webnovel

ระบบตกหนอนหนังสือไปเปิดไฟท์ที่ต่างโลก

ตอนที่ 4

ไม่รู้ล่ะว่าจินตกชมาอยู่ตรงนั้นได้อย่างไรแต่ทั้งสามก็รีบเข้าไปดูเจ้าบีสท์ขี้ริ้ว สภาพนั้นยับเยินไม่ต่างจากพวกที่ไปผ่านกลางฝูงมอนสเตอร์ขนาดใหญ่มาอย่างไรอย่างนั้น ลูอิซช่วยรักษาให้ด้วยเวทต้องใช้เวลาระยะหนึ่งสภาพยับเยินถึงดูดีขึ้นแต่เจ้าตัวยังไม่ได้สติ

"เขาไปทำอะไรมานะ"

"วิ่งหนีโกเลมนะสิ" ตอบกลับไปทั้งที่ยังไม่ลืมตา

"ฟื้นแล้วหรือเป็นอย่างไรบ้าง?" นาธานกวาดตามองสภาพเยินได้ที่ของบีสท์หนุ่ม ไม่อยากคิดเลยว่าไปเจออะไรมาแค่ไหน

จินตกชลุกขึ้นนั่งพลางยกมือนวดต้นคอ แน่ใจว่าโดนหอกพุ่งใส่จังๆ ทว่าไม่มีรอยแผลมันประหลาดจนอดดึงเสื้อดูไม่ได้การดึงนี้ทำให้แผ่นโลหะตกลงไปอยู่ที่เอวก่อนมีใครเห็น

ไม่มีรอยเลือดแสดงว่าหอกด้ามนั้นไม่ถึงตัวฉันหรือ ไม่มีทางรู้สึกถึงแรงกระแทกเข้าท้ายทอยเต็มรักเลยนะ ต่อให้ไม่มีแผลแต่มันเป็นจุดที่ทำให้ถึงตายได้ง่ายๆ เลยนี่นา

จินตกชยังคงคลำหลังคอจนพินเดอร์ดึงคอเสื้อด้านหลังดู

"เฮ้ย ทำอะไรของนาย!"

"อะไรเล่าก็เห็นลูบไม่เลิก ขนแหว่งเป็นแอ่งเลยนี่หว่ามีรอยแดงเล็กน้อยด้วยแฮะ" ว่าพลางจิ้มนิ้วลงไปทำบีสท์ขี้ริ้วทะลึ่งพรวดขึ้นจากพื้น

"โทษทีฉันบ้าจี้ อย่าจิ้มแบบนี้อีก" รีบดึงคอเสื้อขึ้นมาบังหลังคอ "ว่าแต่พวกนายรออยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือ" มีกองไฟกับขนมปังบนตะแกรงย่างอีกต่างหาก ทำอย่างกับมาตั้งแค้มป์

"พวกเรารอนายอยู่ในห้องนี้ทั้งวันไม่ให้หาอะไรกินได้ไงเล่า" พินเดอร์ส่ายหน้าแล้วลุกเดินกลับไปนั่งข้างกองไฟเพื่อหยิบขนมปังออกมาจากตะแกรงเพราะได้กลิ่นไหม้โชยออกมาแล้ว

"นายเถอะไปเจออะไรมาถึงยับเยินเสียขนาดนั้น" นาธานเดินตามพินเดอร์กลับไปที่กองไฟ

"รีบออกจากโบราณสถานนี้กันก่อน เร็วเลย แล้วจะเล่าให้ฟังข้างนอก" จินตกชเหลียวล่อกแล่กราวกลัวว่าจะมีโกเลมตนไหนแอบซุ่มมองอยู่พลางเร่งให้ทั้งสามเก็บของ

"ยังมีอะไรน่ากลัวในที่โดนเคลียร์จนพรุนแบบนี้ด้วยหรือไง" พินเดอร์ไม่เห็นว่ามีสิ่งใดน่ากลัวนอกจากกับดักตามทางเดิน

จินตกชมองหน้าคนพูด "แน่ใจหรือว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก่อนหน้านี้ มันสะเทือนไปทั้งโบราณสถานเลยไม่ใช่หรือ"

"นายเป็นคนทำให้มันสะเทือนงั้นหรือ!?" สามคนถามเสียงดังไม่ต่างจากตะโกน

บีสท์ขี้ริ้วยิ้มแหย "ไม่ใช่ทั้งหมดแต่ก็มีส่วนแหละนะ และฉันคิดว่าเราคงต้องส่งรายงานนี้ให้ทางสมาคมนักผจญภัยด้วย ไม่งั้นอาจมีผู้เสียชีวิตเพราะความไม่รู้ได้"

"หรือมันจะเกี่ยวกับการที่นักผจญภัยบางกลุ่มเข้ามาซ้อมฝีมือแล้วหายตัวไปอย่างลึกลับ"

"จริงสิมันมีข่าวแบบนั้นด้วยนี่นา แต่ก็น้อยจนอดคิดไม่ได้ว่าคนพวกนั้นอาจไม่ได้เข้ามาแต่แรกก็ได้" นาธานสาวเท้าตามบีสท์หนุ่มที่เดินว่องไวไม่เกรงใจกับดักตามทางซึ่งไม่รู้ทำไมกับดักทั้งหลายไม่ทำงานปล่อยทั้งสี่เดินผ่านสบาย

"เห็นทางแยกพวกนั้นแล้วก็น่ารู้นี่นาว่าหายไปแบบไหน ฉันมั่นใจว่าคนที่หายไปไม่มีโอกาสได้กลับมาแบบฉันแล้วล่ะ...!" บีสท์หนุ่มยกมือห้ามคนที่เดินตามมาทั้งสาม "ข้างหน้ามีคน ท่าทางอันตรายมากด้วย"

"อยู่นี่เองหรือเจ้าบีสท์ตัวต้นเหตุ" ชายหนุ่มกล้ามใหญ่ท่าทางไม่ต่างจากนักรบกระหายเลือดแสยะยิ้มเหี้ยม

"หินมานาที่แกหยิบจากโกเลมไปด้วยนั่นเอามาให้พวกข้าเสียดีๆ ถ้าไม่อยากหายสาบสูญแบบบางกลุ่มในโบราณสถานนี้" ทางนี้เป็นจอมเวทระดับกลาง แผ่ไอพลังออกมากดดันสร้างความหวาดกลัวให้ทั้งสี่จนสามคนเหงื่อซึมแผ่นหลัง

จินตกชหรี่ตามองนอกจากสองคนท่าทางน่ากลัวยังมีลูกกระจ๊อกอีกกลุ่มใหญ่ตามหลังมาด้วย แต่ละคนดูไม่ยับเยินมากนักไม่ใช้เวทรักษาเรียบร้อยแล้วก็คงฝีมือสูงถึงไม่โดนโกเลมพวกนั้นซ้อมยับ

"ในเมื่อพวกนายฝีมือสูงขนาดนั้นน่าจะได้จากพวกโกเลมมาหลายชิ้นแล้วอย่างกกับที่ฉันเอามาชิ้นเดียวเลยน่า" เขาเอามาแค่ชิ้นเดียวเองยังอยากจะแย่งอีกนิสัยไม่ดีเลยตัวประกอบพวกนี้

พวกต้องการชิงหินมานาเดินมาปิดทางพร้อมเตรียมอาวุธออกมาแสดงเจตนาว่าเต็มใจใช้กำลัง ถ้าเจ้าบีสท์ขี้ริ้วไม่ให้ของที่พวกมันต้องการ

จินตกชมองประเมินคนพวกนี้อีกครั้งแล้วถอนใจเสียครั้ง "พวกรอเก็บผลประโยชน์หลังคนอื่นเหนื่อยจนหมดแรงนี่เอง นี่คงวิ่งหนีโกเลมหางจุกตูดเลยละสิ" อย่าหาว่าปากเสียเลยแต่เจ้าพวกชุบมือเปิบแบบนี้ต้องซัดให้หนัก

"ไอ้บีสท์อัปลักษณ์นี่ อยากหายสาบสูญนักใช่ไหม!?" ท่าทางกระหายเลือดของกลุ่มนักผจญภัยที่ผันตนมาเป็นโจรทำพวกลูอิซเตรียมพร้อมสู้เช่นกันแม้รู้ว่าพวกนี้เก่งกว่าก็ตาม

"เอามาจากศพพวกแกก็ได้ ฆ่ามัน!"

กระสุนพลังเวทสารพัดรูปแบบบินมาก่อนเป็นสิ่งแรกทว่าบีสท์ขี้ริ้วพุ่งออกไปพร้อมตวัดมือส่งสะบั้นสุญญากาศใส่แบบกวาดในวงกว้าง นอกจากลบล้างพลังเวทเหล่านั้นทั้งหมดยังพุ่งเข้าถึงตัวจอมเวทในพริบตา ลูกถีบแบบเต็มแรงส่งเข้ากลางตัวส่งปลิวไปกระแทกผนังพังทะลุไปเลย

"แรงอะไรวะนั่น!" เจ้าคนโวยปลิวตามไปจากการวกกลับมาเตะส่งตามไปติดๆ แล้วตวัดมือส่งคมสุญญากาศออกไปรอบทิศอีกครั้ง นอกจากส่งพวกหาเรื่องนั่งกุมแผลเลือดไหลโกรกยังทำผนังแถวนั้นพังไปอีกแถบใหญ่

"เว้ย แรงไปหรือนี่" จินตกชไม่นึกว่าผนังแถวนี้เปราะ ในเมื่อห้องก่อนที่โดนไล่ยังแทบไม่มีรอยจากการใช้คมสุญญากาศเลยนี่นา

"นี่แกทำได้ยังไง อั่ก!"

ลูกพลังเวทจากลูอิซอัดเข้าเต็มหน้าส่งเจ้ากล้ามใหญ่หน้าหงายแล้วตามด้วยบาทาแสนหนักจากบีสท์ขี้ริ้วเตะเสยคางให้หนึ่งครั้งส่งลงไปนอนนับดาวทันใจ

"ฉันคว่ำโกเลมได้นะเว้ย แล้วพวกนายเอาความมั่นใจไหนมาคิดว่าจะสามารถแย่งหินมานาไปจากฉันได้" จินตกชไม่ใช่คนชอบดูถูกใครแต่กับพวกนี้ขอเว้นไว้สักกลุ่มละกัน "ถ้ามาให้เห็นอีกครั้งฉันจะส่งพวกนายไปนอนพักในสุสานให้" แล้วรีบพาทั้งสามออกจากโบราณสถานนี้

ตลอดการเดินทางไปยังสมาคมนักผจญภัยจินตกชเล่าให้ทั้งสามฟังว่าไปเจออะไรมารวมทั้งความจริงที่ว่าโบราณสถานแห่งนั้นแท้จริงแล้วส่วนที่เคลียร์ได้แค่ส่วนนอกซึ่งเป็นส่วนที่อนุญาตให้เข้ามาได้เท่านั้น ส่วนโบราณสถานแท้จริงนั่นยังไม่มีสิ่งใดเข้าถึงได้ตั้งแต่สร้างเสร็จเมื่อเจ็ดหมื่นปีก่อน รายงานนี้สร้างความตื่นตะลึงให้นักผจญภัยทั้งโลก และนั่นจึงเป็นเหตุให้นักผจญภัยมากมายเดินทางมาเพื่อบุกโบราณสถานอัลฮาซานอีกครั้ง

การบุกเคลียร์ครั้งนี้ทำให้ได้รู้ว่ายามเฝ้าทรงอำนาจแบบกลุ่มไหนก็ต้านไม่ได้ ขนาดรวมกันเป็นปาร์ตี้ขนาดใหญ่เกือบร้อยคนยังไม่สามารถฝ่าโกเลมร่างมนุษย์ซึ่งมีเพียงแค่สิบตัวได้สักคน แล้วยังมีโกเลมรูปร่างประหลาดอีกเป็นร้อยที่พร้อมทำให้นักผจญภัยผู้เชื่อว่าตนมีฝีมือร้ายกาจกลายเป็นคนสาบสูญในโบราณสถานแห่งนี้ตลอดเวลา

จากโบราณสถานที่มือใหม่เข้ามาซ้อมฝีมือกลายเป็นโบราณสถานอันตรายร้ายแรงอันดับหนึ่งของมหาทวีปในเดือนเดียว ข่าวจริงไปทั่วทั้งโลกและมันก็ทำให้นักผจญภัยมากมายเอาชีวิตมาทิ้งอย่างแท้จริง ยิ่งในตลาดมีหินมานาที่ได้จากโกเลมในอัลฮาซานยืนยันด้วย ยิ่งทำให้นักผจญภัยยอมถวายชีวิตหาทางเคลียร์โบราณสถานให้ได้

"กิลด์ใหญ่สี่กิลด์ที่เข้าไปในอัลฮาซานต่างแย่งพื้นที่กันน่าดูเลยตอนนี้"

"นายคิดว่ากิลด์ไหนจะเคลียร์ได้"

"กิลด์ไหนเคลียร์ได้หรือไม่ฉันไม่รู้ รู้แค่ตอนนี้แทบพินาศทุกกิลด์ที่เข้าไปท้าทายแล้วนั่นแหละ"

"เมื่อวานก็เห็นหามออกมาเป็นสิบ แบบไร้ลมหายใจนะ"

ตามร้านเหล้า ตามสถานที่ร้านอาหารต่างพูดคุยถึงเรื่องนี้กันทั้งนั้น ต่างอยากรู้ว่าในโบราณสถานแห่งนั้นเก็บสิ่งใดไว้กันแน่ แค่หินมานาจากโกเลมยังประเมินค่าไม่ได้ สิ่งที่โกเลมพวกนั้นพิทักษ์อยู่จะล้ำค่าเพียงใด

"มีแต่คนอยากพิชิตอัลฮารานทั้งนั้นเลยนะ" ลูอิซเดินไปทางไหนล้วนได้ยินแต่คนพูดถึงเรื่องเดียวเลย

"ค้นพบใหม่หลังจากที่คิดว่าเคลียร์ไปแล้วนี่นา แล้วยังพลิกความเข้าใจว่าเป็นแค่โบราณสถานเก่าแก่ธรรมดาแบบหน้ามือเป็นหลังมืออีกด้วยย่อมเรียกความสนใจจากพวกชอบท้าทายให้หวังไปสร้างชื่อได้มากมายก็ปกตินะ" จินตกชได้แต่อวยพรทุกท่านจากใจ แต่ตนนั้นไม่ขอเหยียบย่างไปอีกเป็นครั้งที่สองล่ะ โกเลมในห้องนั้นยังตามมาหลอกหลอนถึงในฝันให้สะดุ้งตื่นได้หลายครั้งหลังจากกลับถึงที่พัก แล้วเจอว่ามีโลหะแผ่นเท่าบัตรเครดิตติดมาด้วย ครั้นให้เอาไปคืนก็กลัวจนขอละไว้ก่อนเก่งกว่านี้จะเอาไปขว้างอัดหน้าพวกโกเลมแล้วโกยไม่เหลียวหลังให้ดู ตอนนี้ก็เก็บไว้ในคลังก่อน

ทั้งสี่นั่งคุยเล่นกันอีกเล็กน้อยก่อนไปส่งเงินที่ได้จากการขายหินมานาจากโกเลมซึ่งมากมายจนทั้งสามเกรงใจเจ้าบีสท์ขี้ริ้วเพราะพวกเขาไม่ใช่คนที่สู้จนได้มาทว่าจินตกชก็ยังยกเงินเกือบทั้งหมดให้ และเก็บไว้ใช้บ้างเล็กน้อย ก่อนทั้งสี่จะออกเดินทางค้นหายาแก้คำสาปตามข่าวสารที่ได้รับมา ซึ่งทั้งสี่ไม่เฉียดเข้าไปใกล้โบราณสถานอัลฮาซานอีกเลยจนเวลาล่วงเลยไปเจ็ดปีเต็ม ชื่อเสียงนักผจญภัยของทั้งสี่เลื่องลือไม่แพ้กิลด์ชั้นนำของแต่ละทวีป กลุ่มนักผจญภัยสี่คนอายุไม่น้อยทว่ารับงานระดับโกลด์ไปจัดการเกือบร้อยงานแล้วและไม่มีงานไหนล้มเหลว แม้หลายกิลด์อยากได้ตัวแต่ทั้งสี่ไม่คิดเข้ากิลด์ไหนทั้งนั้น

หมู่บ้านเล็กกลางป่าเขายามนี้เต็มไปด้วยเสียกรีดร้องอย่างหวาดกลัว เสียงร้องไห้ เสียงคำรามสั่นประสาทของพวกมอนสเตอร์ กลิ่นเหม็นไหม้แสบจมูก กลิ่นเลือดฟุ้งตลบไปทั้งหมู่บ้าน มอนสเตอร์ร่างสูงใหญ่สามเมตรรูปร่างคล้ายหมาป่ามีเขากระทิงตามตัวยังมีเปลือกแข็งเหมือนสวมชุดเกราะ ทำให้ต้านทานอาวุธมีคมและพลังเวทได้อย่างน่ากลัว ทั้งฝูงซึ่งมีจำนวนสามสิบตัวบุกทำลายหมู่บ้านในบริเวณชายป่าหลายหมู่บ้านแล้ว ทางการส่งทหารมาหลายกองกลับถูกฆ่าจนหมดสิ้น ทำให้ต้องประกาศจ้างนักผจญภัยในราคาแพง ภารกิจนี้เทียบเท่าระดับโกลด์ซึ่งหลายกิลด์เรียกค่าตอบแทนสูงจนทางการไม่สามารถจ่ายไหว ทำให้มอนสเตอร์ฝูงนั้นบุกทำลายไปเรื่อยๆ สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและพื้นที่อยู่อาศัย

"บ้าเอ๊ย พวกมันน่ากลัวเกินไปแล้ว พลังเวทฉันจะหมดแล้วนะเว้ย!" จอมเวทคนหนึ่งในกลุ่มนักผจญภัยที่รับงานมาตะโกนสุดเสียง กลุ่มของเขามีถึงสิบคนทว่ายามเหลือแค่สี่ที่ยังพอเหลือพลังสู้อยู่บ้าง

"ไม่เอาแล้วขืนสู้ต่อได้ตายแน่ ฉันไม่อยู่แล้ว!" หนึ่งในสี่หันหลังวิ่งหนีทันทีที่พูดจบ อีกสองเห็นแบบนั้นรีบวิ่งตามไปทันทีมันจึงทำให้อีกหกคนซึ่งบาดเจ็บไม่น้อยพลอยพากันหนีด้วย

"ฉันก็ไม่เอาแล้ว ใครจะเอาชีวิตมาทิ้งกันวะ"

"รอด้วยสิเว้ยพวกแก!" จอมเวทเองก็ไม่สนใจแล้วหนีเอาตัวรอดแบบไม่สนใจคนของหมู่บ้านนี้แล้ว

"ท่านนักผจญภัย อย่าทิ้งพวกเราไปอย่างนี้ ได้โปรดเถอะ!" ชาวบ้านหลายคนพยายามห้ามและขอความเมตตาทว่ากลับถูกนักผจญภัยเหล่านั้นนั้นถีบล้ม แล้วยังใช้เวทซัดใส่จนได้รับบาดเจ็บกันระนาว

"พวกแกก็ช่วยตนเองสิเว้ย ใครจะมาตายกับพวกแกเล่า!" มีถ่มน้ำลายใส่เสียครั้งแล้วพากันใช้หินมานาเพิ่มพลังในการเคลื่อนไหวให้เร็วกว่าปกติในการหนีออกจากหมู่บ้าน ไม่แม้สนใจเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของคนที่กำลังถูกมอนสเตอร์ฉีกร่าง

ตรงหน้าเด็กชายวัยห้าขวบซึ่งมีเส้นผมสีน้ำตาลไหม้คือร่างยักษ์ของมอนสเตอร์อ้าปากกว้างโชว์เขี้ยวแหลมคมแบบพร้อมขย้ำเด็กชายในคำเดียว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจับจ้องมัจจุราชสี่ขาด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวังจากก้นบึ้งของวิญญาณ เส้นผมสีน้ำตาลไหม้เปลี่ยนเป็นสีขาวในแวบเดียวจากความกลัวถึงที่สุดทว่าเสี้ยววินาทีความสิ้นหวังนั้นได้ถูกทำลายสิ้น

เผ่าบีสท์ร่างสูงสง่ากระโจนมาลงตรงหน้าคั่นกลางระหว่างเด็กชายตัวน้อยกับมอนสเตอร์ตัวยักษ์แล้วตวัดดาบผลึกสีแดงในมือออกไปเพียงครั้งเดียวทว่ากลับมองเห็นคมดาบมากมายทะยานออกไปฟาดฟันพวกสี่ขาร่างขาดกระจัดกระจายถึงห้าตัวในครั้งเดียว ความตั้งใจฟาดฟันมอนสเตอร์ทั้งหมดทำให้เจ้าตัวไม่ทันมองว่ามีหน้าต่างโฮโลแกรมเด้งขึ้นมาแวบหนึ่ง เจ้าตัวไม่สนใจหน้าต่างจึงปิดไปเพื่อไม่รบกวนวิสัยทัศน์ที่กำลังใช้อย่างเต็มที่ในยามต่อสู้

"ไหนว่าทนทานอาวุธมีคมไงล่ะ ยุ่ยยังกลับเต้าหู้" น้ำเสียงแหบแห้งเยาะเย้ยใส่พวกสี่ขาติดเกราะมาอย่างมั่นใจว่าไม่มีใครล่าพวกมันได้ทว่ายามนี้ บีสท์ขี้ริ้วคนหนึ่งกำลังเขย่าขวัญพวกมันได้อย่างร้ายกาจ "ฝากช่วยดูคนเจ็บทีครับ เจ้าสี่ขาพวกนี้ผมเก็บเอง" แล้วพุ่งออกไปลงกลางฝูงให้พวกมันแตกฮือไปคนละทางอย่างไวทว่ายังมีตัวที่ช้า ดาบสีแดงตวัดกวาดแบบขนานพื้นฟันขาทั้งสี่ขาดกระเด็น แล้วพุ่งเข้าไปฟันจากบนลงล่างผ่าครึ่งตัวไปเลย

"เข้าสู่โหมดล่าเหยื่อแล้วใช่ไหมนั่น" นักเวทสูงวัยใช้เวทรักษาแบบครั้งเดียวรักษาได้นับสิบคน

"ไม่ว่าเมื่อไหร่เจ้าซีวิลล์เวลาล่าไม่หมดไม่เลิกเลยนะ" เห็นบีสท์ขี้ริววิ่งไล่ทุกตัวไม่มียอมปล่อยแล้วนักดาบสูงวัยคนนี้ได้แต่ส่ายหน้า

"เรื่องสนุกของเขาก็รู้อยู่" ลุงผมดำยิ้มขำขณะช่วยพยุงเด็กชายผมขาวขึ้นจากพื้น "ไม่เป็นไรนะเจ้าหนู"

เพราะไม่มีบาดแผลตรงไหนทั้งสามจึงไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ก่อนหน้าหวาดกลัวตนแทบเสียสติถ้าบีสท์ขี้ริ้วมาไม่ทัน ทว่ามันก็ช้าไปกว่าจะเห็นสีผมเด็กคนนี้เปลี่ยนเพราะความกลัว ทั้งสามจึงคิดว่าไม่เป็นไรแล้วนั่นเอง เด็กชายกวาดตามองซากมอนสเตอร์ก่อนจะมองตามไปยังเผ่าบีสท์ที่กำลังไล่ล่าด้วยดาบผลึกใสสีแดง

เท้าสุดหนักถีบมอนสเตอร์ตัวหนึ่งกระเด็นไปกระแทกอีกตัว อีกสองตัวตบกรงเล็บใส่บีสท์คนนั้นถีบตัวโดยใช้ขาของตัวด้านข้างเป็นฐานพุ่งอ้อมไปด้านหลังตัวที่ตบกรงเล็บแล้วฟาดดาบลงที่คอตัดขาดเป็นสองท่อน แล้วพุ่งเข้าใส่อีกตัวตวัดดาบฟันแบบรัวเร็วเกินกว่าสายตาคนทั่วไปมองทันเข้าใส่ถึงสิบครั้งในพริบตา ส่งลงไปกองพื้นนอนนิ่งไร้ลมหายใจ จากนั้นกระโจนไปล่าอีกสามตัวสุดท้ายด้วยความเร็วที่เหนือกว่าวิ่งแซงพวกมันไปด้านหน้าพร้อมฟาดฟันดาบใส่ด้วย ส่งพวกมันเป็นชิ้นๆ ได้แบบไม่รู้ตัว การฟาดฟันต่อสู้นั้นช่างตระการตาให้ชาวบ้านทั้งหมดไม่อาจละสายตาไปจากเผ่าบีสท์คนนั้นได้ แค่ครู่เดียวจริงๆ มอนสเตอร์ร้ายทั้งฝูงเหลือเพียงแค่ซากเป็นอันเก็บพวกมันได้ทั้งหมด เจ้าตัวยืนกวาดตาไปทั่วๆ ท่ามกลางซากศพและทะเลเลือดทั้งที่มันเป็นภาพที่น่ากลัวมากแต่คนทั้งหมดกลับรู้สึกว่าดูดีและเหมาะสมกับบีสท์คนนั้นยิ่งนัก จินตกชเห็นว่าไม่เหลือมอนสเตอร์แล้วจึงเก็บดาบแล้วเดินกลับมาดูสภาพชาวบ้าน

"ไม่เป็นไรแล้วนะ ขอโทษที่มาช้าไปหน่อย" แม้ไม่ใช่ความผิดของตนที่มีคนเจ็บคนตายมากมายในหมู่บ้านนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนรับงานนี้ก่อนแล้วเขาคงไม่มาช้าแบบนี้ ถ้ารับงานปราบมอนสเตอร์ที่นี่ให้เร็วกว่านี้คงไม่ทำให้สูญเสียมากแบบนี้แน่นอน

"ไม่ครับ แค่พวกท่านมาแล้วยังกำจัดพวกมันทั้งหมดเท่านั้นพวกข้าก็ขอบคุณมากแล้วครับ"

"ขอบคุณที่มาช่วยพวกเรา"

"ขอบคุณท่านผู้กล้า" ชายวัยกลางคนยกมือท่วมหัวน้ำตาซึม

"ไม่ใช่ผู้กล้า แค่นักผจญภัยระดับกลางๆ เท่านั้นครับ" ได้ยินแบบนั้นขนทั้งตัวบีสท์ขี้ริ้วลุกพรึบเลย สะพรึงแรงนะขอบอก "ข้าออกไปตรวจดูรอบหมู่บ้านก่อนนะว่ายังมีพวกมันเหลืออยู่หรือเปล่า" พูดจบก็กระโจนออกไปทันที เจ้าตัวไปได้ไวเกินใครมองตามทัน

ภายในป่ามีร่องรอยหักพังจากฝีมือมอนสเตอร์มากมายทว่าจินตกชใช้วิสัยทัศน์ระยะไกลกวาดตาไปทั่วไม่พบมอนสเตอร์หลงเหลืออยู่แม้แต่ตัวเดียวในบริเวณนี้แล้ว เจ้าตัวจึงเดินไกลออกไปอีกแล้วกระโดดขึ้นไปมองทั่วๆ จากที่สูงจนแน่ใจว่าไม่เหลือแล้วจริงๆ จึงกลับมายังหมู่บ้านซึ่งลูอิซ นาธาน พินเดอร์ช่วยดูแลคนเจ็บและจัดการทุกเรื่องเรียบร้อยแล้ว

"ไง ได้ความว่าไงบ้าง?" นาธานเห็นบีสท์หนุ่มกลับมาพลางมองไปทั่วราวหาอะไรบางอย่าง

"มอนสเตอร์ฝูงนั้นไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียวแล้ว ว่าแต่ทำไมหมู่บ้านพังขนาดนี้ล่ะก่อนพวกเรามามีนักผจญภัยอีกกลุ่มมาถึงก่อนไม่ใช่หรือ พวกนั้นหายไปไหนหมด?" นอกจากชาวบ้านแล้วไม่เห็นคนที่ท่าทางเป็นนักผจญภัยได้สักคน อย่างน้อยพวกก่อนหน้าควรเหลือสักคนสองคนสิถ้าสู้ไม่ไหว

"หนีไปหมดแล้ว ก่อนพวกท่านมาแค่ไม่กี่นาที"

เสียงตอบอยู่ต่ำกว่าระดับสายตามากโขบีสท์หนุ่มจึงก้มมองหาเจ้าของเสียง เด็กชายผมขาวสูงแค่เอวเขา กำลังจ้องมองเผ่าบีสท์ด้วยดวงตาสีน้ำเงินแฝงประกายคมกล้า เพียงสบตาจินตกชก็รู้ว่านี่เป็นตัวละครหลักแน่นอนแต่บทบาทไหนเขาไม่รู้

เด็กคนนี้อนาคตยิ่งใหญ่แน่นอน

"เจ้าเป็นเด็กที่ท่าทางแกร่งกล้ามากเลยนะ เติบโตไปต้องยิ่งใหญ่แน่" มือหยาบยกลูบหัวเด็กชายพร้อมโปรยรอยยิ้มเอ็นดู ใครเห็นย่อมคิดว่าแสยะเขี้ยวข่มขู่แต่เด็กชายกลับยิ้มตอบ แม้เจือด้วยความเศร้าอยู่บ้างแต่ก็ดูดีมากมาย

"ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นแบบท่านให้ได้" เจ้าตัวตั้งใจไว้ตั้งแต่เห็นเผ่าบีสท์เพียงคนเดียวกำจัดมอนสเตอร์ฮอร์ฟ๊อกซ์แล้ว ความเก่งกาจไร้ที่ตินั่นกลายเป็นแรงผลักดันให้เจ้าตัวตัดสินใจกับอนาคตตนต่อจากนี้

"เจ้าทำได้แน่นอน" ถึงไม่รู้ว่าผู้เขียนให้บทใดกับเด็กคนนี้ ทว่าตอนนี้มันกลายเป็นโลกคู่ขนานของนิยายเรื่องหลักไปแล้วฉะนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกนี้

หลักจากช่วยจัดการให้เข้าที่เข้าทางดีแล้วทั้งสี่ก็เดินทางกลับไปรายงานยังสมาคมนักผจญภัยว่าภารกิจที่รับมาเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว พร้อมทั้งรับงานใหม่เพื่อหาเงินให้ทั้งสามส่งกลับหมู่บ้านและโบราณสถานที่มียาแก้คำสาป ซึ่งครั้งนี้ได้รับข่าวดีเสียที

"ยาแก้คำสาปที่พวกท่านถามถึงได้ข่าวแล้วนะครับ" พนักงานส่งรายละเอียดให้ทั้งสี่แผ่นหนึ่ง "เป็นโบราณสถานที่อยู่ในป่าติดชายแดน ต้องระวังมากหน่อยเพื่อไม่เกิดการพิพาทระหว่างแดน อย่างไรอย่าไปขัดใครเข้าล่ะ" เพราะสนิทกันแล้วถึงเตือนอย่างหวังดี

"ขอบคุณเตฟาน พวกเราจะระวังให้มากแน่นอน" นาธานยิ้มกว้าง ถ้าได้ยาแก้คำสาปมาพวกเขาจะได้เลิกทำงานเสี่ยงภัยแบบนี้สักที แม้ตอนนี้ชื่อเสียงเลื่องลือมันก็มาจากซีวิลล์ทั้งนั้น เจ้าตัวคนเดียวเก็บเรียบทุกอย่าง พวกเขาสามคนแค่คอยช่วยอยู่ด้านหลังเล็กๆ น้อยๆ จนถึงกลับไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้นอกจากป้องกันตนไม่ให้บาดเจ็บเท่านั้นเอง

"นั่นไง กลุ่มนั้นไงที่ว่ามีนักผจญภันวัยดึกสามคนกับเผ่าบีสท์หนึ่งคนรับงานไหนไม่มีคำว่าล้มเหลว"

"ใช่กลุ่มนั้นจริงด้วย"

"อยากเข้าไปคุยด้วยจัง พวกเขาจะมองนักจญภัยตัวเล็กๆ อย่างพวกเราไหมนะ"

"ไม่มีทาง พวกเขาเจ๋งกว่าพวกใช้เวทระดับสูงจากกิลด์ใหญ่ๆ เสียอีก"

เสียงซุบซิบกับสายตาร้อนแรงของผู้คนในสมคมทำสามในสี่หน้าม้านจนต้องรีบลากเจ้าบีสท์ที่กำลังจับจ้องกระดานภารกิจตาเป็นมันออกไปอย่างไว

"เอ๋ จะไปแล้วเหรอ? ระหว่างทางเก็บสักงานด้วยไหม?" ส่งสายตาอยากอาละวาดสุดใจทว่าสามผู้สูงวัยยกมือไขว้กากบาท ความเห็นแค่หนึ่งจึงตกไป

"แค่บุกโบราณสถานที่เดียวก็หมดแรงแล้ว" รายละเอียดแผ่นนั้นส่งให้จินตกช

เจ้าตัวรับมากวาดตาอ่านครั้งเดียวจำได้ทั้งหมด "ชายแดนนั่งรถม้าก็สิบเจ็ดวัน เดินเท้าหนึ่งเดือน ทางเวทชั่วโมงเดียว... ไปเลยไหม?"

"ไปหาอะไรกินก่อนเถอะ" บางครั้งพินเดอร์ก็ปวดหัวกับความชอบออกแรงเหมือนแรงไม่มีวันหมดของเจ้าบีสท์ขี้ริ้วเหลือเกิน

ร้านอาหารเจ้าประจำได้ต้อนรับทั้งสามพร้อมสายตาคนจากโต๊ะอื่นทั้งลอบมองทั้งจับจ้องแล้วตามมาด้วยเสียงกระซิบกระซาบสนั่นร้าน ลูอิซ พินเดอร์ นาธาน ก้มหน้าก้มตากินอย่างไว ต่างจากจินตกชซึ่งกำลังคาดหวังว่าโบราณสถานชายแดนที่กำลังจะไปนี้คงมีแพรร์สโตน ในเมื่อมีแจ้งเตือนว่าเนื้อเรื่องเคลื่อนไหวแล้วตั้งแต่สามปีก่อน

พระเอกมีตัวตนแล้วสินะ จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุดหน้าตาจะเป็นอย่างไรหว่าคาดหวังได้ใช่ไหม อีกสิบปีคงได้ยินชื่อบ้างแน่นอน