จวนแม่ทัพ
ในขณะที่บ่าวสาวกำลังที่จะคำนับฟ้าดินนั่นเอง
"ฝ่าบาทเสด็จ"
เสียงของขันทีฝ่ายในตะโกนมาจากลานกว้างของจวนดังผ่านประตูห้องโถงเข้ามาถึงด้านใน ทำให้ทุกคนในนั้นต้องหยุดชะงักในกิจกรรมที่ทำอยู่ พร้อมกับหันไปทางตามทิศทางนั้น
และเมื่อทุกคนเห็นฮ่องเต้ทรงพระราชดำเนินเข้ามาด้วยสีพระพักตร์อิ่มเอมเปรมปรีดิ์ ตรงดิ่งมายังคู่บ่าวสาว
ทุกคนในห้องนั้นต่างก็เผยสีหน้าประหลาดใจ เมื่อเห็นองค์ฮ่องเต้เสด็จมา พร้อมกับเหล่าขันทีและราชองครักษ์ พวกเขาจึงรีบนั่งคุกเข่าลงบนพื้นทันที
ยกเว้นเยี่ยอ๋อง ซึ่งเพียงแค่หันมาทำความเคารพในท่ายืนและแสดงสีหน้าปกติเรียบเฉย
"ถวายพระพรฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่น หมื่นปี" ทุกคนกล่าวถวายบังคมฮ่องเต้อย่างพร้อมเพรียงกัน
"ทุกคนลุกขึ้นและทำตัวตามสบายเถิด"
ฮ่องเต้ทรงตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงสำราญเบิกบานพระทัย
"ขอบพระทัยฝ่าบาท" ทุกคนขานรับอย่างพร้อมเพรียงและลุกขึ้นยืนตามพระดำรัส
หลงอี้หลิงและเฉากงกง หันไปมองหน้ากันเล็กน้อยด้วยความฉงนและสงสัยว่าเหตุใดองค์ฮ่องเต้ถึงได้เสด็จมายังงานนี้ได้ เพราะเมื่อวานทั้งสองคนได้เข้าเฝ้าพระองค์และตกลงกันเรียบร้อยว่าจะส่งขันทีเฒ่ามาเป็นตัวแทนในวันนี้
หลงฮูหยินเห็นฮ่องเต้ทรงเสด็จมาร่วมแสดงความยินดีให้กับหลานชายของตัวเองถึงจวนแม่ทัพ จึงได้รีบสั่งให้บ่าวไพร่ยกเก้าอี้มาเพื่อรับรองพระองค์
เมื่อพระที่นั่งจัดเตรียมเรียบร้อย องค์ฮ่องเต้ก็ได้ทรงประทับอยู่ตรงฝั่งญาติฝ่ายเจ้าบ่าวโดยนั่งตรงกลางระหว่างเยี่ยอ๋องและหลงฮูหยิน
จากนั้นพิธีก็ได้ดำเนินต่อไป
หลังจากบ่าวสาวคำนับฟ้าดินและหันหน้าคำนับกันเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาที่จะต้องยกน้ำชาเพื่อคำนับบุพการีและญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย
หยวนจูวเย่ได้หันไปกระซิบบางอย่างกับผู้คุ้มครองของตัวเอง
ผู้คุ้มครองพยักหน้าตอบรับคำสั่งและปลีกตัวออกไปเงียบ ๆ ขณะนั้นสายตาของทุกคนในห้องต่างพากันจับจ้องไปยังเจ้าบ่าวเจ้าสาว จึงไม่มีผู้ใดเห็นถึงความผิดปกตินี้ แม้แต่เฉากงกง
ตอนนี้ขันทีเฒ่ากำลังรู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะดูเหมือนทุกอย่างมันจะไม่เป็นไปตามที่เขา หลงอี้หลิงและฮ่องเต้ได้ตกลงกันไว้เมื่อวาน
สาวใช้เดินยกถาดน้ำชาที่บ่าวสาวต้องใช้ในการคารวะญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย และมาหยุดอยู่ที่ข้าง ๆ แม่สื่อ
ด้านผู้คุ้มครองของหยวนจูวเย่ ก็เดินเข้ามายืนอยู่ทางด้านข้างของผู้เป็นนายดังเดิม
หยวนจูวเย่จึงเอียงใบหน้าอันหล่อเหลาไปทางด้านข้างฝั่งผู้คุ้มครองยืนอยู่ และใช้หางตามองเขา
ลูกน้องหนุ่มก็ได้พยักหน้าหนึ่งทีเพื่อเป็นส่งสัญญาณบางอย่าง โดยที่พวกเขารู้ความหมายนั้นเพียงสองคน
หยวนจูวเย่จึงได้หันกลับไปยังจุดตรงกลางของห้อง และมองดูคู่บ่าวสาวกำลังยื่นน้ำชาส่งให้กับญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย
และจังหวะที่องค์ฮ่องเต้ทรงรับถ้วยน้ำชาจากบ่าวสาวและยกขึ้นดื่ม หยวนจูวเย่มีท่าทีตั้งใจเพ่งมองเป็นพิเศษ นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายรังสีอำมหิตบางอย่างออกมา
วันนี้ดูเหมือนว่าจะมีเพียงเยี่ยอ๋องคนเดียวเท่านั้นที่ดูจะมีความสุขมากกว่าผู้ใด แม้แต่ซ่งเฉาเกา ขุนนางคนสนิทของเขายังเผยท่าทีกังวลใจออกมาให้ได้เห็น
พิธีแต่งงานกราบไหว้ฟ้าดินและพิธียกน้ำชาให้กับญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็ได้จบลง และหลังจากนี้งานรื่นเริงเพื่อฉลองให้แก่บ่าวสาวก็ได้เริ่มต้นขึ้น
อาหารชั้นเลิศและสุรามากมายได้ถูกยกเข้ามาวางลงตรงหน้าแขกเหรื่อ เหล่านางรำที่ทางญาติฝั่งเจ้าบ่าวได้เตรียมไว้ก็ร่ายรำเข้ามายืนอยู่ตรงกลางห้องโถง
ฮ่องเต้ทรงเพลิดเพลินและทรงพระสำราญใจยิ่งนักกับคณะนางรำกลุ่มนี้ รวมทั้งบุรุษคนอื่น ๆ ภายในห้องโถงนั้น
หยวนจูวเย่แสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นว่าหนึ่งในคณะนางรำนั้นมีมู่เซียวหลานปะปนอยู่ด้วย แม้ว่านางจะมีผ้าสีแดงบางปิดบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่งแต่ดวงตาหวานหยาดเยิ้มของนาง เขาไม่มีทางจำผิดคนแน่นอน
หลงอี้หลิง เจ้าบ่าวของงาน นั่งหลังตรงอยู่ตรงเก้าอี้ที่เตรียมไว้สำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาว ใบหน้าอันหล่อเหลาดูนิ่งสงบ ต่างจากตอนก่อนเริ่มพิธีเป็นอย่างมาก
เจ้าสาวเองก็นั่งสงบนิ่งและเงียบอยู่ข้างกายเจ้าบ่าว โดยที่ผ้าคลุมสีแดงยังคงปกปิดใบหน้าของเจ้าสาวอยู่ตลอดเวลา
ในขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารและดื่มสังสรรค์กันอยู่อย่างเพลิดเพลิน จู่ ๆ ก็มีกลุ่มคนลึกลับ แต่งกายด้วยชุดดำและปิดบังอำพรางหน้าตาบุกเข้ามาจู่โจมคนในงานและพุ่งตัวเข้าไปเอามีดจ่อคอของขุนนางและแขกเหรื่อทุกคนในห้องนั้นอย่างรวดเร็ว
ขันทีเฒ่าเห็นเช่นนั้น เขาก็รีบเข้าไปยืนประชิดตัวเจ้านายของตนเพื่อปกป้องพระองค์
"ฝ่าบาท ทรงระวังพระองค์ด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ"
จากนั้นเฉากงกงก็ตะโกนเสียงดังเรียกเหล่าราชองครักษ์ทางด้านนอกให้เข้ามาอารักขาองค์ฮ่องเต้ทันที
"ทหาร! คุ้มครองฝ่าบาทเร็วเข้า!"
ทว่าฮ่องเต้ได้ทรงยกพระหัตถ์ขึ้น และตรัสด้วยพระสุรเสียงสุขุม สายพระเนตรสงบ และดูไม่กังวลพระทัยอันใดเลยสักนิด
"ไม่ต้อง! ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท่านแม่ทัพหลงจัดการเอง"
เฉากงกงได้ฟังองค์ฮ่องเต้ตรัสเช่นนั้น เขาก็เผยสีหน้าสงสัย และขานรับอย่างจำยอมเพราะไม่อาจจะขัดพระดำรัสได้
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"
ด้านหลงฮูหยินและยายเมิ่งตกใจเป็นอย่างมากแต่ ที่เห็นคนร้ายบุกเข้ามาในงานมงคล แต่ก็ทำตัวไม่ถูก จึงได้หันไปมองหน้าหลานชาย ด้วยแววตาหวั่นวิตกกังวล แต่พอนางเห็นท่าทีของเขายังคงนิ่งสงบอยู่เช่นนั้นจึงเกิดความแปลกใจในท่าทีใจเย็นนั้นของเขา
และแม้แต่เจ้าสาวเอง ซึ่งด้วยนิสัยของเยี่ยชิงเซียวนั้น นางจะต้องกรีดร้องส่งเสียงโวยวายเสียงดังออกมาแล้ว หากเห็นคนร้ายบุกเข้ามาทำลายวันสำคัญของนางเช่นนี้ ทว่ากลับปฏิกิริยาที่นางแสดงออกมาในขณะนี้กลับตรงกันข้าม
ถงเสี่ยวเถาเข้าใจว่านายสาวของตนคงจะตกใจสุดขีดจนเกิดอาการช็อกเป็นแน่ ถึงได้ยืนนิ่งเงียบไปเช่นนั้น นางจึงรีบวิ่งเข้าไปจับที่แขนของเจ้าสาวและส่งเสียงเรียกเพื่อหวังดึงสติ
"คุณหนูตั้งสติและทำใจเย็น ๆ ไว้ก่อนนะเจ้าคะ ตรงนี้มันอันตราย พวกเราขยับไปยืนของนายท่านจะดีกว่าหรือไม่เจ้าคะ"
สาวใช้ได้พยายามได้ดึงแขนของนายสาวและพูดคุยเพื่อหวังเรียกสติ แต่อีกฝ่ายกลับยืนตัวแข็งทื่อ ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ โต้ตอบกลับมา
สถานการณ์เช่นนี้ยิ่งทำให้ถงเสี่ยวเถากังวลใจยิ่งนัก จึงหันกลับไปมองหน้าผู้เป็นนายใหญ่ของตน ด้วยสายตาวิงวอน แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าพึงพอใจของเยี่ยอ๋องในขณะนี้ สาวใช้ก็เริ่มแจ้งกระจ่างแก่ใจ ว่านี่อาจจะเป็นแผนร้ายของเขาที่ตระเตรียมไว้ตั้งแต่แรกก็เป็นได้ นางจึงหันหน้ากลับมายังนายหญิงของตน และเผยสีหน้า แววตาเศร้าเสียใจต่อคนตรงหน้า
'โธ่! คุณหนูของบ่าวช่างน่าสงสารยิ่งนัก สงสัยคงเสียใจมากที่การแต่งงานในวันนี้เป็นเพียงแค่เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของท่านอ๋อง ซึ่งยืมมือนางเพื่อหวังจะลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้'
ด้านหยวนจูวเย่และผู้คุ้มกันของเขาก็วางตัวสงบนิ่งดูไม่มีท่าทีดูไม่ได้ตกใจกับสถานการณ์อันเลวร้ายตรงหน้าเลย แตกต่างจากเหล่าขุนนางและเหล่าแขกเหรื่อคนอื่น ๆ ที่แสดงสีหน้าเศร้าสลดและเผยอาการตื่นกลัวตายออกมาอย่างชัดเจน
"เซียวเอ๋อร์ ทำตามที่เสี่ยวเถาบอก มายืนข้างกายของพ่อเร็วเข้า!"
เยี่ยอ๋องได้ออกคำสั่งเสียงดังกับบุตรสาวของตนอย่างชัดถ้อยชัดคำ แต่ทว่าเจ้าสาวกลับยืนตัวนิ่งแข็งทื่อ ไม่ขยับเขยื้อนตัวเลยสักนิด
หลงอี้หลิงได้หันหน้าไปทางเยี่ยอ๋องและกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้ม จริงจัง
"ท่านอ๋องต่างหากที่ต้องวางมือจากเรื่องทั้งหมดนี้ซะเถิด"
พอสิ้นเสียงของแม่ทัพหนุ่ม จางเก่อและเข่อลั่วที่หายหน้าหายตาไปตั้งแต่ก่อนงานเริ่มก็ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเหล่าทหารฝีมือดีของหน่วยพยัคฆ์ดำจำนวนหนึ่ง และพวกเขาก็ได้ใช้ปลายกระบี่จ่อไปที่ต้นคอของกลุ่มคนร้ายทั้งหมด โดยที่พวกเขาไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
.....
เซียงไค 盛開