webnovel

ตอนที่ 1 : ผัดกะเพราเก้าเซียน – 1

"ยินดีต้อนรับสู่ กะเพราร้านนี้ไม่มีถั่วฝักยาว ครับ"

ปลาวาฬโค้งศีรษะลงอย่างทำตัวไม่ค่อยจะถูกเมื่อได้ยินคำกล่าวต้อนรับอย่างเป็นทางการ เขากำลังอยู่หน้าบ้านขนาดเล็กหลังหนึ่งในซอยแถบอารีย์ ขนาดสองชั้น ลักษณะภายนอกเหมือนบ้านคนทั่วไป ด้านหน้ามีที่จอดรถอยู่สี่คัน แต่วันนี้เด็กหนุ่มเดินทางมาด้วยขนส่งสาธารณะ

ร้านอาหารที่เขามากินเป็นร้านอาหารประเภท Chef's Table (เชฟเทเบิล) อาหารประเภทที่เชฟเลือกจัดอาหารเป็นคอร์สให้ว่าเราจะกินอะไร ไม่มีรายการอาหารให้สั่งเหมือนร้านอาหารทั่ว ๆ ไป เด็กหนุ่มเหลือบตาไปมองตรงสูจิบัตรแนะนำร้านคร่าว ๆ ที่คนตรงหน้าส่งให้พร้อมอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับร้าน หูแทบจะดับ เพราะราคาที่เขียนไว้ชัดเจนในบรรทัดสุดท้าย คือ 3,000 Baht Net / 10 Course แพงกว่าผัดกะเพราที่เขากินตามปรกติถึง 100 เท่าตัว

"สวัสดีครับ ผมเกลือนะครับ พร้อมเข้าไปในร้านเลยไหมครับ หรือจะทำธุระตรงนี้สักครู่ก่อน"

ชายเจ้าของใบหน้าเกลี้ยงเกลากับแว่นทรงกลมเอ่ยอย่างไม่มั่นใจ คงจะเป็นเพราะปลาวาฬกำลังง่วนกับโปรแกรมสนทนาในโทรศัพท์มือถืออยู่ เขากำลังคุยกับพี่อี๊ด หัวหน้าหรืออีกนัยหนึ่งก็คือเจ้าของเอเจนซี่ที่เขาทำงานอยู่ด้วย เด็กหนุ่มไม่มีวันควักเงินในกระเป๋าคิดอาหารราคาแพงหูฉี่นี้เด็ดขาด หากไม่ใช่เพราะคำว่างาน

ตอนแรกเขาคิดว่าจะต้องมารีวิวร้านอาหาร หรือไม่ก็ถ่ายแบบอะไรสักอย่างที่นี่ แต่เปล่าเลย พี่อี๊ดบอกว่ามากกว่านั้น แต่ให้มากินเชฟเทเบิลนี่ก่อน เสร็จแล้วถึงจะบอกภารกิจต่อไป เขาส่ายหัวไปมาเมื่อเห็นประโยคตอบกลับที่ไม่ยอมเฉลยอะไรสักที

"ได้ครับ รอก่อนก็ได้ครับ"

"อ๋อ เปล่าครับ เข้าเลยครับ สะดวกครับ"

ปลาวาฬตอบไปแบบตกใจ เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคิดว่าการส่ายหัวไปมาเป็นการตอบทำถาม คนที่ติดป้ายหน้าอกไว้ว่าเชฟเกลือจึงยิ้มอวดรอยฟันขาวจั๊วะให้หนึ่งที ก่อนจะเดินพาลัดเลาะเข้าไปในตัวบ้าน กลิ่นอายคล้ายบรรยากาศเรือนพักแบบญี่ปุ่น ผิวพื้นผนังกำแพงขัดมันสะอาด สิ่งของน้อยอย่างสบายตา ตกแต่งเหมือนบ้านคนที่เต็มไปด้วยความเป็นกันเอง

"เรียนเชิญครับ"

เชฟเกลือส่งเด็กหนุ่มไปนั่งที่โต๊ะขนาดเล็กตัวหนึ่งติดริมหน้าต่างที่ทอดกว้างไปเห็นทิวทัศน์สวนหย่อมขนาดเล็ก โดยมีมหานครตึกสูงเป็นฉากหลัง เขาเผลอใจไปตามบรรยากาศเรียบง่ายตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก จนกระทั่งเสียงรินน้ำค่อยดังขึ้นปลุกขึ้นจากภวังค์ และก็เป็นชายคนเดิมที่กำลังรินน้ำให้เริ่มต้นมื้ออาหารของวันนี้

"ผมขออนุญาตแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ"

เชฟเกลือพูดพร้อมฉีกยิ้มกว้าง ตาตี่แคบที่ซ่อนตัวอยู่หลังแว่นตาทรงกลมบ๊อกทำให้คนตรงหน้าดูเป็นคนอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

"ร้าน กะเพราร้านนี้ไม่มีถั่วฝักยาว คือร้านอาหารที่ก่อตั้งขึ้นโดยเชฟโอบเอื้อหรือที่รู้จักกันในชื่อเชฟโอบของเราครับ"

เชฟเกลือพูดพร้อมวางบัตรแนะนำตัวขนาดเล็กบนโต๊ะ ภาพตรงหน้าที่ชายคนหนึ่งกับบ้านหลังนี้ในสภาพที่ยังดูเป็นบ้านหลังโทรม ๆ ธรรมดา ชายหนุ่มในชุดขะมุกขะมอมพาดพลั่วไว้บนไหล่ ยิ้มแฉ่งให้กับกล้อง และยังมีหมวกเชฟสูงอยู่บนหัว

ชายคนนี้คือเชฟโอบ

ปลาวาฬรู้จักเชฟโอบเป็นอย่างดี ไม่ใช่ด้วยเรื่องส่วนตัว แต่ในวงการอาหาร หรือแม้กระทั่งวงการบันเทิง เชฟโอบก็เป็นคนดังอยู่พอสมควรอยู่แล้ว เชฟโอบเป็นหนึ่งในคณะกรรมการรายการแข่งขันทำอาหารชื่อดัง ขึ้นชื่อเป็นอันดับหนึ่งเรื่องความดุ ความเนี้ยบ ความเรื่องมาก และพิถีพิถัน ถึงแม้ปัจจุบันรายการโทรทัศน์ดังกล่าวจะลาจอไปแล้ว

เคยมีคลิปไวรัลของเชฟโอบดังไปทั้งทวิตเตอร์ เพราะมีผู้เข้าแข่งขันรายการคนหนึ่งอบขนมไม่สุกแล้วในมาเสิร์ฟเป็นจานแข่งขัน เชฟโอบตักชิม เคี้ยวได้ทีเดียวก็คายลงถังขยะ หลังจากนั้นเชฟเรื่องมากคนนี้ก็กลายเป็นคนดัง มีงานโฆษณาเข้า โดยเฉพาะพวกผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความเฉียบความเป๊ะต่าง ๆ แต่ก็นั่น คนเกลียดก็เยอะ คนเกรงกลัวจะเข้าใกล้ก็คงไม่น้อยเช่นกัน

"วันนี้ผมจะได้เจอเชฟโอบไหมครับ"

ผู้เป็นลูกค้าถามไปอย่างเกรง ๆ กลัวว่าถือมีดผิดส้อมผิดขนบธรรมเนียมแล้วจะโดนดุให้ขายขี้หน้า ปลาวาฬเองทำอาชีพเป็นนายแบบทั่วไป มีงานโฆษณาบ้าง งานเดินผ่านกล้องละครบ้างประปราย เขาเองก็ไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นพวกไม่รู้เรื่องรู้ราว เดี๋ยวถ้ามีคนซุบซิบดังออกไป ผลิตภัณฑ์พวกซุปไก่รังนกจะไม่จ้างเขาไปเป็นพรีเซนเตอร์

"เชฟจะออกมาจากครัวเพื่อแนะนำจานหลักของมื้อด้วยตนเองครับ"

เชฟเกลือยิ้มกว้าง เหมือนจะนึกว่าเขาอยากจะพบกับเชฟคนดังเสียเต็มแก่ แต่เปล่าเลย ตรงกันข้าม ห่างกันไว้เสียจะดีกว่า นี่ถ้าพี่อี๊ดไม่ให้กินฟรีแถมยัดค่ารถมาให้อีกสองพัน เขาไม่มีวันมาเหยียบร้านแบบนี้แน่ ไม่ว่าเขาจะเป็นกะเพราเลิฟเวอร์มากแค่ไหนก็ตาม

"เชฟโอบไม่ชอบกินกะเพราที่มีถั่วฝักยาวครับ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าถั่วฝักยาวผิดนะครับ อาหารไม่เคยผิด แต่เราในฐานะเป็นคนกินต้องมีสิทธิ์เลือกว่าจะกินอะไรหรือไม่กินอะไรบ้าง ร้านนี้เลยก่อตั้งขึ้นมาจากการลุกฮือของเชฟโอบที่อยากจะเล่ารสชาติที่เชฟชอบให้ทำคนได้ลองกิน"

เชฟเกลือยิ้มกว้างทิ้งท้าย

"ขอให้มีความสุขกับมื้อแห่งการปฏิวัติรสชาติทางอาหารนะครับ"

เชฟเกลือจากไปโดยทิ้งปลาวาฬไว้กับเครื่องดื่มต้อนรับกับอาหารจานเริ่มต้น เชฟเกลือเล่าให้ฟังว่าคอร์สของร้านจะเริ่มต้นด้วยน้ำอัญชันสีม่วงเข้มที่บีบมะนาวลงไปตัดจนกลายเป็นสีแดง กินพร้อมกับเมี่ยงคำคั่วฟองดูรสเปรี้ยวเบาเพื่อเปิดรสชาติต่อมรับรสของผู้กินให้เริ่มทำงาน วันนี้ทั้งร้านมีเพียงลูกค้าคนเดียวคือปลาวาฬ อาจจะเป็นเพราะเวลาจองที่ดึกถึงสองทุ่มที่ทำให้ลูกค้าคนอื่นทยอยกลับกันไปหมดแล้ว วันนี้เขาติดงานถ่ายแบบช่วงเย็น กว่าจะบึ่งมาก็เป็นช่วงค่ำพอดี

ปลาวาฬกินอาหารไปเรื่อย ๆ จนครบแปดจาน

จนกระทั่งอาหารจานสุดท้ายมาถึง เสียงก้าวย่ำตรงมาจากครัวคราวนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ไม่รู้เป็นอุปาทานหรือเปล่าที่เขาได้ยินเสียงส้นเท้ากระทบกับพื้นไม้สะอาดดังกว่าปรกติ อย่างกับได้ยินเป็นเสียงตึกตัก จังหวะการร้องการเต้นของเวลาก็ดำเนินอย่างผิดแผกแปลกประหลาดไป และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าเป็นเป็นอย่างที่คาด ไม่ใช่เชฟเกลือ

"สวัสดีครับ ผมเชฟโอบนะครับ"

เชฟโอบตัวจริงสูงกว่าที่คิด ขนาดเขาที่เป็นนายแบบที่สูงเหยียบ 180 แล้ว แต่ด้วยสายตาก็เดาว่าคนตรงหน้าคงสูงกว่า หัวหน้าเชฟยืนอยู่ในชุดขาวสะอาด ศีรษะสวมหมวกเชฟที่จัดไว้อย่างเรียบร้อย สิ่งที่สะกดดวงตาเขาไว้คงจะเป็นสันกรามของคนตรงหน้าที่ผายออกไล่รับกับไล่เคราอ่อนไปจรดริมฝีปากบางยาวเบื้องใต้ของจมูกโด่งสันคม ดวงตาสวยทอดมามองนิ่งพร้อมรอยยิ้มที่ฉีกให้ตามหน้าที่ ไม่แปลกที่คนแบบนี้จะมาแย่งงานพรีเซนเตอร์อุปกรณ์ครัวกับวัตถุดิบทำอาหารได้หลายอย่าง หน้าตาแบบนี้ให้เล่นเป็นพระรองช่องใหญ่ยังแคสผ่านได้สบาย ๆ

"อาหารจานนี้ชื่อว่าผัดกะเพราเก้าเซียนครับ"

ประโยคเปิดเริ่มต้นพร้อมริมฝีปากมุมขวาที่ยกขึ้นน้อย ๆ ราวกับจะยิ้ม ไม่เยาะก็ยั่ว แยกไม่ถูก แต่มันกลับมีเสน่ห์พิกล เสียงดังฉะฉานเล่าส่วนผสมแต่ละชิ้นแต่ละอย่างในจานราวกับจิตรกรเอกที่พูดถึงแรงบันดาลใจในการสร้างงานศิลปะ หนักแน่นและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ปลาวาฬเผลอมองหน้าคนพูดนานไปหน่อยจนอีกฝ่ายต้องกระแอมไอให้เขารู้ตัวก้มลงมองอาหารจานสวยตรงหน้า

"กะเพราเก้าเซียนคือการนำวัตถุดิบชั้นเลิศเก้าอย่างมาเข้าเครื่องกับกะเพรา ไล่ตั้งแต่ ผัดกะเพราเป็ดย่างสามแบบ ปลาหิมะย่างราดซอสกะเพรา เอ็นหอยเชลล์ผัดกะเพราคั่ว หอยเป๋าฮื้ออบเครื่องกะเพราฉุน กุ้งมังกรผัดกะเพราขลุกขลิก ครีบปลากระเบนย่างรมควันกะเพรา เนื้อเอห้าผัดกะเพราโบราณ ไก่ไหหลำซูวีซอสกะเพรา และขาปูทาราบะจิ้มซอสกะเพราเข้มข้น"

มือขาวสะอาดที่เผยผ่านเสื้อเชิ้ตที่พับขึ้นอย่างเรียบร้อยลำดับชี้ไล่ไปตามคำพูด ท้องของปลาวาฬเริ่มร้องขึ้นเบา ๆ ถึงแม้ว่าจะกินอาหารจานอื่นไปถึง 8 อย่างแล้ว แต่สำหรับคนคลั่งผัดกะเพรา เขาไม่อาจหักห้ามตัวเองกับสารพัดผัดกะเพราตรงหน้าได้เลย

"เชิญชิมได้เลยครับ"

เชฟโอบพูดพร้อมเล่าเรื่องราวของวัตถุดิบทีละชนิดในเก้าเซียน เมื่อเห็นว่าคนเล่ายังไม่ไปไหน คนฟังก็เลยจัดการกินมันเสียตั้งแต่อาหารยังไม่หายร้อน และทันทีที่เป็ดย่างหนังกรอบแบบผู้ดีอังกฤษรสชาติเผ็ดร้อนแตะเข้าไปในปาก เด็กหนุ่มก็แทบจะร้องลั่นออกมาด้วยความสะใจ

"เชี่ย!"

เขาได้ยินเสียงกระแอมเล็กน้อยจึงรีบกลบเกลื่อนอาการ เชฟโอบยังมีสีหน้าเรียบนิ่ง ปฏิบัติหน้าที่คนทำครัวอย่างดีเยี่ยม เล่าเรื่องแต่ละถ้อยแต่ละความอย่างชัดเจนฉะฉาน เด็กหนุ่มเผลอสบตาตรงหน้าเชฟโอบอย่างสงสัย เพราะรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป

หัวใจเขาเต้นแรง

ปลาวาฬไม่อยากหลอกตัวเอง แต่ระยะห่างแค่มือเอื้อมนี่หลอกอะไรไม่ได้ หัวใจเขาเต้นแรง และเต้นแรงก็ตอนที่เชฟโอบมายืนอยู่ตรงนี้แล้วด้วย ทุกอย่างประหลาด ราวกับที่นี่ ร้านแห่งนี้ และคนตรงหน้านี้มีมนต์วิเศษบางอย่างที่ทำให้เขาลุ่มหลงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

"ขอให้มีความสุขกับการปฏิวัตินะครับ"

ชายหนุ่มในชุดขาวพูดพร้อมค้อมศีรษะขอตัวลาจากไป ตอนนั้นเองที่เขานึกได้ถึงเหตุผลบางอย่าง ใช่แล้ว เขาชอบกะเพรา นายปลาวาฬเป็นผัดกะเพราเลิฟเวอร์ ไม่ว่าจะเป็นกะเพราที่ไหน แบบไหน ผัดกับอะไร เขาก็ถ่อไปกินอย่างไม่มีข้อแม้ ขอแค่ให้เป็นผัดกะเพรา

และตัวเชฟโอบนั่นมีกลิ่นกะเพราฟุ้งไปหมด!

ปลาวาฬยกมือขึ้นจับหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองอย่างตั้งตัวไม่ถูกนัก เขาไม่เคยใจเต้นกับผู้ชาย เอ๊ย เขาไม่เคยใจเต้นกับกลิ่นกะเพราที่ไหนรุนแรงขนาดนี้มาก่อน มันเหมือนจะแทบห้ามปราบไม่ได้ อยากจะมาที่นี่ทุกวัน กินกะเพราที่นี่ทุกมื้อ และใช่ สูดกลิ่นกะเพราอันแสนเย่อหยิ่งนั่นทุกวันด้วยจมูกของตนเอง

โทรศัพท์มือถือร้องเตือนขึ้น

เด็กหนุ่มที่ยังคุมสติไม่ได้หยิบอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาดู หน้าจอแสดงข้อความจากหัวหน้าเอเจนซี่ที่ส่งเขามาที่นี่ ข้อความสั้นห้วนถามเรื่องอาหารวันนี้ เป็นอย่างไร อร่อยไหม คุ้มราคาหรือเปล่า เขาไม่ตอบ ตั้งใจจะเก็บใส่กระเป๋า แต่หน้าจอกลับมีข้อความใหม่เด้งต่อขึ้นมา หัวใจของเขาแทบจะสั่นจนระเบิดออกมาให้ได้

เจอเชฟโอบแล้วใช่ไหม?

เอาชนะใจผู้ชายคนนั้นให้ได้ ...นั่นคือภารกิจของมึง!