webnovel

บทที่ 16 อดีต

บทที่ 16

อดีต 1

หลังจากที่ผมฝันวันนั้นนี่ก็ผ่านมาแล้วเจ็ดวัน ซึ่งผมพยายามทำตัวว่าชั้นเรียนโอสถยุ่งจนไม่ได้ไปฝึกดนตรียุทธ์กับพี่หลง และทำเพียงส่งสารเวทย์ไปหาพี่หลงว่าช่วงนี้อาจจะไม่ได้ไปฝึกสักพัก จนกว่าชั้นเรียนจะไม่ยุ่งจึงจะกลับไปฝึกเหมือนเดิม ซึ่งพี่หลงก็เข้าใจแล้วยังส่งสารเวทย์มาให้กำลังอีก นั้นจึงทำให้ผมหนักใจมากไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี คนนึงผมก็เชื่อใจ ส่วนอีกคนแม้ไม่รู้ว่าเป็นใครแต่ใจดันเชื่อฟังสุดๆว่าเขาหวังดีกับผม ทำให้ช่วงนี้ผมเว้นระยะห่างกับพี่หลงมากขึ้นจนกว่าเขาคนนั้นจะกลับมาอย่างที่บอก ต่อให้ไม่รู้ว่ากลับมาเมื่อไหร่ กลับมาตอนไหน กลับมารูปแบบใด แต่ในใจลึกๆผมก็ยังรอ รอจนกว่าจะรู้ทุกอย่างที่เขาจะบอก จนกว่าผมจะแน่ใจว่าเชื่อใจพี่หลงได้ ผมถึงจะกลับไปฝึกยุทธ์กับเขา ต่อให้เวลาที่ผมคิดถึงพี่หลงจะเห็นความหวังดีและสิ่งดีๆที่พี่หลงมอบให้ แต่พอนึกถึงคนในฝันที่บอกให้ระวังพี่หลง ทำให้ทุกการกระทำของพี่หลงที่ผมคิดถึงทำใจลึกๆผมเจ็บปวดอย่างประหลาด ซึ่งผมไม่รู้ว่าความรู้สึกเหล่านี้มันคืออะไร หลายวันมานี้ผมจึงทำได้เพียงเฝ้ารอเผื่อสิ่งที่ได้รู้จะคลายหัวใจที่บีบรัดอยู่ตอนนี้ลงได้บ้าง ทั้งวี่ทั้งวันผมพยายามทำตัวยุ่งอย่างที่บอกพี่หลงจริงๆเพราะอยากลืมทุกความรู้สึกที่ตีกันอยู่ในตัวตอนนี้มาก และเย็นวันศุกร์อย่างนี้หลังจากที่เก็บสมุนไพรในแปลงเสร็จ ผมก็กลับห้องทันทีไม่อยู่สังสรรค์ต่อกับเหล่าศิษย์พี่ เพราะวันนี้ผมเหนื่อยมากทั้งเรียนตอนเช้าและยังมาเก็บสมุนไพรแปลงใหญ่ต่อตอนบ่ายอีกเรียกได้ว่าไม่ได้พักกันเลย ผมจึงอยากอาบน้ำนอนเร็วๆมากกว่า ซึ่งพอจัดการทุกอย่างในห้องเรียบร้อยแล้ว ผมก็ล้มตัวลงนอนทันทีที่หัวถึงหมอนสติผมก็ดับวูบทันที

"หลันเอ๋อร์ ต่อจากนี้ไปเสี่ยวหู่จะเป็นเพื่อนลูกและเป็นสัตว์ในพันธะของลูกนะ จงดูแลเสี่ยวหู่ให้ดีล่ะ"ร่างใหญ่ของชายที่เริ่มมีอายุเข้าเลขสี่ ท่าทางภูมิฐาน และสุขุม หน้าตาจัดได้ว่าหล่อเหลาคนนึงกำลังพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมแย้มยิ้มอย่างใจดี กำลังอุ้มสัตว์ตัวน้อยขนสีดำที่ตอนนี้กำลังหลับสนิทอยู่ในอ้อมอกแล้วพูดกับเด็กน้อยที่ยืนมองสัตว์ตัวนั้นด้วยแววตาตื่นเต้นด้วยความดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น

"ลูกขออุ้มเสี่ยวหู่ได้มั้ยขอรับท่านพ่อ"เด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรานั้นเอ่ยออกมาเสียงหวานพร้อมทั้งยิ้มประจบคนเป็นพ่อตัวเองทันที

"หึๆๆๆ ได้สิลูก แต่ต้องระวังหน่อยนะ เสี่ยวหู่ยังไม่แข็งแรงมากนัก"

"ขอรับ"จากนั้นมือเล็กจึงยื่นมือออกไปรับสัตว์ตัวน้อยที่บิดาประคองส่งมาให้ถึงในอ้อมกอด ซึ่งถึงว่าเป็นสัตว์สี่ขาที่ตัวเล็กในอ้อมกอดบิดา แต่สำหรับตัวเมิ่งอี้หลันที่อายุเพียงห้าขวบนั้นถือว่าสัตว์ตัวนี้ค่อนข้างใหญ่และหนักพอตัว จึงทำให้พอได้อุ้มไปสักพักแล้วแขนเล็กๆของอี้หลันก็เริ่มมีอาการสั่นเล็กๆจากน้ำหนักตัวของเสี่ยวหู่ที่บิดาบอกว่าจะเป็นเพื่อนของเขาต่อไป ทำให้อี้หลันพยายามอย่างยิ่งที่จะอุ้มเสี่ยวหู่ไว้อย่างมั่นคง

"อุ้มเสี่ยวหู่มานอนตรงนี้ดีกว่าลูก เสี่ยวหู่จะได้นอนหลับสบายๆ"แต่บิดาที่เห็นท่าทางแบบนั้นจึงทำเพียงยิ้มออกมาแล้วร่ายเวทย์สร้างเบาะแสนนุ่มให้ จากนั้นก็เรียกบุตรตนให้อุ้มพยัคฆ์ทมิฬ สัตว์เวทย์ระดับเทพเซียนตัวสุดท้ายที่เมิ่งซีหลี่บังเอิญไปเจอแม่พยัคฆ์ตัวนึงบาดเจ็บหนัก จากการต่อสู้กับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ต้องการแก่นธาตุและหัวใจพยัคฆ์กลุ่มนึงด้วยความที่ไม่ทราบว่าพยัคฆ์ตัวนี้กำลังตั้งท้องใกล้คลอดจึงมีพลังในการต่อสู้มากกว่าปกติ ทำให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูงได้เอาชีวิตมาทิ้งไว้ใต้คมเขี้ยวและคมเล็บของมัน ทั้งที่ระดับพลังไม่ต่างกันมากนัก และกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์มีคนมากกว่าน่าจะเอาชนะไม่ยาก แต่พยัคฆ์ตัวนี้ก็สามารถสู้ยิบตาจนชนะมาได้ด้วยพลังใจที่อยากปกป้องลูกเท่านั้น พอจัดการสะบัดหัวผู้ฝึกยุทธ์คนสุดท้ายออกจากปากเสร็จ มันจึงวิ่งสะเปะสะปะเข้าไปในป่าลึกทันที วิ่งมาจนถึงหน้าถ้ำใหญ่แห่งนึงที่มีแม่น้ำใสไหลผ่าน มันจึงกินน้ำแล้วล้างคราบเลือดออกไปจากตัวแล้วเข้าไปหลบรักษาตัวในถ้ำ ด้วยความที่ร่างกายบอบช้ำมากจากการต่อสู้ ทำให้พลังที่เหลือน้อยนิดไม่เพียงพอที่จะรักษาตัวได้ และลูกในท้องก็ต้องใช้พลังในการหล่อเลี้ยงเช่นกัน ต้องมีสักชีวิตที่ต้องเสียสละ หากทำให้ลูกในท้องตายพลังที่ต้องหล่อเลี้ยงลูกก็จะถูกดึงมารักษาร่างที่บาดเจ็บของแม่ แต่หากแม่ให้พลังเฮือกสุดท้ายกับลูก ลูกในท้องก็จะเติบโตเต็มที่และมีพลังที่มากพอจะปกป้องตัวเองได้ แต่จะเร่งให้แม่พยัคฆ์พร้อมคลอดทันที และหลังจากที่คลอดก็จะตายทันทีเพราะไม่มีพลังหลงเหลืออยู่แล้ว ปกป้องลูกมาถึงขนาดนี้เพื่อให้ลูกมีชีวิตต่อไปแม่พยัคฆ์จึงส่งพลังเฮือกสุดท้ายให้ลูกในท้องตัวเองทันที เมื่อพลังหล่อเลี้ยงลูกจนโตเต็มที่แล้วลูกในท้องก็พร้อมจะออกมาลืมตาดูโลก แต่ร่างกายแม่พยัคฆ์ไม่พร้อมที่จะคลอด เนื่องจากบาดเจ็บและไม่มีพลังเหลือที่จะเบ่งลูกออกมาแล้ว แม่พยัคฆ์จึงทำได้เพียงนอนร้องออกมาอย่างเจ็บปวดทั้งจากบาดแผลและจิตใจ นอนร้องไห้และส่งเสียงจิตเพื่อให้ใครสักคนได้ยินที่จะช่วยมันได้ นอนร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและยาวนานจนผ่านวันและคืนไปถึงสามวันที่แม่พยัคฆ์ทนความเจ็บปวดไม่ยอมตายทั้งแม่และลูก ใจยังภาวนาให้มีใครสักคนเขามาช่วยลูกมันที

"ชะ…ช่วย…ด้วย..ช่วยลูก..ข้าด้วย"พลังจิตเฮือกสุดท้ายที่มันพอจะเปล่งออกมาได้

"หือ เจ้าเป็นใคร ต้องการให้ข้าช่วยอย่างไร แล้วเจ้าอยู่ที่ไหน"เมิ่งซีหลี่ที่ออกมาหาที่ทดลองเวทย์เหยียบเมฆาเวทย์บทใหม่ที่เขาคิดค้นขึ้นมาในป่าลึก โดยร่ายเวทย์เหยียบเมฆาเดินในอากาศด้วยความรวดเร็วจนมาหยุดดื่มน้ำที่แม่น้ำและกะจะพักทานอาหารก่อนฝึกเดินกลับบ้านกลางหุบเขาตัวเอง แต่พอดื่มน้ำล้างหน้าเสร็จก็ได้ยินเสียงที่เจ็บปวดและระโหยโรยแรงแผ่วเบาขอความช่วยเหลือมาในมิติจิตที่ไม่ทราบว่ามาจากไหน

"ขะ..ข้าอยู่..ในถ้ำใกล้แม่น้ำ…ช่วย..ช่วยลูกข้าด้วย"เสียงมีตอบกลับมาช่างโรยแรงราวกับนี่เป็นเสียงเฮือกสุดท้ายที่จะเปล่งได้แล้ว เขาจึงใช้เวทย์เหลียบเมฆาก้าวเดินไปตามชายฝั่งแม่น้ำทันที จนเดินมาระยะนึงจึงเห็นหน้าถ้ำใหญ่ที่มีเถาวัลย์โรยมาปิดปากทางเข้าถ้ำกว่าครึ่ง แต่ที่นั้นไม่น่าสนใจเท่ากลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งที่ลอยโชยออกมาถึงจุดที่เขายืนอยู่ หากไม่เพราะกลิ่นอายสัตว์ชั้นสูงคาดว่าคงมีสัตว์มากน้อยที่พร้อมจะเข้าไปกินสัตว์บาดเจ็บในถ้ำแล้ว แต่เพราะกลิ่นอายที่สูงส่งและแข็งแกร่งจึงไม่มีสัตว์ตนใดกล้าเข้ามาใกล้บริเวณนี้ เขาจึงหยิบไข่มุกเวทย์ขึ้นมาให้เป็นแสงนำทาง พร้อมทั้งค่อยๆก้าวเข้าไปตามกลิ่นคาวเลือดนั้น จนเมื่อเดินเข้ามาถึงก้นถ้ำ เขาก็เห็นพยัคฆ์ทมิฬตัวเมียที่ท้องใหญ่ใกล้คลอดแต่ตัวแม่พยัคฆ์เองกลับมีร่างกายซูบผอมและเหมือนบาดเจ็บหนัก และมีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอดตลอดพร้อมท้องใหญ่มีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงอยู่

"ให้ข้าช่วยดูให้เจ้านะ ข้าชื่อเมิ่งซีหลี่ เป็นผู้ใช้เวทย์ที่มาฝึกวิชาแถวนี้แล้วบังเอิญได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือเข้านะ"เขาพูดแนะนำตัวกับแม่พยัคฆ์ที่เหมือนจะมีเวทย์ป้องกันขั้นสูงสุดหุ้มรอบตัวเป็นเกราะป้องกันสุดท้ายของตัวมันกับลูก เพื่อให้แม่พยัคฆ์คลายเกาะป้องกันออกเขาจะได้ช่วยดูอาการให้ แม่พยัคฆ์เมื่อเห็นแววตาที่มีความปราถนาดีอยากช่วยเหลือจึงคลายเกราะออก เมิ่งซีหลี่จึงตรวจอาการบาดเจ็บในร่างกายและส่งพลังตรวจสอบลูกในท้องทันที

"ตัวเจ้าบาดเจ็บหนักสาหัสและร่างกายไม่หลงเหลือพลังในการฟื้นฟูรักษาแล้ว แต่ลูกของเจ้าร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดี ถึงแม้ตอนนี้ร่างกายจะอ่อนแรงจากการพลังหล่อเลี้ยงที่ลดน้อยลงเพราะดีดดิ้นอยากออกจากท้องเจ้า แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก แต่ตัวเจ้าตอนนี้ไม่มีพลังที่จะเบ่งคลอดแล้ว หากเจ้าจะให้ข้าช่วยตอนนี้คงมีแค่วิธีเดียว คือข้าต้องผ่าท้องเจ้าเพื่อช่วยลูกเจ้าออกมา เจ้าจะว่าอย่างไร"เขาบอกตามความจริง

"ช่วย..ช่วยลูกข้า…ผ่าท้องข้าก็ได้"แม่พยัคฆ์ตอบมาเสียงระโหย

"แต่เจ้าจะไม่มีชีวิตอยู่เพื่อเลี้ยงดูลูกของเจ้านะ หากเจ้ารอได้ข้าจะออกไปหาสมุนไพรเพื่อมาฟื้นฟูรักษาเจ้า แต่ข้ารับปากไม่ได้ว่าจะฟื้นฟูได้มากน้อยเพียงใดหรือฟื้นฟูไม่ได้เลย แต่ก็ยังมีหวังอยู่บ้าง เจ้าจะได้อยู่เลี้ยงดูลูกที่เจ้าต้องการปกป้องอย่างไรเล่า"เขาพูดบอกเพื่อให้ความหวังกับแม่พยัคฆ์อีกทาง จริงๆไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเลยสักทีเดียว แต่อีกทางก็ใช่ว่าจะง่ายนักเพราะสมุนไพรฟื้นฟูขั้นสูงที่จะรักษาแม่พยัคฆ์ได้นั้นคงต้องใช้เวลาหาสักหน่อย ซึ่งอาจจะไม่ทันมารักษาแม่พยัคฆ์และลูกเขาเลยไม่พูดออกไปตั้งแต่แรก แต่พอส่งพลังไปสำรวจทั้งแม่พยัคฆ์และลูกพยัคฆ์แล้วก็พบว่าเพื่อลูกตัวนี้แล้ว แม่พยัคฆ์ส่งพลังทั้งหมดของตัวเองให้ลูกจนหมดเลยเป็นสภาพเช่นนี้ เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่คล้ายกับที่ภรรยาเขาปกป้องลูกจนนาทีสุดท้ายของชีวิตเหมือนแม่พยัคฆ์เขาก็อยากจะช่วยจนถึงที่สุดเพื่อให้ลูกพยัคฆ์มีแม่ดูแลปกป้อง ไม่เหมือนลูกเขาที่ไม่มีแม่เลี้ยงดูเหลือเพียงเขาคนเดียวที่ดูแลลูกคนเดียว ซึ่งพ่อจะเลี้ยงดูและเข้าใจลูกเท่าแม่ได้อย่างไร ต่อให้เขาพยายามใส่ใจลูกเท่าไหร่ก็ยังไม่อ่อนโยนเท่าผู้เป็นแม่อยู่ดี หากเลือกได้เขาก็อยากเป็นคนที่ตายแล้วให้ภรรยาเลี้ยงดูลูกมากกว่าตนเองนัก เพราะลูกที่เกิดมานั้นเหมือนแม่ราวกับแกะ น่าจะเลี้ยงดูและเข้าใจกันได้ดี ทำให้เขาประคบประหงมราวกับบุตรีเพราะหลันเอ๋อร์ช่างเหมือนนางในดวงใจเขาเหลือเกิน พอเห็นแม่พยัคฆ์ที่พร้อมจะตายเพื่อให้ลูกรอดแล้ว ช่างทำให้เขานึกถึงภรรยาตนเอง แต่ไม่เหมือนกันตรงที่ภรรยาเขายังเหลือเขาดูแลลูกเมื่อตัวนางตาย แต่พยัคฆ์น้อยที่จะคลอดนี้จะไม่มีใครเลี้ยงดูและดูแลเลย ทำให้เขาเป็นห่วงถึงอนาคตพยัคฆ์น้อยตนนี้นัก

"ขะ...ข้ารู้ขีดจำกัดตัวเองดีท่านนักเวทย์ ต้องให้ท่านหาสมุนไพรมาได้ทัน แต่ตัวข้าคงอยู่ได้อีกไม่นานอยู่ดี ข้า..ขอบคุณท่านมากที่อยากช่วยเหลือข้า แต่ข้าไม่ไหวแล้ว หากท่านนักเวทย์จะเมตตา โปรดจงช่วยดูแลปกป้องไป๋เสี่ยวหู่น้อยของข้าด้วยเถิด ให้เขาได้เป็นสัตว์เวทย์ในพันธะของท่านด้วย"แม่พยัคฆ์เห็นว่าคนตรงหน้าเป็นคนที่ดีมากคนนึง จากการที่พยายามจะช่วยมันทุกทาง แต่ตัวมันเองมีชีวิตอยู่ต่อได้ถึงตอนนี้เพราะคำว่าลูกคำเดียว เมื่อเห็นคนที่จะปกป้องลูกตัวเองได้ มันจึงไม่ลังเลที่จะฝากชีวิตลูกมันไว้ในมือเขาทันที เพราะมันมั่นใจว่าคนตรงหน้าไม่มีวันทำให้ลูกของมันเป็นอันตราย ลูกมันได้ติดตามเขาจะต้องมีชีวิตที่ดีแน่

"ไป๋เสี่ยวหู่งั้นรึ ช่างเป็นชื่อที่ดีนัก และหากเจ้าไว้ใจข้า ข้าจะช่วยดูแลลูกเจ้าเองจะรักและเลี้ยงดูราวกับลูกอีกคนของข้า แต่ข้ามีสัตว์ในพันธะแล้ว หากเจ้าไม่ว่าอะไร ลูกข้า หลันเอ๋อร์อายุห้าขวบ น่าจะอยู่ในช่วงอายุใกล้กันกับร่างทิพย์ของลูกเจ้า จะว่าอย่างไรหากข้าจะขอลูกเจ้าเป็นสัตว์ในพันธะของเขา หลันเอ๋อร์เป็นเด็กดีและว่าง่ายมาก ต้องดีใจแน่ หากมีเสี่ยวหู่น้อยไปเป็นเพื่อนเล่นและพี่น้องเขา"เขาชมอย่างจริงใจ แม่ที่ตั้งใจตั้งชื่อให้ลูกตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลกนั้น ช่างรักลูกยิ่ง เหมือนภรรยาเขาที่ตั้งชื่อให้หลันเอ๋อร์เช่นกัน และเขายังรับปากเรื่องที่แม่พยัคฆ์ขอ แต่ยกเว้นเรื่องให้เป็นสัตว์ในพันธะเพราะตัวเขามีพันธะกับวิหคเพลิงแล้ว คงเหลือแต่ลูกเขาที่ยังไม่มีสัตว์ในพันธะ

"ได้สิ ให้เสี่ยวหู่เป็นเพื่อนและติดตามลูกท่านคงดีไม่น้อย"แม่พยัคฆ์รับคำอย่างดีใจทันที

"เช่นนั้น ข้าจะร่ายเวทย์ความทรงจำเจ้าทุกอย่างลงในแก่นผลึกพลังของเจ้า เพื่อลูกเจ้าได้กินผลึกนั้นจะได้รับรู้ว่าแม่รักเขาเพียงใด และเพื่อให้เจ้ามีเวลาช่วงสุดท้ายจดจำลูกเจ้าด้วย เพราะเวทย์บทนี้จะทำให้เจ้ามีชีวิตต่อจนกว่าทุกความทรงจำจะถูกผลึกจนหมด"

"ขะ…ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณจริงๆ ข้าไม่มีอะไรตอบแทนท่านเลย นอกจากหัวใจพยัคฆ์ที่หลังจากข้าจากไปคงเหลือเพียงร่าง ท่านจงเอาหัวใจ คมเขี้ยว และหนังข้าไปเป็นของตอบแทนเถิด มันน่าจะมีประโยชน์ต่อท่านในสักวัน"แม่พยัคฆ์พูดอย่างยินดี ไม่เสียดายสักนิดที่จะได้ตอบแทนคนตรงหน้า

"หากเจ้าจะให้ งั้นข้าจะเก็บไว้ให้ลูกเจ้า ไว้เป็นสมบัติติดตัวของเขาเพราะเป็นสิ่งที่แม่เขามอบให้ แต่ตัวข้าช่วยเพราะอยากช่วย หาใช่เพราะหวังสิ่งตอบแทนไม่"

"ท่านเป็นคนที่ดีมากจริงๆ เพียงเท่านี้ข้าก็ตายตาหลับแล้ว"แม่พยัคฆ์ยิ้มส่งให้ด้วยความสุขสุดท้าย

"งั้นข้าทำคลอดให้เจ้าเลยนะ"เขาบอกก่อนร่ายเวทย์ผนึกความทรงจำและหยิบของที่จำเป็นออกมาจากแหวนมิติ ก่อนจะโปรยผงยาชาลงไปบริเวณท้องนูนนั้น ก่อนจะใช้กริชเหมันต์กรีดผ่าผิวหนังหน้าท้องลงไปทีละชั้นกล้ามเนื้ออย่างเบามือ เหตุที่ใช้กริชเหมันต์เพราะความเย็นจากกริชจะช่วยทำให้เลือดที่จะไหลออกมาหยุดไหล เขาจึงผ่าผ่านกล้ามเนื้อชั้นสุดท้ายลงไปก่อนจะเห็นถุงน้ำที่มีน้ำคร่ำเหลืออยู่ไม่มาก พร้อมทั้งตัวพยัคฆ์น้อยสีดำที่เหมือนจะลืมตาสีแดงกร่ำมองมาที่เขา ราวกับมองเห็นทางที่มันจะได้ออกจากท้องคับแคบนี่สักที เขาจึงกรีดถุงน้ำคร่ำแล้วคว้าตัวพยัคฆ์น้อยนั้นออกมา จากนั้นก็เอารกที่ติดตัวพยัคฆ์น้อยอยู่ออก แล้ววางพยัคฆ์น้อยลงเบื้องหน้าแม่พยัคฆ์ที่นอนรออยู่อย่างใจเย็น ช่วงที่เขาผ่าคลอดแม่พยัคฆ์ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเลย นั้นจึงเป็นทำให้แม่พยัคฆ์ยิ้มออกมาอย่างสุขล้นเมื่อเห็นลูกพยัคฆ์ตัวน้อยที่กำลังแลบลิ้นเลียหน้าแม่ ก่อนแม่พยัคฆ์จะช่วยเลียทำความสะอาดขนให้ลูกด้วย แต่เมื่อเห็นรกที่วางอยู่ใกล้ๆจึงเอาจมูกดันร่างเล็กของลูกไปทางรกเพื่อให้ลูกกินจะได้แข็งแรงเพราะรกมีพลังเกราะป้องกันหากกินเข้าไปจะช่วยให้ลูกร่างกายแข็งแรงเร็วขึ้น มันจึงอยากให้ลูกกิน เขาเห็นอย่างนั้นเมื่อใส่ยาสมานแผลให้แล้ว จึงอุ้มร่างเล็กของลูกพยัคฆ์ไว้ก่อนจะหันชิ้นรกเล็กๆและค่อยๆป้อนให้กินจนหมด จากนั้นค่อยวางไว้ตรงหน้าแม่พยัคฆ์เช่นเดิม หลังจากกินรกไปพยัคฆ์น้อยก็มีขนสีดำที่เงางามมาขึ้น มาจึงเดินเข้าไปคลอเคลียแม่พยัคฆ์ที่มองทุกการกระทำของมันอย่างเป็นสุข จากนั้นไม่นานแก่นธาตุในร่างของแม่พยัคฆ์ก็มีแสงสว่างแวบออกมาจากอก เป็นเวลาที่แก่นธาตุผนึกความจำทุกอย่างลงไปหมดแล้วควรค่าแก่การลอยออกมาเบื้องหน้าแล้ว แก่นธาตุนั้นลอยออกมาจากอกแม่พยัคฆ์ทั้งที่แม่พยัคฆ์รุ้ตัวว่าจะต้องไปแล้ว ก็ทำเพียงเลียขนลูกแล้วก็ยิ้มส่งให้เท่านั้นก่อนจะเหมือนนอนหลับไปอย่างเหนื่อยล้าเฉยๆ โดยที่ลูกพยัคฆ์ไม่เข้าใจพฤติกรรมเหล่านี้ เห็นแม่หลับจึงทำเพียงเดินไปเอาจมูกดันหน้าแม่ตนหวังปลุกให้ตื่นเท่านั้น เขาที่เห็นอย่างนั้นทำได้เพียงเวทนาในใจ แล้วจึงอุ้มลูกพยัคฆ์ขึ้นแนบอก

"แม่เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว ให้นางพักเถอะเสี่ยวหู่ เจ้ามีนามว่าไป๋เสี่ยวหู่นะแม่เจ้าตั้งให้เจ้า เจ้าจงจำชื่อเจ้าไว้ละ"เขาบอกอย่างเสียงเศร้าๆ เขาไม่ชอบการจากลาการเห็นแบบนี้ทำให้เขาเศร้าใจอยู่บาง

"เจ้าอยากรู้จักแม่เจ้าหรือไม่"เขาถามพยัคฆ์น้อยที่เหมือนจะฟังเขาเข้าใจ เมื่อเห็นหัวเล็กๆนั้นพยักหัวงึกงักสองที เขาจึงหยิบแก่นธาตุที่ได้ผนึกความทรงจำทุกอย่างไว้แล้วมาป้อนให้ร่างเล็กกิน เมื่อร่างลูกพยัคฆ์กินเข้าไปก็มีเรื่องราวทั้งที่เข้าใจและไม่เข้าใจเต็มหัวไปหมดจนมันปวดหัวแล้วครางหงิงๆมุดลงไปกับอกเขา เขาจึงอุ้มกล่อมมันไปมาจนลูกพยัคฆ์นอนหลับไป เขาจึงร่ายเวทย์ควักหัวใจ ตัดคมเขี้ยว และถลกหนังแม่พยัคฆ์เก็บไว้ในแหวนมิติรอวันส่งมอบให้ลูกพยัคฆ์อีกที จากนั้นก็ร่ายเวทย์กลบฝังร่างแม่พยัคฆ์ไว้ในถ้ำพร้อมทั้งร่ายเวทย์ให้รอบๆหลุมศพมีมวลดอกไม้สวยสดเติบโตขึ้น แล้วร่ายเวทย์ปิดปากถ้ำไม่ให้ใครมาเห็นได้ นอกจากเขาและลูกพยัคฆ์นี่ จากนั้นเขาก็กลับมาบ้านอย่างรวดเร็วและแนะนำเสี่ยวหู่ให้หลันเอ๋อร์รู้จักเสี่ยวหู่

"ท่านพ่อไปพบเสี่ยวหู่ที่ใดรึขอรับ แล้วพ่อแม่ของเสี่ยวหู่ละขอรับทำไมไม่มาด้วยกันละขอรับ แล้วเสี่ยวหู่จะอยู่อย่างไรขอรับ"อี้หลันถามสิ่งที่สงสัย ต่อให้เขาดีใจที่จะมีเสี่ยวหู่เป็นเพื่อน แต่ถ้าท่านพ่อพรากเสี่ยวหู่มาจากพ่อแม่ของเขา อี้หลันก็พร้อมจะส่งคืนเสี่ยวหู่ให้พ่อแม่ทันที เพราะเขาเข้าใจ การไม่มีแม่ดูแลนั้นช่างไร้คนที่อ่อนโยนและคนให้ออดอ้อนนัก ต่อให้อี้หลันจะออดอ้อนบิดาได้แต่ก็ไม่เหมือนออดอ้อนมารดาเท่าไหร่ อี้หลันเห็นเด็กที่มีมารดาดูแลเลี้ยงดูในโลกมนุษย์แล้ว เด็กเหล่านั้นมีกับข้าวที่มารดาทำให้กิน มีชุดที่มารดาปักให้ใส่ ล้มก็มีมารดาอุ้มชูขั้นมา แต่ตัวอี้หลันที่มีเพียงบิดาเป็นปรมานจารย์เวทย์นั้น ทุกอย่างในชีวิตง่ายดายเพียงแค่เสกวางไม่ได้อะไรพิถีพิถันทำขึ้นมาเองแบบมนุษย์เลย ทำให้อี้หลันเป็นห่วงความรู้สึกเสี่ยวหู่นัก หากจะต้องไร้ทั้งพ่อแม่เช่นนี้ อี้หลันยอมอยู่คนเดียวตลอดไปซะยังดีกว่าพรากพ่อพรากแม่ของเสี่ยวหู่

"ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดหรอกนะหลันเอ๋อร์…."ซีหลี่จึงเล่าทุกอย่างให้อี้หลันฟัง เพราะเขาสอนลูกด้วยเหตุด้วยผลแบบผู้ใหญ่อยู่แล้ว จึงเล่าทุกอย่างให้ลูกฟัง ซึ่งอี้หลันก็ฟังอย่างตั้งใจและร้องไห้ออกมาเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดของเสี่ยวหู่ กับชะตะกรรมที่เหมือนกับอี้หลัน เพียงแต่เขาโชคดีกว่าที่ยังมีบิดา แต่เสี่ยวหู่ไม่เหลือใครเลย

"งั้นต่อไปนี้เสี่ยวหู่คือครอบครัวอีกคนของหลันเอ๋อร์ เสี่ยวหู่จะเป็นน้องของหลันเอ๋อร์ขอรับ"อี้หลันอย่างหนักแน่นทั้งน้ำตา พร้อมทั้งยกมือเล็กไปลูกหัวเสี่ยวหู่ ทำให้น้ำตาได้หยดลงไปที่เสี่ยวหู่ที่กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ตอนมีมือมาลูบหัว เมื่อรู้สึกได้ถึงหวังดีในมือเล็กนั้นหัวมันจึงดุนๆมือเล็กแล้วก็หลับต่อทันที

"55555 ท่านพ่อ เหมือนเสี่ยวหู่จะตอบรับคำหลันเอ๋อร์ด้วยละขอรับ"อี้หลันบอกอย่างดีใจที่จะมีเพื่อนมีน้องมีครอบครัวเพิ่มขึ้นซะที อยู่กับบิดาสองคนนอกจากเล่นคนเดียว และเรียนกับบิดา อี้หลันก็ไม่ได้ทำอะไรอื่นอีกเลย หากมีเสี่ยวหู่เพิ่มมาเขาต้องมีเรื่องสนุกๆให้ทำอีกมากเป็นแน่

จากนั้นสามวันหลังจากที่เสี่ยวหู่จัดการกับพลังในร่างกายตนได้ก็แปลงร่างจากลูกพยัคฆ์เป็นร่างทิพย์มนุษย์เด็กที่ส่วนสูงไล่เลี่ยกันกับอี้หลัน มีผมสีดำสลวย ดวงตาสีแดงกล่ำ ร่างกายสมส่วนแข็งแรง เมื่อเสี่ยวหู่เห็นตัวเองมีร่างเหมือนกับอี้หลันที่แนะนำตัวว่าจะเป็นครอบครัวให้เสี่ยวหู่และจะเป็นเพื่อนเป็นพี่ให้ขา ตั้งแต่ที่เสี่ยวหู่ลืมตาขึ้นมาที่เรือนไข่มุกนั้น เสี่ยวหู่ก็รับรู้แค่ว่าที่นั้นคือเรือนของเขา ตลอดสามวันมานี้เสี่ยวหู่เห็นร่างเล็กขาวผ่องที่ใบหน้ามีความงดงามที่หากเติบใหญ่ต้องงามล้มเมืองได้แน่ เข้ามากอดมาอุ้มเขาแล้วคอยป้อนข้าวป้อนน้ำเขาช่วงที่พลังเขายังไม่เสถียรและช่วยเหลือตัวเองยังไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาควบคุมพลังในกายจนมีกายทิพย์แล้วจึงดีใจวิ่งไปเปิดประตูแล้ววิ่งไปเรื่อยๆตามสัญชาตญาณที่ได้กลิ่นหอมของดอกไม้ที่เป็นกลิ่นเฉพาะตัวของอี้หลันจึงวิ่งตามกลิ่นไปเรื่อยๆจนกลิ่นชัดมากขึ้นที่ห้องหนังสือที่มีร่างของซีหลี่คนที่ช่วยชีวิตเขาไว้กำลังสอนคัมภีร์อยู่อีกด้านของโต๊ะกับอี้หลันที่กำลังนั่งร่ำเรียนอยู่อีกฝั่ง เสี่ยวหู่จึงเปิดประตุเข้าไปทันที

"อี้หลัน ข้ามีกายทิพย์แล้ว เจ้าดูข้าสิ"เสี่ยวหู่รีบวิ่งเข้าหาร่างขาวทันที ก่อนจะหมุนรอบตัวให้ทั้งสองคนดูอย่างภาคภูมิใจ

"นี่…จะ…เจ้าคือ…สะ..เสี่ยวหู่เหรอ"อี้หลันพูดอย่างตกละลึงร่างเล็กในชุดแดงเพลิงนี่ที่วิ่งเข้ามาหาหน้าตาตั้ง พร้อมยิ้มอย่างดีใจตรงหน้าเขา ดวงตาแดงกล่ำแบบนี้มีตัวเดียวแน่ๆ นี่คือเสี่ยวหู่จริงๆ

"ใช่ ข้าเองขอรับ"

"เสี่ยวหู่ววว เจ้าเป็นมนุษย์แล้ว เย่ๆๆๆ ข้าดีใจที่สุดเลย"อี้หลันกระโดดกอดร่างที่สูงไล่เลี่ยกัน เสี่ยวหู่ออกจะเตี้ยกว่าอี้หลันนิดหน่อยด้วยซ้ำ ทำให้ตัวเซไปนิดตอนอี้หลันกระโดดกอดเมื่อกี้

"5555 ยินดีต้อนรับอีกรอบนะเสี่ยวหู่ เรียกข้าท่านพ่ออย่างที่พี่หลันเอ๋อร์เจ้าเรียกก็ได้นะหู่เอ๋อร์"ซีหลี่เมื่อเห็นทั้งคู่สมัครรักใคร่กันดีก็อารมณ์ดี พร้อมทั้งคิดว่าตัวเองมีลูกเพิ่มอีกคนจึงให้เสี่ยวหู่เรียกเช่นนั้น

"ขอรับท่านพ่อ ขอบคุณท่านพ่อที่ช่วยชีวิตข้า บุญคุณของท่านพ่อ ไป๋เสี่ยวหู่จะมิมีวันลืมขอรับ"เสี่ยวหู่ผละจากอ้อมกอดอี้หลันกอดจะคุกเข่าทั้งสองข้างลงตรงหน้าซีหลี่แล้วโขกหัวลงพื้นเสียงดัง

"เจ้าอย่าคิดมากเช่นนี้หู่เอ๋อร์ ไม่มีใครเป็นหนี้ชีวิตใครทั้งสิ้น เพราะถือว่าพ่อได้ลูกเพิ่มขึ้นมาอีกคน เป็นบุญของพ่อด้วยซ้ำที่มีเจ้า พ่อขอบคุณเจ้านะที่ทำให้ครอบครัวเราสมบูรณ์มากขึ้น"ซีหลี่ก้มตัวลงไปรั้งร่างเล็กของเสี่ยวหู่ขึ้นมา พร้อมทั้งพูดความจริงว่าตลอดสามวันมานี้ตั้งแต่ที่เสี่ยวหู่มาอยู่ด้วยกันก็ทำให้ที่นี่มีความสุขมากขึ้น ทำให้เขากับลูกพูดคุยกันมากขึ้นถึงสิ่งที่อี้หลันรู้สึกและไม่อยากให้เสี่ยวหู่รู้สึกเหมือนตนเอง ทำให้เขารู้ว่าลูกคิดหรือรู้สึกอะไรมากขึ้น โดยปกติหากอี้หลันอยากได้อยากมีอะไร เขาก็ร่ายเวทย์ขึ้นมาให้อย่างง่ายดาย โดยไม่คำนึกถึงความรู้สึกลูกเลยว่าต้องการความใส่ใจที่มากกว่านี้ของเขา จนอี้หลันได้พูดบอกทุกอย่างกับเขา เขาจึงรู้ตัวว่าควรใส่ใจลูกมากกว่านี้ ทำให้ตลอดสามวันมานี้ต่อให้อาหารที่เอาไปป้อนให้เสี่ยวหู่กินจะร่ายเวทย์ขึ้นมา แต่ก่อนหน้านั้นเขากับอี้หลันได้ลงครัวใช้เวลาด้วยกันในการฝึกทำอาหารแล้ว ก็ทำให้เราพ่อลูกเข้าใจในการใส่ใจคนในครอบครัวมากขึ้น เขาจึงพูดขอบคุณเสี่ยวหู่ออกมาจากใจจริง

"ครอบครัวเดียวกัน จะติดหนี้กันทำไม เจ้าห้ามคิดอย่างนี้อีกนะเสี่ยวหู่ นี่คือคำจากท่านพี่ของเจ้าบอกละ จงจำเอาไว้ด้วยล่ะ"อี้หลันบอกออกมาก่อนจะเดินเข้าไปกอดท่านพ่อพร้อมทั้งรั้งร่างเสี่ยวเข้ามาในอ้อมกอดท่านพ่อด้วยกัน

"ขอรับท่านพ่อ พี่หลันเอ๋อร์"เสี่ยวหู่ตอบรับออกมาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ก่อนจะกอดตอบทั้งสองคน

"แล้วเสี่ยวหู่หิวมั้ย กินอะไรมั้ย เดี่ยวพี่กับท่านพ่อจะทำอะไรให้กินละ"

"ห๊ะ อาหารที่ข้ากินท่านทั้งสองทำรึขอรับ อร่อยมากเลย"เสี่ยวหู่ถามอย่างตกตะลึง

"ไม่ใช่หรอก นั้นร่ายเวทย์เอานะ"อี้หลันตอบหน้านิ่งๆ

"อ้าว…"เสี่ยวหู่ทำหน้าเหวอ อ้าปากค้างอย่างงงใจ สรุปยังไง

"ก็พี่กับท่านพ่อฝึกทำอาหารให้เจ้า แต่มันกินไม่ได้ เลยได้เสกเอาไง"อี้หลันอธิบายพร้อมส่งยิ้มแห้งๆไป

"อ่อ…"เสี่ยวหู่ทำหน้าเข้าใจพร้อมลูบอกตัวเองอย่างเบาใจ

"เดี่ยวนะ…ท่าทางเช่นนี้หมายความว่ายังไง เจ้าไม่อยากกินฝีมือข้ากับท่านพ่อรึ"อี้หลันแกล้งทำเสียงเข้มขึ้นเมื่อเห็นท่าทางเบาใจนั้นก็อยากแกล้งขึ้นมา

"ปะ..เปล่าขอรับ ข้าอยากกิน แต่พวกท่านทำอาหารเป็นรึขอรับ"

"ไม่เป็นอะ"อี้หลันตอบตอบสัตย์จริงที่เขากับพ่อไม่เคยทำอาหารเลย ไม่เคยเห็นคนทำด้วย เพราะที่นี่ร่ายเวทย์ขึ้นมาตั้งแต่ที่อี้หลันจำความได้แล้ว

สรุปวันนั้นสองพี่น้องหมาดๆก็แกล้งกันหน้านิ่งเถียงกันไปมาจนบิดาที่เป็นบิดาลูกสองหมาดๆ ได้แต่หัวเราะแล้วร่ายเวทย์อาหารและขนมขึ้นมามากมายสังสรรค์วันครอบครัวด้วยใจที่ปิติทั้งสามดวง

อ่านแล้วชอบไหม เพิ่มในคลังหนังสือเลยสิ!

mmmintmintcreators' thoughts