ณ ตำหนักจวินเฟิง หลี่จวินกำลังนั่งใช้ความคิดแก้หมากล้อมอยู่เพียงลำพังตรงที่นั่งบนลานกว้างหน้าตำหนักริมสระดอกบัว เสียงฝีเท้าเป็นจังหวะสม่ำเสมอค่อยๆ ก้าวเข้ามาใกล้ ทว่าปราณเซียนนี้ช่างดูสนิทคุ้นเคย หลี่จวินจึงไม่ต้องเสียเวลาเงยหน้ามองผู้มาเยือนก็รู้ได้ว่าเป็นผู้ใด
"ลมอะไรพาท่านมาถึงทิศประจิม" หลี่จวินทักทายทั้งๆ ที่สายตายังคงมองจ้องเพียงตัวหมากบนกระดาน
"ลมที่ตำหนักข้าแรงนัก พัดพาข้ามาถึงนี่" เซียนอี้ไม่ยี่หระในการต่อปากต่อคำกับเทพสงคราม
"ท่านคิดได้หรือยังว่าน่าจะเป็นที่ใด"
"นี่ข้าตั้งใจมาถามเจ้าแท้ๆ เจ้ากลับชิงถามข้าก่อนเช่นนี้ ข้าจะตอบเจ้าอย่างไร" เซียนอี้ยกมือกุมขมับเบาๆ อย่างเสียมิได้
"ดื่มชาก่อนเถิด" หลี่จวินเทน้ำชาเพิ่มอีกจอก
"เทียนจวินมีรับสั่งล่วงมาแล้วสิบวัน เทพสวรรค์ต่างพากันออกไปตามหาเทพธิดาน้อยแทบจะพลิกสวรรค์ทุกชั้นฟ้า จนป่านนี้ก็ยังไม่เจอ สงสารแต่ซือมิ่ง ตำแหน่งเทพลิขิตชะตาแทบจะสั่นคลอนแล้ว"
"แล้วซือมิ่งเป็นอย่างไรบ้าง" เทพสงครามหน้าน้ำแข็งที่ดูเย็นชาในสายตาเหล่าเทพและเทพธิดาสวรรค์ แต่หากอยู่กับสหายจตุรเทพคนสนิททั้งสามอย่างเซียนอี้ ซือมิ่ง และหวังจิ้น เทพอักษรแล้ว หลี่จวินก็ดูจะเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดแล้วกระมัง
"ยังเฝ้าลานดาราจักรลิขิตชะตาอยู่ ก่อนข้ามาที่นี่ ข้าไปหาซือมิ่งมาแล้ว ดาวเก้าแฉกนั้นปรากฎแค่พลังเซียนของเทพธิดา แต่ไม่เคลื่อนที่ในดาราจักร ซือมิ่งสงสัยว่านางจุติแล้วอาจจะโดนผนึกจิตเทพเอาไว้ ทำให้พลังเซียนไม่ปรากฎชัด จางเสียจนจับไม่ได้ว่าจุติอยู่ที่ใด"
"ผนึกจิตเทพ" หลี่จวินขมวดคิ้วเข้ม เป็นจตุรเทพมาสี่แสนปีเพิ่งเคยได้ยินเรื่องแบบนี้บนแดนสวรรค์
"ใช่ เป็นการใช้คาถาสวรรค์ต้องห้าม หากมิใช่เทพชั้นสูง ก็มิอาจจะรู้คาถานี้ได้ เช่นนี้เจ้าคิดว่าอย่างไร" เซียนอี้ไม่แปลกใจนักเรื่องการผนึกจิตเทพ เพราะเขามีอายุใกล้จะหกแสนปีแล้ว เรื่องแบบนี้ย่อมเคยประสบพบเจอมาบ้าง เพียงแต่ที่เคยเจอเป็นตอนวัยเด็กอายุไม่น่าเกิดสามหมื่นปี เทพสวรรค์ที่บังอาจใช้คาถาต้องห้ามเหล่านั้นก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
"ใครกันที่มีพลังเซียนมากพอจะผนึกจิตเทพเทพธิดาไว้ได้"
"และใครกันที่ไม่ได้อยู่บนแดนสวรรค์" ประโยคนี้ดังแทรกขึ้นมาจากเจ้าของอาภรณ์ม่วงมวยเกศาดำเงาปักปิ่นพู่กันหยก
"หวังจิ้น" เซียนอี้กล่าวทักทายคนสนิทที่เพิ่งมา หลี่จวินเทน้ำชาเพิ่มอีกจอก
หวังจิ้น เทพอักษร บุรุษเทพผู้มีใบหน้าคมเข้มรับกับเกศาดำเงามัดมวยปักปิ่นพู่กันหยก นัยน์ตาเข้มราวกับสีน้ำหมึกปลายพู่กัน ตัดกับอาภรณ์ม่วงดูสง่างามสมเป็นจตุรเทพสายหุนแห่งแดนสวรรค์ เขาอายุใกล้เคียงกับเซียนอี้ ทั้งสองเติบโตมาอย่างสง่างามพร้อมกันตั้งแต่วัยเด็ก
"มีเทพชั้นสูงที่ไม่ได้อยู่แดนสวรรค์ด้วยหรือ" หลี่จวินสงสัย ด้วยอายุที่น้อยที่สุด บางเรื่องบนสวรรค์หากมิใช่เรื่องสงครามหรือค่ายกล ก็ไม่แปลกนักที่หลี่จวินจะมีเรื่องที่ไม่รู้อยู่บ้าง โดยเฉพาะเรื่องของคนอื่น
"เช่นนั้น ถ้าเราสืบจากรายชื่อเซียนชั้นสูงแต่ละสำนัก ก็อาจจะตีกรอบการตามหาเทพธิดาให้แคบลงได้ใช่หรือไม่" เซียนอี้เสนอความเห็น
"ข้าเสนอเทียนจวินแล้ว เทียนจวินอนุญาตให้จตุรเทพเข้าสืบค้นรายชื่อที่ตำหนักทะเบียนเซียนได้ ข้าถึงได้มาตามพวกท่านที่นี่อย่างไรเล่า"
"เช่นนั้นเราไปกันสามคนเถอะ ให้ซือมิ่งคอยดูดาราจักรลิขิตชะตาเอาไว้อย่างนั้นล่ะ"
"ข้าเห็นด้วยกับหลี่จวิน" เซียนอี้เอ่ย
"ได้ เช่นนั้นเราไปกันเถอะ" หวังจิ้นสะบัดมือเบาๆ ร่างเซียนก็หายกลายเป็นแสงพริบตา หลี่จวินกับเซียนอี้ก็รีบตามไปเช่นกัน
ณ ตำหนักทะเบียนเซียน จตุรเทพทั้งสามปรากฎกายเบื้องหน้าทหารเทพที่เฝ้าหน้าประตู หวังจิ้นแสดงตราอนุญาตจากเทียนจวินเพื่อเปิดทาง ทหารเทพเห็นเช่นนั้นก็เปิดทางให้ทั้งสามได้เข้าไปด้านใน
ที่นี่เป็นหนึ่งในตำหนักต้องห้ามของแดนสวรรค์ เช่นเดียวกับตำหนักคลังสวรรค์ เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดเข้ามาทำลาย แอบเปลี่ยนหรือลบล้างแก้ไขรายชื่อเทพได้ เพราะหากแดนสวรรค์มีภัยหรือเกิดการก่อกบฏ รายชื่อที่คิดร้ายต่อแดนสวรรค์จะปรากฎแยกออกจากทะเบียนสวรรค์อย่างชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการตรวจตราและเตรียมรับมือนั่นเอง
ศิลาหมิงซื่อ ศิลาหินก้อนใหญ่แห่งแดนสวรรค์ตั้งแต่ยุคบรรพกาล ลอยเด่นเหนือพื้นอยู่ใจกลางตำหนัก ข้างใต้มีแท่นน้ำหมึกหล่อเลี้ยงหินเทพก้อนนี้ให้ยังคงปรากฎรายชื่อเทพสวรรค์ได้อย่างชัดเจน ว่ากันว่าน้ำหมึกในแท่นรองนี้ไม่เคยพร่องลงเลย เพราะเมื่อใดที่ปรากฎรายชื่อใหม่บนแดนสวรรค์ ก็จะมีน้ำหมึกจากรายชื่อเก่าเติมเต็มหวนคืนลงในแท่นน้ำหมึกกลับไปอยู่ดี ในการเกิด แก่ เจ็บ ตาย แม้จะเป็นเทพก็มิอาจเลี่ยงได้
ภารกิจการตามหาเทพธิดาสวรรค์ที่ไร้ร่องรอยการจุติผิดกฎสวรรค์เก้าชั้นฟ้า หาใช่เรื่องที่ตี้จวินอย่างเขาคาดคิดไม่ เขาเป็นถึงจตุรเทพที่ใช้ชีวิตอย่างสงบ ออกรบบ้างหากสงครามนั้นสมควรแก่การที่ตี้จวินเช่นเขาต้องลงมือเอง แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาสองแสนปีแล้ว หากนับเรื่องที่ทำให้เขาปวดหัวขึ้นมาได้บ้างตลอดสองแสนปีที่ผ่านมา ก็คงเป็นเรื่องของเทพธิดาน้อยคนนี้แล้วกระมัง และเรื่องนี้เกี่ยวพันกับซือมิ่ง สหายคนสนิทของเขา หากช่วยสหายให้คลายกังวลได้เร็วไปหนึ่งวัน ก็คุ้มค่าแก่การเป็นสหายกับซือมิ่งแล้ว
หวังจิ้นใช้พู่กันเซียน ศาสตราวุธคู่กายออกมาร่ายคาถาเบื้องหน้าศิลาหมิงซื่อ เพียงอึดใจเดียวรายชื่อเทพชั้นสูงที่ถูกแบ่งระดับชั้นก็ปรากฎอักษรเรียงนามอย่างชัดเจน แน่นอนว่าปรากฎรายชื่อของจตุรเทพทั้งสี่ของพวกเขาด้วย
เซียนอี้กับหลี่จวินช่วยหวังจิ้นไล่อ่านรายชื่อเทพชั้นสูงเหล่านั้น ซึ่งคาดว่าเจ้าของรายชื่อนี้จะมีพลังเซียนสูงส่งพอที่จะร่ายคาถาต้องห้ามอย่างได้ผล เนิ่นนานจนเวลาหมดไปสามก้านธูป ทั้งสามก็สังเกตเห็นรายชื่อน่าสงสัยขึ้นมาตรงกันชื่อหนึ่ง
"เทพธิดาลี่จิ่น" หวังจิ้นตวัดพู่กันกลางอากาศเป็นอักษรชื่อลี่จิ่น
"นางเป็นเทพตำหนักไหนกัน ข้าไม่เห็นคุ้นชื่อ" ใช่สิ เพราะนางไม่ใช่ทหารร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ในสงคราม ไหนเลยที่หลี่จวินจะรู้จัก
"นางเป็นอดีตเทพธิดาดอกไม้สวรรค์ ก่อนหน้าที่ฟางเหนียงจะได้รับตำแหน่งเทพเสียอีก" เซียนอี้เล่าคร่าวๆ ถ้าไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น เขาเองก็เกือบลืมอดีตเทพธิดานางนี้ไปจริงๆ เสียแล้ว
"เช่นนั้นฟางเหนียงจะรู้จักหรือไม่" หลี่จวินถามอีกครั้ง
"ไม่น่าจะรู้จัก เพราะลี่จิ่นจากไปราวหกหมื่นปี ตอนนั้นฟางเหนียงยังไม่ผ่านด่านเคราะห์สวรรค์ครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ ตำแหน่งเทพธิดาดอกไม้สวรรค์ถูกทิ้งว่างไปถึงห้าพันปี พอฟางเหนียงผ่านด่านเคราะห์กลายเป็นเทพสำเร็จ เทียนจวินก็มอบตำแหน่งเทพธิดาดอกไม้สวรรค์ให้นางดูแลต่อมา" หวังจิ้นที่ดูแลงานให้เทียนจวินอย่างใกล้ชิดมาตลอดหลายแสนปี หนังสือมอบตำแหน่งให้ฟางเหนียงเขาเป็นคนตวัดอักษรคำสั่งเทียนจวินด้วยตัวเอง ไหนเลยจะจำเรื่องราวไม่ได้
"ถ้าเช่นนั้นในตอนนี้ ข้าว่าซือมิ่งกำลังมองผิดจุดแล้วสินะ" เซียนอี้ไม่รอช้าเมื่อเขานึกบางอย่างขึ้นมาได้ ฝ่ามือหนาโบกเบาๆ จนเกิดแสงพริบตา ร่างเซียนของเขาก็หายออกจากตำหนักทะเบียนเซียนไปแล้ว หลี่จวินกับหวังจิ้นไม่รอช้ารีบตามออกไปเช่นกัน
ณ ตำหนักซือมิ่ง แสงพริบตาปรากฎขึ้นเบื้องหน้าของ ซือมิ่ง ก่อนที่ร่างเซียนของสามจตุรเทพที่รีบมาหาเขาจะปรากฎขึ้นชัดเจน ซือมิ่งตวัดข้อมือรวดเร็วกลางอากาศเพื่อเก็บภาพดาราจักรลิขิตชะตากลับไป แม้จะเป็นสหายสนิทกันเพียงใด ความลับของสวรรค์ก็คือความลับ ยิ่งเกี่ยวพันกับชะตาของสรรพชีวิตด้วยแล้ว ซือมิ่งยิ่งต้องรักษาความลับนั้นอย่างสุดความสามารถตามหน้าที่
"พวกเจ้าได้เรื่องคืบหน้าแล้วหรือไม่ จึงรีบมาหาข้าเช่นนี้"
"ซือมิ่ง ทั้งวันนี้ดาวเก้าแฉกมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่" หวังจิ้นไม่ได้ตอบคำถามซือมิ่ง หากแต่ถามกลับสหายด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เลย" ซือมิ่งส่ายหน้าด้วยสายตาที่แสดงความท้อใจออกมาให้เห็นอย่างไม่ปิดบัง
"พวกข้าไปทะเบียนเซียนมา เจ้าบอกข้าว่าเทพธิดาน้อยอาจจะถูกผนึกจิตเทพไว้ใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นพวกข้าเห็นตรงกันว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเทพธิดาลี่จิ่น" เซียนอี้ส่งสายตาไปยังหวังจิ้น หวังจิ้นสบตาแล้วพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะแบมือให้อักษรชื่อลี่จิ่นที่ถูกเขียนไว้กลางอากาศตั้งแต่ในตำหนักทะเบียนเซียนปรากฎขึ้น
"ลี่ จิ่น" ซือมิ่งอ่านทวนอักษรชื่อที่คุ้นหูนี้อีกครั้ง
"เจ้าจำนางได้หรือไม่" ซือมิ่งหันมองหน้าหลี่จวินอย่างใช้ความคิด ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ เมื่อนึกความทรงจำบางอย่างขึ้นมาได้
"ข้าจำได้แล้ว อดีตเทพธิดาดอกไม้สวรรค์ที่ลงไปเผชิญด่านเคราะห์ที่โลกมนุษย์ นางมีใจรักแท้กับมนุษย์จนมิอาจหักใจ ยอมไม่กลับสวรรค์และสละตำแหน่งเทพตลอดชีวิต เทียนจวินจึงทำโทษนางให้มีชีวิตอมตะ ไม่ยอมให้นางคืนร่างเซียน เพื่อให้นางต้องทนทุกข์ทรมานใจในยามที่เห็นชายคนรักตายจากไปต่อหน้าต่อตา แต่ว่าชายคนรักของนางสิ้นอายุขัยมนุษย์ไปตั้งห้าหมื่นปีแล้ว เช่นนั้นนางจะมีธิดากับชายใดเล่า" คำถามในประโยคท้ายของซือมิ่ง ทำเอาจตุรเทพทั้งสามยิ่งงงไปกันใหญ่
"หากเป็นธิดาของชายมนุษย์นั่นเล่า ก็เป็นไปได้ใช่หรือไม่"
"จะเป็นไปได้อย่างไร เซียนอี้" หวังจิ้นระบายยิ้มขบขัน
"เพียงนางใช้แก่นวิญญาณ ซือมิ่งเจ้าบอกว่าตอนมนุษย์ชายผู้นั้นจะตาย ได้ตายต่อหน้าต่อตาของลี่จิ่นใช่หรือไม่ เช่นนั้นหากนางใช้ร่างเซียนรับแก่นวิญญาณชายคนรักแล้วผนึกกับแก่นวิญญาณของนางเองไว้ในร่างเซียน นางใช้ระยะเวลาห้าหมื่นปีก็เทียบเท่าอายุครรภ์ของเทพธิดาสวรรค์พอดี หากเป็นเช่นนี้ก็ย่อมเป็นไปได้ใช่หรือไม่" สมแล้วที่เป็นถึงจตุรเทพตี้จวิน สิ่งที่เซียนอี้อธิบายนั้นถูกต้องตรงกับวิธีการตั้งครรภ์ที่อาจเกิดขึ้นได้จริงในร่างเซียนของเทพธิดาสวรรค์
"ไม่ผิดแน่ ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะตรวจดวงชะตาของลี่จิ่น หากข้าพบเจอหลักฐานใด ข้าจะแจ้งพวกเจ้า ขอบใจพวกเจ้ามากจริงๆ ที่ช่วยเหลือข้า" ซือมิ่งระบายยิ้มกว้างออกมาได้แล้วในรอบสิบวัน
"วางใจเถอะ เจ้ารีบตรวจสอบ ได้ผลเช่นไรรีบบอกพวกข้า เราจะได้วางแผนช่วยกันตามหาเทพธิดาน้อยต่อไปได้" เซียนอี้ตบบ่าซือมิ่งอย่างเป็นกำลังใจ ก่อนทั้งสามจตุรเทพจะหายวับไปกับแสงพริบตา เพื่อให้ซือมิ่งเปิดภาพดาราจักรลิขิตชะตาได้อย่างสะดวกใจ
ภาพดาราจักรลิขิตชะตาไม่เคยผิดพลาด ลี่จิ่นอดีตเทพธิดามีดวงชะตาให้กำเนิดบุตรสาวจริงอย่างที่คาดเดาไว้จริงๆ ซือมิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยตำแหน่งจตุรเทพซือมิ่งก็ไม่สั่นคลอนไปง่ายๆ แล้ว
ฝากกดติดตาม กดถูกใจ และคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ
ไรท์จะได้มีแรงสู้ๆ ^^v เรื่องนี้ 42 ตอน ช่วยอยู่ด้วยกันจนจบเลยนะคะ