webnovel

ระบบตกหนอนหนังสือไปเปิดไฟท์ที่ต่างโลก

ตอนที่ 6

พลังอ่านความรู้สึก พลังบัญชาให้ทุกคนทำตามอย่างขัดขืนไม่ได้เป็นพลังของดร.ซอยล์ ตามที่นักเขียนบรรยายไว้ซึ่งมันจะแข็งแกร่งขึ้นหลังจากกลับมาจากโดนหักหลังในตอนนั้น ทว่ายามนี้มันมีอยู่กับพระเอกลู่เยวี่ยสือพระเอกในนิยายอีกเรื่อง ซึ่งแบบนี้มันผิดปกติ นักเขียนต่อให้คนเดียวกันก็ไม่เอาพลังมาใส่ซ้ำกันแน่นอน ส่วนถ้าใครก๊อปก็ไม่ใส่แบบโจ่งแจ้งเช่นนี้เขาต้องมีการบิดเบือนเล็กน้อย แต่นี่มันตรงเป๊ะ พระเอกไม่ใช่ผู้เข้ามาเดินเล่นแล้วพ่อคุณมีพลังแบบเดียวกันได้ไง หรือตอนนี้ฉันอยู่ในนิยายแนวระบบของพระเอกที่พระเอกท่องไปตามโลกต่างๆ กันแน่

"อิลิก โลกซอมบี้เรื่องก่อนกับเทพเซียนเรื่องนี้คนเขียนคนเดียวกันหรือเปล่า"

"ไม่ค่ะ คนละคนกัน ฉันอ่านมาแล้วทั้งสองเรื่องค่ะ พลังของซอยล์เป็นแบบนั้นจริงๆ ส่วนพลังของลู่เยวี่ยสือคือทำได้ทุกอย่างค่ะ เพราะงั้นถ้าทำให้เซลล์แตกได้ก็น่าเป็นได้ค่ะ" อิลิเลียเองก็แปลกใจเล็กน้อยตอนเห็น แต่พอนึกถึงต้นฉบับแล้วเข้าใจได้ ต่างจากจินตกชที่เห็นว่ามันผิดปกติมาก

"พลังซ้ำกันแบบนี้ได้หรือ?"

"ได้สิคะ ที่โลกถ้าพลังไหนฮิตมากก็เอาใส่พระเอกนางเอกแทบทั้งนั้น มันเหมือนธีมโลกนิยายนั่นแหละคะ"

โลกไหนกันที่ทำแบบนั้น

"ไม่เหมือนเฟ้ย พลังถือเป็นอัตลักษณ์แต่ละตัวละคร คล้ายได้แต่ไม่ใช่ก๊อปพาสแบบนั้น นี่มันเหมือนเอาตัวละครจากเรื่องหนึ่งมาใส่อีกเรื่องเลยนะ แบบนั้นมันยำเรื่องแล้ว"

"ไม่นี่คะ พระเอกมีพลังทำอะไรก็ได้รวมทุกเรื่องก็เป็นเรื่องธรรมดานี่คะ เขาเขียนแบบนี้กันทั้งนั้น พี่จินต์เองอ่านมาเยอะถึงเลือกโลกระดับสูงไม่ใช่หรือคะ" สีหน้าท่าทางของอิลิเลียไม่มีความรู้สึกแปลกกับสิ่งที่พูดออกมาเลย นั่นทำให้จินตกชฉุกคิดขึ้นมาอีกเรื่อง

"อิลิก เธอเป็นคนของดาวไหนหรือ?" แทบกลั้นใจถาม

"มาจากดาวเดียวดับพี่จินต์นั่นแหละค่ะ"

"ถ้ามาจากที่เดียวกันไม่คิดว่าพระเอกแต่ละเรื่องมีพลังเหมือนกันมันแปลกหรือไง"

อิลิเลียขมวดคิ้ว "ไม่แปลกเลยค่ะ พี่จินต์ลืมไปหรือเปล่าว่าอย่างนิยายแนวบุกดันเจี้ยนพระเอกมักกากก่อนแล้วได้ระบบพิเศษมาช่วยให้ลุยเดี่ยวได้ใหญ่โตมีตั้งกี่เรื่อง อาชีพฮิตทั้งหลายที่พระเอกแต่ละเรื่องเลือกก็อาชีพเดียวกัน แล้วยังพวกเทพเซียนก็ใช้วิชาเหมือนๆ กันทั้งนั้น พระเอกเป็นมาเฟียก็เยอะแยะ รวย หล่อ เลว ลูกน้องมากมายนั่นก็ตลาดเลย ทั้งพลังทั้งความบังเอิญพิเศษทั้งหลายมันก็พล็อตเดียวกัน ถ้าวิเคราะห์จริงๆไม่ต่างกันสักนิด แต่ที่ทำให้ทุกเรื่องต่างกันคือการดำเนินเรื่องของนักเขียนแต่ละท่าน เสน่ห์ของนักเขียนแต่ละท่านนี้แหละที่ทำให้ตัวละครมีชีวิตต่างกันแม้แนวเดียวกันพลังเดียวกันก็ตาม" อิลิเลียยืดอกอธิบายท่าทางราวผู้รู้กำลังโปรดหนอนหนังสือฝึกหัด

"เออ จริงแฮะ" คิดตามแล้วจินตกชชักเห็นด้วย "ฉันคงคิดมากไปเอง พระเอกมีพลังเทพๆ เหมือนกัน... แต่คำเรียกพลังก็น่าจะต่างกันไม่ใช่เหรอ" เข้าใจแต่รู้สึกเหมือนยังมีเรื่องติดใจยังไงไม่รู้สิเว้ย

"ให้เรียกอย่างไรล่ะคะ พลังที่ใช้อ่านความรู้สึกได้กับพลังบัญชา หรือควรทับศัพท์ด้วยคำเท่ๆ ดีละ" สาวน้อยถามเหมือนอยากได้คำเรียกทักษะเท่ๆ ของตนอย่างไรอย่างนั้น

จิยตกชโปรยยิ้มหลอกหลอน "เอาทักษะขี้ริ้วพลังแม็กซ์บ้างไหมเล่า"

อิลิเลียส่ายหน้ารัวเร็ว "ขอแค่นักรบที่พัฒนาได้ก็พอแล้วค่ะ"

จินตกชหัวเราะในลำคอแล้วเปลี่ยนจากท่านั่งม้ามาเป็นการย่างเท้าแบบค่ายกล "แล้วนี่คิดออกจากเรื่องเมื่อไหร่ล่ะ อีกไม่นานจะเกิดการไล่กวาดล้างสำนักเซียนต่างๆ ของพวกมารแล้ว ถึงตอนนั้นเละไม่มีคนช่วยไม่รู้ด้วยนะ"

"ถึงตอนนั้นก็มาพึ่งพี่จินต์ไงคะ ขนาดพลังบัญชาของดร.ซอยล์ที่ไม่มีสิ่งใดขัดขืนได้พี่จินต์ยังตอกกลับหน้าหงายได้เลย แค่จอมมารขี้ผงค่ะ" คนพูดเชื่อมั่นเสียยังกับเป็นคนเขียนบทเอง

"มะเหงกให้ ตัวใครตัวมันสิเว้ย" ว่าแล้วสะบัดมือไล่ไปด้วย สาวน้อยถูกไล่ดิ่งเข้ามาไล่ตะครุบ แน่นอนว่าหลังจากชินกับตุ้มถ่วงน้ำหนักแล้วหลบหลีกแค่นี้ไม่ยาก

"พี่จินต์" อิลิเลียลากเสียงยาว แล้วพุ่งเข้าไล่ตะปรบราวแมวยักษ์ล่าเหยื่อ ทว่าเหยื่อขี้ริ้วว่องไวดุจสายลม ทั้งสองเลยไล่กันโครมครามให้คนที่มาเห็นยืนอึ้ง

"พวกเจ้าทำอะไร?" ที่ถามนั่นเพราะตอนนี้ทั้งสองคนไล่กวดกันอยู่นั่นอิลิเลียทำหินปูลานพังไปเป็นแถบ หลังคาเรือนพักเปิดเปิง ระเบียงหักพัง ต้นไม้โค่นไปหลายต้น ตะเกียงประดับสวนล้มแตกกระจาย ส่วนคนโดนไล่กระโดดไปทางนั้นทีทางนี้ทีราวเป็นลูกนกตัวน้อยตั้งใจหลอกล่อแมว

พอได้ยินเสียงเย็นชาทุ้มต่ำทั้งสองคนชะงักกึกเหลียวไปมองพร้อมกัน ก่อนกระโดดกลับลงมาที่ลานฝึก

"คุณหนูเจียง ไม่นึกว่าท่านอยู่ที่นี่ด้วยมีธุระใดกับคนของฮู่ซานเช่นนั้นหรือ?" คำถามธรรมดาเมื่อมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมายืนอยู่ในเขตบ้านตน ทว่าตัวตนของเขาคงน่ากลัวไปหน่อยมันเลยทำให้สาวน้อยขยับไปเกาะแอบด้านหลังคนขี้ริ้ว

"ข้า... ข้ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับพี่จินต์เลยแวะมาหาเขาเจ้าค่ะ ท่านรองเจ้าสำนักอย่าได้ใส่ใจข้าเลย" สองมือเกาะคนขว้างหน้าแน่นแทบกลายเป็นการกอดแล้ว

"ออกไปห่างหน่อยก็ได้" เอามือยันหัวแม่คุณอย่างไม่จริงจังนัก "อย่างที่ยายนี่ เอ๊ย นางบอกนั่นแหละเรามีเรื่องคุยกันนิดหน่อย แล้วท่านรองเจ้าสำนักเล่ามีธุระใดท่านถึงมาที่นี่"

ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าจินตกชรู้สึกว่าสายตาลู่เยวี่ยสือยามมองอิลิเลียน่ากลัวกว่าปกตินิดหน่อย

"ท่านเจ้าสำนักเรียกทุกคนในฮู่ซานไปรวมตัวกันที่ลานใหญ่ หากเขตเรือนของท่านอาวุโสกังจวี้ไม่มีเขตแดนปิดกั้นเสียงข้าก็ใช้เสียงเรียกรวมทุกคนได้โดยไม่ต้องมาเองแล้ว" ลู่เยวี่ยสือลดความแข็งกร้าวทางจิตลงเล็กน้อย เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตอนนี้ถึงอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาเฉยๆ

"รวมพลทั้งหมด แบบนี้ตุ้มถ่วงน้ำหนักได้เพิ่มความหนักพอดีสิ" ยังฝึกตามที่อาจารย์สั่งไว้ไม่ครบแล้วหยุดเสียก่อนได้แบกน้ำหนักเพิ่มอีกแน่นอน แค่คิดก็อยากลงไปนอนแบ็บที่พื้นแล้ว "จริงสิ เจ้ารออยู่นี่แหละขืนโผล่ไปด้วยเดี๋ยวก็มีคนรายงานไปยังบ้านเจ้าทีนี้ก็หาที่ซุกหัวใหม่ได้เลย"

อิลิเลียพยักหน้า "งั้นข้าจะซ่อมที่นี่รอไปพลางๆนะ"

"ห้ามเติมอะไรพิลึกเข้าไปในสวนล่ะ" สั่งเสียงเข้มแล้วจินตกชก็รีบวิ่งตามลู่เยวี่ยสือไปอย่างไว พ่อคุณก้าวปกติแต่กลับไปได้ไวจนทางนี้ต้องวิ่ง

"เจ้าคิดทำอะไรเก็บซ่อนนางไว้เช่นนั้นหรือ" ความไม่พอใจแบบไม่ปิดบังแผ่ออกมาจากตัวคนพูด

"แล้วจะให้ไล่นางไปหรือไง บอกตามตรงข้าไม่มีความสามารถขนาดนั้น" จินตกชพูดจริงตราบเท่าที่อาจารย์ยังไม่อนุญาต แม้เด็กสิบขวบถือไม้ไล่ตีเขายังต้องเปิดแน่วเลย

"นางจะพาปัญหาใหญ่โตมาให้เจ้า"

"รู้อยู่แต่ทำไงได้เล่า" ทางนี้ก็จำยอมเหมือนกัน อะไรที่อยากรู้หลายอย่างถามได้จากผู้เดินเล่นด้วยกันเท่านั้นนี่นา เป็นมิตรดีกว่าเป็นศัตรูนะครับ ไม่รู้ว่าเพราะตอบแบบไม่คิดอะไรแล้วดันไปกระตุกต่อมไหนพระเอกเข้าพ่อคุณก้าวครั้งเดียวไปลิบตาเลย ทำให้จินตกชต้องเค้นแรงที่เหลือแค่น้อยนิดวิ่งตามไปสุดชีวิต

"เฮ้ยๆ รีบอะไรขนาดนั้นพ่อคุณ"

ความต่างแบบนี้มันน่าโมโหยังไงไม่รู้สิเว้ย ไอ้คุณพระเอกในนิยายเทพเซียนมันผีเข้าผีออกทุกเรื่องเลยหรือไง

ในลานหน้าสำนักฮู่ซานแน่นขนัดไปด้วยศิษย์ทุกรุ่น และคนงานทั้งหมด ทำให้เสียงดังจอแจยิ่งกว่าเทศกาลประจำเมืองเสียอีก ทว่าพอท่านเจ้าสำนักก้าวออกมากวาดตามองทั้งหมดจากชั้นสองของเรือนใหญ่ทุกคนปิดปากสนิททันที

"ที่ข้าเรียกพวกเจ้าทุกคนมาในวันนี้เพราะยามนี้หลายสำนักถูกพวกมารโจมตีจนพังทลาย ข้าจึงต้องการให้พวกเจ้าจัดเวรยามให้เข้มงวดขึ้น รวมทั้งเดินตรวจตรามากขึ้น หากมีสิ่งใดผิดปกติอนุญาตให้ลงมือได้ทันที จงอย่าให้พวกมารได้ใจไปมากกว่านี้" เสียงตอบรับจากทุกคนของฮู่ซานดังกระหึ่ม "ข้าขอมอบหมายให้เจ้าลู่เยวี่ยสือคอยดูแลสำนัก ระหว่างนี้ข้ากับเหล่าอาวุโสทั้งหลายต้องไปหารือกับเจ้าสำนักอื่นที่สำนักปินก่วน" เจ้าสำนักไม่เสียเวลาพูดมากแม้สักนิด เขาสั่งจบก็โยนหน้าที่ให้ลู่เยวี่ยสือเป็นคนแบ่งเวรยามตรวจตราส่วนตนกับพวกอาวุโสซึ่งมีห้าสิบกว่าคนท่องกระบี่ไปสำนักปินก่วนทันที

รีบร้อนไปไหมท่านเจ้าสำนัก ทำเป็นหนีตายไปได้กว่าจอมมารจะบุกมาฮู่ซานมันอีกตั้งครึ่งปีนะ

จินตกชเองก็โดนเดินเวรยามด้วยลู่เยวี่ยสือจัดให้เดินกลางคืนหลังฝึกซ้อมประจำวันเสร็จสิ้น แม้ขอบคุณที่ช่วยไม่ให้ตุ้มถ่วงน้ำหนักเพิ่ม แต่เวลาพักผ่อนก็หายไปด้วย จินตกชพาสังขารอันแสนกรอบล่องลอย... เอ่อ เดินแบบซอมบี้คุณภาพต่ำตามศิษย์คนอื่นที่เดินยามในเวลาเดียวกัน

"เจ้าเดินให้มันเหมือนคนหน่อยไม่ได้หรือผานเฉียงเต้า" หนึ่งในคนเดินยามด้วยเห็นเจ้าคนขี้ริ้วแล้วนึกว่ามีผีเดินตามหลัง

"นี่ข้าก็เค้นแรงออกมาแทบหมดแล้วนะ" น้ำหนักตุ้มถ่วงเพิ่มจากเมื่อยามกลางวันตอนนี้ยังไม่ลดเลยด้วย จากแปดเก้าร้อย ตอนนี้ทะลุหนึ่งตันไปแล้วมั้ง นี่ถ้าไม่ใช่โลกเทพเซียนแบกน้ำหนักขนาดนี้ไม่แคล้วลงไปนอนคุยกับไส้เดือนนานแล้ว ซึ่งในความจริงมันเกินหนึ่งตันไปนานแล้วแค่เจ้าตัวไม่รู้เท่านั้น

"ให้ตายเถอะต้องมาเดินยามกับเจ้าด้วยแบบนี้น่ารำคาญชะมัด" ว่าแล้วเจ้าคนพูดก็สาวเท้าว่องไวขึ้น "ข้าล่วงหน้าไปก่อนดีกว่า ใครอยากเดินเป็นเต่าคลานก็ตามใจ"

"ข้าไปด้วย" ว่าแล้วทั้งกลุ่มก็กระโจนจากไปอย่างรวดเร็วทิ้งผานเฉียงเต้าไว้ท่ามกลางความมืด แน่นอนว่าคบไฟที่ถือมาโดนแย่งไปด้วย ครู่เดียวคนขี้ริ้วก็ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว

"คิดว่าฉันมองในความมืดไม่เห็นงั้นหรือ วิสัยทัศน์ระยะไกลขั้นต้น" แค่เสี้ยววินาทีเขาก็มองเห็นทุกอย่างได้ราวกลางวันแล้วสะดุ้งตัวลอยเมื่อสบเข้ากับสายตาวาววับหลังเงาไม้ "เว้ย! อิลิกเจ้าบ้านี่ อย่ามาทำตัวลับๆ ล่อๆ สิเว้ย" เกือบเท้ากระตุกยันหน้าหงายแล้วไหมล่ะ

"พี่จินต์หิวแล้วใช่ไหมล่ะ" ก้อนแป้งขาวนุ่มอุ่นกำลังดีเต็มตะกร้าส่งให้หนุ่มขี้ริ้ว

"แต้งกิ๊วเจ้าน้องรัก" เปลี่ยนสีหน้าไวปานกิ้งก่าแล้วรับมายัดใส่ปากไม่มีเกรงใจแล้ว หิวจนกินวัวได้ทั้งฟาร์มแล้วก็ว่าได้ "มีอะไรหรือหน้าเครียดเชียว"

"พี่จินต์ไม่รู้สึกถึงสายตาน่ากลัวจากไหนไม่รู้แถวๆ นี้บ้างหรือ?" เหลียวล่อกแล่กแล้วกระแซะเข้ามาจนติดจินตกช

"อ้อ บนยอดไม้โน่น ยืนอยู่พักใหญ่แล้ว" บุ้ยใบ้ไปแต่ยังตั้งใจกินเจ้าก้อนแป้งนุ่มฟู

จากจุดที่ทั้งสองยืนอยู่ถึงยอดไม้ที่เจ้าของสายตาอยู่ไกลแบบข้ามเขาหนึ่งลูกเลยนั่นแหละ แน่นอนว่าอิลิเลียหันไปตามที่จินตกชบุ้ยใบ้แล้วไม่เห็นอะไรทั้งนั้นนอกจากความมืดของป่าในระยะเจ็ดเมตรซึ่งถือว่าพัฒนามากแล้วสำหรับทักษะนักรบ นั่นคือที่เธอมองเห็นได้มากสุดในความมืด ส่วนจินตกชชื่อทักษะบอกแล้วระยะไกล ย่อมไกลตามชื่อสองลี้ครึ่งคือระยะที่มองเห็นได้ในขณะนี้ และเขายังรับรู้ด้วยว่านอกจากคนบนยอดไม้ยังมีอีกคนใกล้เข้ามา นั่นเป็นคนที่เขารออยู่พอดี เลยทำให้เขาหลุดหัวเราะอย่างนึกสนุกขึ้นมาไม่ได้

"พี่จินต์หัวเราะแบบนี้รู้สึกเหมือนกำลังวางแผนร้ายเลยคะ" อย่างน้อยหัวเราะแบบนี้ก็เคยเห็นตอนจินต์วางแผนกวาดซอมบี้วินาศสันตะโรมาแล้ว จำติดตา

จินตกชไหวไหล่ไม่ตอบอะไรแค่จ้องมองไปยังยอดไม้นิ่งๆ

ทางคนยืนอยู่บนยอดไม้เองรู้แล้วเช่นกันว่าทางนั้นรู้ตัวแล้วจึงกระโดดลงจากยอดไม้ พริบตาพร้อมกระแสลมพัดมาวูบหนึ่งร่างนั้นก็มายืนอยู่ตรงหน้าผานเฉียงเต้ากับเจียงอวี้เอี๋ยนได้ราวภูตผี

"ไม่ยักรู้ว่าท่านรองเจ้าสำนักก็ต้องออกมาตรวจตราเองเช่นกัน" จินตกชนึกว่าคุณพระเอกคงอยู่สบายเพราะตอนนี้เขาใหญ่สุดในสำนักแล้วนี่นา ที่ไหนได้มีความรับผิดชอบสมเป็นรักษาการณ์แทนจริงๆ

"ถ้าเจ้ารู้สึกได้ถึงพลังที่ปรกคลุมไปทั่วโลกในยามนี้คงลอยหน้าลอยตาอยู่แบบนี้ไม่ได้หรอก" จิตมารเข้มข้นแผ่ขยายไร้ที่สิ้นสุดไปทั่วหล้า เจ้าตัวไม่อยากคาดเดาเลยว่าจอมมารแท้จริงทรงอำนาจแค่ไหน จากที่ปะมือกันเล็กน้อยที่สนามทดสอบ ลู่เยวี่ยวสือยอมรับจากใจว่าทางนั้นเหนือกว่าหลายขุม เขายามนั้นเหมือนแมวที่ยืนอยู่หน้าพยัคฆ์หนทางชนะนั่นไม่มี ดีที่ทางนั้นมาแค่หยอกเล่นแล้วกลับไปเฉยๆ

"มันมีอะไรแย่ๆ ปนอยู่ในอากาศงั้นหรือ?" จินตกชกวาดตามองไปไกลยังไม่เห็นสิ่งใดแปลกตาทั้งนั้น

ลู่เยวี่ยสือปรายตาใส่อย่างดูแคลน "นึกว่าดีขึ้นบ้างแล้ว ยังเป็นสวะเหมือนเดิมหรือไง"

แทนที่คนขี้ริ้วจะโกรธที่โดนว่าแบบนั้นเจ้าตัวกลับยืดอกยอมรับหน้าชื่นตาบาน "แน่นอน สวะมันจะกลายเป็นหยกได้ยังไงเล่า เจ้าหวังอะไรอยู่หรือไง"

"ใช่ ข้าหวัง" หนักแน่นทั้งน้ำเสียงและแววตาที่จ้องมองมา ทำเอาจินตกชผงะพร้อมอิลิเลียที่เกาะหลังอยู่ด้วย "หวังว่าเจ้าไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวเลวร้ายดังก่อน หวังว่าเจ้าเป็นเรี่ยวแรงอีกหนึ่งที่ช่วยพาฮู่ซานให้ยิ่งใหญ่ต่อไปไม่ว่าเจอกับสิ่งใด"

"ข้ามีอะไรให้เจ้าคิดแบบนั้นได้กัน เห็นอยู่ว่าตอนนี้ข้าก็ยังเป็นสวะอยู่เหมือนเดิม" เพิ่มเติมคือมีผี เอ๊ย สาวเกาะหลัง อันนี้ไม่ได้พูดออกไป

ลู่เยวี่ยสือขมวดคิ้วท่าทางเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดเพราะจินตกชยกมือขึ้นห้ามเสียก่อน พร้อมกับทั้งสองคนหันขวับไปจ้องเงาดำที่กำลังก้าวออกมาจากใต้ต้นไม้

"อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วยคุณหนูอวี้เอี๋ยน ท่านอาจารย์เป็นห่วงท่านแทบคลั่งแล้วนะขอรับ แอบหนีออกมาแบบนี้ใช้ไม่ได้จริงๆ" ชายหนุ่มร่างผอมเกร็งหน้าตาจัดว่าดีได้ระดับมาตรฐานทั่วไป แต่ห้ามเอาไปเทียบกับพระเอกเด็ดขาดเพราะจากหยกจะกลายเป็นตะไคร่ทันที

"นั่นเจ้า หวางปัง ทำไมเจ้ารู้ว่าข้าอยู่ที่นี่?" อิลิเลียหน้าซีดฉับพลัน แสดงออกว่าไม่ชอบและเกรงกลัวชายคนนั้น

"แค่เวทตามหาง่ายๆ ข้าใช้ได้อยู่แล้ว... นั่นเจ้ายังไม่ตายอีกหรือ... เป็นไปได้ยังไง!?" หวางปังชะงักเท้าที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้คนทั้งสามเมื่อมองเห็นใครคนหนึ่งชัดถนัดตา

ผานเฉียงเต้าหัวเราะเสียงหลอกหลอนเบาๆ "ตายไปแล้วที่เห็นอยู่นี่คือผีดิบมาทวงแค้นกับคนที่เอาข้าเป็นตัวตายตัวแทนรับสายฟ้าแทนไงล่ะ เพราะข้าตายตาไม่หลับ" จินตกชค้นหาความจำในหัวอย่างรวดเร็วถึงพบว่าเสี่ยวผานเคยเจอหวางปังในเมือง แล้วโดนหลอกไปมอมเหล้าจากนั้นก็โดนเวทแทนตัวเข้าไปแบบไม่รู้อะไรเลย "ขอขอบใจที่เจ้าเอาตัวมาให้ข้าแก้แค้นถึงที่" สองมือคนขี้ริ้วขยับแบบพร้อมลงมือคิดบัญชีแค้น

เจ้าคนหน้าตาขี้ริ้วดูขึงขังจริงจังจะแก้แค้นเขาให้ได้ ทว่าในสายตาหวางปังมันไร้สาระจนไม่แม้เจียดเวลามอง "ข้าไม่มีเวลามาสนใจผีสวะอย่างเจ้าหรอก คุณหนูกลับได้แล้วขอรับ" เจ้าตัวจ้องคนที่ยังเกาะหลังผานเฉียงเต้าอย่างน่ากลัว

"ไม่เอา ข้าไม่กลับไปกับเจ้าเด็ดขาด" อวี้เอี๋ยวเกาะหลังคนด้านหน้าแน่นมากขึ้นไปอีก นั่นทำให้เสี่ยวผานสังหรณ์ร้าย พริบตาการจู่โจมลบเงาหัวก็เกิดขึ้น

มือเคลือบด้วยพลังทิพย์พุ่งเข้าใส่หน้าเสี่ยวผานก่อนได้ปักดวงตาสักข้างมือนั้นโดนกระบี่ในฝักฟาดหดกลับไปเสียก่อน หวางปังยังไม่หยุดตวัดมือซึ่งมีเล็บแหลมคมกริบเข้าใส่คนที่เข้ามาขว้าง ลู่เยวี่ยสือยังคงใช้กระบี่ในฝักรับได้ทุกกระบวน แล้วยังมีฟาดกลับใส่ไหล่ สีข้าง แขน สุดท้ายหน้าผากส่งให้หวางปังหงายหลังเซไปหลายก้าว

"ลู่เยวี่ยสือ เข้ามาขวางเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร หรือพวกเจ้ารวมหัวกันล่อลวงคุณหนู!" หวางปังชี้หน้าคนสอดมือเข้ามา

"ข้าสอดมือเพราะเจ้าไม่คิดพาคุณหนูเจียงกลับไปแบบยังมีลมหายใจต่างหาก การลงมือเมื่อครู่ของเจ้าล้วนต้องการปลิดลมหายใจ เจ้าคงไม่ได้มาพานางกลับสำนักหมานไป่แน่นอน" เจ้าตัวก้าวมายืนบังคนทั้งสองไว้ "นอกจากนั้นข้ายังสัมผัสถึงจิตมารในร่างเจ้าได้ไม่น้อย ทั้งที่เจ้าเพิ่งผ่านการเลื่อนขั้นแต่กลับไปเข้ากับพวกมาร สิ้นคิดนัก"

สองมือหวางปังกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ "ถ้าไม่ใช่เพราะตอนเลื่อนขั้นข้าโดนสายฟ้าจนแทบดับสิ้นข้าหรือจะเลือกทางนี้ ทั้งที่ข้าเลื่อนจากหนิงม่ายเท่านั้นแต่สายฟ้านั่นมันเทียบเท่าระดับหยวนอินแล้ว แค่สายเดียวร่างข้าก็แทบแตกสลายถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากจอมมารข้าคงไม่ได้มายืนตรงนี้!"

ลู่เยวี่ยสือเหลียวมองคนขี้ริ้วด้านหลังที่ยังหน้าเอ๋อเหมือนไม่เข้าใจว่าหวางปังพูดอะไร

"เจ้าทำให้ด่านเคราะห์เลื่อนระดับไปด้วยงั้นหรือ ชั่วร้ายมาก"

"เจ้าว่าใคร!" สายตาพระเอกจ้องมาที่ตนแบบเจาะจงอย่างนี้อาจมีต่อยกันก่อนสักยกก็ได้

"จะว่าไปทำไมเจ้าไม่ตายผานเฉียงเต้า ถึงเจ้าบอกว่าเป็นผีดิบแต่ผีดิบที่ไหนหายใจได้กันเล่า!" สายพลังระเบิดมากมายพัดใส่ทั้งสามทันทีไม่มีบอกกล่าวล่วงหน้า แรงระเบิดทำต้นไม้แถวนั้นหักโค่นเป็นวงกว้าง แต่เป้าหมายยังยืนเรี่ยมเชี่ยมไร้แม้รอยเขม่าดำ

ลู่เยวี่ยสือกางเขตแดนป้องกันได้ไวยิ่งกว่าพลังของหวางปัง จากนั้นเขาก็พุ่งออกไปตวัดกระบี่ที่ยังคงอยู่ในฝักเข้าใส่หวางปัง ทางนั้นเอี้ยวตัวหลบแล้วเตะเสยเข้ามา ลู่เยวี่ยสือใช้จังหวะนี้สวนกลับกระบี่ฟาดขา มืออีกข้างอัดเข้ากลางตัวส่งหวางปังตัวงอปลิวไปตกไกลลิบ แล้วกลิ้งไปอีกสิบตลบ

"ลู่เยวี่ยสือมือเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง!?" ทั้งที่เป็นฝ่ายจู่โจมทว่ามือพระเอกกับแตกยับ จินตกชจับขึ้นมาดู

"ตายแล้วทำไมมือแตกยับแบบนั้น" อิลิเลียมองมือพระเอกสลับกับหันไปมองคนที่กระเด็นไปไกล ทว่ามันหลุดระยะมองเห็นของเธอไปนะสิ

พริบตาเงาร่างเคลือบด้วยจิตสังหารเย็นเยียบพุ่งเข้าใส่ทั้งสาม เล็บแหลมตวัดฟาดฟันหวังฆ่าทั้งหมดในครั้งเดียว ทว่าดาบไม้รับไว้พร้อมทั้งโยนยาฟื้นฟูคุณภาพสูงที่ซื้อมาจากในเมืองให้ลู่เยวี่ยสือ "เข้าทรงวิญญาณเม่นหรือไง" ทั่งร่างหวางปังเต็มไปด้วยหนามแหลมมีพิษ

"นี่คือพลังที่ท่านจอมมารให้มาไงล่ะ หนามของข้าแข็งยิ่งกว่าอาวุธวิเศษของพวกเจ้ามากมายนัก!"

ทั้งเล็บแหลมทั้งหนามแหลมมีพิษจู่โจมเข้าใส่คนขี้ริ้ว จากเมื่อครู่สภาพเหมือนซอมบี้คุณภาพต่ำเพียงเสี้ยววินาทีกลายเป็นราชาซอมบี้ไปแล้ว สองมือทางนี้ปัดป้อง สองเท้าเหวี่ยงใส่ไม่มีกลัวหนามตำ มันตำได้ให้รู้ไปสิที่เหวี่ยงไปตุ้มถ่วงน้ำหนักทั้งนั้น

"เว้ยนี่มันอะไร เจ้าใช้พลังอะไรกัน!"

หนามแตกหักกระจาย โดนอัดเข้าไปตรงๆ กระดูกหักทันทีพ่นเลือดเป็นฝอยตามมา ยังตั้งตัวไม่ทันก็โดนกระบี่ในมือลู่เยวี่ยสือฟันเข้าอีกแผลใหญ่ เลือดที่สาดออกมามีสีดำปะปนอยู่ด้วย

"เลือดมาร" จิตสังหารเข้มข้นแผ่ออกมาจากร่างลู่เยวี่ยสือ มันทำให้สัตว์ทั้งหลายในป่าเผ่นหนีกันวุ่นวาย

"จิตขนาดนี้ไม่ต้องเทินดาร์กก็ชนะขาดแล้วค่ะ" อิลิเลียพุ่งเข้าไปเกาะจิตกชทว่าคว้าได้แต่ลม คนขี้ริ้วหลบแวบ

"หลบไปห่างๆ ก่อน" สำหรับคนมีทักษะต่อสู้ระดับแม็กซ์ย่อมมองเห็นได้ว่าพลังของหวางปังยามนี้คว่ำพระเอกได้แน่นอน

หนทางสู่ปิดด่านนำเสนอให้อย่างนี้เลยหรือ แบบนี้มันเหมือนส่งฉันมาฝึกวิชามากกว่าส่งมาทำภารกิจนะเว้ย