาะไม่มากไปน้อยไปอย่างที่เด็กวัยรุ่นทั่วไป แม้จะขัดใจกับการแต่งหน้าและเขียนขอบตา หากตาดำที่ใสกระจ่างเหมือนตาเด็ก ทำให้เธอตัดสินใจขอดูบ้านก่อน เมื่อได้เดินดูรอบตัวบ้าน ก็ยิ่งรู้สึกชอบความสงบและการจัดแบ่งที่เป็นส่วนตัว จนอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมถึงทำเป็นบ้านแบ่งให้เช่า
"ตรงนี้เป็นที่ของคุณอาครับ คุณอาอยู่คนเดียว ตอนหลังเลยให้สร้างบ้านหลังเล็กไว้ให้คนเช่า ส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษามาเช่าครับ"
"แล้ววันนี้คุณอาไม่อยู่หรือคะ"
"คุณอาไม่อยู่ครับ วันนี้ผมเลยมาดูแลแทน"
"ป้าก็คิดอยู่ว่า ทำไมเจ้าของดูเด็กจัง ขอแทนตัวว่า ป้านะคะ หนูคงอายุพอ ๆ กับลูกชายป้าแหละ"
"ได้ครับ"
"แล้วนี่เรียนอยู่ที่ไหนคะ อย่าว่าป้าจุ้นจ้านเลย"
"ผมลงเรียน online กับมหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลียครับ ช่วงนี้โควิดด้วย เลยยังไม่ต้องไปเรียน ดูบ้านแล้วคุณป้าชอบไหมครับ"
"ชอบครับ"
หนุ่มน้อยที่มาดูที่แนะนำตัวรีบบอก ก่อนจะหันไปบอกแม่
"ผมชอบที่นี่ครับ แม่ ไม่ไกลมหาลัย แล้วก็เป็นส่วนตัวดีด้วย เดินทางไม่ยาก"
จีรนุช พยักหน้าเห็นด้วย เธอเองก็ชอบลักษณะบ้านแบบนี้ ที่ให้ความเป็นส่วนตัวและมีบริเวณรอบตัวบ้าน ไม่ใช่แค่ห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ
บ้านนี้อยู่ในซอยไม่ลึกนัก ทำให้สงบเงียบไม่พลุ่นพล่าน บริเวณบ้านค่อนข้างกว้างปลูกไม้ใหญ่ร่มรื่นไว้ทั่ว ด้านในเป็นบ้านสองชั้นที่เจ้าของบ้านอาศัยอยู่เอง รอบ ๆ บ้านสองชั้นเป็นบ้านชั้นเดียวหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องน้ำสามหลัง แยกเป็นสัดส่วน มีที่จอดรถในบ้าน ไม่ต้องจอดข้างถนน และหน้าปากซอยก็ยังมีตลาดนัดเล็ก ๆ ทุกวัน ขายทั้งอาหารสดอาหารแห้ง สามารถเดินออกไปซื้อได้ไม่ลำบาก ทำให้ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกิน
"ถ้าชอบก็พักที่นี่เลยล่ะกัน แม่ขี้เกียจหาแล้ว"
ได้ยินแบบนั้นกานต์ก็คลอเคลียออดอ้อนแม่อย่างเคยชิน เพราะเป็นลูกชายคนเดียวและพ่อเสียไปแต่เด็ก ทำให้เขาใกล้ชิดกับแม่มาก และเธอก็อดเห็นเขาเป็นเด็กเล็ก ๆ ไม่ได้สักที สองแม่ลูกคุยกันโดยไม่ได้สังเกตเลยว่า สายตาที่เจ้าของบ้านมองกานต์ค่อนข้างแปลก เพราะเป็นสายตาแบบเอ็นดู ราวกับผู้ใหญ่อายุมากมองลูกหลาน ซึ่งไม่ใช่สายตาของคนวัยเดียวกันเลย
"ป้าถามอีกหน่อยค่ะว่า เวลาป้าจะมาเยี่ยมลูกนี่ มีปัญหาอะไรไหมคะ"
"ไม่มีปัญหาครับ คุณป้ามาได้ตลอด แต่ตอนมา รบกวนให้แจ้งผมด้วย หรือถ้าจะพาเพื่อนมาค้างทำรายงานอะไร ก็ให้แจ้งด้วย เพราะถ้ามีคนเช่าเต็มสามหลัง จะได้ไม่มีมีปัญหาครับ"
"ดีเลยค่ะ แล้วมีแม่บ้านทำความสะอาดไหมคะ"
"ปกติ ผมจ้างแม่บ้านให้มาทำความสะอาดบ้านให้สัปดาห์ละสองครั้ง ถ้าจะให้แม่บ้านทำให้ด้วย ผมบอกให้ได้ครับ ป้าแกทำบ้านดีสะอาด แล้วก็ไม่แพง"
"แบบนี้ยิ่งดี ลูกบ้านดีแต่บ้านรก ทำความสะอาดไม่เป็น"
"โห แม่ ทำลูกขายหน้าอีกแล้ว แล้วตอนนี้ บ้านหลังอื่นมีคนอยู่ไหมครับ"
กานต์หันถามเจ้าของบ้าน วสวัตส่ายหน้า
"ยังไม่มีครับ เพราะคนที่เคยอยู่เป็นคนรุ่นเดียวกับพี่โต้ง เลยเรียนจบพร้อมกันหมด ตอนนี้ว่างหมดทุกหลัง เลือกได้เลยครับว่า ชอบหลังไหน"
"งั้นผมเลือกหลังนั้นล่ะกันครับ ผมเข้าอยู่เลยได้ไหมครับ"
กานต์บอกหลังจากมองไปรอบ ๆ เขาเลือกบ้านหลังในที่ใกล้บ้านใหญ่ที่สุด
"ได้ครับ ทุกหลังทำความสะอาดไว้แล้ว เข้าอยู่ได้เลยครับ"
เมื่อลูกชายตกลง จีรนุชก็บอกกับเจ้าของบ้าน
"โอเค ป้าตกลงเช่าเลยละกัน "
"ยินดีครับ เชิญคุณป้าไปทำสัญญาเช่าได้เลยครับ"
"ได้ค่ะ แหม...ถ้าลูกป้าเป็นการเป็นงานอย่างหนูได้ก็ดีเลย อายุพอ ๆ กัน ดูแลบ้านเช่าได้แล้ว"
"คุณป้าเป็นคนโคราชหรือครับ"
วสวัตถามเมื่ออีกฝ่ายส่งบัตรประชาชนให้ นครราชสีมา เมืองที่เคยสร้างความฝันและดับความหวัง ทั้งหวานล้ำทั้งขมขื่น แม้จะผ่านมาเนิ่นนาน หากทุกเรื่องราวคงตราตรึงในความทรงจำไม่เคยลืมเลือน
"ใช่ค่ะ หนูไปเคยเที่ยวโคราชไหม"
"เคยไปครับ แต่นานแล้วตั้งแต่เด็ก ๆ"
"ถ้าเคยไป แล้วชอบอะไรในเมืองผมบ้างไหม"
คำถามของกานต์ ทำให้บางเรื่องราวหวนมาในความคิด ไม่ใช่เพียงแค่ ชอบ เท่านั้น เสียงบอกเล่าครั้งเมื่อไปสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีคงชัดแจ่มในความจำ
"ใครมาไหว้ย่าโม แล้วเดินผ่านประตูชุมพล เขาว่าจะได้แฟนเป็นคนโคราชล่ะ"
คำบอกเมื่อครั้งนั้น ทำให้เพื่อนที่ไปด้วยรีบบอก
"งั้นเราต้องรีบไปเดินผ่านแล้ว"
เพื่อนทุกคนเดินลอดผ่านประตูชุมพลไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครสังเกตเลยว่า คนสองคนเดินลอดประตูไปพร้อม ๆ กัน จนตอนไหว้ขอพร คนตัวโตก็มานั่งอธิษฐานข้างคนตัวเล็ก
แม้บทสุดท้ายของสิ่งที่ขอจะไม่เป็นดังหวัง หากช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตก็เคยได้รับความรู้สึกงดงาม เป็นพรประเสริฐที่ย่าโมมอบให้แล้ว
"ว่าไงครับ ชอบอะไรเมืองผมหรือเปล่า"
เสียงถามซ้ำทำให้วสวัตรู้ตัว
"ชอบหลายอย่างเลยครับ ทั้งที่เที่ยวทั้งอาหาร นี่ยังคิดถึงหมี่โคราชที่เคยกิน มีร้านนึงอร่อยมาก"
"ร้านไหนคะ จะใช่ร้านเดียวกับที่บ้านป้าชอบหรือเปล่า"
"ไม่ได้เป็นร้านอาหารครับ เป็นร้านในฟู๊ดคอร์ด อยู่ในห้างคลังพลาซ่า ตอนที่ไปห้างพึ่งเปิดใหม่ ๆ ยังไม่ค่อยมีคน ร้านก็มีไม่กี่ร้าน พอลองชิม คุณลุงที่ร้านผัดอร่อยมาก"
ร้านที่ตอนไป เจ้าตัวบ่นว่าไม่มีคนจะอร่อยเหรอแต่เจ้าบ้านยืนยันว่าอร่อยแน่และก็อร่อยจริง
"ร้านในฟู้ดคอร์ด คลังพลาซ่า เหรอคะ สาขาไหนคะ"
"เอ...ไม่ค่อยแน่ใจครับ ผมไปตอนเด็ก ๆ"
"คลังมีสามสาขา ตอนเปิดสาขาสองหนูน่าจะยังไม่เกิดนะ เกือบสามสิบปีแล้ว น่าจะคลังสาขาสามล่ะมั้ง ถ้าคลังสามป้าไม่ค่อยได้ไปเดิน แต่ถ้าคลังสาขาสองนี่ ป้ากับน้องชายก็มีร้านประจำอยู่เหมือนกัน เจ้าของร้านก็เป็นผู้ชายทำอร่อยมาก แต่แกเสียไปหลายปีแล้ว"
"คงสาขาสามล่ะครับ คุณป้าอ่านสัญญาเช่านะครับ ถ้าไม่มีปัญหาก็เซ็นชื่อตรงนี้ได้เลยครับ"
เพราะชื่อเมืองทำให้เผลอพูดถึงเรื่องราวในความทรงจำ แต่เมื่อฉุกคิดเขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง จีรนุชรับสัญญาไปอ่าน วสวัตลอบผ่อนลมหายใจยาว หลังทำสัญญาเรียบร้อย กานต์ก็แจ้งว่า เขาจะย้ายเข้ามาอยู่เลยตอนเย็น จีรนุชจึงอดออกปากฝากลูกไว้อีกฝ่ายไม่ได้ แม้จะเห็นว่า อายุไม่ต่างกันนักก็ตาม
"ยังไง ป้าฝากวัตช่วยดูกานต์ให้หน่อยนะคะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียว ถ้ามีปัญหาอะไรโทรหาป้าได้ตลอดเลยค่ะ"
"ได้ครับ ไม่มีปัญหา"
"โธ่ แม่ ฝากผมเนี่ยนะ วัตเขาก็อายุพอ ๆ กับผมแหละ ยังไม่รู้ใครจะดูใครกันแน่"
"ถึงอายุเท่า ๆ กัน แต่วัตเขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่ากานต์เยอะเลย ดูน่าเชื่อถือ ไว้ใจได้ ไม่งั้นคงไม่ได้มาดูแลบ้านคนเดียวแบบนี้หรอก"
"อ้าว พูดยังกะลูกไม่น่าไว้ใจงั้นแหละ"
"ก็ไม่รู้ว่า ที่อยากมาเรียนกรุงเทพฯนี่ เพราะห่างแม่จะได้หนีเที่ยวหรือเปล่า"
"ไม่ไว้ใจลูกเลย"
กานต์แกล้งทำหน้างอ วสวัตหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะถาม
"แล้วคุณป้าจะกลับเลย หรือ ค้างอีกคืน ครับ"
"ป้าว่าจะกลับเลยค่ะ มาหลายวันแล้ว เป็นห่วงบ้าน"
"จะรีบกลับไปไหนแม่ บ้านไม่หนีไปไหนหรอก"
"มาหลายวันแล้ว ไม่รู้อาแกเป็นไงมั่ง"
"จะเป็นไร สบายหูสิ ไม่มีคนคอยบ่น"
"ไอ้ลูกคนนี้นี่"
จีรนุชบิดเนื้อกานต์เบา ๆ แต่คนโดนหยิกทำเหมือนเจ็บมากมาย วสวัตอดส่ายหน้าอย่างเอ็นดูไม่ได้
"กุญแจบ้าน ครับ ยินดีต้อนรับครับ กานต์ ถ้ามีปัญหาอะไรบอกได้เลยนะครับ จะ line หรือไปหาผมที่บ้านเลยก็ได้ครับ"
"ได้ครับ ขอบคุณครับ"
กานต์ยิ้มให้ เป็นยิ้มเต็มรอยจนตาหยีเป็นสระอิ วิธีการยิ้มเต็มหน้าแบบนี้ทำให้วสวัตวาบลึกอยู่ในใจ จนอดคิดไม่ได้ว่า คนจังหวัดนี้ เขายิ้มกันแบบนี้หมดหรือเปล่านะ
แม้สองแม่ลูกจะกลับไปแล้ว แต่หน้าใสที่ยิ้มเต็มรอยจนตาหยีนั้นคงติดอยู่ในใจเจ้าของบ้าน นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มเต็มหน้าแบบนี้เลย