webnovel

ตอนที่ 2 : ผัดกะเพราเก้าเซียน – 2

"โอ๊ย!"

เสียงของปลาวาฬร้องดังลั่นเตียง ดังจนคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างต้องเอื้อมมือมาตบหัวเบา ๆ ให้หุบปากเสีย ตอนนั้นเขาจึงรู้ตัวและยิ้มแหยออกมา เด็กหนุ่มกำลังมาทำกายภาพบำบัดรักษาอาการเส้นเอ็นบริเวณข้อมืออักเสบอยู่ คนทำก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เจเจ เพื่อนค่ายรับน้องมหาวิทยาลัยที่คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง เขาเรียนคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา ส่วนไอ้เจเจเรียนคณะกายภาพบำบัด

"ทำตามที่กูสั่งหรือเปล่า"

ไอ้เพื่อนหน้าตี๋นั่นเก๊กถามเสียจริงจัง นี่ถ้าไม่เห็นว่าอยู่ในเวลางานจะจับผมที่จัดทรงไว้อย่างดีมาขยี้ให้เละเทะ แต่เห็นกับเสื้อกาวน์กับหน้าตาจริงจังในวิชาชีพนั่นเลยจะยกให้สักครั้งไปก่อน

"ทำสิ คนอย่างกูคำไหนคำนั้น"

เขาตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ในขณะเดียวกันก็เสสายตาหนีไปอีกทางหนึ่ง จะว่าไปวอลเปเปอร์ของคลินิกกายภาพบำบัดนี่ก็สะอาดสะอ้านใช้ได้อยู่

"งดยกเวท"

"งด"

"งดออกกำลังกายที่ต้องใช้แขนหรือข้อมือ"

"งด"

"งดกิจกรรมอื่นที่จะต้องใช้ข้อมือมาก ๆ"

คราวนี้เจเจเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ สีหน้าของไอ้เพื่อนสนิทเต็มไปด้วยลับลมคมนัย ทำไมจะไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร ไอ้เปรตนี่ ในเวลาการเวลางานก็ไม่เว้น

"กูเป็นผู้ชายนะเว่ย" ปลาวาฬร้องโวยวาย

"แล้วงดหรือเปล่า"

"งด"

"งดที่แปลว่ายังทำได้อยู่สินะ"

เด็กหนุ่มยกมือเป็นสัญลักษณ์ยอมแพ้ หัวเราะแหะ ๆ เบา ๆ อย่างไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เจเจยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างพอใจที่เอาชนะได้ ก่อนจะหยิบใบบันทึกประวัติผู้ป่วยมาจดอะไรขยุกขยิก อย่าบอกนะว่ามันจะเขียนลงไปว่าเขาไม่ได้งดกิจกรรมอะไร

"มึงเลิกยกเวทจริง ๆ ใช่ไหม" คราวนี้เจเจกลับมาจริงจังจนเห็นได้ชัด "นี่กูซีเรียสนะ ถ้ามึงไม่เลิก อาการไม่ดีขึ้น วันหนึ่งต้องผ่าตัดขึ้นมา อย่าหาว่ากูไม่เตือนนะ กูรู้ว่าอาชีพของมึงเป็นนายแบบ รูปร่างของมึงสำคัญ แต่ตอนนี้สุขภาพของมึงสำคัญกว่า ไปคุยกับเอเจนซี่มึงสิว่าให้งดรับงานถอดเสื้อถอดกางเกงไปสักพัก"

คนไข้เบะปาก

"เออ กูอะเลิกจริง ตามที่มึงขอสองเดือน แต่ไอ้เจเจ อาชีพอย่างกูเนี่ย หยุดเล่นเวทแค่สองวีคกล้ามก็เริ่มพังแล้ว พี่อี๊ดก็บ่นกูเนี่ย" เขาตอบอย่างเซ็ง ๆ

"มึงก็แดกให้มันน้อย ๆ หน่อยสิ กูเห็นมึงตระเวนแดกกะเพราร้านโน้นร้านนี้ไปทั่ว ออกกำลังกายไม่ได้ก็กินให้มันน้อย ๆ สิวะ" อีกฝ่ายเถียง

"มึงอย่าบอกให้กูหยุดกินกะเพรา!"

ปลาวาฬร้องโวยวายออกมาลั่นจนเพื่อนสนิทต้องเอื้อมมือไปตบหัวเบา ๆ เป็นเชิงปราม เขาไม่สนใจอาการของอีกฝ่าย หากแต่เริ่มต้นคิดว่าเย็นนี้จะไปหากะเพราร้านเด็ดที่ไหนกินดี

"มึงจะตกงานก็เพราะความคลั่งกะเพราของมึงนี่แหละ"

เจเจพูดพร้อมกับโยนเสื้อที่กองไว้อีกด้านส่งมาให้เป็นสัญลักษณ์ว่าการรักษาของวันนี้จบสิ้นแล้ว เขาถอดเสื้อออกง่าย ๆ อย่างไม่มีความเหนียมอายใดแม้สักกระผีก หลังเวทีเดินแบบนี่ใส่กางเกงในตัวเดียวกันเป็นเรื่องธรรมดา คนตรงหน้าก็ชินกับนิสัยของเขาเป็นอย่างดี เพียงแค่ส่ายหัวไปมาเป็นเชิงระอาใจก็เท่านั้น

"เออ เมื่อวานกูไปแดกกะเพราะร้านนึงมา อร่อยสัด"

เขาเริ่มต้นพูดอย่างนึกขึ้นได้ พอมาถึงตรงนี้อยู่ดี ๆ น้ำลายในลำคอของเขาก็เริ่มไหลออกมาอย่างไม่รู้สึกตัว กลิ่นกะเพราะหอมเป็นเอกลักษณ์เหมือนจะมาลอยยั่วอยู่แถวโพรงจมูก หยอกล้อละเล้าละลวยอยู่ห่างไปแค่เพียงเอื้อมมือ ผัดกะเพราะเก้าเซียน หัวใจของเขาสั่นจนรู้สึกได้ ถ้าไม่มีราคามื้อละ 3,000 บาทมาขวางทางรักไว้ ปลาวาฬจะไปนั่งแป้นแล้นกินทุกวันเลย

"ขนาดนั้นเลยเหรอวะ กูก็เห็นมึงแดกกะเพรามาทุกที่ ยังมีร้านที่มึงบอกว่าอร่อยสัดได้อีกเหรอ" เจเจถามแบบไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

"มีดิ" เด็กหนุ่มรีบพูด "มึงรู้จักเชฟโอบปะ"

"ใครวะ"

"ก็เชฟโอบที่ออกรายการทำอาหารดัง ๆ ไงมึง คนที่แดกเค้กไม่สุกแล้วถุยลงถังขยะอะ"

"อ๋อ จำได้และ นิสัยอย่างเชี่ย"

"เออ นั่นแหละ ร้านเขา แม่ง หน้าโคตรดุ แต่ฝีมือแม่งเด็ดจริง กูหาที่ติไม่ได้เลยอะ แดกแล้วเหมือนตัวจะลอยได้ พูดแล้วท้องกูร้องเลย"

อยู่ดี ๆ หน้าผู้ชายจอมดุคนนั้นก็โผล่ขึ้นมาแปะอยู่ตรงหน้า ท่าทางเนี้ยบ พิถีพิถัน เอาจริงเอาจังไปเสียทุกอย่างทำเอาเขารู้สึกแหยงอย่างไรบอกไม่ถูก ใครเป็นเมียเชฟโอบก็น่าจะสยองขวัญดี ถ้าจัดจานแล้ววางเบี้ยวไปสักนิ้วนึงไม่รู้จะโดนไล่ออกจากบ้านหรือเปล่า

"เป็นเอามากนะมึงเนี่ย เหมือนคนคลั่งรัก" อีกฝ่ายหัวเราะ

"เชี่ย กะเพราเป็นมากกว่าความรักเว่ย แม่งเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง คนลิ้นจระเข้อย่างมึงไม่มีวันเข้าใจหรอก" ปลาวาฬโวยวายทันทีจนโดนปากกาฟาดเบา ๆ ที่หัวอีกหน

"เออ พี่อี๊ดแม่งเหมือนจะให้กูไปชวนเชฟโอบมาเข้าโมว่ะ"

นายแบบหนุ่มพูดขึ้นมาอย่างบ่น ๆ ปรกติเขาจะโดนให้ไปชวนใครต่อใครมาสังกัดในโมเดลลิ่งเสมอ ๆ พี่อี๊ดบอกว่าเขาเป็นตัวแทนโมได้ดี หุ่น (เคย) ดี หน้าตาสะอาดสะอ้าน (เหมือนโดนหลอกด่าว่าไม่หล่อ) และบุคลิกภาพดี พี่อี๊ดบอกว่าถ้าไม่ชวนเองบางทีเด็กก็ไม่เข้าใจว่าภาพลักษณ์เด็กในโมเป็นแบบไหน ช่วงแรก ๆ เขาก็อิดออด แต่พี่อี๊ดให้ค่านายหน้าคนละ 5,000 บาท ถ้าได้เซ็นสัญญาเด็กใหม่ได้ เขาก็เลยว่าเลยตามเลย

"เขายังไม่มีสังกัดอีกเหรอ กูเห็นก็มีงานโฆษณานี่"

"น่าจะยังว่ะ กูว่าเขาไม่ได้ทำงานในวงการเป็นอาชีพหรอก"

"เอาดิ มึงจะได้ตีซี้เขา ขอสูตรเขามาทำแดกเอง"

"เออ แต่รอบนี้พี่อี๊ดแม่งพูดแปลก ๆ ว่ะ บอกว่ากูต้องเอาชนะใจเชฟโอบให้ได้ พูดแล้วจั๊กจี้ กูถามรายละเอียดหลายรอบก็ไม่ตอบ บอกให้เข้าไปคุยที่โมอย่างเดียว กูว่าจะขอค่าคอมเพิ่ม ดุฉิบหาย 5,000 บาท กูว่าไม่คุ้มอะ" นายแบบหนุ่มพูดไปนึกไป

"พี่อี๊ดเขาจะส่งมึงไปจีบเชฟหรือเปล่า" อีกฝ่ายยักคิ้ว "กูเห็นบ่อยตามซีรีส์วาย พระเอกถูกให้ไปไล่ตามจีบนายเอก สุดท้ายแม่งกลายเป็นนายเอกเองเฉย สลับโพวันละนิดจิตแจ่มใส"

"ก็เชี่ยละ นายเอกพ่อมึงสิ หน้าอย่างกู หุ่นอย่างกู ต้องพระเอกเท่านั้นเว่ย" ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ

"แปลว่าถ้าพี่อี๊ดส่งมึงไปจริง มึงก็รับงานงั้นสิ"

เพื่อนนักกายภาพตัวขาววอกพูดล้อเล่นอย่างสนุกปาก เขาเองก็ไม่ได้คิดอะไรไปตามมากมาย รู้แต่ว่าผู้ชายคนนั้นตัวหอม หอมกะเพรา ขนาดไม่ได้เจอกันเป็นวันแล้วเขายังจำกลิ่นที่ติดจมูกนั่นอยู่ได้ คิดแล้วก็เผลอกลืนน้ำลายลงคอแบบไม่รู้ตัว ทำไมพอคิดถึงหน้าเชฟโอบทีไร ท้องของเขาก็ร้องโครกครากขึ้นมาทุกที ในสมองเด็กหนุ่มมีแต่คำว่าอยากกิน อยากกิน และอยากกิน

"รับสิ กูจะแดกกะเพราให้หมดบ้านเชฟแม่งเลย!"