webnovel

บทนำ

ในห้องทำงานที่มืดสลัว แสงอาทิตย์เล็ดรอดจากช่องมู่ลี่เข้ามาเผยให้เห็นร่างสูงในชุดสูทกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ ดวงตาคมทอดมองเอกสารสำคัญด้วยสีหน้ายากจะคาดเดา คิ้วขมวดเข้าหากันขณะกวาดตาอ่านตัวอักษรแต่ละบรรทัด เสียงเครื่องปรับอากาศดูเงียบไปถนัดตาราวกับรู้ว่าเจ้าของห้องอยู่ในอารมณ์ไหน

หลังอ่านจบ 'อาคเนย์' ขมวดคิ้ว เคาะท้องนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ กำลังชั่งใจว่าจะทำยังไงกับรายชื่อคนในเอกสาร ความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาจนต้องหลับตาและคิดให้ถี่ถ้วน เพราะถ้าพลาดไปอาจหมายถึงการเดินทางต้องจบลง จู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเรียกให้เขากลับมาอยู่กับปัจจุบัน

ดวงตาสีนิลปรือขึ้นก่อนมือหนาจะหย่อนกระดาษเข้าเครื่องทำลายเอกสารเพื่อปัดเรื่องเครียดให้พ้นตัว—ชั่วคราว เขาส่งเสียงทุ้มนุ่มตอบรับให้คนที่อยู่หน้าห้องเข้ามาพร้อมกดรีโมตเปิดไฟให้สว่าง

พนักงานสาวคนหนึ่งถือถาดอาหารเช้ามาให้ ชายหนุ่มพูดขอบคุณโดยสายตายังไม่ละจากเอกสารกองใหม่ บ่งบอกถึงนิสัยกระตือรือร้นในการทำงานเป็นอย่างมากซึ่งดูมากเกินไปในสายตาพนักงาน ร้อนถึงคนที่เข้ามาต้องบอกให้กินก่อนเนื่องจากเป็นห่วงสุขภาพผู้เป็นนาย

อาคเนย์จุดยิ้มบาง กล่าวขอบคุณอีกครั้งก่อนจะยกกาแฟขึ้นจิบอย่างช้า ๆ บรรยากาศอบอุ่นที่โอบรอบตัวเขาอย่างไม่ทราบสาเหตุทำเอาพนักงานเขิน เธอว่าเจ้านายหน้าตาดีจนทำให้คนหลงแล้ว ยิ่งเห็นมารยาทก็ยิ่งตกหลุมรัก มิน่าพนักงานคนอื่นถึงแย่งจะเอาอาหารมาเสิร์ฟถึงโต๊ะทุกวัน ที่แท้เพราะได้อาหารตาดี ๆ นี่เอง

เจ้านายหนุ่มรับรู้ว่าตนถูกแอบมองอยู่นาน ริมฝีปากได้รูปจึงเปรยขึ้นวานอีกฝ่ายให้ไปเดินเอกสารแทนตน หญิงสาวที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารตรงหน้าลอบถอนใจ แม้เธอจะอยากอยู่มองเขาอีกหน่อยแต่ก็จำใจโบกมือลาเพราะหน้าที่สำคัญกว่า

อาคเนย์หันกลับมาสนใจงานของตนหลังจากมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายพ้นประตูไป เขานั่งอ่านประวัตินักศึกษาฝึกงานที่เป็นลูกชายประธานบริษัทฯ สมัครมาเอง ไม่ว่าคิดยังไงก็น่าประหลาดใจที่คนเป็นลูกอยากมาฝึกงาน สมบัติครอบครัวก็มีถึงขนาดที่ว่ากิน ๆ นอน ๆ ยังสบายไปทั้งชีวิต ไม่รู้ว่าคิดยังไงอยู่หรือว่า...จะมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไรบางอย่าง อาคเนย์หรี่ตาลงคล้ายจับผิดขณะกวาดตามองชื่ออีกฝ่าย

เขาเองก็ไม่เคยรู้จัก 'วลัญช์ ดุลยภาธรณ์' ลูกชายประธานฯ มาก่อน เพราะเขาไปเรียนที่ต่างประเทศและเพิ่งกลับมา รายละเอียดในเอกสารสมัครงานก็เหมือนคนทั่วไปทำให้ไม่มีอะไรน่าสนใจ เพียงแต่รูปที่ติดบนเอกสารเป็นชายหนุ่มหน้าตาพริ้มเพรา ดูสะดุดตาแม้จะเป็นรูปจากบัตรนักศึกษาที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่ายากที่จะออกมาดูดี แต่เขากลับทำให้คนอย่างอาคเนย์หยุดมองได้

มุมปากหยักจุดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ ราวกับเป็นปฏิกิริยาปกติของทุกคนที่เมื่อเห็นเด็กคนนี้จะต้องยิ้ม แม้จะไม่หล่อน่ารักเหมือนดาราเกาหลีที่เพอร์เฟ็กต์แต่ยิ่งมองยิ่งทำให้คนดูรู้สึกพึงใจ ไม่รู้ว่าเป็นความสามารถพิเศษหรือไม่...แต่ใครจะรู้ยิ่ง หมาป่าอาจจะห่มหนังกระต่ายมาต้อนรับเขาก็ได้

อาคเนย์เลื่อนสายตามองนาฬิกาข้อมือเพราะรู้ว่าคนในเอกสารจะต้องเข้ามาพบตนในเวลาอันใกล้ กำลังจะลุกขึ้นเพื่อไปเตรียมการต้อนรับแต่เสียงมือถือก็ดังขัดจังหวะขึ้นก่อน เหลือบเห็นชื่อปลายสาย ดวงตาไหววูบครู่หนึ่ง กำลังชั่งใจว่าจะรับดีหรือไม่ แต่อีกใจก็ไม่อยากพลาดโอกาสสำคัญไป หลังจากปล่อยให้มันแผดเสียงอยู่นานจึงรับสายในที่สุด

[คุณอาคเนย์ รายชื่อที่ผมส่งให้ไปจะมีรายละเอียดมาเพิ่มอีกนะครับ] ปลายสายกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ

"อืม พยายามหารายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับ 'เรื่องนั้น' ให้ได้มากที่สุด"

[รับทราบครับ]

"อยู่ในไทยหรือว่าที่ไหนก็ตามในโลกใบนี้ ตามหาให้เจอ"

[ครับ]

"ถ้ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาก็อย่าลืม...ส่งแขกให้เงียบที่สุด"

[รับทราบครับ จะไม่ทำให้ผิดหวัง]

ขณะที่กำลังสั่งงานลูกน้อง ชายหนุ่มเลือกจะหันหน้าเข้าหาหน้าต่าง ทอดมองวิวข้างหน้าอย่างมีมาด ไม่รู้ตัวเลยว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องเงียบ ๆ

'วลัญช์' ว่าตนเคาะประตูเสียงดังก่อนเข้ามาแล้ว แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังยืนคุยโทรศัพท์ เขาก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่จ้องแผ่นหลังภายใต้ชุดสูทสีสุภาพขยับไปมา ท่าทางของเขามองจากด้านหลังแล้วดูทรงพลังแต่กลับนุ่มนวลอ่อนโยน สะกดสายตาจนไม่ทันได้รับรู้ถึงบทสนทนาในโทรศัพท์

เจ้าของร่างสูงเหมือนจะรับรู้ว่ามีคนอยู่ด้านหลังจึงค่อย ๆ หันมา เมื่อเห็นว่าเป็นชายหนุ่มก็ส่งยิ้มให้ เขายังคงพูดคุยกับปลายสายด้วยท่าทางปกติ ๆ สบาย ๆ เป็นวลัญช์ที่ประหม่าเสียเองเพราะเมื่อสบตากลับพบว่าผู้จัดการคนนี้หน้าตาหล่อ ดูภูมิฐาน ไม่เหมือนคนอายุใกล้เข้าเลขสาม ทั้งสีหน้า ท่าทาง บุคลิกดูดีจนจับใจของเขาเข้าอย่างจังแม้อีกคนจะวางสายและหันมาพูดกับเขาแล้ว วลัญช์ก็ยังคงจ้องราวกับถูกตรึงไว้

"คุณลัญช์" มีเพียงความเงียบที่โต้ตอบกลับไป...เขาตะลึงค้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเพราะไม่เคยเจอใครหน้าตาดีขนาดนี้ในชีวิต

"คุณลัญช์" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยชื่อคู่สนทนาอยู่สองถึงสามครั้ง หนุ่มตัวเล็กกว่าจึงได้สติคืนกลับมา เรียกเสียงหัวเราะเอ็นดูจากคนอายุมากกว่า ดวงตาของเขาฉายแววพึงใจปนขบขันเล็กน้อยที่ได้เห็นปฏิกิริยานั้น เหมือนผู้ใหญ่มองเด็กทำไอศกรีมตกแต่ก็ควักเงินซื้อใหม่ให้ วลัญช์อายจนทำอะไรไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายจับได้ว่าเขาแอบมอง

"ขอโทษครับ คุณผู้จัดการ ผม..." พูดแล้วได้แต่อึกอัก มองซ้ายมองขวาหาตัวช่วย ถึงเขาจะเป็นลูกน้องของพ่อและวลัญช์เองก็เป็นถึงลูกชายที่มีอภิสิทธิ์อะไรหลายอย่าง แต่กลับโดนจับได้ว่าไปแอบมองลูกน้องพ่อ ทำเหมือนตัวเองไม่เคยมีเพื่อนหน้าตาดีในแวดวงไฮโซ บ้าจริง ๆ อยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี

"ผมชื่ออาคเนย์ คุณคงเป็นคุณวลัญช์ที่จะมาฝึกงานที่บริษัท"

"ครับ" วลัญช์ปรับลมหายใจให้เป็นปกติแล้วพูดออกไป ถ้ามองผู้ใหญ่นอกบริษัทจะไม่ว่าเลยเพราะฝึกงานเสร็จก็ต้องลาจาก ทำไมต้องเป็นคนในบริษัทที่อาจจะได้เจอกันอีกแม้จะเรียนจบไปแล้วด้วย

"เชิญคุณนั่งก่อน"

เขารีบนั่งลงทันที พยายามทำใจให้นิ่ง ไม่จ้องมองมาก แต่เหมือนยิ่งฝืน มันยิ่งมอง ดูท่าทางอีกฝ่ายจะรู้ตัวด้วยว่าเขาแอบมองด้วยความหลงใหลเพียงใด มันแอบหมั่นไส้เขาที่ยังอธิบายงานด้วยสีหน้าปกติแกมระรื่นได้อยู่ แต่ท่าทางตอนพูดก็ดูดีชวนมอง พูดเสียงนุ่มทุ้มจริง ๆ คงเป็นนิสัยของเขาด้วยนั่นล่ะ หมั่นไส้!

"ผมอ่านประวัติคุณลัญช์แล้ว น่าสนใจมากทีเดียวที่คุณอยากฝึกงานบริษัทของพ่อ ต้องพูดว่าสมัยนี้คนรวย เขาไม่ค่อยให้ลูกหลานฝึกงานกันแล้ว เพราะจบมาก็ได้บริหารงานต่อจากครอบครัวแต่ผมว่าคุณแตกต่างออกไป การจะเป็นผู้บริหารได้ต้องรับรู้ขั้นตอนการทำงานตั้งแต่เล็กไปจนใหญ่จึงจะบริหารได้ถูกจุด ที่สำคัญยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ในที่ทำงาน"

ท่าทางพูดแบบเป็นการเป็นงานแต่ดูสบาย ๆ ทำเอาเขาเผลอพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย

"ดังนั้นผมจึงอยากแนะนำให้คุณเรียนรู้และเก็บเกี่ยวทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ในช่วงฝึกงาน เพราะในอนาคตมันจะมีประโยชน์กับตัวคุณแน่ ๆ ..." เขาเงยหน้าขึ้นก่อนส่งยิ้มบางเบาให้ วลัญช์มองเห็นออร่าเทพบุตรออกมาจากตัวเขาก่อนมันจะดับวูบเมื่อได้ฟังประโยคถัดมา

"อย่างนั้นขอเริ่มจากงานง่าย ๆ ก่อน คุณลัญช์ช่วย Extract โฟลเดอร์นี้ออกเป็นสี่สิบไฟล์ เปลี่ยนชื่อไฟล์เป็นชื่อลูกค้าตามลำดับในกระดาษ รันไฟล์ดูเพื่อเช็กความถูกต้องของข้อมูล จากนั้นใส่รายชื่อเข้าในไฟล์ตามแต่ละชื่อ ส่งเมลล์ให้แผนกการตลาดและแผนกขายให้ที" ฟังถึงครึ่งหนึ่ง วลัญช์ก็ตาค้าง

บ้าไปแล้วเหรอ เขาเพิ่งเป็นนักศึกษาฝึกงานแต่งานแรกก็ยัดมาสามสิบสี่สิบไฟล์เลยเนี่ยนะ เท่าที่รู้มา ข้อมูลลูกค้าคนหนึ่งใช้เวลาดูเกือบสิบถึงสิบห้านาที นี่มีถึงสี่สิบไฟล์ ไหนจะต้องจัดการอย่างอื่นที่ให้มาด้วยอีก วันนี้มันจะเสร็จไหมนี่

อาคเนย์ทำท่าจะก้มลงไปทำงานอย่างอื่นเพราะหมดธุระจะคุยแล้วแต่ก็เงยหน้าขึ้นมาพูดด้วย

"ปกติงานนี้ใช้เวลาทำประมาณสองวัน แต่ผมว่าคนเก่งเรื่องคอมพิวเตอร์และถนัดเรื่องการจัดการอย่างคุณทำวันเดียวก็เสร็จ" ไม่ว่าเปล่ายังปิดท้ายด้วยการส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

รอยยิ้มเป็นมิตร? รอยยิ้มเป็นมิจฉาชีพล่ะสิไม่ว่า! นี่เขาจงใจมัดมือชกให้งานเสร็จในวันเดียวหรือเปล่า

ใครมันจะไปทำงานนี้เสร็จในวันเดียว ขนาดพนักงานยังใช้เวลาตั้งสองวันในการทำแถมเขาก็ไม่รู้ขอบเขตของงานไปมากกว่าคำอธิบายในกระดาษสั้น ๆ ที่แนบมา ผู้ใหญ่คนนี้เหลือเกินเหมือนเป็นซาตานในคราบนักบุญเลย รังแกเด็กไม่มีทางสู้!

วลัญช์ทำสีหน้าเครียดครู่หนึ่งก่อนจะขอตัวออกจากห้อง แต่ในจังหวะที่จะออกไปนั้น คนข้างหลังก็พูดขึ้นทั้งที่ก้มหน้าง่วนกับงานอยู่

"ระวังหัวกระแทกประตูนะ คุณหนู"

ปึง! ยังไม่ทันจะขาดคำ หัวน้อย ๆ ก็ชนเข้ากับประตูเพราะไม่ได้มองทาง มัวแต่กังวลกับงาน

"โอ๊ย!!" โชคดีนะที่ชนเบา ๆ ถ้าชนแรง ๆ จนหัวบุบ เขากะจะให้พ่อไล่ผู้ใหญ่คนนี้ออกไปเลยเพราะเตือนช้าเหลือเกิน วลัญช์คลำหัวตัวเองป้อย ๆ หันไปมองคนเตือนด้วยตาเขียวปั๊ด พอดีกับที่พนักงานคนหนึ่งเดินสวนเข้ามาพอดี

"คุณวลัญช์ มายืนทำอะไรตรงนี้คะ" เธอถามด้วยความสงสัย

"ปะ...เปล่าครับ ผมกำลังจะออกไป แต่คุณเปิดประตูเข้ามาก่อน" นักศึกษาหน้าตาน่ารักว่ากำหมัดแน่นเข้า ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะเอ็นดูแกมหยอกล้อของผู้ใหญ่ตามมาเขายิ่งไม่สบอารมณ์

"อ๋อ ค่ะ" เธอว่าก่อนจะโค้งให้แล้วเดินไปหาผู้จัดการ

"ขอตัวนะครับ" ว่าจบก็ออกไปทันทีราวกับมีธุระสำคัญ

พนักงานที่เอาเอกสารเข้ามาเมื่อเห็นผู้จัดการยกยิ้มเหมือนอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัดก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาส่ายหัวตอบเสียงเรียบ ๆ พลางเอื้อมมือมาหยิบเอกสารไปเซ็น ใบหน้าเปื้อนยิ้ม

"แค่หุ้นที่ซื้อไว้ทำกำไรได้น่ะ อย่าสนใจเลย"