webnovel

ครุฑาจอมราชันย์

ครุฑาจอมราชันย์เป็นนวนิยายแนวกำลังภายในแฟนตาซีอิงประวัติศาสตร์ไทยในช่วง พ.ศ.2470 คาบเกี่ยวไปถึงห้วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเนื้อเรื่องจะเล่าถึงตัวเอกที่มีชื่อว่าธีรพล ชายชาวไทยเชื้อสายจีนผู้ได้รับอัตลักษณ์พลังสถิตรูปพญาครุฑนามว่าสุบรรณมาตั้งแต่กำเนิด ในวัยเด็กนั้นเขาได้ถูกไล่ล่าโดยกลุ่มองค์กรลึกลับซึ่งแท้ที่จริงแล้วก็คือ พรรคภูติราชันย์ ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นพรรคผู้ร่วมก่อตั้งของภาคีซันเหอหรือที่ชาวไทยรู้จักกันในนามว่าอั้งยี่ที่ดำรงอยู่คู่กับสังคมไทยมากว่าหนึ่งร้อยสิบแปดปี แต่ด้วยความคิดจะตั้งตนเป็นเจ้าในแผ่นดินสยามจึงได้ถูกพรรคบัวมารมรกต หรืออีกหนึ่งพรรคก่อตั้งตลบหลังให้ความร่วมมืออย่างลับๆกับทางการ จนเป็นผลให้พรรคภูติราชันย์ถูกกวาดล้างไปจากแผ่นดินสยามในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ในเวลาต่อมา แม้ทางภาคีซันเหอจะคาดคิดว่าพรรคภูติราชันย์ได้หายสาบสูญไปสิ้นแล้วก็ตาม แต่เมฆผู้เป็นบิดาของธีรพลก็ได้ไปค้นพบหลักฐานของการดำรงอยู่ของพรรคภูติราชันย์เข้า จนส่งผลให้ทั้งตัวเขารวมไปถึงลี่ผู้เป็นภรรยาและธีรพลในวัยสี่ขวบถูกติดตามฆ่า จนในที่สุดเมฆและลี่ก็ถูกหนึ่งในขุนพลของอีกฝ่ายสังหารลง แต่สำหรับธีรพลที่ได้รับความช่วยเหลือจากทองใบเกลอคนสนิทของเมฆไว้นั้นก็สามารถหลบหนีมาใช้ชีวิตอย่างสงบได้ที่เวียงพิงค์ อีกกว่าสิบห้าปีถัดมา ธีรพลในวัยฉกรรจ์ที่ได้รับการฝึกฝนมวยไทยอย่างหนักจากทองใบก็ต้องพบกับเรื่องราวที่ทำให้เขาได้รู้จักกับพลังงานชีวิต พลังงานธาตุ และอัตลักษณ์พลัง จนนำไปสู่การค้นพบสุบรรณในที่สุดซึ่งก็ทำให้เขาได้พัฒนาฝีมือขึ้นตามลำดับขั้น ด้วยโชคชะตาที่ทำให้ชีวิตเขาต้องเข้าไปผัวพันกับภาคีซันเหอ องค์กรใต้ดินที่มีอิทธิพลสูงสุดในสยามประเทศ ธีรพลก็จึงได้เข้าไปอยู่ท่ามกลางการแข่งขันทางการค้าที่ผิดกฎหมาย และต้องต่อสู้กรุยทางเพื่อสร้างพรรคของตนให้มีอิทธิพลอำนาจสูงขึ้นในภาคีและตามล่าหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์การสังหารครอบครัวของเขา ในขณะเดียวกันเขาก็ได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับชะตากรรมของชีวิตผู้คนในพิภพสหัสดาราที่ซึ่งเป็นโลกคู่ขนานต่างมิติกับโลกมนุษย์ ที่ความโกลาหลได้บังเกิดขึ้นทั่วทุกแห่งหนอันสืบเนื่องมาจากพระราชาองค์ปัจจุบันได้สิ้นพระชนม์ลง จึงทำให้บรรดาเผ่ามนุษย์ที่เคยสมัครสมานสามัคคีกันได้แปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นแสวงหาอำนาจต้องการตั้งตนเป็นใหญ่ และที่สำคัญที่สุดเผ่าพันธุ์อสูรที่เคยถูกสยบอยู่กว่าสองพันปีก็ได้โอกาสอันดีเริ่มเคลื่อนไหวรุกรานอาณาจักรต่างๆอีกครึ่ง แต่ด้วยความช่วยเหลือจากผู้ที่ยังจงรักภักดีต่อราชวงศ์ทิตยะ ก็ทำให้ธีรพลได้พบกับแม่ทัพใหญ่อัศวเมธ ซึ่งในเวลาต่อมาก็ได้อ้อนวอนขอให้เขาช่วยเหลือตามหาองค์ชายราวินทร์ที่หายสาบสูญไปจากพิภพสหัสดารา ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วหลังจากธีรพลออกค้นหาอยู่ภายในโลกมนุษย์ได้สักระยะหนึ่งก็ได้พบกับองค์ชายราวินทร์และช่วยกันกำจัดพรรคภูติล้างวิญญาณซึ่งมีตัวการใหญ่ก็คือจอมเวทย์บุศัยยะ ผู้ที่แฝงตัวเข้ามายังโลกมนุษย์เพื่อเก็บเกี่ยวพลังงานธาตุจากอัตลักษณ์พลัง และที่สำคัญก็คือจอมเวทย์ผู้นี้เองเป็นผู้ที่สั่งการฆ่าครอบครัวของเขา เมื่อไม่มีจอมเวทย์บุศัยยะคอยบงการ พรรคภูติราชันย์จากที่จะสามารถล้มล้างภาคีซันเหอซึ่งเป็นศัตรูสำคัญลงได้และกำลังจะดำเนินแผนการยึดครองสยามประเทศ ก็ได้ถูกธีรพลซึ่งในขณะนั้นได้ขึ้นเป็นผู้นำภาคีพลิกสถานการณ์เข้าจัดการจนสามารถล้มจอมราชันย์ของพรรคลงได้ และทำลายแผนการอันชั่วร้ายของพรรคภูติราชันย์ทั้งหมด จากนั้นธีรพลก็ได้กลับไปยังพิภพสหัสดาราเพื่อช่วยเหลือองค์ชายราวินทร์ รวบรวมคนจากเผ่ามนุษย์ เผ่าปักษา เผ่านาคาและเผ่าสัตว์เทพเข้าต่อกรกับเผ่าอสูรที่จอมเวทย์บุศัยยะบงการอยู่ เพื่อขัดขวางการปลุกชีพจอมมารรามสูรที่เคยอาละวาดเมื่อราวสองพันปีก่อนลง ซึ่งด้วยพันธมิตรที่แข็งแกร่งและความเก่งกาจของธีรพลที่มีอัตลักษณ์พลังสถิตอยู่ด้วยกันถึงห้าตน ก็ทำให้เขาสามารถสังหารจอมเวทย์บุศัยยะผู้เป็นตัวการพรากชีวิตของบิดามารดาเขาลงได้และสามารถช่วยเหลือพิภพสหัสดาราไว้ได้ในที่สุด

Thanakorn_Pinchai · Fantasía
Sin suficientes valoraciones
23 Chs

ตอนที่ 3 : ฝันร้าย

โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เมฆพลันเร่งเร้าพลังชีวิตในกายอีกรอบ พุ่งนำหน้าทองใบที่ตามหลังเยื้องห่างออกไปเล็กน้อย ร่างเมฆขยับซ้ายโยกขวาจากเดิมที่มีเพียงหนึ่ง พลันพร่าเลือนออกไปเป็นถึงสาม อีกทั้งแต่ละร่างยังยืดหดเร็วช้าต่างกันด้วยจังหวะเคลื่อนที่ที่แทบจะคาดเดาไม่ออก

เงาร่างสายที่หนึ่งเคลื่อนห่างออกไปทางเบื้องซ้ายของศัตรู ท่าเท้าพุ่งกราดกวาดเตะไปยังขาทั้งสองข้าง

เงาร่างที่สองกลับล้าหลังเล็กน้อยเบี่ยงเบนไปทางซ้าย เงื้อง่าหมัดแต่ไกลเล็งเป้าโจมตีที่ใบหน้า

ส่วนเงาร่างสุดท้ายจากพลิกผันเป็นทื่อด้านมุ่งปะทะเข้าตรงหน้า สองฝ่ามือบิดคว้างจนบังเกิดเป็นเกลียวพายุลูกใหญ่ส่งออกไปยังทรวงอกของอีกฝ่าย

หากเป็นผู้อื่น เมื่อต้องพบกับร่างมายามากมายเช่นนี้ คงต้องมีมือไม้ปั่นป่วน คาดเดาไม่ออกว่าร่างใดจริงร่างใดเท็จ เป็นผลทำให้วางแผนรับมือผิดพลาดคลาดเคลื่อนไป แต่เรื่องดังกล่าวกลับไม่ส่งผลกระทบใดๆกับศัตรูรายนี้เลยแม้แต่น้อย

ทึบ! ทึบ! ทึบ!

ชายรองแม่ทัพเงื้อหมัดต่อยลมอัดกระแทกสามครั้งคราติด ห้วงอากาศที่เบื้องหน้าก็พลันบิดเบี้ยวบังเกิดแรงดันมหาศาลสามจุด พลังทำลายล้างอันบ้าคลั่งของกระทิงเปลี่ยวพลันอัดกระแทกเข้าใส่เงาร่างทั้งสามสายจนสลายสิ้นไม่เหลือแม้แต่เงา

"ว่องไวดี แต่ก็ยังช้าไป" ชายคนดังกล่าวเอ่ยขึ้น ในขณะที่หันหลังกลับไปเงื้อหมัดต่อยใส่อากาศธาตุว่างเปล่าที่เบื้องหน้า

เพียงชั่วพริบตาเดียว ร่างเมฆที่แท้จริงก็พลันปรากฏขึ้นในตำแหน่งดังกล่าวอย่างน่าอัศจรรย์ แม้จะพบว่าผิดท่าที่ศัตรูสามารถค้นพบท่าสังหารที่แท้จริงได้ แต่ท่าเท้านี้ก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ตอนนี้มีเพียงแต่ต้องหวังเพิ่งพาความไวที่เหนือธรรมชาติเร่งฟาดเตะลงที่ก้านคอของอีกฝั่งเท่านั้น

ท่าเตะแฝงเกลียวคลื่นลมแหลมคมสองสาย ธรรมดาหากถูกโดนเป้าหมายเข้าอย่างถนัดถนี่ คู่มือต้องมีไม่สลบล้มตายคอพับคาที่ ก็ต้องกระดูกคอแตกหักในบัดดล แต่นี้ไม่แม้แต่จะสามารถเข้าใกล้ตำแหน่งจุดตายที่หวัง ท่าเท้าของเมฆก็ต้องเจอเข้ากับหมัดดุ้นๆอันทื่อด้าน ที่เป็นส่วนผสมทั้งความแข็งแกร่งและความเร็วเข้าด้วยกัน หากจะพูดว่าท่าหมัดนี้เข้าขั้นระดับภูตเทพบันดาลก็ไม่ผิดเพี้ยนแต่อย่างใด

ท่าหมัดยังไม่ทันบรรลุถึง แรงดันอากาศที่ถูกบีบอัดพลันพุ่งเข้าปะทะท่าเท้าเมฆจนบังเกิดเสียงดังโครมใหญ่ แม้จะถูกลดทอนพลังไปโข แต่ท่าเท้าไม้ตายของเมฆก็ยังยอดเยี่ยมยิ่ง พุ่งทะลุแรงดันอันมหาศาลนั้นมาได้

แต่ยังไม่ทันได้ขยับคืบหน้า พลังกำปั้นที่ตามติดมา ก็พุ่งเข้ากระแทกเกลียวคลื่นทั้งสองเข้าอย่างจัง จนบังเกิดเป็นสภาวะคลื่นเสียงสะท้อนกระแทกห่าฝนในรัศมีกว่าสี่วาจนแตกกระเจิง

ป๊ง!

ราวกับเตะใส่แท่งเหล็กก็มิปาน หลังเสียงสนั่นหวั่นไหว ร่างของเมฆก็พลันหมุนบิดลอยคว้างตกไถลครูดหน้าดินที่เบื้องหลังทิ้งรอยลึกเป็นทางยาว

บนหน้าแข้งขวาปรากฏรอยปริแตกเห็นกระดูกขาวโพนอยู่รำไร เลือดสดไหลปรี่ออกมาแลดูน่าสยดสยองยิ่งนัก

ทางด้านหลัง ทองใบที่ตามติดมา แม้จะเห็นเมฆเจ็บหนักแต่ก็ไม่อาจตัดใจละทิ้งภารกิจที่เบื้องหน้า และในยามนี้เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือตัวฉกาจ ก็มีแต่ต้องทุ่มเทสรรพกำลังสรรพปัญญาเข้าหักหาญ ทั้งหมดถึงจะพอมีโอกาสรอดชีวิตจากไป ความหวังทั้งมวลจึงมาตกอยู่กับเขา

เมื่อรู้ว่าไม่อาจใช้กำลังลำพังส่วนตัวเข้าหักหาญได้ ทองใบก็พลันเร่งเร้าพลังงานชีวิตภายในกายผนวกเข้ากับพลังงานธาตุอันเข้มข้นจากอัตลักษณ์พลังสถิตที่ตนเพิ่งได้รับมาเมื่อไม่นานมานี้ในทันที

คลื่นไอเย็นในกายพลันแผ่กำจายออกอย่างไม่อาจเหนี่ยวรั้งควบคุม ร่างทองใบพุ่งทะยานกระโดดพุ่งเข้าหาศัตรู แขนทั้งสองแนบชิดหน้าอก มือหงายออกประกบกันเป็นกำปั้นคู่ ส่วนขาทั้งสองก็อยู่ในท่าคุดคู้งอเข่าแนบชิดติดกัน พุ่งเข้าหาทรวงอกของอีกฝ่าย

"นกคุ้มเข้ารัง"

ทองใบกู่ร้องปลดปล่อยความอัดอั้นออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เงาร่างพลันมีพลังงานชีวิตถักทอประกอบเป็นเส้นสายรูปมหิงสาตัวเขื่อง กระโจนเข้าหาคู่มือหมายเอาเขาแหลมพุ่งเสียบให้ดิบดิ้นในท่าเดียว

ด้านฝ่ายตรงข้ามที่เหมือนจะรับรู้การมาถึงของทองใบอยู่แล้ว ก็พลันเคลื่อนถอยห่างออกสองก้าวอย่างฉับไว ร่างประกบรวมกลืนหายกลายเป็นเงากระทิงตัวสูงใหญ่กว่ามหิงสาราวศอกเศษ

"เคลื่อนคีรี"

กระทิงตัวดังกล่าวตะกุยขาหน้าพ่นลมหายใจครืดคราด พุ่งสวนเข้าตอบโต้แบบใช้แข็งชนแข็ง

เปรี้ยง!

เสียงดังครืนใหญ่ก้องกังวานสะท้านทั่วทั้งบริเวณ แรงปะทะส่งร่างของทองใบลอยกระแทกทะลุเข้าโกดังไม้ที่ด้านหลังจนหายลับไป

ส่วนด้านชายรองแม่ทัพที่สภาพดีกว่า เพียงแค่ถอยครูดพื้นไปเพียงสองวา ท่าร่างยังทรงกายมั่นไม่ล้มลงแต่อย่างใด

"ลี่รีบไป!"

เสียงเมฆตะโกนหนุนส่งเสียงดังสะท้าน

ลี่และธีสองแม่ลูกที่อาศัยช่วงจังหวะชุลมุน หลีกเร้นกายจากชายยอดฝีมือ หลบลงคันดินผ่านขึ้นสะพานไม้ ก้าวเท้าวิ่งอย่างสุดชีวิตมุ่งไปยังเรือประมงขนาดห้าวาที่กำลังเข้าเทียบท่าตามที่ได้นัดแนะกันไว้

"เอ๊ะ!"

เสียงอุทานพลันดังขึ้น ในขณะที่ชายรองแม่ทัพเหลือบไปพบตำแหน่งของทั้งสองแม่ลูกเข้า

"อยู่ที่นี่แหละ"

เขาแสยะยิ้มอย่างอำมหิต ร่างเคลื่อนเข้าหามีดอาบยาพิษยาวแปดนิ้วที่เสมือนอสรพิษที่กำลังนอนนิ่งซุ่มรอฉกเหยื่อ เขาตวัดใช้ฝ่าเท้าดูดรั้งด้ามมีดขึ้น ก่อนสะบัดออกใช้ต่างกระสุนยิงไปยังทิศที่สองแม่ลูกกำลังเคลื่อนที่ไป

ฟิ้ว!

เสียงหวีดหวิวแหลมเล็กตามติดไล่หลังมีดที่เคลื่อนไวกว่า คมมีดพลันพุ่งเข้าหาเป้าหมายเป็นวิถีโค้ง เล็งเข้าที่บั้นเอวของลี่ด้วยตำแหน่งแง่มุมที่พอดีเป็นที่สุด

โดยไม่ทันได้รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ มีดที่ประกอบด้วยรังสีพิฆาตก็พลันคุกคามเข้ามาในรัศมีสองวา สำหรับพลังแฝงที่ตามติดมากับด้ามมีดนี้ หากพูดว่าเข้าขั้นวิปริตแล้ว แต่ตำแหน่งแง่มุมที่มีดจะพุ่งเข้ากระทบกลับอำมหิตเลือดเย็นเสียยิ่งกว่า เพราะมีดเล่มดังกล่าวที่เล็งเข้าที่ท้องน้อยของลี่อย่างเหมาะเจาะนั้น หากเธอตัดสินใจที่จะหลบหลีกออกจากวิถีของอาวุธสังหาร มีดพิฆาตก็จะกลับกลายเป็นเสียบเข้าที่กะโหลกศีรษะของลูกน้อยที่วิ่งล้ำหน้าเธอไปในทันที

เมื่อไม่อาจให้เป็นไปในทั้งสองทาง ลี่จึงตัดสินใจพลิกตัวอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองบีบประกบเข้าหากัน เร่งเร้าพลังชีวิตเฮือกสุดท้ายกดอัดพลังงานจนเกิดเป็นลูกไฟสีส้มอมเหลืองอ่อนขนาดเท่ากำปั้นดอกหนึ่ง แล้วจึงผลักเข้าหาคมมีดที่ล่วงล้ำเข้ามาในระยะประชิด

ตูม!

เสียงแตกประทุของพลังงานอานุภาพขนาดที่ทำให้อวัยวะภายในบาดเจ็บบอบช้ำได้ก็พลันแตกระเบิดขึ้น แต่กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะเบี่ยงเบนทิศทางของมีดบินออกจากตัวได้จนหมดสิ้น คมมีดจึงกรีดผ่านหัวไหล่ซ้ายของลี่และกดลึกลงไปในกายเนื้อราวหนึ่งนิ้ว

ซี่! ซี่! ซี่!

ราวกับกระแสไฟฟ้านับพันนับหมื่นรุมทึ้งจู่โจมจากภายในกาย ทันทีที่พิษร้ายแล่นเข้าสู่กระแสโลหิต ร่างของลี่ก็พลันล้มทั้งยืน เกิดอาการเจ็บปวดซีกร่างครึ่งซ้ายทั้งฝั่ง ความทุกข์ทรมานก้าวล้ำคำว่าแสนสาหัสไปไกลโข

แม้ใจอยากจะรีดพลังขับพิษออกจากร่างแต่กายก็กลับอ่อนล้าเกินจะทานทน พลังงานชีวิตภายในกายที่ร่อยหรอทำได้เพียงชะลอพิษมหากาฬไม่ให้แล่นเข้าสู่จุดสำคัญ แต่ถึงกระนั้นแม้จะหน้าสิ่วหน้าขวานเพียงใด เธอก็ยังไม่วายห่วงสวัสดิภาพของลูกน้อย เหลียวกลับมามองทั้งๆที่ตนก็แทบจะประคองสติสัมปชัญญะเอาไว้ไม่อยู่

"แม่"

เสียงร้องเรียกของเด็กน้อยดังสะท้อนเข้าสู่โสตประสาทของลี่ที่กำลังเลื่อนลอยออกไปทีละน้อย

"ธี ลูกแม่" ลี่พยายามข่มกลั้นความเจ็บปวดเอ่ยปากร้องเรียก มองผ่านสายตาที่เริ่มพร่ามัวลงอย่างช้าๆ

"แม่จ๋า...แม่เป็นอะไร...แม่ลุกขึ้นสิ"

ธีรพลเด็กน้อยที่ไร้เดียงสา เมื่อเห็นแม่ผู้เปรียบเสมือนโลกทั้งใบของเขากำลังเจ็บปวดทุรนทุรายอยู่ ก็ไม่อาจที่จะฝืนข่มกลั้นน้ำตาไว้ได้และทำได้เพียงเขย่าตัวแม่ของเขาไปมาอย่างไร้สิ้นหนทางแก้ไข

"ลูกจะต้องปลอดภัย"

แม้จะมีคำพูดมากมายที่อยากจะเอื้อนเอ่ย แต่ลี่ก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตาพร้อมยื่นส่งหยกชิ้นหนึ่งเข้ามือลูกน้อย และลูบแก้มอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาเป็นครั้งสุดท้าย

"แม่ตื่นสิ...แม่จ๋า...แม่ลืมตาขึ้นมาสิ"

"แม่"