webnovel

ระบบตกหนอนหนังสือไปเปิดไฟท์ที่ต่างโลก

ตอนที่ 5

ชื่อเสียงของจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่คนล่าสุดเป็นที่ฮือฮาไปทั้งทวีปจากการพ่ายแพ้ให้กับนักดาบ โลกนี้เวทมนต์สูงส่งที่สุดทุกคนรู้ดีฉะนั้นข่าวจอมเวทระดับแพลทินั่มคนหนึ่งแห่งมหาทวีปพ่ายแพ้นักดาบ จึงสร้างความตื่นตะลึงให้ผู้คนทั้งในวงการและนอกวงการได้อย่างร้ายกาจ ข่าวนี้ทำนักผจญภัยมากมายทึ้งหัวราวคนบ้า จอมเวททั้งหลายล้วนยอมรับข่าวนี้ไม่ได้ ต่างเชื่อว่ามันแค่เรื่องแต่งขึ้นมากลั่นแกล้งฝ่ายผู้ใช้เวทหาความจริงได้ไม่

"โห นักดาบคนไหนกันเอาชนะไจร่า หัวหน้ากิลด์อันดับห้าของโลกได้ มหาเทพสงครามมาเกิดหรือไง" บนกระดานข่าวล้วนเต็มไปด้วยประกาศข่าวนี้ ทว่าจอมเวททั้งหลายไม่ยอมรับทำให้ไม่สามารถลงรูปนักดาบคนที่ว่าได้ บีสท์หนุ่มกวาดตาไปทั่วกระดานข่าวซึ่งมีความใหญ่โตกินผนังหนึ่งด้านพอดีด้วยหวังว่าจะมีภาพหรือแค่ชื่อก็ยังดีของนักดาบคนนั้นให้เห็นสักภาพ

"อย่ามองหาอย่างเปล่าประโยชน์เลยซีวิลล์ ข่าวที่สร้างขึ้นมาแกล้งพวกผู้ใช้เวทมันจะมีใครกล้าเอาหน้าตนเองมาให้ใช้อ้างกันเล่า" พนักงานประจำสมาคมนักผจญภัยส่ายหน้าดิกกับข่าวลือใหญ่โตนี้

"ฉันว่ามันเป็นข่าวจริงนะ แค่ชื่อไจร่าก็ไม่มีใครกล้าเอามาพูดพล่อยๆ แล้ว เป็นข่าวดังแบบนี้ต้องมีมูลจริงบ้างล่ะ" บีสท์หนุ่มพูดอย่างมั่นใจ

"มันก็จริงข่าวแบบนี้หากไม่มีความจริงเลยไม่มีทางหลุดออกมาได้ขนาดนี้ แต่อย่าพูดไปจะดีกว่า ผู้ใช้เวททั้งหลายจะเขม่นเอา" เขาเองก็เชื่ออยู่ใช่น้อย ทว่าพูดมากไปอาจมีเรื่องถึงตัวได้ จึงเตือนเจ้าบีสท์ขี้ริ้วสักหน่อยด้วย

จินตกชยักไหล่ท่าทางยียวนไม่น้อย "ผู้ใช้เวทคนไหนอยากเขม่นฉันบ้างล่ะ" ในภูมิภาคนี้ต่างรู้จักเจ้าบีสท์ขี้ริ้วคนนี้ดีว่ามันเถื่อนแค่ไหน ยี่สิบปีที่ผ่านมาเก็บเรียบทั้งภารกิจทั้งผู้มาหาเรื่อง น่าเสียดายที่สิบปีก่อนปาร์ตี้สี่คนอันลือชื่อได้จบลง สามในสี่เลิกเป็นนักผจญภัยและกลับบ้านเกิดจึงเหลือแค่เจ้าบีสท์ขี้ริ้วที่ยังบุกโบราณสถานแบบฉายเดี่ยวไปทั่ว โดยทำตัวแปลกด้วยการบุกแต่ไม่เก็บสมบัติใดนอกจากเหรียญทอง ราวเจ้าตัวแค่ชอบเข้าไปก่อกวนยามเฝ้าโบราณสถานให้สาดคำด่าออกสื่อไม่ได้เป็นการบริหารสมองอย่างไรอย่างนั้น

"เออ เจ้าเก่ง แล้วจะรับงานนี้ไหม?" กระดาษแผ่นหนึ่งส่งให้ "มีแนวโน้มว่าอาจมีผลึกมานาระดับสูงหลายชิ้นอยู่ในนั้น" เพราะรู้จักกันมานานทำให้รู้ว่าเจ้าบีสท์คนนี้กำลังตามหาผลึกมานาบางชนิดอยู่แน่ๆ ถึงไม่รู้ว่าชนิดไหนแต่ถ้ามีข่าวเกี่ยวกับผลึกระดับสูงเขาจะรีบส่งข่าวให้ทันที

"นี่มันนิทานจากยุคไหนหรือ ช่วยเจ้าหญิงจากมังกรเนี่ย" จินตกชแทบยกเท้าก่ายหน้าผาก ภารกิจในแผ่นกระดาษคือการไปช่วยเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรเคฟทาวีคที่ถูกมังกรลักพาตัวไป แน่นอนว่าที่อยู่ของมังกรย่อมมีภูเขาสมบัติขนาดใหญ่รออยู่ด้วย

"เจ้าอ่านผิดนะ ช่วยมังกรแล้วลากเจ้าหญิงกลับมาส่งคืนอาณาจักรต่างหาก" พยักหน้าให้จินตกชอ่านใหม่ เจ้าตัวอ่านอีกครั้งชัดๆ แล้วหน้าเหวอไปเลย

"นี่มันคำร้องของมังกรนี่หว่า ค่าตอบแทนคือสมบัติของมังกรขนไปได้เท่าที่ต้องการ เนื่องด้วยมังกรบินผ่านเคฟทาวีคแล้วไปสะดุดตาเจ้าหญิงเข้าเลยโดนจับ ซ้อมยับ ตอนนี้มังกรเดือดร้อนมาก ช่วยด้วย... อะไรฟะเนี่ย" ไม่แค่บีสท์ขี้ริ้วหรอกที่สบถแบบนั้น คนรับคำร้องของสมาคมเองก็สบถออกสื่อไม่ได้มาทุกคนแล้ว "แต่เออแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ" ยกนิ้วหัวแม่มือให้เลย จินตกชยอมรับว่าชอบเทพนิยายแบบนี้มากกว่าจริงๆ

การเดินทางจากถิ่นที่อยู่ปัจจุบันของบีสท์หนุ่มถึงอาณาจักรเคฟทาวีคใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเมื่อใช้ทางเวททว่าครั้งนี้จินตกชไม่รีบจึงใช้การเดินเท้า ถึงบอกว่าเดินเท้าแต่ทักษะเพิ่มเติมด้วยพลังจิตเข้าไปด้วยเขาก็เดินทางได้ไวไม่ต่างจากฝีเท้าเสือชีตาร์เวลาวิ่งเต็มแรงนั่นแหละ

ที่จินตกชใช้การเดินทางแบบนี้เพราะต้องการถามรายละเอียดภารกิจที่รับมาจากคนในแต่ละหมู่บ้านว่าตกลงเรื่องมันอย่างไรกันแน่ แม้ข้อมูลที่ได้เพิ่มมาจะมีเรื่องไร้สาระเติมเข้ามามากมายแต่ก็สามารถแยกได้ว่าข้อมูลไหนจริงข้อมูลไหนเท็จ ทว่าสรุปได้ว่าเจ้าหญิงบุกไประรานมังกรถึงรังจริง แล้วยังยึดรังมังกรไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องเดือดร้อนให้มังกรต้องว่าจ้างนักผจญภัยมาช่วย แต่ก็มีอีกข่าวนั้นคือทางอาณาจักรเคฟทาวีคจ้างนักผจญภัยระดับสูงจากหลายกิลด์ให้ไปช่วยเจ้าหญิง โดยกล่าวว่ามังกรลักพาตัวไป คำร้องนี้มีติดอยู่บนกระดานข่าวในสาขาย่อยของสมาคมนักผจญภัยในหมู่บ้านที่ผ่านมาพอดีด้วย

จินตกชยืนอ่านคำร้องบนกระดานภารกิจหัวคิ้วยับย่นกับข้อความใส่ร้ายมังกรเสียมากมาย แล้วตบท้ายด้วยรางวัลใหญ่โต ทั้งตำแหน่งขุนนางทั้งสมบัติทั้งหมดของมังกร แล้วยังสิทธิ์พิเศษในที่ดินอีกผืนใหญ่

"เข้าใจละนะว่าเป็นอาณาจักรที่ร่ำรวยมากจากทัพยากรธรรมชาติ แต่ให้เสียขนาดนี้ราวกับประกาศหาลูกเขยเลยนะนั่น"

"สนใจหรือไงเจ้าบีสท์อัปลักษณ์" นักผจญภัยกลุ่มห้าคนมีจอมเวทถึงสี่คนถามด้วยน้ำเสียงดูถูก

"อย่างเจ้าอย่าฝันดีกว่า แค่เดินไปหน้าประตูวังเขาก็โยนเจ้าออกมาแล้ว"

"ข้าว่าเขาน่าจะส่งสุนัขยามมาไล่มากกว่า"

แค่มองก็รู้แล้วว่าห้าคนนี้คงรับภารกิจนี้แน่นอน หนึ่งในสี่เดินมาดึงกระดาษคำร้องแล้วไปยังโต๊ะลงทะเบียน คนเดียวที่ไม่ใช่ผู้ใช้เวทเดินหงอยๆ ตามไป

เบ๊ประจำกลุ่มนั่นเอง ต่อให้มีฝีมือดาบไม่น้อยแต่พออยู่กับพวกจอมเวทแล้วโดนข่มแบบนั้นปกติแหละนะ เพราะแบบนี้ไงฉันถึงอยู่คนเดียวหลังจากช่วยส่งพวกลูอิซถึงฝั่งแล้ว

จินตกชไม่สนใจคำค่อนขอดเหล่านั้นเขากวาดตามองกระดานภารกิจอีกครั้งไม่มีงานไหนน่าสนใจจึงผละออกมาก่อนชะงักเท้าหันกลับไปมองยังมุมเสาต้นหนึ่ง

เด็กชายวัยน่าจะสิบสามสิบสี่กำลังจ้องกระดานภารกิจอย่างคาดหวัง

งานนี้งั้นหรือ?

จินตกชหันกลับไปดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาแล้วเดินไปที่โต๊ะลงทะเบียนรับภารกิจ เด็กคนนั้นวิ่งตามมาทันที

"ท่านจะรับภารกิจนี้ใช่ไหม?" เจ้าตัวช้อนสายตาน่าสงสารกล้าๆ กลัวๆ มองคนตัวสูง

เผ่าบีสท์อย่างไรก็ดูน่ากลัวทั้งนั้นยิ่งมีหน้าตาขี้ริ้วเพิ่มเข้าไปอีกอย่าง สภาพโดยรวมมองอย่างไรก็ไร้ความเป็นมิตรทว่าเด็กชายกลับรู้สึกว่าเผ่าบีสท์คนนี้ให้ความรู้สึกน่าวางใจยิ่งกว่ากลุ่มผู้ใช้เวทที่เพิ่งเดินออกไปเมื่อครู่เสียอีก

"ล่าหนูป่า งานนี้เจ้าเป็นคนว่าจ้างเองหรือ?" จินตกชรู้อยู่แล้วแต่ก็ถามเพื่อความแน่ใจ ประสาทสัมผัสของบีสท์ดีกว่าคนนับพันเท่ากลิ่นที่ติดกระดาษอยู่คือกลิ่นของเด็กคนนี้

"ข้ามีเงินจ่ายนะครับ" เจ้าตัวยืนยันหนักแน่น

จินตกชถอนใจเฮือกหนึ่ง "แค่หนูป่าทำเจ้าเดือดร้อนนักหรือไง"

"มันมีหลายตัวและมันก็กินพืชผลของบ้านข้าจนหมด แรงที่ลงไปทั้งปีไม่เหลืออะไรเลย พ่อถึงให้ข้าเอาค่าจ้างมาที่สมาคมนักผจญภัยหวังว่าจะมีใครรับภารกิจ"

จินตกชดูจำนวนค่าจ้างแล้วพยักหน้า ล่าหนูป่าร้อยเหรียญถือว่าไม่มากไม่น้อย ไหนๆ ก็ทางผ่านเขาถึงรับงานให้ได้อยู่แล้ว ทว่าสิ่งน่าแปลกใจนิดหน่อยคือเด็กคนนี้ขับรถม้าเข้าเมืองมาคนเดียว รถม้าคันใหญ่แบบขนของได้เป็นตัน บ้านที่มีรถม้าไว้ขนผลผลิตคันใหญ่ขนาดนี้คงไม่มีที่ดินผืนเล็กแน่ หนูป่ากินผลผลิตหมดได้น่ากลัวว่างานนี้เขาอาจโดนหลอกรับงานไม่คุ้มอีกแล้วก็ได้ แต่จินตกชไม่ถือสา เขาถึงว่าซ้อมมือก่อนลงงานใหญ่ละกัน

นั่งโยกเยกไปตามทางพร้อมฟังเด็กชายแนะนำตนเองว่าชื่อ แฟรต เป็นลูกเจ้าของที่ดินผืนหนึ่งที่กำลังถูกหนูป่าก่อกวนพูดคุยอย่างร่าเริงไปตลอดทาง ทั้งเรื่องเล็กน้อยอย่างพวกพืชผักไปจนถึงข่าวร้อนเกี่ยวกับเจ้าหญิงของอาณาจักรที่ถูกมังกรลักพาตัวไป ออกจากเมืองจนสู่เขตชนบทต้นไม้สองข้างทางสูงลิ่วจินตกชได้ยินเสียงเหมือนเกิดการต่อสู้อยู่บนทางด้านหน้าซึ่งไกลเกินกว่าเด็กชายรับรู้

"ข้างหน้ามีใครกำลังสู้กับอะไรสักอย่างอยู่ ขับรถม้าให้ช้าลงหน่อย" เจ้าตัวเงี่ยหูฟัง "หนึ่งคนนักดาบกับฝูงหมาป่าอสูร ทำไมมันออกมายามกลางวังแบบนี้กันนะ" แค่ฟังจินตกชก็แยกแยะได้ว่าว่าเสียงเหล่านั้นเกิดจากอะไรบ้าง ครั้นเข้าไปใกล้จนเข้าระยะการมองเห็นของคนธรรมดา ท่ามกลางซากหมาป่าอสูรหลายสิบตัวคือบุรุษร่างสูงสง่าเส้นผมสีขาวสะท้อนแสงสว่างเรืองรองเหมือนเขารวมแสงทั้งหมดเอาไว้

โฮก แสบตา! เผ่าบีสท์มองเห็นได้ดีกว่าคนธรรมดาเป็นพันเท่านะ แล้วยังวิสัยทัศน์ระยะไกลของฉันอีก ไม่บอดวันนี้จะบอดวันไหน

จินตกชยกมือปิดตาแทบไม่ทัน เพราะอีกฝ่ายสว่างไสวเกินไปเลยไม่สามารถเห็นได้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรในตอนนี้ แต่ดูจากเด็กชายที่นั่งอยู่ข้างๆ คาดได้เลยว่าหนุ่มคนนั้นหล่อระดับเทพ ใช้เวลาไปครู่หนึ่งถึงปิดทักษะทั้งหมดที่มีได้ ให้เหลือแค่ฝีมือที่มีของเผ่าบีสท์เท่านั้น

"นี่พี่ชายกำจัดเองทั้งหมดเลยหรือ?" เด็กชายกวาดตามองท่าทางทึ่งสุดใจ

ชายหนุ่มหน้าตาคุณภาพแบบเข้าใจว่าเป็นพระเอกก็ไม่เกินไปแน่นอน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มคมวับ วงหน้านิ่งเยือกเย็นทว่าหล่อเหลาแบบพวกที่บอกว่าคนหล่อเทพม้วนเสื่อลงข้างทางไป พี่ท่านเป็นเทพหลงทางมาจากไหนหรือเปล่า รูปร่างยิ่งนายแบบมาเองชัดๆ แต่กลับดูแข็งแกร่งอย่างพวกนักดาบของจริง ดาบเล่มยาวในมือชโลมด้วยเลือดสีแดงสด เจ้าตัวตวัดออกไปเสียครั้งเลือดที่เปรอะดาบทั้งหมดกระเด็นออกไปไม่เหลือติดแม้สักหยด ใบดาบแวววาวไม่น้อยหน้าเส้นผมขาวสว่างของเขา แล้วเขายังสวมชุดสีดำซึ่งมันยิ่งเน้นให้ดูอร่ามเรืองมากขึ้นไปอีก

เอาเข้าไปพ่อคุณเอ๊ย ไม่สงสารดวงตาคนอื่นบ้างหรือไง เข้าใจแล้วไอ้ที่บอกว่าตัวละครส่องแสงแยงตาเป็นอย่างไร

ชายหนุ่มเก็บดาบเข้าฝักแล้วหันมามองรถม้า ดวงตานิ่งสนิทเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นบีสท์ขี้ริ้วที่นั่งอยู่ข้างเด็กชาย

ไม่ต้องแสดงออกว่าตกใจขนาดนั้นก็ได้ ไม่เคยเห็นคนขี้ริ้วหรือไงครับ

"นายเป็นนักผจญภัยหรือ?" ไม่มีตราสัญญาลักษณ์อาณาจักรไหนติดตัวทำให้คาดเดาว่าน่าเป็นเช่นนั้น

ชายหนุ่มผมขาวพยักหน้า "แล้วพวกเจ้าล่ะ?" กวาดตามองสำรวจทั้งสองด้วยดวงตาคมกริบทำเอาเด็กชายแฟรตตัวเกร็งไปเลย

"นักผจญภัยน่ะฉันคนเดียว เด็กคนนี้เป็นผู้ว่าจ้างภารกิจ และตอนนี้ก็กำลังเดินทางไปทำงานพอดี"

"คนเดียว... ใช่ว่ามีกลุ่มอยู่หรอกหรือ" ดูพ่อคุณแปลกใจไม่ปิดบังสีหน้า

"กลุ่มเคยมีแต่พวกเขาเลิกและกลับถิ่นฐานไปแล้วเหลือแค่ฉันที่ยังเป็นนักผจญภัยอยู่ ตอนนี้ก็เลยฉายเดี่ยวมาสิบปีแล้ว ฉะนั้นเรื่องฝีมือมั่นใจได้แน่นอน" อวดอ้างตนเองสักหน่อยเลย ไม่ได้อิจฉาพ่อคุณที่ทั้งหล่อทั้งเก่งหรอกนะ แค่ไม่อยากได้ยินคำดูถูกหรือเหน็บแนมที่เจอมันแทบทุกครั้งจากทุกคนที่ไม่รู้จักเวลาเจอครั้งแรกเท่านั้นแหละ แบบว่าเบื่อจะฟังแล้ว แต่พ่อคุณแปลกกว่าใคร แค่พยักหน้ารับว่าเข้าใจที่พูด

"ขอติดรถม้าไปด้วยได้หรือไม่?"

"อ๊ะ ได้ครับ เชิญพี่ชายเลย" เด็กชายรีบผายมือเชื้อเชิญไปด้านหลังท่าทางกระตือรือร้นสุดๆ

นี่ถ้ามีหางคงตีพั่บๆ แล้วเจ้าเด็กนี่

"ผมชื่อแฟรตนะครับ พี่ชายบีสท์คนนี้ซีวิลล์เป็นนักผจญภัยที่ผมจ้างมา แล้วพี่ชายล่ะครับ"

"ยูเกรน" ตอบสั้นๆ หน้านิ่ง

นั่นมันชื่อพระเอกไม่ใช่หรือ แต่พระเอกผมสีน้ำตาลไหม้ ของคู่กายคือไม้เท้าในตำนานแล้วยังเป็นจอมเวทแห่งยุค ไม่ใช่นักดาบ แต่ยูเกรนคนนี้มองมุมไหนก็นักดาบตัวจริง ในเรื่องมีตัวละครชื่อเดียวกับพระเอกด้วยหรือ? อ๊ะ จริงด้วยไม่มีหน้าต่างโฮโลแกรมแจ้งเตือนว่าเจอพระเอก เช่นนั้นยูเกรนคนนี้ก็ไม่ใช่พระเอกของเรื่อง อาจเป็นพระรองหรือตัวประกอบสินะแบบนี้คบหากันได้

จินตกชยิ้มแล้วยื่นมือให้ "ฉันก็เป็นนักดาบยินดีที่ได้รู้จักนะยูเกรน"

ยูเกรนยื่นมือมาจับพลางผงกหัวให้เล็กน้อย "เช่นกันคุณซีวิลล์"

"เรียกซีวิลล์เฉยๆ ก็พอ"

"คุณเป็นรุ่นพี่ แล้วยังมีชื่อเสียงขนาดขุนนางอาณาจักรยังเคยทาบทามให้ไปทำงานด้วย" แม้ไม่เคยเจอกันมาก่อนแต่ยูเกรนก็รู้ข่าวเกี่ยวกับบีสท์ขี้ริ้วคนนี้ไม่น้อย

"เห? มีข่าวแบบนั้นด้วยเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยนะ" จินตกชเสมองไปทางอื่น กิริยาแบบนี้ใครก็ดูออกว่าโกหก "ว่าแต่นายกำลังจะไปไหนหรือถึงมาอยู่แถวนี้" เรียกความสนใจไปเรื่องอื่นอย่างไว

"กำลังเดินทางไปช่วยเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรเคฟทาวีคจากมังกร"

แม้จ๋า นี่ฉันต้องฟาดดาบกับหมอนี่เพื่อปกป้องมังกรหรือเปล่า ท่าทางจะเทพมาเองเสียด้วย

"ข้าก็กำลังไปที่นั่นเช่นกัน"

หนุ่มผมขาวมีสีหน้าฉงนนิดหน่อย "แฟรตบอกว่าจ้างคุณทำงาน"

"ล่าหนูป่าระหว่างทางนิดหน่อยน่ะ ไหนๆ เป็นทางผ่านแล้วทั้งทีถือว่าอุ่นเครื่องไงล่ะ" จินตกชมั่นใจว่าหนูป่าที่รออยู่ไม่แค่สิบยี่สิบตัวแน่นอน ทว่าเจ้าตัวไม่ว่ากระไร ต่อให้พันตัวก็ไม่คณาฝีมือยามนี้แล้ว

ยูเกรนส่งเสียงในลำคอแบบเข้าใจที่บีสท์หนุ่มบอกและไม่ได้พูดอะไรอีกจนรถม้าวิ่งมาถึงหมู่บ้านขนาดใหญ่ กะด้วยสายตาน่าจะมีผู้อยู่อาศัยเกินสามร้อยคน

"หมู่บ้านเธอคึกคักดีเหมือนกันนี่นา" จินตกชมองสำรวจไปทั่ว เพราะเป็นหมู่บ้านที่ไม่เคยเดินทางผ่านมาก่อน

"ปกติมันคึกคักกว่านี้อีกครับถ้าไม่มีหนูป่าจู่โจม" เด็กชายถอนใจเฮือกใหญ่สีหน้าหนักใจมากมาย "พี่ยูเกรนจะลงที่ไหนดีครับ ร้านอาหาร บ้านเช่า ร้านอาวุธ ร้านขายของชำ"

"จะไปกำจัดหนูป่าไม่ใช่หรือ" เจ้าตัวพูดเรียบๆ นิ่งๆ

"นายจะไปล่าหนูด้วยงั้นหรือ?" จินตกชไม่คิดว่านักดาบหนุ่มคนนี้อยากล่าหนูฆ่าเวลาด้วยเสียอย่างนั้น ทางนั้นพยักหน้าแทนการตอบ

แฟรตเลยพาทั้งสองมายังท้ายหมู่บ้านมีบ้านหลังใหญ่กับที่ดินเพราะปลูกขนาดใหญ่มีร่องรอยถูกทำลายพืชผลเสียหายทั้งหมดรวมทั้งตัวการทำลายยังกัดกินพืชผลเหล่านั้นไม่มีเกรงกลัว

"น่าจะสี่ห้าร้อยตัวได้นะ ค่าจ้างร้อยเหรียญ เจ้าพวกนี้ค่าตัวถูกจังตัวละไม่ถึงเหรียญด้วย" จินตกชพูดขำๆ ทว่าเด็กชายหนึ่ง หนุ่มผมขาวหนึ่งไม่ขำด้วยสักนิด

"หนูป่าฝูงขนาดนี้ค่าจ้างร้อยเดียว นั่นมันหลอกมาทำงานเกินตัวชัดๆ" ยูเกรนเขม็งสายตาน่ากลัวใส่เด็กชายซึ่งยามนี้ยืนตัวลีบอยู่ข้างรถม้า

สำหรับหนูป่าตัวเท่าแกะโตเต็มวัยพวกนี้กำจัดสิบตัวก็ร้อยเหรียแล้ว เท่าที่เห็นตรงหน้าห้าพันเหรียญยังถือว่าถูกไปด้วยซ้ำ หนูป่าพวกนี้เขี้ยวเล็บแหลมคม พลังทำลายมหาศาล เคลื่อนไหวว่องไวยิ่งอยู่เป็นฝูงมันหายนะชัดๆ

จินตกชมองยูเกรนอย่างไม่เข้าใจ "พวกมันกำจัดง่ายราคาถูกก็สมเหตุสมผลแล้วนี่นา" กวาดหนูป่างานแบบนี้เขาทำมาจนไม่จำแล้วว่าส่งหนูเป็นปุ๋ยไปกี่ตัวแล้ว

"ง่ายถ้ามันมีไม่กี่ตัว หลายร้อยแบบนี้มัน... ระวัง!"

แค่ช่วงที่ทั้งสองมัวแค่พูดเรื่องความถูกแพงของเป้าหมายภารกิจ หนูป่าทั้งหมดหันมาเล็งทั้งสองเป็นอาหารจานถัดไปแล้ว ที่ว่าสองเพราะแฟรตวิ่งกลับไปหมู่บ้านตั้งแต่ส่งทั้งสองลงจากรถม้าแล้ว ไม่อยู่ฟังหรอกว่าทั้งสองคนพูดอะไรกันบ้างหลังจากนั้น

หนูป่าตัวใหญ่เท่าแกะโตเต็มวัยพุ่งเข้าจู่โจมทั้งสองแบบมือฟ้ามัวดินทว่าแค่ดาบในมือบีสท์ขี้ริ้วออกจากฝักก็ฟาดฟันแถวหน้าที่จู่โจมเข้ามาขาดครึ่งตัวได้ทั้งหมด จากนั้นเหยื่อน่าอร่อยที่กินไม่ได้ของพวกหนูก็เป็นฝ่ายกระโจนไปลงกลางฝูงหนูแล้วโปรยยิ้มเลือดเย็น

"ถึงฉันน่าอร่อยแต่ไม่ใช่ของกินได้เสียด้วย"

ดาบผลึกสีแดงตวัดออกไปเป็นวงแหวนแบบขนานพื้นกวาดหนูรอบตัวไปอีกเป็นสิบ หนูตัวอื่นๆ พุ่งเข้าใส่จากทุกทาง ในเมื่ออยู่กลางฝูงแล้วทางถอยไม่มี ดาบในมือตวัดฟาดฟันลื่นไหลไปทุกทางรอบกายรวดเร็วจนเห็นเป็นเส้นสายสีแดงวาดผ่านไปมารอบตัวผสมด้วยเลือดแดงฉานสาดกระเซ็น เป็นภาพที่ดูแล้วน่าสยองมากในสายตาคนธรรมดาทว่ายูเกรนมองการล่าของจินตกชแบบทึ่งที่สุด

'เขาทรงฝีมือจริงๆ ยิ่งกว่าเมื่อสิบสามปีก่อนแบบเทียบกันไม่ได้เลย'

ยูเกรนแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่มีหนูป่าตัวไหนรอดคมดาบในมือบีสท์หนุ่มมาถึงนักดาบผมขาวแบบมีชีวิต ทว่าซากหนูปลิวมาให้หนุ่มผมขาวปัดทิ้งหลายครั้ง แต่การยืนดูเฉยๆ ก็ต้องเปลี่ยน หนูป่าตัวใหญ่กว่าวัวปรากฏตัวออกมาจากโพลงใต้ดิน

"เจ้าพวกนี้ระดับขุนพล ใต้ดินคงมีบอสของพวกมัน" ยูเกรนชักดาบออกมาแล้วแทงลงพื้นดิน ดูเหมือนไม่รุนแรงแต่พื้นที่กลับระเบิดเป็นแอ่งกว้างเสียอย่างนั้น

"จะระเบิดพื้นก็ช่วยบอกก่อนได้ไหม" จินตกชไม่อยากบ่นแต่ตอนนี้เจ้าตัวหัวทิ่มลงไปนอนก้นโด่งอยู่ในแอ่งระเบิดนั่นโดยมีซากหนูป่าหลายตัวกองทับอยู่

"ไว้บ่นทีหลังนั่น" ยูเกรงพยักหน้าไปยังหนูป่าเขี้ยวโง้งน้ำลายไหลย้อยตัวใหญ่กว่าวัวสามเท่า มันพ่นลมหายใจฟืดฟาดแบบใกล้คลั่งที่มีคนมาก่อกวนรังของมัน

บอสหนูป่ากระโจนเข้าใส่พร้อมหนูยักษ์อีกสิบตัวซึ่งสิบตัวนั้นจินตกชยินดีต้อนรับเต็มที่ส่วนบอส เหมือนอยากเล่นกับยูเกรนมันจึงตรงเข้าใส่ชายหนุ่มไม่สนใจบีสท์ขี้ริ้วสักนิด เขี้ยวไล่งับไม่มีหยุด เล็บตะปรบใส่รัวเร็ว หางฟาดรุกไล่ดักทุกทางไม่ให้หนุ่มผมขาวถอยห่างออกไปได้ แน่นอนว่ายูเกรงก็เหมือนจินตกชลองได้สู้แล้วไม่มีถอย เจ้าตัวเอี้ยวตัวหลบไปมาในระยะเฉียดฉิวไม่มีเปลืองแรงพอเห็นช่องว่าดาบในมือไม่มีพลาด ทุกครั้งที่ลงมือเป็นได้เห็นเลือด ขนแข็งเป็นแท่งเหล็กก็ไม่ช่วยอะไร ฟาดฟันไม่กี่ครั้งหัวบอสหนูป่าก็กระเด็นตกพื้นแล้วกลิ้งมาส่งสีหน้าบูดบึ้งใส่บีสท์ขี้ริ้วซึ่งเก็บกวาดหนูป่าได้ทั้งหมดพอดี

"รู้น่าว่าหน้าตาฉันทำลายสายตาแล้วกลิ้งมามองส่งท้ายทำไม" เตะกลิ้งกลับไปให้คนส่งมา พอดีว่าคนส่งมาเก็บดาบเข้าฝักแล้ว "ในโพรงยังมีลูกหนูป่าอยู่หรือเปล่านะ" ชะเง้อดูแล้วส่ายหน้าถึงมีก็คงแบนแต๋จากฝีมือถล่มของยูเกรนไปแล้วนั่นแหละ

ภารกิจเสร็จเรียบร้อยกลับเข้าหมู่บ้านรับค่าจ้างพร้อมโว้ยใส่แฟรตกับคนในหมู่บ้านที่ไม่ให้รายละเอียดงานจริงๆ เพราะกลัวจ่ายไม่ไหว ถ้าเป็นคนอื่นหมู่บ้านนี้โดนกวาดไปด้วยแน่ เพียงแต่จินตกชขี้คร้านเอาเรื่องแต่ก็ลั่นวาจาไว้ว่าจะไม่รับงานว่าจ้างใดของคนในหมู่บ้านนี้อีกเด็ดขาด แล้วจึงเดินทางไปยังรังมังกรโดยมียูเกรนร่วมทางไปด้วย