บทที่ 5
ระยะเวลาที่อิลิเลียบอกทำให้จินตกชอึ้งแท้จริง ทั้งที่ทางนี้เพิ่งเข้ามาเป็นเรื่องที่สอง หรือบางทีก่อนเจอกันในโลกซอมบี้อิลิเลียอาจเข้ามาเดินเล่นในเรื่องอื่นหลายเรื่องแล้วก็ได้ นั่นเป็นสิ่งที่จินตกชเพิ่งนึกถึงเพราะคิดว่าตนเข้ามาแค่เรื่องที่สองเลยเผลอนึกไปว่าคนอื่นก็คงแบบเดียวกับตน
"นี่หมายความว่าเจ้าทั้งสองรู้จักกันอยู่ก่อนแล้วเช่นนั้นหรือ?" ลู่เยวี่ยสือเห็นว่าเลิกสู้กันแล้วถึงถามแทรก
อิลิเลียยกมือขึ้นชูข้างหนึ่ง "รู้จักและตามหามานานเลยเจ้าค่ะ นึกว่าชาตินี้จะไม่เจอแล้วเสียอีก นับว่าข้ายังมีโชคเจ้าค่ะ" ตอบแล้วหันมาส่งสายตาวิบวับทำคนขี้ริ้วขนลุกซู่
ลู่เยวี่ยสือพยักหน้ารับว่าเข้าใจ "อย่างไรเสียเจ้าควรกลับไปหาบิดาเจ้าก่อน หายออกมาไม่บอกกล่าวพวกข้าถึงต้องออกมาหาอยู่นี่"
"เจ้าค่ะ ข้าจะกลับไปหาท่านพ่อเดี๋ยวนี้ อ๊ะ จริงด้วยพี่จินต์ห้ามเผ่นหายไปไหนก่อนด้วยนะ เดี๋ยวมาค่ะ" ว่าแล้ววิ่งหน้าตั้งไปอย่างไว
"ยายนั่นหลงทางไม่ใช่หรือ วิ่งไปแบบนั้นเดี๋ยวได้หลงเพิ่มหรอก" จินตกชพูดยังไม่ทันขาดคำแม่คุณก็วิ่งฝุ่นตลบกลับมา
"ข้าไปโถงรับรองไม่ถูกเจ้าค่ะ" สีหน้าคาดหวังว่าจินต์จะพานางไปส่งทว่าคนขี้ริ้วดึงพระเอกมาตรงหน้า
"เขามาตามหาเจ้าฉะนั้นให้เขาพาไปสิ ข้าจะฝึกต่อ" จินตกชยังไม่พร้อมโดนลากไปหาเรื่องเข้าตัวเพิ่ม แน่ใจว่าหลังจากนี้พวกที่โดนลูกหลงเมื่อกี้คงได้เอาเรื่องที่เขาถูกสาวเจ้าไล่ตีไปลือกันทั่วสำนักในข้ามวันแน่ๆ แล้วบิดาเจ้าหล่อนในนิยายเรื่องนี้ก็จะมาแจกหมัดให้เขาถึงที่
"พี่จินต์ไปส่งข้าไม่ได้หรือเจ้าคะ?" ช้อนสายตาอ้อนแบบน่าเอ็นดูที่สุดอย่างที่โฉมงามทั้งหลายทำได้ทว่าทางนี้มันด้าน ภูมิต้านทานการคุกคามสูง นอกจากยิ้มเหี้ยมให้แล้วยังแถมเครื่องหมายฟักทองให้ด้วย
"ธุระไม่ใช่เว้ย"
แทนที่อิลิเลียจะจะเสียใจหรือโกรธเธอกลับหัวเราะเสียงหวานใส "แบบนี้แหละใช่เลยนิสัยพี่จินต์" เธอหันไปก้มหัวให้ลู่เยวี่ยสืออย่างสุภาพ "รบกวนท่านนำทางข้าไปยังโถงรับรองด้วยเจ้าค่ะ"
ลู่เยวี่ยสือปรายตามองคนขี้ริ้วที่กำลังตวัดมือไล่เจ้าหล่อนอย่างไร้มารยาทยิ่งทว่าเจ้าหล่อนกับทำปากยู่เหมือนน้อยใจแต่ยังตอแยไม่เลิก "เชิญคุณหนูเจียง"
"เดี๋ยวข้ามานะ ท่านห้ามแอบหนีไปไหนเลยเชียวไม่งั้นข้าจะให้คนทั้งสำนักหมานไป่พลิกแผ่นดินตามหา" สั่งแบบคนเป็นคุณหนูแท้จริง
จินตกชยักไหล่ "คิดว่าหาเจอได้แน่หรือถ้าข้าคิดเผ่นจริง" รอยยิ้มท้าทายแบบไม่สำนึกสังขารตอนนี้ดูเย่อหยิ่งสมเป็นตัวตนคนขี้ริ้วอย่างน่าประหลาด และมันก็ทำให้ลู่เยวี่ยสือหัวคิ้วขมวดตามอิลิเลีย
"พี่จินต์" สองมือสาวเจ้าขยับเหมือนอยากบีบคอใครสักคน ใครสักคนที่คาดว่าเป็นเป้าหมายกลับหลุดเสียงหัวเราะแบบที่พระเอกไม่เคยได้ยินมาก่อน
"ไม่ไปไหนหรอกน่า ยังต้องฝึกซ้อมที่นี่อีกพักใหญ่ รีบๆไปได้แล้วเดี๋ยวพ่อเจ้าได้มาตามเองแล้วข้าจะซวย" ทั้งที่หน้าตาเห็นแล้วชวนฝันร้าย รอยยิ้มหลอกหลอนยิ่งกว่าพวกหาหลุมไม่เจอทว่า เหมือนหน้าตายามนี้เป็นแค่หน้ากากที่เอาไว้ปกปิดบางอย่างทำให้ไม่อาจเห็นตัวตนแท้จริงที่คาดเดาไม่ถูกอย่างไรอย่างนั้น ทว่ากลับมีแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาด
'เจ้าไม่ใช่ผานเฉียงเต้าจริงๆ ดูสิว่าข้าจะกระชากหน้ากากของเจ้าออกมาได้หรือไม่'
ลู่เยวี่ยสือนึกสนุกขึ้นมาเล็กน้อย
พอเจียงเจินกูเจอลูกสาวก็ไม่รอช้ารีบพาคนของตนทั้งหมดล่วงหน้าไปลานทดสอบทันทีไม่ฟังคำขอร้องจากลูกสาวสักนิด ทำสาวน้อยอาละวาดแต่ก็ไม่สามารถขัดใจบิดาได้ผลที่สุดก็โดนลากตัวติดมือไปจนได้
"นั่นหมายความว่านางโดนบิดาของนางพาไปสนามทดสอบแล้วสินะ ดี จะได้ไม่มาก่อกวนข้า" นึกถึงที่โดนคุณเธอไล่ตีจนแทบเละแล้วยามนี้อย่าเพิ่งเจออีกนับว่าดี
"ทั้งที่นางแทบไม่เคยออกมาจากสำนักหมานไป่แต่ดูเหมือนเจ้ากับนางรู้จักกันมานาน ไปรู้จักกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ?" เพราะยังเหลือเวลาก่อนคนของสำนักฮู่ซานจะเดินทางไปสนามทดสอบลู่เยวี่ยสือถึงมาที่ลานเล็ก คนขี้ริ้วยังคงฝึกฝนตนอยู่ในลานตามลำพัง
"รู้จักก่อนมาเข้าสำนัก" จินตกชตอบไปแบบไม่คิดอะไรเพราะมันคือความจริง แล้วตวัดมือสร้างคมกระบี่อากาศขึ้นมาฟาดใส่กองไม้ แน่นอนว่าได้รอยเท่าแมวข่วนหนึ่งรอย
ลู่เยวี่ยสือเงียบไปครู่ใหญ่จนจินตกชคิดว่าเจ้าตัวคงไม่ถามอะไรแล้ว "ทำไมนางเรียกเจ้าว่าจินต์ ไม่ใช่เฉียงเต้า"
อย่างไรจินตกชมีเวลาแต่งเรื่องรออยู่แล้ว "ตอนนั้นข้าบอกนางว่าชื่อจินต์ คิดหลอกคุณหนูของหมานไป่ให้เลี้ยงข้าวเลี้ยงขนมรวมทั้งจะขอให้นางพาเข้าสำนักของนาง แต่มันไม่ราบรื่นเพราะพี่เลี้ยงนางขวางไว้ก่อนข้าเลยได้มาเข้าที่ฮู่ซานแทน ไม่นึกว่านางตามหาข้าเสียอย่างนั้นแสดงข้ามีเสน่ห์ไม่น้อยนี่หว่า" ยืดอกพลางหัวเราะท่าทางหลงตนเองเสียเต็มประดา
"โกหกได้โง่มาก" พระเอกด่าเข้าให้ทำจินตกชเสียหายหนึ่งจุด "ข้าจะบอกให้สักหน่อยเจ้าจะได้ลดความโง่ลงบ้าง ข้าอ่านความรู้สึกผู้คนได้ การโกหกของเจ้าโง่ที่สุดเท่าที่ข้าเจอมา"
อ่านความรู้สึกได้! นั่นมันพลังของซอยล์ไม่ใช่หรือ?!
สีหน้าเหลอหลาของคนขี้ริ้วบอกให้รู้ว่าตกใจจนทำอะไรไม่ถูกจริงๆ
"เจ้าเป็นใครกันแน่ จินต์" ลู่เยวี่ยสือกดเสียงหนักจิตน่าสะพรึงแผ่ออกมาปกคลุมทั่วบริเวณเป็นคนอื่นคนกลัวจนยืนไม่อยู่แล้วแต่คนขี้ริ้วยังยืนนิ่งจ้องกลับได้อย่างน่าทึ่ง
ทางนี้ก็อยากถามเหมือนกันแหละ แถมเรียกระบบไปสิบครั้งแล้วเงียบฉี่ไม่มีสัญญาณตอบกลับสักนิด แบบนี้มันไม่ปกตินะ
"เจ้าเชื่อเรื่องภพชาติไหมล่ะ"
"มันเกี่ยวอะไรหรือไง"
"เกี่ยวมากเลย ข้าคือชาติที่แล้วของผานเฉียงเต้า" พระเอกหน้าเหวอบ้างแล้ว "ข้าในชาตินี้ตายตั้งแต่โดนด่านเคราะห์สายแรก แล้วข้าก็โดนดึงมาโต้กลับสายฟ้าพวกนั้นแทน มันน่าโมโหที่มีบางคนใช้ข้าในชาตินี้เป็นตัวตายตัวแทนรับด่านเคราะห์แทน ข้าต้องหาเจ้าคนนั้นให้เจอแล้วเอาคืนให้สาสม นั่นคือเป้าหมาย แต่ไม่รู้ว่าไปเข้าตาท่านอาจารย์ได้อย่างไร แทนที่จะได้ตามหาคนที่เล่นงานข้ากลายมาฝึกแทบตายอยู่เนี่ย" แม้ไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมดแต่ก็ใกล้เคียงสุดๆ เพียงพอให้เชื่อได้ละกัน
ลู่เยวี่ยสือไม่คาดว่าจะได้คำตอบแบบนี้ แต่ไม่เชื่อเลยก็ไม่ได้ในเมื่อเขาอ่านความรู้สึกผู้อื่นได้ คนตรงหน้าไม่ได้โกหกแต่บางเรื่องไม่บอกให้กระจ่าง "หน้าตาเจ้าชาติก่อนก็เป็นแบบนี้หรือ?"
"ถามทำไม?"
"แค่ไม่คิดว่าคนเราจะอัปลักษณ์ได้ทุกชาติเท่านั้น" ท่าทางพูดจริงจังน่าแปลกใจทว่าจินตกชไม่สนใจ
คนขี้ริ้วพยักหน้า "อย่างน้อยก็ไม่ฟันเหยินแบบนี้" นั่นหมายถึงหน้าตาในโลกซอมบี้ที่ผ่านมาไงล่ะ
"เจ้าไม่อยากเปลี่ยนให้มันดูดีกว่านี้บ้างเลยหรือไง" แม้เขาไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกนักแต่เจริญตาบ้างก็ได้
จินตกชชี้หน้าตนเอง "ข้าพอใจสภาพหนังหน้าข้าที่สุด พวกหล่อสวยล่มบ้านล่มเมืองนั่นไปอยู่ห่างๆ ข้าเลย" เข้าใจหรอกว่าผู้เลอโฉมสร้างความประทับใจให้คนพบเห็นได้ง่าย และมันคงทำให้ภารกิจราบรื่นกว่าพวกหน้าบ้านๆ แต่จินตกชไม่ต้องการพึ่งหน้าตา มันคงเป็นความอวดดีนั่นแหละที่อยากทำให้สำเร็จโดยไม่ใช่ตัวสำคัญ
"แต่ข้าไม่ชอบ" ท่าทางจริงจังเสียจินตกชผงะเลย
"นั่นมันปัญหาของเจ้าไม่ใช่ปัญหาของข้า"
มามีปัญหาอะไรกับหน้าคนอื่นเขาเล่า ตกลงหมอนี่คือนายถั่วเหลืองหรือเปล่านะ ไม่สิเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วพระเอกของเรื่องไม่ใช่ผู้เข้ามาเดินเล่นสักหน่อย หรือนี่เป็นนิยายจากคนเขียนคนเดียวกันธีมนิสัยถึงคล้ายกัน แต่ส่วนใหญ่ไม่ให้พลังซ้ำกันนี่นา แปลกๆแฮะ
"เจ้าจะตามหาคนที่ใช้เวทตัวตายตัวแทนได้ยังไง" อยู่ๆ พ่อคุณก็เปลี่ยนเรื่องเสียอย่างนั้น
"แค่หาว่าใครผ่านด่านเคราะห์ช่วงเวลาที่ข้าโดนสายฟ้าก็รู้แล้ว อย่างไรก็ไม่มีใครผ่านด่านซ้ำเวลากันอยู่แล้วนี่นา" หาไม่ยากแต่ออกไปหาไม่ได้นี่สิที่ทำจินตกชอัดอั้นตันใจ
"ถ้าเจอแล้วเจ้าคิดว่าสามารถเอาชนะได้หรือไง สายฟ้าระดับนั้นผู้เลื่อนระดับสูงกว่าข้าเสียอีก" ด่านเคราะห์สายฟ้าวันนั้นทำหลายร้อยคนที่มองเห็นล้มหมดสติ บางคนเลือดออกเจ็ดทวาร บางคนกระตุกชักเกือบตาย แม้แต่เขาเองยังเผลอกำสองมือแน่น
จินตกชเห็นสีหน้าลู่เยวี่ยสือยามนี้แล้วนึกอยากกวนบาทาขึ้นมาเฉยๆ "ดูให้ชัดๆ ข้านี่แหละที่โต้สายฟ้าพวกนั้นกลับไปได้ เจ้าคิดว่าคนที่ทำได้แบบนั้นไม่มีความสามารถในการฝังไอ้คนที่ต้องหาตัวตายตัวแทนหรือไง อย่างน้อยในตอนนี้ข้าก็คงอยู่ระดับเดียวกับเจ้านั่นแล้วล่ะ" นั่นคือการอวดอ้างอย่างน่าหมั่นไส้ที่สุด ทว่าพอคิดถึงความจริงมันเป็นดั่งผานเฉียงเต้าพูดจริงๆ ด่านเคราะห์ในการเลื่อนระดับถ้าทนได้ก็ผ่านยิ่งโต้กลับไปได้นั่นย่อมเหนือยิ่งกว่า
"ในเมื่อเจ้าร้ายกาจเช่นนี้เหตุใดถึงตายแล้วมาเกิดเป็นผานเฉียงเต้าได้เล่า" ลู่เยวี่ยสือเริ่มยอมรับว่าคนขี้ริ้วตรงหน้าอาจมีระดับเหนือกว่าตัวเขา
"ลู่เยวี่ยสือเอ๋ย สรรพสิ่งไม่มีสิ่งใดอมตะ เมื่อเกิดขึ้นย่อมดำรงอยู่ชั่วขณะ ซึ่งชั่วขณะที่ว่านั้นอาจยาวนานยิ่งกว่าภูผาหรือสั้นแค่พริบตานั่นแล้วแต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาเป็นอะไร ทว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งมันก็จะดับสิ้นไป ไม่มีสิ่งใดเป็นนิรันดร์ ผู้ใดอวดอ้างว่าเป็นอมตะเท็จทั้งนั้นมันแค่อยู่มายาวนานกว่าสิ่งอื่นเท่านั้นและในจุดหนึ่งก็ดับสิ้นไปอยู่ดี เจ้าก็รู้อยู่ไม่ใช่หรือ ผู้ปกครองสูงสุดแห่งแดนสวรรค์เปลี่ยนมากี่รุ่นแล้ว เพราะงั้นเก่งกาจแค่ไหนทรงพลังเพียงใดล้วนตายได้เหมือนกันทั้งนั้น" เขาไม่ได้คิดถกเครียดกฎไตรลักษณ์กับพระเอกนะ แค่บอกความเข้าใจง่ายๆของตนเท่านั้น ทว่าพระเอกหน้าเคร่งเครียดเหมือนกำลังคิดหนักเสียอย่างนั้น
"งั้นหรือ ถึงจุดหนึ่งมันก็จบสิ้น... งั้นก็ได้เวลาของมันแล้วล่ะ" ต่อให้นั่นเป็นการบ่นกับตนเองทว่าจินตกชได้ยินชัดเจน
หรือคุณพระเอกเริ่มอยากเข้าสายดาร์กแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นก็เยี่ยมไปเลย
"ท่านรองเจ้าสำนัก รีบมาเถอะขอรับเราจะเดินทางกันแล้ว" ศิษย์ระดับสูงสี่คนท่องกระบี่มาตาม พวกนี้ส่งสายตาไม่พอใจใส่จินตกช
"ทำไมพักนี้ท่านรองเจ้าสำนักถึงชอบมาที่นี่นักนะ"
"มาช่วยสั่งสอนเจ้าสวะนั่นไงล่ะ"
ว่าแล้วเจ้าพวกนี้ก็หัวเราะก่อนหุบปากเงียบเสียงก้มหน้างุดเมื่อเจอจิตสังหารจากรองเจ้าสำนักแผ่ออกมา คนอื่นกลัวหงอแต่คนขี้ริ้วแค่ไหวไหล่ราวไม่รู้สึกรู้สาเพราะหนังหนาเกินทั้งที่จิตสังหารนี้เผื่อแผ่มาให้อย่างเต็มใจ
"เจ้านี่มันด้านจริงๆ" ลู่เยวี่ยสืออดว่าเหน็บแนมไม่ได้
"อยากให้ข้ากลัวเจ้าต้องเลื่อนขึ้นไปอีกสามระดับนะ แล้วข้าจะยอมแสดงสีหน้ากลัวให้" ก่อกวนบาทาเพิ่มอีกนิด แม้พระเอกเท้ากระตุกยังหลบแวบห่างออกมาส่งสีหน้าหลอกหลอนได้อย่างสบาย
ถ้ามีเวลาอีกนิดลู่เยวี่ยสือคงได้ลงเท้าไล่ตีให้หมอบสักครั้งทว่ายามนี้ต้องออกเดินทางแล้วเจ้าตัวจึงฝากความแค้นนี้ไว้ก่อน กลับมาเอาเรื่องแน่ คนรับฝากลอยหน้าลอยตามีท้าให้เพิ่มดอกเบี้ยด้วย
คล้อยหลังผู้เดินทางออกไปสนามทดสอบสำนักฮู่ซานเงียบเหงาลงถนัดตา ยามนี้เหลือแค่ศิษย์รุ่นเยาว์เฝ้าอยู่แค่ยี่สิบกว่าคน คนงานอีกสามสิบกว่าคน จินตกชใช้เวลานี้อ่านเนื้อเรื่องอีกครั้ง เหตุการณ์นี้จะทำให้พระเอกได้เจอกับนางเอกผู้มาจากสำนักเซียนฝ่ายธรรมะอันโด่งดังเป็นที่สองของโลก รวมทั้งจอมมารคู่ปรับเผยโฉมออกมาก่อกวนการทดสอบและหวังจับตัวนางเอกด้วย พระเอกช่วยนางเอกจากจอมมารเกิดความสัมพันธ์อันดีแล้วเส้นทางช่วยโลกของพระเอกก็เปิดกว้างขึ้นโดยมีนางเอกเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ฮิ้ว
เป็นการดำเนินเรื่องปกติทั่วไป มีนางเอกคอยช่วยเหลือแบบนี้พระเอกจะเสียศูนย์เข้าเทินดาร์กได้ไงล่ะ หรือฉันควรไปช่วยจอมมารก่อกวน ไม่ได้สิ แค่หยุดฝึกตามที่อาจารย์สั่งไว้ตุ้มถ่วงก็หนักเพิ่ม ฉันไม่แบกภูเขาไปหารอยบาทาชาวบ้านเข้าตัวแน่เพราะงั้นเลิกคิดได้เลย
กระบี่ไม้ตวัดต่อเนื่องอย่างรวดเร็วเกิดคลื่นอากาศมากมาย แต่พลังนั้นแค่สายลมแผ่วๆ พัดใบไม้ร่วงได้เท่านั้น ทว่าการฝึกฝนนี้กลับทำให้จินตกชใช้สะบั้นสุญญากาศได้ตรงเป้าตามใจต้องการมากขึ้นแบบไม่ต้องเล็งก็โดนแม้แค่กวาดตาผ่านแวบเดียว เขาตัดใบไม้ทุกใบตามที่เล็งไว้ได้ครบในการฟันครั้งเดียว นั่นทำให้เขาเข้าใจแล้วว่าการฝึกเหล่านี้ช่วยให้เก่งกาจขึ้นได้จริง ไม่รู้ว่าเรื่องต่อๆ ไปโหดหินแค่ไหนมีทักษะต่อสู้แน่นไว้ก่อนดีที่สุด จินตกชจึงไม่ขี้เกียจฝึกซ้อมตามที่กังจวี้สั่งไว้แม้แต่อย่างเดียวไงล่ะ
ทางสนามทดสอบเกิดเรื่องตามที่จินตกชรู้จอมมารก่อเรื่องใหญ่โตถล่มทลายจริงๆ สำนักเซียนทั้งหลายต้องร่วมมือกันต้าน จอมมารเรื่องไหนเรื่องนั้นเลยเก่งแบบฉายเดี่ยว ส่วนฝ่ายต้านก็หมาหมู่ เอ๊ย พลังพันธมิตรรวมตัวกันสู้ ความถล่มทลายเลยเพิ่มขึ้นคนเจ็บมากมาย คนจบสิ้นไปก็มาก เรียกว่าสูญเสียครั้งใหญ่หลังจากสงบสุขมานาน แต่ก็ไล่จอมมารถอยกลับไปได้ ทำให้แต่ละสำนักตะหนักได้ว่าพวกตนนั้นหย่อยยานในการฝึกฝนมากแค่ไหน ถ้ามีพลังฝีมือมากกว่านี้คงไม่เสียไปมากมายพวกเขาจึงรวมตัวกันตัดสินใจ เอามนุษย์ธรรมดาที่มีอยู่มากมายทั่วโลกมาใช้หลอมเป็นอาวุธบ้าง เป็นยาพิษยาวิเศษเพิ่มพลังเป็นของวิเศษแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งกันใหญ่โต เพราะยังติดความเกียจคร้านในการฝึกฝน
สาเหตุที่ใช้คนเพราะหาง่ายและเลือดเนื้อเป็นสิ่งมีค่าดีที่สุดในการใช้ทำสิ่งของวิเศษต่างๆ ยิ่งมีวิญญาณบรรจุด้วยยิ่งทำให้ได้ของคุณภาพดีต่อให้ใช้ได้แค่ครั้งเดียวหมดสภาพก็ตาม ฉะนั้นมีเยอะเข้าไว้ชดเชยได้ ผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหลายจึงออกล่าคนธรรมดามาใช้ไม่เกรงกลัวกฎใด
"น่าขยะแขยงที่สุด แม้แต่สำนักหมานไป่ก็เช่นกัน ฉันห้ามคนของสำนักจนโดนท่านพ่อจับโยนเข้าไปสำนึกผิดในห้องบรรพชนแล้วเนี่ย" สาวน้อยอิลิเลียมาถึงก็ฟูมฟายโวยวายมากมายต่อโลกตอนนี้ นี่ถ้าไม่โดนเท้าคนขี้ริ้วที่รู้ทันยันหน้าเข้าให้หนึ่งครั้ง เจ้าหล่อนคงพุ่งมาเกาะติดอกเป็นเนื้องอกแล้ว
"แล้วคนสำนึกผิดมานั่งโวยอยู่ตรงนี้ไม่กลัวโดนตามมาลากคอกลับหรือไง"
"ขนาดเวทในห้องบรรพชนยังขังฉันไม่ได้ใครกล้ามาตามเล่า อีกอย่างพวกนั้นไม่รู้ว่าฉันหนีไปไหนสักหน่อย" คุณเธอกระทืบเท้าแบบโมโหจนยืนเฉยไม่ได้
จากที่อิลิเลียเล่าให้ฟังทั้งหมด เรื่องนี้ดำเนินมาต้นเรื่องเองกว่าพระเอกจะฝึกฝนจนเก่งกาจยังล้มลุกคลุกคลานอีกพักใหญ่ เหตุการณ์ใหญ่ยังอีกเยอะ
"มันเป็นไปตามเนื้อเรื่องถึงไม่ชอบอย่างไรก็เปลี่ยนไม่ได้ ทำภารกิจของตนให้สำเร็จก็พอไหม ว่าแต่ภารกิจเธอคืออะไรล่ะ?"
"การเอาแต่ใจแบบพวกคุณหนูทั้งหลายจนได้แต้มเต็มก็ออกจากเรื่องได้หรือถ้ายังอยู่ต่อก็ได้ค่ะ" พูดด้วยท่าทางเหนียมอายน่าเท้ากระตุกมากมาย "แล้วพี่จินต์ละ"
ทำไมภารกิจเธอมันง่ายนักฟะ ระบบโคตรลำเอียง
"ของฉันคือส่งพระเอกไปปิดด่านเทินดาร์กออกมาทำลายโลกนี้ ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไงถึงทำให้พระเอกปิดด่านเทินดาร์กได้" พูดแล้วท้อแท้
"ทำไมต้องเทินดาร์ก ในเรื่องไม่มีนะคะ?" ไม่แปลกที่สาวเจ้าแปลกใจ เพราะจินตกชอ่านทั้งหมดแล้วไม่มีบทนี้จริงๆ
"ระบบของฉันบอกว่าตามเรื่องมันช้ากว่าพระเอกจะเก่งจนทำลายโลกได้ ไม่ทันใจนักอ่านเลยให้มาช่วยส่งเข้าไปเทินดาร์กออกมาถล่มโลกให้ไวนะสิ เปลี่ยนเส้นเรื่องเดิมเฉยเลย ดีที่มันไม่กระทบต้นฉบับเดิม ฉันถามมาแล้วได้รับการยืนยันว่าเปลี่ยนแบบนี้ก็คล้ายๆ ฟิกชั่นของเรื่องน่ะ" นิยายดังย่อมมีคนเขียนฟิกเจอได้แบบปกติ ต่อให้ฟิกมันสีเทาๆ แต่ถ้าไม่ใช้หาประโยชน์เข้าตัวก็ไม่มีใครว่าอะไร ยอมรับได้ในวงกว้างเชียวแหละฉันเองก็อ่านแล้วยังแอบส่งโดเน็ตให้บางเรื่องด้วย
"ดูจากฝีมือในสนามทดสอบกับโต้จอมมารได้สูสี ไม่ต้องเทินดาร์กก็น่าเอาชนะได้แล้วล่ะค่ะ" อิลิเลียส่ายหน้ารัวเร็วราวกำลังพยายามลบภาพน่ากลัวที่ผุดเข้ามาในหัว
"ใช่ไหมล่ะถึงตันอยู่นี่ไง ฉันยิ่งไม่ฉลาดอยู่ด้วยคิดแผนบรรเจิดแบบนักเขียนทั้งหลายไม่ออกหรอก" วันนี้คนขี้ริ้วยังคงยืนท่านั่งม้าต่อไป "จริงสิฉันมีเรื่องสงสัยขอถามหน่อย"
"อะไรหรือคะ?"
"เธอบอกว่าหลังเจอฉันในโลกซอมบี้ไปเดินเล่นในเรื่องอื่นมาอีกสิบสองเรื่อง ที่เจอฉันนั่นไม่ใช่โลกแรกหรอกหรือ"
อิลิเลียพยักหน้า "โลกที่เจอพี่จินต์นั่นเป็นโลกที่สี่ที่ฉันเข้าไปเดินเล่นแล้วค่ะ หลังจากนั้นก็ไปเดินเล่นอีกสิบสองโลกอย่างที่บอก เจอโรซไปสองโลกด้วยเจ้าหล่อนยังน่ารังเกียจเหมือนเดิม และฉันก็คิดว่าจะได้เจอพี่จินต์อีกไหมเลยถามระบบของฉัน ระบบบอกว่าพี่จินต์เลือกโลกระดับสูงซึ่งมีความอันตรายมากไม่มาเดินเล่นกับเรื่องเบาๆ อย่างที่ฉันเลือกเข้าไปหรอกค่ะ ฉันเลยลองเลือกเรื่องที่มันอันตรายร้ายแรงแล้วก็เจอพี่จินต์จริงๆ ด้วย ดีที่ฉันตัดสินใจอยู่ต่ออีกหน่อยถึงแต้มเต็มแล้วก็ตาม" สีหน้าดีใจเหลือหลายทำจินตกชขนลุกพิลึก "พี่จินต์คงเข้าไปเดินเล่นมาเยอะแล้วสินะคะถึงเก่งแบบนั้น หรือฉันควรเลือกเรื่องโหดๆ บ้างนะ แต่มันก็น่ากลัวมากเลย"
"เธอเลือกระดับเรื่องได้ด้วย"
"ได้สิคะ ที่จริงทุกคนเลือกได้ว่าอยากเข้าไปเรื่องไหน แล้วยังมีปรับระดับจากร้ายแรงให้ซอร์ฟลงได้ด้วยนะคะ ถ้าต้นฉบับระดับสูงเกินไปเราขอให้ปรับความร้ายแรงลงได้ แล้วยังเลือกว่าจะเล่นเป็นตัวไหนได้ด้วยค่ะ ภารกิจก็เลือกได้ เพียงแต่เลือกแล้วถ้าล้มเหลวโทษหนักกว่าระบบจัดให้"
"โทษที่ได้รับคืออะไรบ้างล่ะนั่น?"
"มันมีตั้งแต่เล็กๆ น้อยๆ ไปถึงโหดมากเลยค่ะ ประมาณโดนโยนไปสู้กับสัตว์อสูรระดับ A สิบชั่วโมง ของสะสมพังหรือสูญหาย ระดับภารกิจในเรื่องถัดไปโหดมากขึ้นฉะนั้นทำภารกิจที่ได้รับมาในแต่ละครั้งให้ลุล่วงดีที่สุดค่ะ" อิลิเลียบอกอย่างจริงจัง แสดงว่าน่าจะเคยล้มเหลวมาบ้างแน่นอน
ทำไมมันต่างจากระบบอินจันจังเลยฟะ แบบนี้ถ้าเจอโรซหรือคนอื่นคงต้องถามกันสักหน่อยแล้ว
"ว่าแต่ทำไมพี่จินต์ถึงเลือกหน้าตาราวๆ นี้เรื่อยเลยคะ อย่างพี่จินต์ฝีมือขนาดนั้นบวกหน้าตาเพิ่มอีกนิดแม้แต่พระเอกก็ตกได้แน่นอน แต่พอหน้าตาแบบนี้มัน... ก็ดีนะคะไม่มีใครสนใจดี" เจ้าหล่อนยิ้มกรุ่มกริ่มให้จินตกชขยับห่างออกไปนิด
ฉันว่าสายตายายนี่พิกลแล้วนะ
"บอกไว้ก่อนเลยฉันเลือกเปลี่ยนเพศมานะ"
"แล้วทำไมหรือคะ?" เอียงคออย่างน่ารักถามแบบปกติธรรมดา ซึ่งแบบนี้ทำให้น่าเอ็นดูเพิ่มขึ้นได้จริง
"จริงสิยุคนี้แล้วมันก็ปกติแหละนะ" จินตกชยอมรับสังคมสมัยนี้อยู่แล้วน่า "แล้วนี่อยากเจอฉันทำไม ถึงขนาดถามหาจากระบบเลยนี่นา"
แล้วสาวน้อยน่ารักก็กลายร่างเป็นลูกหมาน้อยในสายตาจินตกช "ฉันยังไม่ได้ตอบแทนอะไรพี่จินต์เลยนี่นา พี่ช่วยฉันแล้วชิ่งหนีไปอย่างเท่ๆ แบบนั้นทั้งน่าเจ็บใจทั้งอึ้งเชียวแหละ ขนาดพระเอกยังหัวเสียเลย ซอยล์แทบโยนโรซออกไปนอกกำแพงแน่ะ ดีที่คุณนางเอกห้ามทันไม่งั้นคุณเธอเละแน่"
"ดูพ่อถั่วเหลืองไม่น่าเป็นคนเกรี้ยวกราดแบบนั้นเลยนี่นา"
"ยิ่งกว่าต้นฉบับร้อยเท่าเลยค่ะ พระเอกน่ากลัวมากแบบราชาซอมบี้เป็นแค่ขี้ฝุ่นเลยถ้าเทียบกับเขา นี่พูดจริงนะพี่จินต์ พลังอ่านความรู้สึกแล้วยังบัญชาได้ตามใจนั่นสยองมาก ทำลายเซลล์อะไรก็ได้ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต เอ๊ะ จะว่าไปลู่เยวี่ยสือก็ทำให้เซลล์แตกสลายได้นี่นา ตอนเขาฝ่าฝูงมารไปช่วยนางเอกก็ใช้พลังแบบเดียวกัน"
ไม่จริงน่า นายถั่วเหลืองจริงๆ เหรอ